จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 547 แพะรับบาป
พวกถานหรูซวงงงไปในทันที
เกิดอะไรขึ้น ท่านเซียนทําไมจู่ๆ ถึงหนีไปเล่า?
อีกทั้งดูจากท่าแล้วเหมือนว่าจะกลัวต้วนสุ่ยหลิวคนนี้?
“ฮ่าๆ ก็แค่วิญญาณที่ปลายดาบเท่านั้น นับว่าเจ้าหนีได้เร็ว
มิฉะนั้นจะทําให้เจ้าตายไร้ที่ฝังเหมือนกับพวกไร้ประโยชน์อย่างสํานัก
รัชนีทอง สํานักกระบี่ล่องลม สํานักเงาเคลื่อน” หลี่มู่หัวเราะ ดาบโค้ง
เก็บกลับมา หมุนตัวจากไปไม่รีบไม่ร้อน
คําพูดเช่นนี้ประหนึ่งอัศนีสวรรค์ฟาดผ่าลงกลางใจผู้แข็งแกร่งเก้า
สํานักทั้งหลาย
ท่านเซียนหวาดกลัวหลบหนีไปจริงๆ หรือ?
นี่ นี่ๆๆๆ…
ต้วนสุ่ยหลิวคนนี้เป็นใครกันแน่ แม้แต่ท่านเซียนนอกพิภพยังตกใจ
หนีอีกทั้งฟังจากคําพูดเขา เหมือนว่ารู้จักท่านเซียนชุดดํา อีกทั้งยัง
เคยประมือกันมาก่อน?
สํานักรัชนีทอง สํานักกระบี่ล่องลมอะไรพวกนี้หรือจะเป็นสํานัก
นอกพิภพ?
ข้อมูลที่หลี่มู่เปิดเผยทําให้พวกเขาเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเอามากๆ
เสียเลย
ไม่นาน ร่างของหลี่มู่ก็หายไปจากที่ไกลลิบ เข้าไปยังเมืองไป๋ตี้
ฟิ้ ว!
แสงกระบี่สีดํากะพริบวูบ สตรีชุดผ้าโปร่งบางสีดําย้อนกลับมา
ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความโมโห เห็นหลี่มู่หายตัวไปก็ร้อนรน
“เจ้าโจรชั่วนั่นเล่า?”
พวกถานหรูซวงรู้สึกแปลกใจแต่ก็ไม่กล้าถามอะไร ชี้ไปทางที่หลี่มู่
หายตัวไป
สตรีชุดผ้าโปร่งบางสีดําแปลงเป็นลําแสงตามไปอย่างรวดเร็ว
แต่ว่าเพียงแค่เสี้ยวขณะหนึ่งนางก็ย้อนกลับมา ใบหน้าย�าแย่ยิ่งนัก“พวกไร้ประโยชน์ ปล่อยให้เจ้าโจรนั่นหนีไปเสียได้ ไร้ประโยชน์!”
นางเอ่ยปากก่นด่า ทั่วร่างปะทุแสงกระบี่ออกมา ประหนึ่งละอองหมอก
สีดําลอยอวลไปในอากาศ
คนของเก้าสํานักกล้าๆ กลัวๆ ไม่กล้าโต้แย้ง อธิบาย
เมื่อครู่เป็นตัวสตรีชุดดําหวาดกลัวหลบหนีไปไม่กล้าสู้ชัดๆ ตอนนี้
กลับมาตําหนิพวกเขา
“ท่านเซียน เช่นนั้นตอนนี้พวกเราควรจะทําอย่างไรดี? จะฝืน
โจมตีเมืองไป๋ตี้หรือไม่?” ถานหรูซวงถามอย่างระมัดระวัง
“ฝืนโจมตีบ้านเจ้าสิ” ใบหน้าของสตรีชุดดํายังโกรธโมโหไม่ลดละ
โมโหจนเอ่ยสบถด่า มองเขาแวบหนึ่งก็แค่นเสียงเย็นเอ่ยขึ้น “ทําตาม
แผนเดิม”
ศึกเวทีประลองสิบยกเป็นเรื่องที่สํานักนอกพิภพทั้งหลายกําหนด
เอาไว้ ในฐานะที่เป็นตัวแทน นางจะทําลายกฎไม่ได้
ตอนนี้ใจของนางพูดได้ว่าทั้งโมโหทั้งหวาดกลัว
คิดไม่ถึงเลยว่าบนดาวทุรกันดารจะมาเจอกับคนบ้าคลั่งสังหารคน
นี้
ก่อนหน้านี้นางพลาดเสียแล้วที่สุสานเทพในตอนนั้นที่หลี่มู่สามารถกําราบผู้ฝึกฝนสํานักใหญ่
ต่างๆ นอกพิภพได้ เพราะโอกาสสวรรค์ยังไม่เปิดออก สําหรับผู้ฝึกฝน
นอกพิภพที่มาเยือนนั้นมีพลังสะกด พลังฝึกตนสําแดงได้ไม่ถึงครึ่ง อีก
ทั้งในสุสานเทพยังมีค่ายกลสะกดมารต่างๆ สะกดไว้ พลังครึ่งหนึ่งนี้ก็
ถูกหักลบลงไปอีก เมื่อมาถึงเขาห้าองคุลีค่ายกลของจักรพรรดิเซียนหมิ
งกวงก็มีพลังสะกดเช่นกัน ดังนั้นผู้ฝึกฝนนอกพิภพ——ต่อให้เป็นผู้
แข็งแกร่งขั้นนักรบ พลังมีไม่ถึงหนึ่งในสิบด้วยซ�า ดังนั้นถึงได้ถูกหลี่มู่ที่
ได้เปรียบว่าเป็นคนพื้นเมืองไม่โดนสะกดสังหารทิ้งทีละคน
แต่ในโลกทุรกันดารในตอนนี้ โอกาสสวรรค์เปิดออกแล้ว กฎเกณฑ์
ทะลุปรุโปร่ง ความกดดันที่มีต่อผู้ฝึกฝนนอกพิภพแทบจะไม่มี
ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้หลี่มู่แทบจะไม่มีข้อได้เปรียบเลย ไม่ใช่คู่
ต่อสู้ของนางแน่
แต่ในใจของนางฝังความหวาดกลัวเอาไว้ลึก ทําให้เสี้ยวพริบตาที่
ได้เจอหลี่มู่อกสั่นขวัญแขวน คิดไม่ถึงเรื่องนี้เลย บินหนีไปตาม
สัญชาตญาณ น่าอับอายนัก เมื่อตั้งสติกลับมาได้ พอย้อนกลับมาหลี่มู่ก็
หนีเข้าไปในเมืองไป๋ตี้แล้ว
และการหนีไปของหลี่มู่ยิ่งเป็นเพิ่มการยืนยันความคิดของนาง
ห่างไปสองปีพลังของหลี่มู่ก็เพิ่มขึ้น แต่ยังคงเป็นขั้นแมลง ยังไม่สามารถสู้รบกับขั้นสามัญแห่งสะพานเป็นตายได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงขั้น
นักรบเลย
นางเสียโอกาสที่จะสังหารหลี่มู่ไปเปล่าๆ
แค่คิดถึงในเขตดาราเทพวีรชน เงินรางวัลค่าหัวมหาศาลของหลี่มู่
ที่สํานักใหญ่ต่างๆ ประกาศ สตรีชุดผ้าโปร่งบางสีดําก็รู้สึกว่าหัวใจหลั่ง
เลือดซิบๆ
เงินรางวัลมหาศาลที่จะได้มาง่ายๆ เฉียดผ่านไหลไปเสียอย่างนี้
แล้ว
ต้องรู้ว่ารางวัลค่าหัวหลี่มู่ที่สํานักใหญ่ต่างๆ ประกาศไม่ใช่แค่ผลึก
เซียน แต่ยังมีอาวุธสมบัติเต๋าชนิดต่างๆ วิชาและโอกาส ศึกสุสานเทพ
หลี่มู่สังหารผู้ฝึกฝนนอกพิภพไปมากมายขนาดนั้น แม้แต่ผู้สืบทอดของ
สํานักมารฟ้าก็รวมอยู่ในนั้นด้วย ความเกลียดชังที่สํานักใหญ่ต่างๆ มีต่อ
ผู้ฝึกฝนโลกเสินโจวพูดได้ว่าเข้าไปในกระดูกดําเลยทีเดียว ล้วนแต่จ่าย
ค่าตอบแทนมหาศาลประกาศรางวัลไล่สังหาร
น่าเสียดายที่โลกเสินโจวยังอยู่ในช่วงพัฒนา เติบโต ไอขุ่นข้นลอย
อวล โอกาสสวรรค์ยังไม่เปิดออก กฎแห่งเต๋าไม่ยอมรับผู้ฝึกฝนนอก
พิภพ พลังควบคุมแห่งธรรมชาติยังคงอยู่ อีกทั้งยังมีวิชาต่างๆ ที่เหล่าผู้
มีความสามารถนักโทษผู้ผิดบาปในตอนนั้นทิ้งเอาไว้ อันตรายมากมายสํานักใหญ่ต่างๆ แม้ในฝันก็ยังคิดจะสังหาร ล้างแค้นหลี่มู่ แต่กลับไม่
กล้าบุ่มบ่ามฝืนส่งลูกศิษย์ในสํานักลงมาเยือนเพื่อสังหารหลี่มู่
เนื้อชิ้นมันที่ปากหลุดลอย สตรีชุดผ้าโปร่งบางสีดํายิ่งคิดยิ่งโมโห
แต่นางก็จนปัญญา
ตอนนี้หลี่มู่เข้าไปในเมืองไป๋ตี้แล้ว
ด้วยพลังของนางระเบิดประตูเมืองไป๋ตี้นั่นฝันไป
กลับมายังเขาจัวเฟิง นางขบคิดวิเคราะห์ สุดท้ายก็ตัดสินใจปกปิด
ข่าวที่หลี่มู่มาปรากฏตัวอยู่ที่ดาวทุรกันดารเอาไว้
สาวชุดผ้าโปร่งบางสีดํามาจากสํานักนักลอบฆ่า ‘หอสังหาร
อาภรณ์ดํา’ เชี่ยวชาญวิธีดักซุ่ม ลอบสังหารเป็นที่สุด สามารถคิดหาวิธี
ค่อยๆ จัดการลอบสังหารหลี่มู่ได้ อย่างไรเสียศึกธรรมะและมารใกล้จะ
เปิดฉาก หลี่มู่ไม่มีทางหดหัวอยู่ในเมืองไป๋ตี้ไม่ออกมา นางมีโอกาส
เยอะแยะ ใช้หัวของหลี่มู่ไปรับรางวัลจากสํานักต่างๆ ในห้วงดาราสมุทร
เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ได้รับรางวัล ทรัพยากรและของล�าค่า นั่นหมายถึงความร�ารวยและ
ฐานะตําแหน่ง นางสามารถผลักดันพลังของตัวเองไปถึงระดับขั้นใหม่
นั่งบนตําแหน่งเจ้าสํานัก ‘หอสังหารอาภรณ์ดํา’ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้แต่หากนางเผยข่าวนี้ออกไป ถึงตอนนั้นผู้ฝึกฝนนอกพิภพนับไม่
ถ้วนก็จะแห่กันมา ชีวิตของหลี่มู่ก็ไม่ใช่ของนางแล้ว
ได้ไม่คุ้มเสีย
หลังจากขบคิดวิเคราะห์ นางก็ตัดสินใจปิดข่าวที่หลี่มู่ปรากฏตัวที่
โลกใบนี้เอาไว้ ไม่ได้รายงานขึ้นไป
ส่วนสําหรับคนของทั้งเก้าสํานัก หลี่มู่ในสายตาของพวกเขาชื่อต้
วนสุ่ยหลิว ตอนนี้ยังไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรนัก
……
“ฟู่ ในที่สุดก็กลับมาแล้ว”
เข้าไปในประตูเมืองไป๋ตี้ หลี่มู่รู้สึกแขนขาอ่อนล้าเป็นระลอกๆ
แก่นแท้ของ ‘รวบหางยูง’ ทรงพลังมาก แต่เงื่อนไขคือยามสําแดง
จะต้องแบกรับพลังที่โจมตีหมู่กลับมา
กระบวนท่านี้เหมาะสําหรับรับมือโจมตีหมู่ อีกทั้งมีผลต่อการโจมตี
ระยะไกล หากใช้กายเนื้อปะทะในระยะใกล้ พลังจะลดลงไปมาก รับมือ
กับผู้แข็งแกร่งที่พลังเหนือกว่าตัวเองมากก็ไม่มีประโยชน์เท่าใดนัก
หลี่มู่กายเนื้อแข็งแกร่งทรงพลัง แต่แบกรับการล้อมโจมตีจากผู้
แข็งแกร่งหลายร้อยคนจากเก้าสํานัก ดูดซับการโจมตีสะท้อนก็มีขีดจํากัดเหมือนกัน กล้ามเนื้อเสียหาย เอ็นกระดูกฉีกหัก อันที่จริงนั้น
ได้รับบาดเจ็บ จําเป็นต้องพักรักษา
“อาจารย์ ดีจริงๆ ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว” เซียวตง ลู่ซวิ่น ลั่ว
เสวียนซิน ชิวสุ่ยหมิงสี่คนที่ใจตุ้มๆ ต่อมๆ วิ่งเฮละโลมาในทันที
“คุณหนู ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม” ชิงเอ๋อร์สาวใช้ก็รุดหน้ามาหา
ทันทีเช่นกัน แต่เห็นคุณหนูของตนอิงแอบไปบนหลังของหลี่มู่ด้วย
ท่าทางสนิทชิดเชื้อเช่นนี้ ตกใจจนอ้าปากหวอ
เกิดอะไรขึ้น?
แต่ก่อนคุณหนูของตนไม่เคยไว้หน้าผู้ชายคนไหนเลยนี่นา
เหมือนว่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น
เยี่ยอู๋เหินเห็นท่าทางของฉิงเอ๋อร์ถึงได้รู้ตัว นางกระโดดลงมาจาก
หลังของหลี่มู่ทันที มายืนอยู่อีกข้างหนึ่ง
พวกกู่ลั่งคนในยุทธจักรที่มาจากโลกก็ตามมาในทันทีเช่นกัน เห็นห
ลี่มู่ไม่เป็นไร นี่ถึงได้โล่งอก
“ฮ่าๆๆ น้องต้วนสุ่ยหลิวเป็นมังกรท่ามกลางหมู่มนุษย์จริงๆ ด้วย
ฝ่าวงล้อมช่วยหลานอู๋เหินกลับมาได้ เหมาะสม เหมาะสม” หัวหน้าเขาราชันมังกรได้ยินข่าวก็เหาะมา เห็นภาพก็หัวเราะฮ่าๆ ลูบเครายาวสี
ม่วงของตนไม่หยุด น�าเสียงองอาจ
เหมาะสมบ้านเจ้าสิ
ลุงอย่าพูดมั่วได้ไหมเล่า
หลี่มู่รู้สึกกลัดกลุ้ม
ลุงก็อายุปูนนี้แล้ว ทําไมถึงได้ใสซื่อขนาดนี้กัน อย่าเที่ยวจับคู่ซี้ซั้ว
มั่วจับคู่ชาวบ้านได้รึเปล่าเล่า
ผู้แข็งแกร่งสายต่างๆ ภูเขาสู่ต่างตกใจเช่นกัน
โดยเฉพาะยอดฝีมือสํานักชําระดาบ เห็นหลี่มู่ช่วยเยี่ยอู๋เหิน
กลับมาอย่างปลอดภัย แต่ละคนต่างซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง
ท่านย่าแห่งสํานักชําระดาบยืนถือไม้เท้าเดินมา เห็นเยี่ยอู๋เหิน
ปลอดภัย ก็พยักหน้า สีหน้าท่าทางตื่นเต้น ดึงเยี่ยอู๋เหินมาสํารวจอย่าง
ละเอียดแล้วถึงได้วางใจ นางมองไปยังหลี่มู่ “เจ้าหนุ่ม เจ้าวางใจ ข้า
รักษาคําพูดที่พูดก่อนหน้านี้แน่นอน ความตั้งใจของเจ้าข้ารู้แล้ว เข้า
กล้าหาญมาก มีความจริงใจ…”
“เอ่อ ท่านย่า ท่านอาจจะเข้าใจอะไรผิด…” หลี่มู่อ้าปากคิดจะ
อธิบายอะไรตอนนี้เอง ติงอี้ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน คํานับหลี่มู่ก่อนเอ่ย “นาย
น้อย ข้าอธิบายกับพวกเขาชัดเจนแล้ว”
นายน้อย?
ในใจของหลี่มู่มีลางสังหรณ์ไม่ดีอย่างหนึ่งผุดขึ้นทันที
แล้วก็ได้ยินติงอี้เอ่ยต่อไปจริงๆ “ในตอนที่ท่านไปช่วยคนโดยไม่
สนใจตัวเองเพื่อความรัก ข้าในฐานะที่เป็นบ่าวรับใช้ก็ได้พิสูจน์กับเจ้า
สํานักลัทธิเทพทุกท่านแล้ว ว่าท่านเป็นผู้สืบทอดฝืนชะตาตัวจริง
แน่นอน ฐานะของท่านได้รับการยอมรับแล้ว ท่านวางใจ”
หลี่มู่ “???”
ว่าแล้วว่าเจ้านี่บางทีอาจเล่นตุกติก แต่คิดไม่ถึงว่าจะทําถึงขั้นนี้
“น้องชาย ไม่ต้องขอบใจข้า นี่เป็นสิ่งที่ข้าควรทํา” ติงอี้แอบส่ง
กระแสจิต ขยิบตาให้กับหลี่มู่
หลี่มู่ก้มหน้าคิด แล้วเอ่ย “ข้าอยากปิดด่านปรับสมดุลรักษาอาการ
บาดเจ็บก่อน”
“อาจารย์ ท่านบาดเจ็บหรือ?”
“ไม่สาหัสใช่หรือไม่?”พวกเซียวตงแสดงความห่วงใยออกมาทันที
ท่านย่าสํานักชําระดาบหัวเราะขึ้นมา “ฮ่าๆ ดี คนหนุ่มสาวหน้า
บาง จนเรียกท่านย่าแล้วยังจะเข้าใจผิดอะไรอีกเล่า ฮ่าๆ ความหมาย
ของเจ้าข้าเข้าใจแล้ว เรื่องแต่งงานยังไม่ต้องรีบร้อน พวกเจ้าล้วนยัง
อายุน้อย ยังมีเวลาอีกเยอะแยะ อนาคตยังอีกยาวไกล ข้าพอใจเจ้ามาก
เจ้าไปรักษาอาการบาดเจ็บก่อนเถอะ อย่าได้ทิ้งรอยร้าววิถียุทธ์เอาไว้”
แววตาอิจฉามากมายหลายคู่มองมายังหลี่มู่
อย่างไรเสียเยี่ยอู๋เหินก็เป็นดอกไม้ที่งดงามที่สุดของลัทธิเทพ ชาย
หนุ่มมีความสามารถลัทธิเทพไม่รู้ต่อเท่าไหร่ต่างมองอย่างอิจฉานัก
สุดท้าย หลี่มู่ก็เด็ดไปเสียนี่
แต่ว่านี่ก็สมควรแล้ว อิจฉาไม่ได้ ในเมื่อเขาเสี่ยงชีวิตเสี่ยงอันตราย
ไปช่วยเยี่ยอู๋เหินจากสถานการณ์จนตรอกกลับมา
กิ่งทองใบหยก
เยี่ยอู๋เหินไม่พูดอะไรแม้แต่คําเดียว ลากสาวใช้ฉิงเอ๋อร์แล้วออกไป
ทันที
หลี่มู่ก็ไม่พูดอะไรแม้แต่คําเดียวเช่นกัน ลากติงอี้ ‘บ่าวรับใช้’ ของ
ตัวเองไปทางที่พักที่เตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้วเมื่อก่อนหน้านี้ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น จัดการฆ่าไอ้ตัวป่วนนี่ก่อนค่อยว่ากัน
……………………………………………