จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 551 ผู้รับใช้ดาบอู๋หมิง
กลับมายังเมืองไป๋ตี้ ข่าวที่หัวหน้าเขาราชันมังกรหลงอู่ชนะก็ฮือฮา ไปทั่วทั้งระดับบนและล่างภูเขาสู่
แต่มีเพียงน้อยคนที่รู้ว่าหลงอู่ ตกอยู่ในสภาวะสลบไสล ไม่อาจมี กําลังรบได้อีก
เขาหลี่หนึ่งในสายแยกทั้งเจ็ดภูเขาสู่เป็นสํานักสายแพทย์ ผู้สืบ ทอดของเขาหลี่แซ่หลี่ชื่อเนี่ยนห่าว เป็นชาย อายุไม่ถึงสามสิบ เชี่ยวชาญวิชาฉีหวง ก็รีบมารักษาอาการบาดเจ็บให้หลงอู่ทันที สําแดง วิชาภายใต้การร่วมกันช่วยเหลือจากผู้แข็งแกร่งขั้นทะลวงสวรรค์คน อื่นๆ ถึงจะพอสะกดพลัง ‘อาทิตย์อัสดง’ ในกายของหลงอู่ได้ อาการ บาดเจ็บไม่เลวร้ายลง แต่หากคิดอยากจะฟื้ นฟูนั้นยังต้องใช้เวลาอีก มาก
สุดท้าย หลงอู่ก็ถูกส่งไปยังสระบัวมรกตแช่อยู่ในวารีศักดิ์สิทธิ์บัว มรกตจากข้อเสนอแนะของหลี่เนี่ยน ใช้พลังหล่อเลี้ยงจากวารีศักดิ์สิทธิ์ ค่อยๆ ฟื้ นฟูอาการบาดเจ็บ
หลังจากนั้น คนทั้งหลายก็มาถึงยังข้างสระบัวมรกตที่หลี่มู่อยู่อีก ครั้ง
อักขระสีเงินหมุนวน ค่ายกลสีเขียวยังคงอยู่
หมอกวารีศักดิ์สิทธิ์ข้างในยังพวยพุ่ง หมอกขาวตลบอวล มองไม่ เห็นความเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น ก็ไม่รู้ว่าหลี่มู่อยู่ข้างในจะเจอโอกาส แบบไหน
สําหรับขั้นตอนการแปลงเป็นมังกร ในบันทึกลับต่างๆ ของภูเขาสู่ก็ แค่เอ่ยถึงเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น เรื่องราวภายในที่ชัดเจน ต่อให้เป็นเจ้า สํานักของสายแยกทั้งหลายก็ไม่รู้ ดังนั้นก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่าข้างใน ค่ายกลสีเขียวเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ศึกสาหัสศึกแรก อาการบาดเจ็บสาหัสหลับใหลของหลงอู่ทําให้เจ้า สํานักสายแยกต่างๆ ปวดหัว ต่างมีเงาทะมึนปกคลุม
หลงอู่ถือเป็นผู้แข็งแกร่งที่พลังอยู่อันดับต้นๆ ของสายแยกต่างๆ แล้ว มิฉะนั้น เขาราชันมังกรคงไม่อาจครอบครองเมืองไป๋ตี้จากสาย แยกอื่นๆ ได้ แต่ต่อให้เป็นหลงอู่ ศึกแรกก็เป็นชัยชนะที่แสนสาหัส เท่านั้น ศึกเวทีประลองสิบยกต่อไปผลจะเป็นเช่นไร ทุกคนต่างไม่มั่นใจ
โดยเฉพาะ เก้าสํานักฝ่ายธรรมะมีเก้าคนที่พลังถึงผู้แข็งแกร่งขั้น ทะลวงสวรรค์ หรือเทียบเท่ากับขั้นทะลวงสวรรค์ แต่ภูเขาสู่ทางนี้ ขาด กําลังรบขั้นสูงอย่างร้ายแรง อุตส่าห์มีต้วนสุ่ยหลิวที่สับผู้แข็งแกร่ง
ทะลวงสวรรค์เหมือนสับผัก แต่กลับเข้าไปในสระบัวมรกต ‘แปลงเป็น มังกร’ น่ากลัวว่าคงจะมาไม่ทันศึกนี้
หากเป็นไปตามสถานการณ์รบในวันนี้ สถานการณ์จะไม่เป็นผลดี กับภูเขาสู่เป็นอย่างมาก
ผลสุดท้ายเป็นไปได้ว่าเจ้าสํานักสายแยกอาจจะดับดิ้น ไม่ก็ บาดเจ็บสาหัส กําลังรบขั้นสูงของลัทธิเทพหดหาย ต่อให้ฝืนยืนหยัด ผ่านศึกนี้ไปได้ วันหน้าก็อาจจะทรุดลงจนไม่อาจฟื้ นขึ้นมาได้
อีกทั้งเบื้องหลังเก้าสํานัก ยังมีสํานักเซียนนอกพิภพยืนอยู่
โอกาสชนะน้อยนิดนัก
“ใช่แล้ว อู๋เหินเล่า?”
ท่านย่าสํานักชําระดาบประเมินรอบๆ ไม่เห็นหลานสาวของตัวเอง รู้สึกแปลกใจ จึงเอ่ยปากถาม ปรากฏคนรอบๆ ต่างไม่รู้ ไม่เห็นเยี่ยอู๋เหิน มาครึ่งวันแล้ว
นี่แปลกแล้ว
แต่ว่านางก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
ศัตรูร้ายกาจอยู่ข้างหน้า สถานการณ์อันตราย
เจ้าสํานักสายแยก ผู้สืบทอด และเหล่าผู้นําระดับสูงของลัทธิเทพ ต่างมุ่งหน้ามายังตําหนักเซียนโบยบิน ไม่ใช่แค่เลือกผู้ที่จะออกไปสู้วัน พรุ่งนี้เท่านั้น แต่ยังต้องคาดเดาว่าอีกฝ่ายจะส่งใครออกมาสู้ พยายาม ควบคุมข่มวิชาวิถียุทธ์ ถึงจะเพิ่มโอกาสชนะ
ในเมืองไป๋ตี้ บรรยากาศกดดันลอยตลบ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เพียงชั่วพริบตา ก็มาถึงวันที่สองแล้ว
บนเวทีประลองลอยฟ้า ศึกใหญ่เริ่มขึ้นอีกครั้ง
คนที่ออกมาสู้จากฝั่ งภูเขาสู่คือผู้รับใช้ดาบอันดับหนึ่งแห่งสํานัก ชําระดาบอู๋หมิง
นี่เป็นหมากที่เก็บซ่อนไว้ในภูเขาสู่ โลกภายนอกรู้เพียงว่าสํานัก ชําระดาบมีผู้แข็งแกร่งขั้นทะลวงสวรรค์เพียงคนเดียว นั่นก็คือท่านย่า แห่งสํานักชําระดาบเยี่ยเฮิ่น แต่แท้ที่จริงแล้ว ข้างกายนางมีผู้รับใช้ดาบ คนหนึ่ง ก็เป็นผู้แข็งแกร่งทะลวงสวรรค์เช่นกัน วิชาดาบไร้เทียมทาน กําลังรบแข็งแกร่ง
ส่วนผู้แข็งแกร่งที่ออกมาสู้ของฝั่ งเก้าสํานักคือ ‘กระบี่โบราณ’ ตง ฟางชิง เจ้าสํานักกระบี่คีรีบูรพา นี่เป็นผู้แข็งแกร่งขั้นทะลวงสวรรค์ฝ่าย
ธรรมะที่ยังไม่ได้ประมือกับหลี่มู่ ดังนั้นจึงไม่ได้รับเจ็บ พลังยังไม่ลดทอน ยังอยู่ในสภาวะขั้นสูงสุด
เห็นได้ชัดว่า หลังจากสู้พ่ายแพ้ยับเยินในวันแรก เก้าสํานักเลือกส่ง ‘กระบี่โบราณ’ ตงฟางชิงก็เพราะหวังว่าจะสามารถได้รับชัยชนะครั้ง ใหญ่อย่างรวดเร็ว เพื่อเป็นขวัญกําลังใจทหาร
ทว่า การออกมาประลองของผู้รับใช้ดาบอู๋หมิงเห็นได้ชัดว่าอยู่ เหนือการคาดหมายของเก้าสํานัก
สู้รบอย่างยากลําบากยกหนึ่ง สุดท้าย ผู้รับใช้ดาบแห่งสํานักชําระ ดาบอู๋หมิงที่ไร้ชื่อเสียงคนนี้ก็ปะทุพลังไร้เทียมทานออกมา ใช้กระบวน ท่าดาบไร้เทียมเทียบตัดแขน ‘กระบี่โบราณ’ ตงฟางชิง เอาชัยชนะมา ให้ภูเขาสู่อีกหนึ่งยก
“เจ้า…เจ้าก็คือ ‘ดาบวายุเมฆาอันดับหนึ่ง’ ของโลกดาวทุรกันดาร เมื่อห้าสิบปีก่อน ม่อหาน เจ้า…เจ้าไปเข้าพวกกับลัทธิมารอย่างนั้นรึ?” ตงฟางชิงกุมแขนที่ขาด หลังจากผ่านศึกสาหัส ในที่สุดเขาก็จําตัวตนที่ แท้จริงของผู้รับใช้ดาบอู๋หมิงคนนี้ได้ ตงฟางชิงตื่นตะลึงยิ่งนัก
‘ดาบวายุเมฆาอันดับหนึ่ง’ ม่อหาน!
เมื่อห้าสิบปีก่อนนี่เป็นชื่อที่เคยทําให้โลกวิถียุทธ์ดาวทุรกันดารต้อง หวาดกลัว
เขาไม่ได้มีชาติกําเนิดจากเก้าสํานักใหญ่ แต่มีวิชาดาบที่เลิศล�า สมบูรณ์แบบเยี่ยมยอด ไม่เคยเจอคู่ต่อสู้ที่ทัดเทียม ได้รับการยอมรับว่า เป็นผู้ที่วิชาดาบแข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ ใช้ฐานะผู้ฝึกไร้สังกัด เอาชนะยอดฝีมือเก้าสํานักไปได้ไม่น้อย ก้าวขึ้นเป็นวิชาดาบอันดับหนึ่ง ในใต้หล้า เห็นได้ถึงความแข็งแกร่งของคุณสมบัติและพรสวรรค์ของ ม่อหาน
น่าเสียดายที่ผู้ยิ่งใหญ่วิชาดาบท่านนี้ ในยามที่ชื่อเสียงกําลังโด่งดัง จู่ๆ ร่องรอยกลับหายไปจากยุทธจักรอย่างไม่มีปี่ มีขลุ่ย มีคนบอกว่าเขา ถูกศัตรูแอบวางแผนไล่ฆ่า และก็มีคนบอกว่าเขาทะลวงขั้นทะลวง สวรรค์ไปจากดาวทุรกันดารแล้ว และก็มีคนบอกว่าเขาปิดด่านฝึกฝน ข่าวลือต่างๆ นานา แต่ก็ไม่เคยได้รับการพิสูจน์
คิดไม่ถึงว่าวันนี้ได้พบอีกครั้งกลับเป็นอู๋หมิงละทิ้งตัวตน กลายเป็น ผู้รับใช้ดาบของสํานักชําระดาบลัทธิมาร
“ม่อหานตายไปแล้ว ตอนนี้มีเพียงผู้รับใช้ดาบตัวเล็กๆ คนหนึ่ง เท่านั้น” อู๋หมิงรูปร่างสูงใหญ่ สวมหน้ากากสีขาว โผล่ให้เห็นเพียง ดวงตาและปากเท่านั้น แววตาไร้คลื่นอารมณ์ดุจบ่อน�าโบราณ เอ่ยขึ้น อย่างราบเรียบ
“เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย หึ ข้าเคยเห็นเพลงดาบของเจ้ามาก่อน…คิดไม่ ถึงว่า ดาบวายุเมฆาอันดับหนึ่งในอดีตจะยอมตกต�า…” ‘กระบี่โบราณ’ จงฟางชิงบริพาษอย่างโกรธแค้น
ตอนนี้เขาอยู่ข้างนอกเวทีประลองลอยฟ้า นับว่ายอมแพ้แล้ว
“เป็นเพราะพวกเจ้าก็เท่านั้น” อู๋หมิงเอ่ยราบเรียบ “จอมกระบี่ตง ฟางหากไม่พอใจจะขึ้นมาสู้กันอีกรอบก็ได้ ข้าให้โอกาสท่านได้อีกครั้ง”
ตงฟางเจี้ยนสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สุดท้ายก็ไม่ได้ขึ้นไปสู้บน เวทีประลอง
เขาเสียแขนไปข้างหนึ่งแล้ว ยิ่งไม่ใช่คู่มือของผู้รับใช้ดาบอู๋หมิง
ศึกนี้ก็จบลงเช่นนี้
ภูเขาสู่ชนะอีกหนึ่งยก
ดวงอาทิตย์ลับฟ้า บรรยากาศในเมืองไป๋ตี้ผ่อนคลาย สุขสันต์
ศึกวันนี้พูดได้ว่าเป็นชัยชนะสมบูรณ์แบบ
การปรากฏตัวและผงาดขึ้นอย่างไม่มีปี่ มีขลุ่ยของผู้รับใช้ดาบอู๋ หมิงทําให้เหล่าลัทธิภูเขาสู่ทั้งหลายมั่นใจ ลูกศิษย์ระดับล่างมากมาย
ตระหนักได้ว่าที่แท้ในลัทธิเทพซ่อนคนมีความสามารถเอาไว้จริงๆ ด้วย ยังมีผู้แข็งแกร่งชั้นยอดไม่รู้ชื่อแบบนี้อยู่ อนาคตวาดหวังได้
“พรุ่งนี้ก็ให้ข้าออกสู้ต่อก็แล้วกัน” ในตําหนักเซียนโบยบิน ผู้รับใช้ ดาบเป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นอย่างหาได้ยากยิ่ง เอ่ยข้อเสนอแนะ
ทุกคนต่างรู้สึกประหลาดใจนัก
“มิสู้พักสักวันสองวันเป็นอย่างไร?” โอวหยางฮ่วนอวี่ เจ้าศาลา เหนือฟ้าลองเอ่ยเสนอ
พลังของผู้รับใช้ดาบอู๋หมิงแข็งแกร่งมาก ขอแค่รักษาสภาวะขั้น สูงสุดเอาไว้ได้ก็มากที่จะรับมือกับผู้แข็งแกร่งขั้นทะลวงสวรรค์คนใดก็ ตามแต่ในเก้าสํานักได้ แต่หากสู้ต่อ เกรงว่าเพราะใช้พลังมากเกินกําลัง ทําให้พ่ายแพ้ เช่นนั้นก็ได้ไม้คุ้มเสีย อู๋หมิงส่ายหน้าพลางตอบ “ไม่ต้อง พัก”
ท่านย่าสํานักชําระดาบเยี่ยเฮิ่นมองอู๋หมิงแวบหนึ่งด้วยสีหน้า ซับซ้อน แต่สุดท้ายก็พยักหน้า “ก็ดีเหมือนกัน พรุ่งนี้ เป็นเจ้าออกไปสู้ อีกรอบก็แล้วกัน”
เรื่องนี้ก็กําหนดกันเช่นนี้
หลังจากหารือเสร็จ คนทั้งหลายก็มาถึงยังข้างสระบัวมรกตที่หลี่มู่ อยู่อีกครั้ง แต่ก็ยังคงสํารวจเหตุการณ์พิเศษชัดเจนอะไร ไม่เจอ หมอก วารีศักดิ์สิทธิ์ลอยตลบ ความเคลื่อนไหวไม่ชัดเจน
ถึงแม้วันนี้จะได้รับชัยชนะ แต่หนทางข้างหน้าก็ยังคงอีกยาวไกล
ต้วนสุ่นหลิวหากสามารถสําเร็จเส้นทาง ‘แปลงเป็นมังกร’ ได้ ทันเวลา เช่นนั้นโอกาสชนะของภูเขาสู่ถึงจะนับว่าเพิ่มขึ้นแล้วจริงๆ
……
“โจรชั่วนั่นยังไม่ออกมาอีกหรือ?”
สาวชุดผ้าโปร่งบางสีดําแฝงกายอยู่ในตําหนักมืดมิด ขบคิดอย่าง หนัก ศึกติดๆ กันสองยกล้วนไม่เห็นหลี่มู่ปรากฏตัว นี่ทําให้นางยิ่งรู้สึก ว่าหลี่มู่จะต้องซ่อนอยู่ข้างหลัง แอบวางแผนและควบคุมอะไรอยู่ แน่นอน
“ต้องหาวิธีบีบมันออกมา” สตรีชุดผ้าโปร่งบางสีดําพูดกับตัวเอง
หลังจากนั้นชั่วขณะหนึ่ง เจ้าสํานักทะเลกระบี่ประจิม ‘กระบี่ทะเล ประจิม’ ถานหรูซวงก็ถูกเรียกเข้าพบในตําหนัก
“พรุ่งนี้เจ้าออกไปสู้”
สตรีชุดโปร่งบางสีดําเอ่ยด้วยน�าเสียงเด็ดขาด
ถานหรูซวงอึ้ง
ก่อนหน้านี้เก้าสํานักได้หารือ ตัดสินใจกันแล้ว คนที่ออกสู้พรุ่งนี้ เป็นลู่เทียนหวา เจ้าเมืองกลางนภา ตอนนั้นเซียนชุดดําผู้นี้ก็เห็นด้วย แต่ทําไมจู่ๆ ถึงได้เปลี่ยนความคิดโดยไม่มีปี่ มีขลุ่ยเช่นนี้?
“รับคําบัญชา”
ถานหรูซวงถึงแม้ในใจจะสงสัย แต่ก็ไม่กล้าคัดค้านหรือสงสัย
สตรีชุดผ้าโปร่งบางสีดําเห็นได้ชัดว่าพอใจกับท่าทีของถานหรูซวง มาก
ฝ่ามือของนางแค่แบออกก็มีเม็ดโอสถสีแดงสดเม็ดหนึ่งปรากฏขึ้น
โอสถเม็ดนี้ขนาดพอๆ กับดวงตามังกร สุกใสแวววาว ข้างใน เหมือนมีอักขระถี่ยิบกําลังกะพริบส่องประกาย แผ่พลังกฎแห่งเต๋าอัน ลึกลับออกมา
สตรีชุดดําเอ่ย “ ‘โอสถวาสนาหยกแดง’ เม็ดนี้คือโอสถเซียนตํารา ลับของ ‘หอสังหารอาภรณ์ดํา’ ของข้า หลังจากกินและหล่อหลอมมัน ก็
จะสามารถกระตุ้นศักยภาพในกายของเจ้าได้ภายในสามวัน ทําให้พลัง ของเจ้าเพิ่มทบเท่าทวี เจ้าหลอมมันเสีย พรุ่งนี้ต่อให้เจอกับคู่ต่อสู้ขั้น สามัญเริ่มต้น ก็สามารถเอาชนะได้”
ถานหรูซวงลิงโลด รีบรับโอสถเอาไว้ด้วยมือทั้งสอง แล้วเอ่ย “ขอบคุณท่านเซียนที่มอบโอสถให้…แต่ว่า ขอถามท่านเซียน กิน ‘โอสถ วาสนาหยกแดง’ สามวันหลังจากนั้นจะเป็นเช่นไร? ”
สตรีชุดดําผ้าโปร่งบางเอ่ย “หลังจากนั้นสามวันจะหมดแรง ชั่วคราว ด้วยพลังฝึกตนของเจ้าอย่างมากสิบวันสิบคืนก็ฟื้ นฟูได้ ไม่ทิ้ง ผลข้างเคียงอะไร เจ้าวางใจได้ นี่ก็เป็นวาสนาของเจ้า เพราะใน ‘โอสถ วาสนาหยกแดง’ แฝงด้วยอักขระกฎแห่งเต๋านอกพิภพ มันจะเพาะเม็ด ไว้ในกายเจ้า วันหน้าเจ้าบินไปยังห้วงดารา ก้าวสู่โลกฝึกฝนก็จะปรับตัว ได้เร็วกว่าคนอื่น”
ถานหรูซวงได้ฟังก็วางใจ
“จําไว้ ศึกวันพรุ่งนี้ไม่ใช่แค่ชนะยังจะต้องข่มขวัญกําลังใจของลัทธิ มารให้หนัก ทําให้คนที่ออกมาสู้ของลัทธิมารทรมานจนตาย ถึงจะกําจัด หมอกควันความไม่ราบรื่นของศึกสองครั้งก่อนหน้านี้ไปได้ เข้าใจ หรือไม่?”
สตรีชุดผ้าโปร่งบางสีดําเอ่ยเสียงเย็นเยือก
“ข้าน้อยทราบแล้ว” ถานหรูซวงทําความเคารพอีกครั้งก็จากไป
……
ข้างสระบัวมรกตสระหนึ่ง ไอหมอกวารีศักดิ์สิทธิ์ลอยตลบ
คนอื่นๆ จากไปแล้ว มีเพียงท่านย่าแห่งสํานักชําระดาบและผู้รับใช้ ดาบอู๋หมิงที่ยังยืนอยู่ข้างสระ ทั้งสองห่างกันหนึ่งช่วงตัวต่างหันหน้าเข้า หาสระ ยืนเงียบๆ ท่ามกลางหมอกศักดิ์สิทธิ์ ได้ยินแม้กระทั่งเสียงลม หายใจ
ยืนอยู่ไม่รู้นานเท่าใด ท่านย่าแห่งสํานักชําระดาบเยี่ยเฮิ่นก็เอ่ยปาก ขึ้น “เจ้าไปเสียเถอะ อย่าได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกเลย หนึ่งคนหนึ่ง ดาบเจ้าจะยืนหยัดไปได้กี่ครั้ง? เจ้าไม่ใช่คนของลัทธิเทพ หลายปีมานี้ เรื่องที่เจ้าทําให้ข้ามันมากมายเหลือเกินแล้ว”
อู๋หมิงเอ่ยราบเรียบ “ฟ้าดินกว้างใหญ่ แต่ไร้ที่ให้ข้าอยู่ มีเพียงข้าง กายเจ้าถึงได้พักกาย วางใจ สู้เพื่อเจ้าต่อให้ต้องตายเป็นร้อยครั้ง ข้าก็ ไม่เสียใจ”
……………………………………………