จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 506 หนึ่งวันพันสังหาร
จู่ๆ…
ฟิ้ ว!
ดาบจีนยาวรูปร่างโบราณเล่มหนึ่งพุ่งลงมาจากฟ้า ปักลงที่ ด้านหน้าของ ‘ดาบโค้ง’
เขาตกตะลึงในใจ ร่างกายชะงักงัน สงบนิ่งลงทันทีทันใด ดาบทั้ง สองกลางหลังมาอยู่ที่มือในพริบตา หนึ่งบนหนึ่งล่างตั้งท่าระวังคุ้มกัน ทั่วกาย คบดาบเย็นเยียบ
“ใครกัน?”
‘ดาบโค้ง’ ตะโกนขึ้น สายตาพิจารณาไปทั่วทิศราวกับกําลังค้นหา ศัตรู
แต่ทว่า ท่ามกลางลมพายุหิมะหวีดหวิวพัดสะท้าน
ในระยะขอบเขตสายตาที่มองเห็น กลับไม่ปรากฏเงาคนใดๆ
ขณะที่เขาเปลี่ยนไปอีกทิศทาง พอร่างกายขยับ เสียงซูมดังขึ้น ดาบยาวอีกเล่มพุ่งปักลงมาดักทางด้านหน้าของเขาอีกครั้ง
‘ดาบโค้ง’ รู้สึกท่าไม่ดี ขยับร่างเปลี่ยนทิศอีก ซูมๆๆ!
ดาบยาวนับสิบเล่มพุ่งจากฟากฟ้าลงมาปักพื้นดิน ล้อมสี่ทิศรอบ ด้านตัวเขาไว้จนหมด ราวกับค่ายกลดาบทรงกลมอย่างไรอย่างนั้น สกัด กั้นเส้นทางการเดินของเขาจนหมด
เกิดอะไรขึ้น? ผู้แข็งแกร่งจากประเทศจีนไล่ตามมาถึงแล้วหรือ? “หนี รีบหนี รีบหนีจากที่นี่” ในสมองของเขา เสียงของ ‘เทพที่แท้จริง’ ดังขึ้น
ทุกครั้งที่เขาพบกับความยุ่งยาก และทําการอธิษฐานอย่างศรัทธา ‘เทพที่แท้จริง’ ก็ล้วนจะชี้นําทางให้แก่เขา กําหนดเส้นทางให้กับเขา ‘เทพที่แท้จริง’ แต่ไหนแต่ไรล้วนควบคุมทุกสิ่งอย่าง แต่ทว่าตอนนี้ ใน น�าเสียงของ ‘เทพที่แท้จริง’ กลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและร้อน รน นี่ทําให้ ‘ดาบโค้ง’ ตระหนักได้ว่าท่าไม่ดีเสียแล้ว
“ทะลวง” สองมือของเขากําดาบคู่ ทะลวงออกไปทางด้านทิศใต้
ตอนนี้เอง ลําแสงเส้นหนึ่งพุ่งตรงลงมาจากฟากฟ้า ดาบถลาลม ขนาดยักษ์ราวกับเรือลําเล็กเล่มหนึ่ง ลอยลงมาห่างจากพื้นดินราวสิบ เมตร ด้านบนมีเงาคนสามคนยืนอยู่ สองคนในนั้น สวมชุดเครื่องแบบ ฝ่ายทหาร ซึ่งเป็นการบอกให้ทราบถึงที่มาและฐานะของพวกเขาแล้ว
“อะไร? คนจีน?”
‘ดาบโค้ง’ ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เห็นตรงหน้า
พอยิ่งพลังมากขึ้นถึงระดับหนึ่ง ก็จะยิ่งเข้าใจ ว่าฉากที่เห็น ตรงหน้านี้หมายถึงอะไร นี่มันเป็นวิชาของเทพมารชัดๆ ขี่ดาบถลาลม ราวกับมาจากตํานานนิยายโบราณของจีน
“ให้ตายเถอะ ทําไมถึงได้ไวขนาดนี้?”
เสียงของ ‘เทพที่แท้จริง’ ดังขึ้นมาจากในสมองของ ‘ดาบโค้ง’
“ท่านเทพที่ทําได้ทุกสิ่ง ข้าควรทําอย่างไรกัน?” ‘ดาบโค้ง’ แอบ ถามขึ้นในใจ
“สังหาร สังหารพวกเขาเสีย ไป เจ้าทําได้” เสียงของ ‘เทพที่ แท้จริง’ เต็มไปด้วยการหลอกใช้งาน
สายตา ‘ดาบโค้ง’ ปะทุความบ้าคลั่งขึ้นมา ร่างกายทะยานขึ้นสูง ราวกับลําแสง ท่าดาบตีม้วนออกไปประดุจลมพายุที่บ้าคลั่ง พลัง
ทําลายรุนแรงถึงขีดสุด หากพูดถึงเรื่องพลังโจมตียังอยู่เหนือ ‘อูฐทราย’ ที่ป้อมก่อนหน้า พุ่งตรงฟาดฟันพวกหลี่มู่ทั้งสามคน
“สะกด!”
หลี่มู่ตะโกนขึ้น ปราณแห่งความปั่ นป่วนในร่างพันม้วนออกมา สะกดนิ่งความว่างเปล่า หยุดเอา ‘ดาบโค้ง’ และพลังโจมตีอันน่ากลัว นั่นเอาไว้บนกลางอากาศในระยะสองเมตร ราวกับเป็นตัวอย่างสตัฟที่ ถูกแช่ค้างในพริบตา
พลังจิตตีม้วนออกไป
หลี่มู่เริ่มค้นหาการคงอยู่ของแสงหมอกสีดําในร่างกายเขา
“ต้องไล่สังหารกันเช่นนี้เลยหรือ?” หมอกดํากลุ่มนั้น พุ่งหนี ออกมาจากสมองของ ‘ดาบโค้ง’ ด้วยตัวเอง ปล่อยคลื่นพลังจิตออกมา เอ่ยว่า “บางเรื่องไม่ต้องทําถึงที่สุด ภายภาคหน้าก็ยังมีโอกาสได้พบกัน บ้าง…”
“ถึงที่สุดแล้วจะทําไม พวกที่แค่ขั้นแมลงก็ยังเป็นไม่ได้อย่างเจ้า คู่ควรที่จะมาคุกคามข้าหรือ?”
หลี่มู่ไม่แม้แต่จะประนีประนอม
ท้ายสุด จิตสํานึกของหมอกแสงสีดํากลุ่มนั้นรู้ว่าคงไม่โชคดีแล้ว จึง ทําลายตัวเองทิ้งสลายหายไปในอากาศ
“พวกเรายังมีวันที่จะได้เจอกันอีก เมื่อถึงตอนนั้น บทบาทเราจะ สลับกัน ข้าจะทําให้เจ้าได้รู้ ว่าอะไรคือความโหดร้ายที่แท้จริง”
มันเปล่งเสียงสาปแช่งท้ายสุดออกมา
เจ้าสิ่งที่เรียกว่า ‘เทพที่แท้จริง’ นี่ เกลียดชังหลี่มู่อย่างที่สุดจริงๆ
แสงหมอกสีดําที่มันกรอกเข้าไปในตัวสาวก เป็นการแบ่งร่างพลัง อย่างง่ายๆ เพื่อที่จะเพิ่มพลังของตัวสาวก ให้มาช่วยงานของตนเองทํา เรื่องบางอย่าง ทว่าวิธีนี้ก็มีสิ่งที่ต้องจ่าย แสงหมอกสีดําเหล่านี้ล้วนเป็น พลังบําเพ็ญที่มันฝึกมาอย่างยากลําบาก แบ่งออกมาส่วนหนึ่ง พลังใน ตัวของมันเองก็ลดลงส่วนหนึ่ง ก็เหมือนกับเฉือนเนื้อบนร่างของมัน ออกไปนั่นเอง
เดิมทีมันแค่ต้องการจะดึงหมอกแสงกลับไป พลังก็จะฟื้ นคืนมา
แต่ว่าตอนนี้ ถูกหลี่มู่บีบคั้นจนมันต้องทําลายตัวเอง ก็เท่ากับพลัง บําเพ็ญจากการแบ่งร่างพลังทั้งสองสายได้สลายหายไปจนหมด ไม่ สามารถฟื้ นคืนกลับมาได้แล้ว แล้วจะไม่เกลียดได้อย่างไรกัน
หลี่มู่เหมือนคิดอะไรอยู่
“เจ้าเทพชั่วร้ายนี่ ทําลายคลื่นจิตสํานึกตัวเองทิ้ง ไม่ใช่เพราะกังวล ว่าฉันจะอ่านความทรงจํา แต่เพราะกังวลว่าจะถูกเปิดโปงตําแหน่งของ ตนเอง หรือก็คือ ตอนนี้มันจะต้องยังอยู่ในดาวโลก หลบซ่อนอยู่ที่ใดสัก ที่ กําลังวางแผนอะไรอยู่หรืออาจจะกําลังพักฟื้ นพลังเพื่อรอโอกาส”
จะต้องหามันออกมาให้ได้ แล้วทําลายให้สิ้นซาก
หากพูดถึงสิ่งที่พวกนี้ทําล้วนไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก ประคองศาสนาชั่วร้าย สังหารคน ก่อความวุ่นวาย สร้างความลําบากแก่สรรพชีวิต…ล้วนเป็น สิ่งที่สืบสานกันมาของพวกผุ้บําเพ็ญสํานักชั่วร้ายจากนอกพิภพทั้งนั้น ห้ามให้พวกมันคนใดมาแผ่ขยายต่อบนดาวโลกอย่างเด็ดขาด
หลี่มู่ปลดการสะกดนิ่ง พลังจิตรุกเข้าสู่สมองของ ‘ดาบโค้ง’ และ ทําการอ่านความทรงจํา
“เทพที่แท้จริงผู้ยิ่งใหญ่ ไม่มีทางปล่อยแกไว้แน่” ‘ดาบโค้ง’ ดิ้นรน และคําราม ใบหน้าบ้าคลั่งเหมือนพวกพลีชีพที่เห็นความตายเป็นจุด กําเนิด
เขารู้ว่าการมาประเทศจีนในครั้งนี้ได้ยุติลงเรียบร้อย ตนเองก็ต้อง ถูกฝังอยู่ที่นี่ มิน่าถึงพูดกันว่า แผ่นดินตะวันออกผืนนี้ เป็นดินแดน ต้องห้ามของผู้มีพลังวิเศษ พ่อมดและนักรบ ที่แท้ประเทศจีนก็มีผู้ แข็งแกร่งระดับนี้อยู่ด้วย
ในใจของเขารู้สึกเสียใจภายหลัง
ถ้าหากไม่เข้ามาในประเทศจีน เขาก็ยังคงได้สูดลมสูดฝนอยู่ใน พื้นที่ตะวันออกกลาง กวาดล้างพวกทหารแตกพ่าย เสวยสุขกับชีวิต ไหนเลยต้องมาตายเยี่ยงนี้?
“สังหารข้าสิ สาวกของเทพที่แท้จริงผู้ยิ่งใหญ่ไม่กลัวความตายอยู่ แล้ว ข้าจะเข้าสู่ดินแดนเทพ เสพแสงสว่างและจะมีชีวิตนิรันดร์” ‘ดาบ โค้ง’ มองความตายเป็นจุดกําเนิด ยิ้มเย็นชาเอ่ยต่อว่า “ข้าสังหารคนจีน ไปนับร้อยแล้ว เพียงพอแล้ว ฮ่ะๆๆๆ!”
ประโยคสุดท้าย เขาใช้ภาษาจีนทองแดงพูดออกมา จงใจยั่วยุให้ห ลี่มู่เดือดดาล
ซูชั่วและนักรบน้อยเซี่ยวตงล้วนโมโหจนตัวสั่น อยากที่จะเอาเจ้า จอมเชือดที่สังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์คนนี้ค่อยๆกัดแทะให้กลายเป็น ชิ้นเล็กชิ้นน้อยไป
“ตาย?” หลี่มู่เอ่ยขึ้น “แกตีความคําว่าตายง่ายเกินไปแล้ว”
ซูมๆๆ
ดาบยาวยี่สิบเอ็ดเล่มที่เดิมทีปักอยู่บนพื้น ลอยขึ้นมาด้วยตนเอง กลายเป็นลําแสงหลายสาย พุ่งตีม้วนเข้ามาหา ‘ดาบโค้ง’ ฉัวะๆๆ ค่อยๆ ปาดแล่แถเลือดเนื้อบนร่างกายเขาออกทีละน้อย
การประหารด้วยการตัดชิ้นส่วนทีละเล็กทีละน้อย
“อ๊า….” ‘ดาบโค้ง’ กรีดร้อง
วิชาดาบเหินหาวของหลี่มู่ยอดเยี่ยมระดับไหน ระหว่างที่ดาบยาว บินพุ่งตัดผ่าน ทุกครั้งจะเฉือนเอาเนื้อของเขาออกไปเส้นหนึ่ง เจ็บปวด รวดร้าวถึงขีดสุด แต่กลับไม่ยอมให้เขาตายไปง่ายๆ ตัดเฉือนออกมาถึง หนึ่งพันหนึ่งร้อยสิบเอ็ดชิ้น ความทรมานอันแสนน่ากลัว
“อ๊า ละเว้นข้าเถอะ ให้ข้าได้ตายเสียที”
ในที่สุดเขาก็เกือบจะพังทลายแล้ว จนต้องอ้าปากร้องขอชีวิต
ในตอนนี้ ร่างกายบนล่างของเขาเหลือเพียงแค่ศรีษะที่ยังสมบูรณ์ เครื่องในก็ยังล้วนสมบูรณ์ แต่ส่วนอื่นๆ ได้กลายเป็นกระดูกขาวเว่อ หมดแล้ว ไม่เหลือทั้งเนื้อและเลือด เพราะร่างกายที่คุณสมบัติเหนือกว่า คนปกติ ดังนั้นจึงยังมีชีวิตอยู่ แบกรับกับความทรมานอันแสนเจ็บปวด
“นี่เป็นการลงโทษสถานเบาที่สุดสําหรับแก มันยังไม่ใช่จุดจบ”
หลี่มู่ร่ายในใจ ระเบิดร่าง ‘ดาบโค้ง’ ทิ้งจนกลายเป็นฝุ่น จากนั้น คว้าเอาคลื่นจิตกลุ่มหนึ่งจากร่างกายของเขาออกมา
นี่น่าจะเป็นวิญญาณล่ะนะ?
หลี่มู่สังเกตอย่างละเอียด จากนั้นใช้ปราณจักรพรรดิแดงแดนใต้ หล่อหลอมคลื่นจิตกลุ่มนี้
“อ๊า…” ด้านในคลื่นจิตมีเสียงเหมือนหมูถูกเชือดของ ‘ดาบโค้ง’ ดังลอดออกมา ดูอนาถเสียยิ่งกว่าตอนที่ถูกโทษประหารเฉือนเนื้อก่อน หน้าเสียอีก
เป็นวิญญาณจริงๆ ด้วย
แต่ว่า นี่ก็ยังไม่เหมือนกับวิญญาณของคนจากแผ่นดินใหญ่เสินโจว เหมือนกับเป็นเพราะว่าใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีพลังวิญญาณ ฟ้าดิน ดังนั้นวิญญาณจึงยิ่งบางเบา ไม่สามารถรวมออกมาเป็นรูปร่าง มนุษย์ได้
“หล่อหลอมแกสักสามร้อยหกสิบห้าวัน ให้แกได้รู้ว่าอะไรคือความ ทรมานและความตายที่แท้จริง เพื่อเซ่นไหว้ให้แก่ผู้บริสุทธิ์ที่แกได้ สังหารไปเหล่านั้น และเพื่อให้พวกเหล่าผู้แข็งแกร่งที่เข้ามาในประเทศ จีนเหล่านั้น ได้รู้เสียทีว่าสิ่งที่ต้องจ่ายเมื่อเข้ามาในประเทศจีนก่อเรื่อง ไม่ดีมันคืออะไร”
หลี่มู่พูด พร้อมหยิบตาหยกเม็ดหนึ่งออกมาผนึกวิญญาณไว้ด้านใน
ตราหยกลอยอยู่ที่ตีนเขาด้านใต้ของเขาฉีเหลียน ภายในหนึ่งปีจะ ดังสะท้อนเสียงโหยหวนของ ‘ดาบโค้ง’ ออกมา มีเพียงผู้บําเพ็ญเท่านั้น ที่จะได้ยิน
นี่เป็นคําเตือนหนึ่ง
ซูชั่วและนักรบน้อยเซี่ยวตง รู้สึกได้ระบายออกมาอย่างเต็มที่
บนเส้นทางที่พวกเขามาถึง ได้มองเห็นหมู่บ้านที่ถูกเจ้านั่นสังหาร ไป ภาพฉากเอนภอนาถ ทําให้ผู้พบเห็นน�าตาร่วง ได้ยินถึงความเสียใจ พวกผุ้ก่อการร้ายตะวันออกกลางเหล่านี้ล้วนมีสันดานแห่งการทําลาย ล้าง เห็นการสังหารเป็นเรื่องสนุก ไม่มีความเป็นมนุษย์เลยแม้แต่น้อย สมควรลงนรกทั้งหมด ให้ถูกทรมานไปทุกชาติ วิธีของหลี่มู่ถึงแม้จะดู โหดร้าย แต่กลับทําให้คนรู้สึกได้ถึงการระบายความโกรธ
“ไปเถอะ เรื่องยังไม่จบเท่านี้”
อาณาเขตวิถีดาบของหลี่มู่กางออกจนครอบคลุมรัศมีหนึ่งร้อยลี้
เขาเหมือนกับเป็นเรดาห์มนุษย์ขนาดยักษ์อย่างไรอย่างนั้น เขต ภูเขาของเขาฉีเหลียน ฐานยิงดาวเทียมจิ่วเฉวียนรวมถึงพื้นที่ด้านนอก
ภายในรัศมีพันลี้ ถูกค้นหาอย่างต่อเนื่อง เพียงแค่มีผุ้แข็งแกร่งจาก ต่างชาติข้ามเขตลักลอบเข้ามาในเขตแดนนี้ ก็จะถูกค้นพบในทันที
การสังหารได้เริ่มต้นขึ้น
ยอดฝีมือพลังวิเศษสายดินจากยุโรปที่แฝงตัวเข้ามาอยู่ในพื้นที่ปิด ผนึกทางการทหารคนหนึ่ง หลบซ่อนตัวอยู่ที่หินก้อนหนึ่ง กําลังวางแผน ว่าจะรุกคืบอย่างไร เพื่อหาโอกาสแฝงตัวเข้าไปส่วนในของฐานยิ่ง ดาวเทียม เวลาเดียวกันก็กําลังยิ้มเย็นชาใส่ทหารประเทศจีนที่มีดีแค่ชื่อ เท่านั้น
ตอนนี้เอง แสงดาบสายหนึ่งพุ่งเลียดพื้นดินเข้ามาราวสายฟ้าฟาด ตรงเข้าฟันหินและตัวเขาขาดออกจากกันเป็นสองท่อน ดาบเดียวสลาย วิญญาณ
“นั่นมันอะไร?” จนกระทั่งตาย เขาก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองพบกับอะไร
ยี่สิบลี้ด้านนอก
ผุ้แข็งแกร่งจากอินเดียที่ถนัดการพรางตัวคนหนึ่ง เข้าใกล้รถทหา ประเทศจีนคันหนึ่งอย่างระมัดระวัง เตรียมที่จะลักลอบแฝงตัวเข้าไป
แสงดาบอีกหนึ่งสาย ราวกับฟาดผ่าทางช้างเผือก ตัดร่างของเขา สลายกลายเป็นขี้เถ้าในพริบตา แต่กลับไม่ทําให้เกิดความสนใจจาก ทหารบนรถเลยแม้แต่น้อย กระทั่งรถก็ไม่บุบสลาย
เขาเท่อไท่แห่งเขาฉีเหลียน ผู้แข็งแกร่งอินโอนีเซียสามคนอยู่บน ยอดเขา จ้องมองไปทางฐานยิงดาวเทียมจิ่วเฉวียนด้วยสีหน้าทะนง องอาจ ขณะที่กําลังปรึกษากัน ว่าจะทําตามแผนอย่างไร ที่จะเอา สิ่งของที่พวกเขาต้องการออกมาจากมือของ ‘พันธมิตรประเทศจีน’ ได้ จู่ๆ แสงดาบสายหนึ่งได้พุ่งลงจากฟากฟ้า ศีรษะสามศีรษะกลิ้งหล่นลง มาจากยอดเขาในพริบตา
แสงดาบ แสงดาบที่อยู่ทุกหนแห่ง
เพียงแค่มีความคิดอริศัตรู ผู้แข็งแกร่งต่างชาติที่ในใจไม่อาจ คาดคะเนได้ ขอแค่เข้ามาด้านในเขตแดนเขาฉีเหลียน ภายในวันนี้วัน เดียวก็แทบจะถูกแสงดาบที่ทั้งแข็งแกร่งและลึกลับนี้สังหารจนหมดสิ้น ไม่ว่าจะมีพลังแข็งแกร่งสักเพียงไหน ล้วนยากที่จะทําการต่อกรได้
และผู้บําเพ็ญต่างชาติบางส่วนที่ไม่ได้เข้าใกล้มากนัก ไม่ได้ทําการ เข่นฆ่าสังหาร ก็จะได้รับเพียงการเตือน แสงดาบตัดเส้นผมของพวกเขา
ทิ้ง หรืออาจจะตัดสะบั้นพาหนะของพวกเขา และเวลาเดียวกันก็จะมี เสียงราวกับเทพสวรรค์เตือนสติดังลอดลงมาจากฟากฟ้า
“พื้นที่ต้องห้ามของเขตทหารประเทศจีน ใครรุกล�าตายสถาน เดียว”
เสียงดังลงมาจากท้องฟ้าประดุจสายฟ้าแห่งเทพ สั่นสะเทือนพวก เขาวิงเวียนศีรษะจนแทบจะเป็นลม
จากนั้นลําแสงสีขาวสายหนึ่งวาดผ่านท้องฟ้าออกไป หายวับไปที่ เส้นขอบฟ้า
ข่าวสารที่น่ากลัว ประดุจการกระจายเสียงราวคลื่นยักษ์ที่ถาโถม
หลังจากนั้นหนึ่งวัน แดนผู้บําเพ็ญทั่วโลกล้วนรู้ว่า ที่เขตแดนเขาฉี เหลียนของประเทศจีน ได้มีการปรากฏตัวขึ้นของเทพสังหารที่น่ากลัว ไร้เทียมทานคนหนึ่ง สังหารเหล่าผู้แข็งแกร่งจากต่างชาติที่รุกล�าเข้าไป จนเรียบ ราวกับถอนอย่างอย่างไรอย่างนั้น ไร้ซึ่งผู้ที่จะต่อกรได้
……………………………………….