จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 521 สังหารมังกรแห่งบาป
แสงจันทร์กระจ่างลอดผ่านกลุ่มเมฆหมอกออกมาบางๆ ส่อง
กระทบลงบนเขาเซียงอวิ๋นแห่งสํานักธาราเทพ ทําให้ทั้งยอดเขาปรากฏ
เป็นภาพงดงามอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
“ไม่….” มอแรนรู้สึกไม่ยอมและเสียใจอย่างที่สุด
นางไม่เข้าใจ ว่ามนุษย์คนหนึ่งกลับมีพลังแข็งแกร่งถึงระดับนี้
สิ่งที่หลี่มู่สําแดงออกมามันเกินกว่าขอบเขตของมนุษย์แล้ว
เพื่อศึกในวันนี้ นางได้เตรียมตัวอย่างลําบากมากมาย ทุ่มเทสิ่งที่
ต้องจ่ายออกไปอย่างไม่เสียดาย ยอมลดผลประโยชน์ลงถึงสามารถยุยง
เหล่าขั้วอํานาจทางการของแต่ละประเทศมหาอํานาจให้มาสอดมือเข้า
กับเรื่องนี้ได้ จัดการรวมตัวเหล่าผู้แข็งแกร่งจากแต่ละพื้นที่ทั่วโลกมายัง
เมืองทะเลทรายแห่งนี้ เพื่อจับมือพันธมิตรล้อมโจมตีหลี่มู่
และนี่ก็สอดคล้องกับผลประโยชน์ของแต่ละประเทศมหาอํานาจ
เช่นกัน ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครอนุญาตให้ประเทศอย่างประเทศจีน ที่จู่ๆ
ปรากฏผู้แข็งแกร่งระดับเกินมนุษย์มนาเช่นนี้ออกมาทําลายสมดุล
ทั้งหมดอยู่แล้วแต่ทว่า จะเตรียมตัวอีกมากเท่าไรมันก็ยังไม่พอ
ไม่มีทางพอ
ตั้งแต่ต้นจนจบ เทพสังหารตะวันออกคนนี้แสดงฝีมือออกมาอย่าง
สบายๆ ราวกับเดินเล่นในสวนอย่างไรอย่างนั้น บดขยี้จนราบมาตลอด
ทาง การร่วมมือกันเข้าสังหารของพันธมิตรเหล่าผู้แข็งแกร่งจากแต่ละ
ขั้วอํานาจ ก็เหมือนกับการยื่นศีรษะไอยู่ใต้คมดาบของเทพแห่งความ
ตาย ไม่แตกต่างอะไรจากแมงเม่าบินเข้ากองไฟ
นี่ไม่ใช่การสุ้รบแล้ว
แต่เป็นการเชือดสังหารอยู่ฝ่ายเดียวต่างหาก
เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังที่เด็ดขาด การเตรียมตัวและแผนการทั้งหมดก็
เหมือนเป็นเรื่องตลกขบขันจนน่าเห็นใจ
ความมั่นใจและปณิธานของ ‘กล้วยไม้สีดําแห่งทะเลทราย’ มอ
แรน ในที่สุดได้สลายหายไปอย่างหมดจดจากแสงดาบที่เริงระบําอยู่เต็ม
ท้องฟ้า เข้าเข่นฆ่าสังหารเหล่าผู้แข็งแกร่งที่ไร้ซึ่งพลังต่อต้านทีละคนๆ
ใบหน้าของหน้าปราฏสีหน้าตื่นตระหนกหวาดกลัว สองขาหมด
เรี่ยวแรง เริ่มถอยหลังอย่างควบคุมเอาไว้ไม่ได้ทว่าแสงดาบที่กระจายเต็มท้องฟ้าประดุจแสงสีเงินเริงระบํา แหวก
วาดอากาศพุ่งตรงลงมาที่นาง
“ไม่ อย่าฆ่าข้า…” มอแรนตระหนกสุดขีด เกราะโบราณบนตัวนาง
เสียหายไปแล้ว ยากที่จะรับการโจมตีได้อีก เมื่อเห็นแสงดาบที่
เหมือนกับปุยขาวเมล็ดหลิวลอยตามลมแฝงไปด้วยรังสีสังหารมหึมา ใน
ใจนางก็ชัดเจนแล้วว่า คนอื่นๆ ไม่สามารถรับแสงดาบนี้ได้ นางเองก็รับ
ไม่ได้เช่นกัน
ฟิ้ วๆๆ!
แสงดาบบินผ่านไป ฟาดฟัดเกราะโบราณบนตัวมอแรนกระจาย
เป็นชิ้นๆ
แต่ว่านี่ก็ยังเป็นชุดเกราะระดับอาวุธเต๋าชิ้นหนึ่ง บนโลกใบนี้ถือว่า
เป็นสมบัติล�าค่า แต่ต่อให้พังสลายไปหลี่มู่ก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก
เขายื่นมือ พลังที่ยากจะต้านทานได้ทะลักออกมา พุ่งตรงคว้าร่าง
ของมอแรนที่ยู่ห่างไปสิบเมตรราวกับพญาอินทรีพุ่งโฉบลูกไก่อย่างไร
อย่างนั้น
“จะให้เจ้าตายด้วยคมดาบมันก็จะดูถูกเจ้าจนเกินไป ในแดนเซียน
ฉินหลิ่ง ลอบสังหารจอมยุทธของชาวจีนอย่างเรา บาปนี้ผิดจนเกินให้อภัย…ถ่ายทอดสดทั่วโลกใช่ไหม? ก็ดี จะได้ให้มนุษย์ทั้งโลกได้เห็นจุด
จบของพวกนับถือเทพผู้ชั่วร้ายแล้วทําตัวเป็นลัทธิผู้ก่อการร้าย”
พลังจิตกรอกเข้าไป หลี่มู่อ่านเอาข้อมูลที่เขาต้องการออกมาใน
พริบตา
ไฟลูกหนึ่งค่อยๆ ลุกลามออกมาจากในร่างของมอแรน
“อ๊าๆๆ….” นางร้องราวกับหมูถูกเชือด ร้องขอความเมตตาขึ้นมา
“ไม่ อย่าฆ่าข้า ข้ายังเป็นสาวบริสุทธิ์ ข้าเป็นสาวที่งามที่สุดแห่ง
ตะวันออกกลาง ไว้ชีวิตข้าแล้วข้าจะคอยปรนนิบัติท่าน เป็นทาสผู้
ซื่อสัตย์ของท่าน รับปากว่าจะทําทุกอย่างที่ท่านต้องการ ได้โปรด ไว้
ชีวิตข้าด้วย…”
ใบหน้างามในตอนนี้บิดเบี้ยว ความทรมานอย่างน่ากลัวในร่างกาย
ราวกับดวงวิญญาณถูกเผาไหม้ ทําให้นางยากที่จะยับยั้งการร้อง
โหยหวน
“ดูท่าความศรัทธาต่อเทพที่แท้จริงของเจ้ามันช่างราคาถูกเสียจน
น่าสงสารจริงๆ จิตวิญญาณเลื่อมใสอันต�าต้อย เหอๆ” หลี่มู่เอ่ยเหยียด
หยาม “ส่วนเรื่องร่างกายของเจ้า…มันสกปรกจนเกินไป ก็แค่โครง
กระดูกหน้าแดงเท่านั้น”เสียงยังไม่ทันขาด เปลวไฟได้กลืนร่างของมอแรนจนหมด แผดเผา
ร่างที่ถูกเรียกว่าเป็นร่างที่งดงามที่สุดแห่งดินแดนตะวันออกกลาง
ชาวเน็ตทั่วโลกล้วนเห็นเหตุการณ์นี้ผ่านการถ่ายทอดสด
“มือโฉดเด็ดบุปผาจริงๆ”
“คนสวยขนาดนี้ ตายไปนี่มันน่าเสียดายแท้ๆ”
“เทพสังหารตะวันออกไม่สนใจกับการอ้อนวอนของคนสวยเลย
หรือนี่ หรือว่าเขาจะชอบผู้ชายกัน?”
“ช่างทําได้ลงคอ”
“รีบดูเร็ว นั่นมันอะไร…โอ้ พระเจ้าช่วย นั่นใช่วิญญาณของมนุษย์
หรือเปล่า?”
มีคนอุทานออกมา
เพราะสิ่งที่คนทั้งหมดเห็น จากร่างอันยั่วยวนสมบูรณ์แบบของ
มอแรนที่ถูกไฟแผดเผาไปแล้ว มันยังไม่จบสิ้น เงาลางๆ เงาหนึ่งลอย
ออกมาจากร่างที่กําลังเผาไหม้ เลือนรางวูบวาบ แต่เป็นรูปร่างของ
‘กล้วยไม้สีดําแห่งทะเลทราย’ มอแรนจริงๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความ
หวาดกลัวราวกับกําลังพูดอะไรเพื่อร้องขออ้อนวอนให้หลี่มู่ละเว้นนั่นคือวิญญาณหลังความตายของมนุษย์หรือ?
มีวิญญาณอยู่จริงๆ ?
คนมากมายล้วนอยู่ในอาการสั่นสะเทือน
คําอธิบายเกี่ยวกับวิญญาณหรือกลับชาติมาเกิดได้มีมาตั้งแต่สมัย
โบราณ แต่การที่ได้เห็นวิญญาณจริงๆ กลับไม่เคยมีมาก่อน นี่จึงเป็น
ปัญหาที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้มาโดยตลอด ทว่าตอนนี้ คนทั้งหมดล้วนได้
เห็นร่างเงาที่คิดว่าน่าจะเป็นวิญญาณของมอแรน
“ทั่วทั้งโลกจะได้ยินเสียงวิญญาณโหยหวนของแก ความตายมัน
ไม่ใช่จุดจบ และไม่สามารถที่จะปลดเปลื้องความผิดบาปของแกได้”
เสียงของหลี่มู่ ราวกับเป็นคําพิพากษาของเทพแห่งความตายก็มิ
ปาน
เขาใช้วิชาเต๋า ลายเต๋าประทับลงกลางอากาศ เปลวไฟส่องสว่างดึง
เอาวิญญาณของมอแรนปิดผนึกไว้บนท้องฟ้าสูงกว่าร้อยเมตร แผดเผา
ด้วยพญาเพลิง เสียงกรีดร้องโหยหวนลากยาวอย่างไม่มีท่าจะหยุดสิ้น
สั่นสะท้านไปทั่วท้องฟ้าเมืองแบกแดด ทั่วอินเทอร์เน็ตล้วนสามารถ
มองเห็นการดิ้นรนอย่างทุกข์ทรมานของสาวผู้ก่อการร้ายคนนี้
คนมากมายล้วนสูดปากวิญญาณก็ยังถูกทรมานได้อีกหรือ?
นี่หมายความว่า ถ้าไปยั่วให้เทพสังหารตะวันออกโกรธเข้า กระทั่ง
ความตายก็ยังไม่พ้นจากความทรมานเลยนะนั่น
นี่คือสิ่งที่เรียกว่าจะเป็นก็ไม่ได้จะตายก็ไม่ได้ที่แท้จริง
ตกอยู่ในมือของเทพสังหารตะวันออก มันช่างน่ากลัวเสียนี่กระไร
“ยังไม่ออกมาอีกหรือ? สาวกของเจ้าแทบจะตายจนหมดอยู่แล้ว
นะ”
หลี่มู่ตะโกนขึ้น
“ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่ วันนี้เจ้าหนีไปไหนไม่ได้แล้ว”
เขากระตุ้นค่ายกลล้อมรอบเมืองแบกแดดที่เขาวางเอาไว้ก่อนหน้า
สัญลักษณ์ลึกลับขนาดใหญ่แต่ละอัน ลอยวนอยู่กลางอากาศนอกเมือง
ราวกับการฉายสัญลักษณ์ขึ้นไปอย่างไรอย่างนั้น ปล่อยพลังอันลึกลับ
ออกมากลายเป็นเยื่อลําแสงรูปโดมขนาดยักษ์ ครอบขังเมืองแบกแดด
ทั้งหมดเอาไว้ด้านล่าง
“นี่มันไม่ใช่มนุษย์แล้ว”
“มนุษย์คนหนึ่ง คุมขังเมืองทั้งเมือง?”“ตอนนี้อดน�าตาตกแทนกลุ่มผู้ก่อการร้ายนี้ไม่ได้เลย ใช้ชีวิตดีดีไม่
ชอบ ดันมายั่วโมโหเทพสังหารตะวันออกเข้า”
“ไม่ลองตายก็ไม่รู้ว่าตายคืออะไร”
เหล่าชาวเน็ตที่เห็นฉากนี้ผ่านการถ่ายทอดสด เริ่มค่อยๆ พูดติด
ตลกอย่างไม่ใช่เรื่องแปลกแล้ว เส้นประสาทของพวกเขาได้ผ่านการ
ทดสอบจากฉากต่างๆ ก่อนหน้าจนเปลี่ยนเป็นทรหดขึ้น ‘อารมณ์ได้
มั่นคงลงแล้ว’ รู้สึกว่าหลี่มู่ไม่ว่าจะทําอะไรตอนนี้ ต่อให้จะดีดดวงจันทร์
จนระเบิด ก็ดูจะไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
“ไม่ยอมออกมาใช่ไหม?”
หลี่มู่ยกมือซ้ายขึ้น ดาบถลามลมไหลเวียนทั่วท้องฟ้าประดุจนก
นางแอ่นกลับรัง รวมเข้ามาอยู่ในมือของเขากลายเป็นดาบยาวขนาด
ยักษ์เล่มหนึ่ง
“เช่นนั้นข้าจะขุดเจ้าขึ้นมาเอง”
เขาฟัดดาบลงจากกลางอากาศ
ตูม!
แผ่นดินสะเทือนลั่น ฐานฝึกขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่รัศมีนับร้อยหมู่
ถูกฟันออกเป็นสองซีกในพริบตา พื้นดินแยกออก แผ่นดินปลิวกระจายออกราวแผ่นโฟม ฐานใต้ดินขององค์ผู้ก่อการร้ายศาสนาเทพที่แท้จริง
ได้ถูกผ่าออกเหมือนรังมดจนเผยออกมาให้เห็นภายใต้คมดาบนี้
มีคนกรีดร้องขึ้นจากรอยแยกบนพื้นดิน ตื่นตะหนกตกใจกับการ
พังทลายของฐานด้านใน
ล้วนเป็นผุ้ก่อการร้ายโฉดชั่วทั้งสิ้น หลี่มู่ไม่มีความเห็นใจเลยแม้แต่
น้อย
“ทําไมต้องไล่สังหารกันเยี่ยงนี้?”
เสียงๆ หนึ่งดังขึ้นมาจากส่วนลึกใต้ดิน
เป็นเสียงของผู้บําเพ็ญศาสนาอันชั่วร้ายนั่น
“กําจัดมารพิทักษ์มรรคา” หลี่มู่กําดาบยาว “เจ้าไม่ตาย โลกก็ไม่
ปลอดภัย”
ดาบยาวยกขึ้นอีกครั้ง ฟันไปยังจุดที่มีเสียงลอดออกมา
ทั่วทั้งเมืองแบกแดดล้วนสั่นสะเทือน
พสุธาแยกออก
แสงดําสายหนึ่งพุ่งออกมาจากใต้ดิน กลายเป็นมังกรชั่วร้ายสีนิล
ขนาดยักษ์ยาวร่วมพันเมตร ร่างอันน่ากลัวและไฟสีนิลที่โถมเข้าหาฟ้าดิน ทําเอาคํานิยามของสัตว์ร้ายสัตว์ประหลาดบนโลกใบนี้สูญเสีย
บทบาทไปทั้งหมดในพริบตา ต่อให้ก๊อตซิลล่าในตํานาน เมื่อมาอยู่ต่อ
หน้ามังกรสีนิลตัวนี้ก็ยังเป็นเพียงแค่ของเล่นเด็กเท่านั้น
“หลี่มู่ เจ้าไม่ควรบีบคั้นให้ข้าออกจากด่านก่อนกําหนด”
ปากขนาดยักษ์ของมังกรสีนิลพ่นภาษามนุษย์ออกมา เป็นเสียง
ของผู้บําเพ็ญศาสนาชั่วร้ายนั่นเอง
เขาอ้าปากพ่นเอาพายุสีดําตีม้วนโถมใส่หลี่มู่ หางมังกรเพียงสะบัด
ลงพื้นดิน ได้เกิดแผ่นดินไหวขึ้น หนึ่งในสี่ของเมืองแบกแดดกลายเป็น
ซากปรักหักพังไปในทันที
“ให้ตายเถอะ นี่ฉันเห็นอะไรเนี่ย…”
“สัตว์ประหลาดวันสิ้นโลกหรือ?”
“ใต้เมืองแบกแดด มีสัตว์ประหลาดเช่นนี้หลบซ่อนอยู่ด้วย?”
“ให้ตายเถอะ ทําไมภาพหายไปแล้ว…เน็ตตัดหรือ?”
“มาขาดอะไรตอนสําคัญ”
“เทพสังหารตะวันออกพบกับคู่มือแล้ว…เอ๋? ทําไมไม่มีสัญญาณ
แล้วล่ะ?”ชาวเน็ตจากทั่วโลก ได้พบว่าสัญญาณที่ส่งภาพได้ขาดหายไป
ขณะที่กําลังตื่นตระหนกกันอยู่ หน้าจอกลายเป็นสีดําสนิท หลังจากที่ใน
อีรักเมืองแบกแดดอันแสนไกล ได้ปรากฏมังกรสีนิลสัตว์ยักษ์วันสิ้นโลก
ขึ้น แล้วเกิดอะไรต่อกันแน่ ไม่สามารถรับชมได้อีกแล้ว
เรื่องนี้ทําให้คนมากมายแทบคลั่ง
พวกเขารีบร้อนเปลี่ยนจุดปล่อยสัญญาณกันอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ไม่
สามารถทําอะรได้
นอกจากเพื่อนชาวเน็ตธรรมดาแล้ว เหล่าประเทศมหาอํานาจ
องค์กรขนาดใหญ่ที่กําลังจับตามองสถานการณ์ที่แบกแดด ก็ได้ร้อนรน
ขึ้นมาในพริบตาเช่นกัน ท้ายสุดที่มีการปรากฏตัวของมังกรยักษ์สีนิล
ตนนั้น มันช่างแสนน่ากลัว ยากที่จะจินตนาการได้ บนโลกใบนี้มี
สิ่งมีชีวิตเช่นนั้นอยู่ด้วย ทางที่ดีที่สุดควรให้เจ้าสัตว์ยักษ์นี่สู้กันจนตาย
พร้อมกับเทพสังหารตะวันออกไปเสียด้วยกันเลย
“เกิดอะไรขึ้น?”
ฐานทัพจิ่วเฉวียน พวกบู๊ลิ้มชาวจีนวัยรุ่นอย่างลู่ซุน เซี่ยวตง ลู่
เยี่ยนเอ่อร์ที่นั่งอยู่ด้านหน้าจอ กําลังรับชมและกู่ก้องอย่างร้อนระอุ จู่ๆ
หน้าจอได้ดําสนิทจนต่างฝ่ายต่างร้อนรนกันขึ้นมา
“ดูท่าอุปกรณ์ส่งภาพทางพื้นดินในเมืองแบกแดดคงจะพังไปแล้ว”“สัญญาณหายไปกลางทางแล้ว”
“ไม่ใช่บอกว่าถ่ายทอดผ่านดาวเทียมหรือ?”
“ถ่ายทอดสดผ่านดาวเทียมก็ต้องมีอุปกรณ์ภาคพื้นดินส่งขึ้นไปนี่
นา”
เหล่าหนุ่มสาวล้วนร้อนรน เหมือนกับความรู้สึกตอนดูซีรีย์จนถึง
ช่วงไคลแมกซ์แล้วถูกตัดจบตอนไปอย่างไรอย่างนั้น
แต่ทว่า ทุกอย่างล้วนต้องรอ
พวกเขากลับมายังห้องพักลานประลองยุทธ์ที่โกบีจิ่วเฉวียน
และตรงเข้าไปถามฝ่ายทหารระดับสูงเป็นอันดับแรก ทว่าก็ไม่มี
สัญญาณภาพเช่นเดียวกัน
ช่องข่าวสารทั้งหมดของฝ่ายทหารล้วนโคจรหมุนเข้ามา แต่ก็ไม่มี
ข้อมูลสัญญาณตอบกลับที่แม่นยําเลย
ข่าวสารขาดหายไปกลางทาง
ประเทศจีนกําลังเฝ้ารอ
ทั่วโลก ล้วนกําลังเฝ้ารอคนนับไม่ถ้วนอยู่ในเป้าหมายไม่เหมือนกัน กอดเอาท่าทีที่แตกต่าง
กัน อยากที่จะรู้ว่าหนึ่งคนหนึ่งมังกรในเมืองนั้น สู้รบจนได้ผลลัพธ์
ท้ายสุดอย่างไร
นี่ส่งผลกระทบต่อสถานภาพสงครามทั้งหมดบนโลกอย่างไม่ต้อง
สงสัย
แต่ว่าเพียงพริบตา สามวันสามคืนก็ได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
สัญญาณก็ยังคงไม่กลับมาเป็นปกติ
…
…
ในเมืองแบกแดด
สามวันต่อมา
ศพของมังกรยักษ์สีนิลนอนสงบนิ่งอยู่เมือง ไร้ซึ่งลมหายใจ ราวกับ
ทิวเขาขนาดยักษ์ยาวกว่าพันเมตรเทือกหนึ่ง
หลี่มู่นั่งขัดสมาธิอยู่บนศีรษะมังกร ควบคุมลมปราณ
ผู้บําเพ็ญศาสนาชั่วร้ายคนนี้ เป็นถึงมังกรแห่งบาปจากทาง
ช้างเผือกตนหนึ่งที่ถูกบีบให้เผยร่างจริง ด้วยพลังของหลี่มู่ ต้องสู้ศึกอยู่ถึงสามวันสามคืนจึงสามารถสังหารเขาลงได้ แต่ปราณแท้ในร่างกาย
ของหลี่มู่ก็สิ้นเปลืองลงไปกว่าเจ็ดแปดส่วน การโจมตีย้อนกลับมาของ
มังกรแห่งบาปก็ทําเอาหลี่มู่บาดเจ็บไปบางส่วนเช่นกัน
แต่หลี่มู่ก็ยังได้ค้นพบความลับเกี่ยวกับแดนเซียนมากมายจากตัว
ของมังกรแห่งบาปสีนิลนี้
‘พัสดุด่วน’ ชิ้นนี้ แกะยากแกะเย็น แต่ได้รับสิ่งตอบแทนกลับมา
ขนานใหญ่เลยทีเดียว
…………………………………