จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 123 กลับมา[รีไรท์]
บทที่ 123 กลับมา[รีไรท์]
ณ ปากทางของหุบเขา ปืนกลหนักกว่า 100 กระบอกถูกตั้งวางไว้ กระสุนนัดแรกถูกจัดเตรียมไว้ในทุก ๆ รังเพลิงของปากกระบอกปืน ภายในของป่าลึกเต็มไปด้วยผู้บาดเจ็บและเลือดกระจายไปทุกหนทุกแห่ง
จอมยุทธ์ที่หนีออกมาโดยไม่ระวังตัวก็จะถูกปืนกลยิงใส่จนร่างพรุนเป็นรังผึ้ง และฉีกเป็นชิ้น ๆ
ฉู่ชวิ๋นปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับ 2 สาวด้วยความว่องไว ตัวเขามีกลิ่นคาวเลือดรุนแรง สายตาเย็นยะเยือกราวกับราชาปีศาจที่กลับมาจากนรก
“ปล่อยพวกเขาไป!”
ชายร่างกำยำหน้าเหลี่ยม เขามียศถึงพลโท และเป็นผู้บัญชาการของกองกำลังต่อต้านผู้ก่อการร้าย เขามีชื่อว่า ‘ซูเว่ย’ กำลังนั่งอยู่บนรถหุ้มเกราะที่เดินทางมาจากเขตปกครองโดยทหารปักกิ่งก็ออกคำสั่งหยุดยิงทันที
พรึบ!
ทหารทุกคนต่างทำความเคารพฉู่ชวิ๋นทันทีอย่างพร้อมเพรียง
ทหารทุกคนนับถือคนที่แข็งแกร่งเท่านั้น ฉู่ชวิ๋นที่เป็นคนรับมือกับกองกำลังทหารรับจ้างหมาป่าสีทองได้ รวมถึงช่วยตัวประกันกว่า 100 คนนั้นสร้างความเชิดชูให้กับกองทัพจีนอันเกรียงไกรอย่างมาก พลตรีฉู่เองก็มีชื่อเสียงในกองทัพแห่งนี้ไปด้วย
ซูเว่ยเดินเข้ามาหา ซึ่งฉู่ชวิ๋นก็เห็นว่ามังกรเขียวและคนอื่น ๆ ก็มาถึงที่นี่แล้วเช่นกัน
“พลตรีฉู่ กระผมซูเว่ย ได้รับคำสั่งให้ตรึงกองกำลังเอาไว้บริเวณยอดเขาแห่งนี้เพื่อคอยสนับสนุนการปฏิบัติการของพลตรีฉู่! โปรดสั่งการด้วยครับ!” ซูเว่ยทำความเคารพอย่างขันแข็ง แม้จะผิดหลักไปหน่อยก็ตามเพราะเขามียศสูงกว่าฉู่ชวิ๋นอยู่ 1 ระดับ เขาควรจะเป็นคนที่ออกคำสั่งต่อจากนี้ แต่น่าจะเป็นเพราะเขาได้ดูถ่ายทอดสดเหตุการณ์ของหมาป่าทองคำ ทำให้เขาชื่นชมความสามารถของฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นเหลือบมองเขาพร้อมกับพยักหน้ารับเล็กน้อย
ซูเว่ยอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น เพียงแค่เห็นฉู่ชวิ๋นก็ทำให้หายใจไม่ออกแล้วทั้งยังให้ความรู้สึกหวาดกลัว
“จะออกคำสั่งให้กองกำลังบุกเข้าไปเก็บกวาดเลยไหมครับ ท่านพลตรีฉู่?” ซูเว่ยพยายามจะยืดอกแต่เมื่อนึกถึงฉากก่อนหน้านี้แล้วเขาก็รู้สึกเกรงกลัวอยู่ในใจ
ฉู่ชวิ๋นฝากถางโร้วและหลิวซินไว้กับงูเขียวและบอกให้นำพวกเธอทั้งสองกลับไปที่ตัวเมือง
ถางโร้วก็เข้าใจเหตุผลดี แม้ว่าเธอจะไม่อยากไปไหนแต่เธอก็รู้ว่าฉู่ชวิ๋นก็มีเรื่องที่ต้องไปสะสางเช่นกัน เธอจึงยอมตามงูเขียวไปแต่โดยดี
ฉู่ชวิ๋นหันกลับไปหาซูเว่ยและตอบเขากลับไปว่า “ให้ทุกคนถอยกลับ ประกาศให้ภายในระยะ 5 ไมล์นี้ห้ามมีคนเข้ามา”
“รับทราบครับ!” แม้ซูเว่ยเองก็สงสัยกับคำสั่งนี้ แต่เขาก็สั่งให้ทหารทุกนายถอย
ซูเว่ยก็หันไปออกคำสั่งกับทหารทุกหน่วยทันที
“พวกนายเองก็ถอยไปด้วย!” ฉู่ชวิ๋นพูดกับมังกรเขียวและคนอื่น ๆ
“ผู้อาวุโสให้พวกเราได้ช่วยเถอะนะ!” กระต่ายหยกพูดอย่างขี้อาย เธอใส่หูกระต่ายปลอมไว้บนหัวดูนุ่มนิ่มน่ารักเสมอ
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเบา ๆ และพูดอีกครั้งว่า “ถอยไปเถอะ”
หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเขาก็เดินกลับเข้าไปในป่าอีกครั้ง
…..
…..
ในทุ่งราบบนยอดเขา เฉินยวี่ถิงกำลังตัวสั่นเหมือนคนกลัวผี ใบหน้าอัปลักษณ์ของเขายิ่งดูแย่เข้าไปใหญ่ด้วยความหวาดกลัว เขาถูกลากออกมาโดยฉินจื้อให้เขาได้เห็นสภาพของสงครามที่พึ่งจะเกิดขึ้น ทั้งหัวที่ไร้ร่าง เศษเนื้อ และแอ่งเลือด
ตอนแรกเขาเป็นคนโง่เขลาที่ไร้ความกลัว แต่ตอนนี้หลังจากได้รู้ความจริง เฉินยวี่ถิงเป็นได้แค่คนโง่เขลาอย่างแท้จริงและรู้สึกกลัวอย่างบ้าคลั่ง
“ฉะ…ฉิน …. ลุงฉิน รีบหนีกันเถอะก่อนที่ไอ้หมอนั่นจะกลับมา มันต้องกลับมาฆ่าฉันแน่ ๆ เลย!” เฉินยวี่ถิงขอร้องอ้อนวอนกอดขาของฉินจื้อและคร่ำครวญ
ฉินจื้อคิ้วขมวดจนแทบจะเป็นปม ความแค้นทำให้เขากัดฟันของตัวเองเอาไว้แน่น เขาได้แต่หวังว่าไอ้ปีศาจนั่นจะกลับเข้ามาตบไอ้คนไม่เอาไหนคนนี้ให้เละไปเลย
หลังจากภัยพิบัติเมื่อ 10 ปีที่แล้ว สำนักราชาปีศาจแห่งนี้ก็ได้รับการฟื้นฟูมาบ้าง แต่เพราะไอ้โง่สมองกลวงนี้ทำให้รากฐานของสำนักถูกทำลายไปถึง 80%
“อ๊ากก…”
ฉินจื้อยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ หัวใจของเขาอยากที่จะกรีดร้องออกมา ก่อนที่ทุกอย่างจะเกินความควบคุม เขาก็หันหลังกลับไปต่อยกำแพงหินอย่างแรง
จงเหยียนและปรมาจารย์อีกสองคนที่เหลือกำลังมองหัวหน้าฉินจื้อที่กำลังจะเป็นบ้า ก่อนที่จะมองไปยังเฉินยวี่ถิงที่เป็นต้นเหตุของเรื่องแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา พวกเขารู้สึกถึงความไร้พลังลึก ๆ
“พวกที่เหลือปกป้องนายน้อยเอาไว้ ถึงเวลาที่ผู้เฒ่าราชาปีศาจต้องมีอะไรตกถึงท้องแล้ว” ฉินจื้อพูดด้วยความโกรธจนตัวสั่น และพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “แล้วก็จัดการเส้นทางหลบหนีด้วยเพื่อไว้สำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด” เขาออกคำสั่งทิ้งไว้ก่อนที่จะเดินจากไป
มีห้องลับอยู่ลึกเข้าไปในหุบเขาและฉินจื้อก็เข้าไปในห้องลับ
ประมาณ 1 นาทีประตูห้องลับก็เปิดออก ฉินจื้อหยิบโถหยกออกมา แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง แทบจะโยนโถหยกนี้ออกไป
เขาเห็นร่างที่อยู่ห่างออกไปกว่า 10 เมตร ด้วยสายตาเฉยเมยและไร้อารมณ์ ชายคนนั้นคือฉู่ชวิ๋น
เขากลับมาแล้ว
ฉินจื้ออยากจะร้องออกมา ทำไมชายที่โหดร้ายคนนี้ถึงกลับมายังสำนักราชาปีศาจอีกครั้งกันนะ?
ฉู่ชวิ๋นไม่สนใจอะไรและปล่อยหมัดออกไป พลังลมปราณควบแน่นเหมือนโซ่ที่พุ่งออกไป
ฉินจื้อกำลังจะยอมรับความตายโดยไม่ทันได้พูดอะไรออกมา โชคยังดีที่อะไรบางอย่างบอกให้เขาก้าวเท้าไปทางซ้าย
ตู้ม!
ประตูหินในห้องลับระเบิด หินก็ถล่มลงมาและบินว่อน
พลังทำลายล้างของหมัดฉู่ชวิ๋นเกือบจะโดนชายแก่เข้าแล้ว
ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเปล่งแสงเหมือนกับดวงดาว หมัดที่เขาปล่อยออกไปซึ่งหมายหัวของฉินจื้อไว้อย่างชัดเจน
“จะดูถูกกันเกินไปแล้ว!”
ฉินจื้อตะโกน ภายในร่างกายของเขาสั่นสะเทือนอย่างแรง เขาเองก็กำหมัดแน่และปล่อยออกไป หมัดนี้แค่คลื่นพลังก็ทำลายกำแพงหินจนแหลกสลาย
ตู้ม!
ยอดเขาแห่งนี้สั่นสะเทือนจากกำปั้นทั้งสอง
ฉินจื้อร้องโหยหวนออกมา แขนของเขาระเบิดด้วยหมัดของอีกฝ่าย ส่งผลให้โถหยกในมือของเขาระเบิดออก ฝนเลือดเทลงมาทั่วฟ้า
ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเย็นยะเยือกราวหิมะ ที่แท้ในโถหยกนี้ก็บรรจุเลือดเอาไว้ แถมยังเป็นเลือดของหญิงสาวพรหมจรรย์
“แกสมควรตาย”
ฉู่ชวิ๋นรีบเข้าประชิดและเตรียมที่จะซัดหมัดเข้าไปอีกครั้ง เศษหินเศษดินกระจายไปทั่วทุกทิศทันทีที่เขาพุ่งตัวเข้าไป
ฉินจื้อหน้าถอดสีทันที ความเร็วของเขาด้อยกว่าฉู่ชวิ๋นอยู่มาก
ฮึ่ม!
แขนและไหล่ของฉินจื้อถูกหมัดของฉู่ชวิ๋นเข้าอย่างจัง
“ผู้เฒ่าราชาปีศาจช่วยข้าด้วย…” ฉินจื้อร้องออกมา
“วันนี้ไม่มีใครช่วยแกได้ทั้งนั้นแหละ!” น้ำเสียงของฉู่ชวิ๋นเปลี่ยนไปในทันที เส้นไหมวิญญาณที่เหมือนคมดาบรายล้อมร่างของฉินจื้อเอาไว้
ฮึบ!
เส้นไหมวิญญาณหดตัวอย่างรุนแรงและร่างของฉินจื้อก็ระเบิดออก เลือดกระจายชโลมพื้นห้องเต็มไปหมด
ความดุร้ายในแววตาของฉู่ชวิ๋นยังไม่หายไป เขาหันหลังเดินเข้าห้องลับ
ห้องลับห้องนี้กว้างประมาณ 200 ตารางเมตร ภายในเป็นกรงเหล็กขนาดใหญ่อากาศชื้นและอบอวลไปด้วยกลิ่นเหม็นฉุน
ในกรงขังแต่ละกรงมีเด็กอายุน้อยทั้งชายและหญิงอยู่เต็มไปหมดประมาณ 100 คน
ดวงตาของเด็กพวกนั้นเต็มไปด้วยความกลัว ความระแวง และความผวา นั้นทำให้ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเต็มไปด้วยความโกรธทันที
ลูกกรงเหล็กขนาดใหญ่มีความหนาเท่ากับแขนของเด็กพวกนั้น แต่มันก็ถูกฉู่ชวิ๋นผ่าออกได้ง่าย ๆ ด้วยมือเปล่า
“เด็ก ๆ กลับบ้านกันเถอะ!”
เมื่อได้ยินเสียงของผู้ที่มาช่วย ดวงตาที่ว่างเปล่าของเด็ก ๆ ก็เริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง
“พี่ชาย พี่มาช่วยพวกเราเหรอ?” ในที่สุดก็มีเด็กคนหนึ่งพูดขึ้นมา ดูจากร่างของเด็ก ๆ แล้ว คงถูกขังอยู่ในนี้มานานพอสมควร เขาจึงพูดด้วยความลำบาก
ฉู่ชวิ๋นพยักหน้าและหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว ตอนนี้เธอปลอดภัยแล้วนะ”
“พวกคนเลวไปไหนหมดแล้วล่ะ?” เด็กหญิงผอมซูบคนหนึ่งถามขึ้นมา
“พวกลุง ๆ ตำรวจจับไปหมดแล้วน่ะ”
“พี่ก็เป็นตำรวจด้วยเหรอ?” เด็กคนหนึ่งถาม
“ใช่แล้ว” เขาพยักหน้าเบา ๆ
บางทีในใจของเด็ก ๆ เหล่านี้มีเพียงตำรวจผู้กล้าหาญเท่านั้นที่จะช่วยพวกเขาได้
ฉู่ชวิ๋นโทรเรียกมังกรเขียวให้เขาพาคนมาช่วยเอาตัวเด็ก ๆ กลับไป
…..
…..
หลังจากที่มังกรเขียวรับโทรศัพท์จากฉู่ชวิ๋นแล้ว เขาก็ไม่มีท่าทีที่จะเอ้อระเหยแต่อย่างใด เขาเรียกตัวทหารประมาณ 200 คน นอกจากงูเขียวที่คุ้มครองถางโร้ว สมาชิกนักษัตรอื่น ๆ มากันครบ และพวกเขาบุกเข้าไปในหุบเขา
ตลอดเส้นทางที่ทุกคนเดินเข้ามาทำให้พวกเขาขวัญเสียอย่างมาก เพราะรอบ ๆ ตัวมีแต่ศพ แขนขาดคอขาด ร่างไร้วิญญาณที่ผ่านการสู้รบกับฉู่ชวิ๋น นอนตายเต็มไปหมดพวกเขานอนกระจัดกระจาย เหมือนภาพหลังจากสงครามไม่มีผิด
ทุกก้าวที่เดินเข้าไปนั้นมีแต่เลือด กลิ่นสาบคาวเลือดทำให้ใครต่อใครรู้สึกอยากจะอ้วกตลอดเวลา
“คนพวกนี้โดนผู้อาวุโสจัดการหมดเลยอย่างนั้นเหรอ?” ลิงทองคำกระแอมให้คอแห้ง ๆ ของตัวเองกลับมาชุ่มชื่นเล็กน้อย
มังกรเขียวพยักหน้า เขามีสีหน้าหนักใจ วิธีการของฉู่ชวิ๋นทำให้เขาสั่นกลัว โหดเหี้ยมเหลือเกิน เขาเปลี่ยนที่นี่ให้กลายเป็นนรกได้ในพริบตา
“โหดร้ายจัง!” กระต่ายน้อยพูดเบา ๆ ด้วยความกลัว
ทหารกว่า 200 คนที่ตามมาก็รู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่ในนรกจริง ๆ
แต่เมื่อเห็นเด็ก ๆ กำลังเดินออกมาจากตัวอาคาร ทุกคนก็รู้แล้วว่าฉู่ชวิ๋นไม่ใช่คนที่โหดร้ายอะไรเลยและอยากกลับไปกระทืบศพพวกนั้นด้วยซ้ำ
เด็กหลาย 10,000 คน หายตัวไปจากปักกิ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นอกจากพวกที่โดนจับโดยขบวนการค้ามนุษย์แล้ว ที่เหลือคงจะถูกสำนักราชาปีศาจจับมาอยู่ที่นี่
เด็กตั้งมากมายขนาดนั้นหายไป แต่ในที่แห่งนี้มีเด็กแค่ 100 กว่าคนเท่านั้น คาดว่าคนอื่น ๆ คงถูกฝังอยู่ในเขาเฟิงหลินแห่งนี้แล้วละ
“ผู้อาวุโสคะ พวกเขาจับเด็กเยอะขนาดนี้ไปทำอะไร?”ดวงตาของกระต่ายน้อยร้องไห้จนแดงเหมือนทับทิมใส
เด็กแต่ละคนผอมแห้งและมีบาดแผลอยู่ตามตัว พวกเขาน่าจะอดอาหารมาเป็นเวลานาน ซึ่งดูน่าสงสารมาก โดยเฉพาะแขนของพวกเขามีแต่รอยมีดเฉือน ทั้งแผลใหม่แผลเก่าเต็มไปหมด
“เอาเลือด” ฉู่ชวิ๋นพูดอย่างเฉยเมยและอารมณ์ที่ไม่มีใครเข้าใจก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
“เอาเลือดไปทำอะไรคะ?” กระต่ายหยกถามอย่างงงงวย
ทุกคนกำลังสงสัยกับคำพูดนั้น
มังกรเขียวหน้าเปลี่ยนสีทันที เขารีบพูดขึ้นมา “เอาเลือดมาฟื้นฟูร่างกายเหรอครับ?”
ฉู่ชวิ๋นมองไปยังมังกรเขียวพร้อมกับพยักหน้าเบา ๆ
“พูดเรื่องอะไรกัน? เอาเลือดมาฟื้นฟูร่างกาย?” กระต่ายหยกสับสนมากเมื่อได้ยินแบบนี้
มังกรเขียวกำลังจะพูดต่อแต่ก็มีเสียงดังขึ้นจากระยะไกล หุบเขาเริ่มสั่นเหมือนเจ้าเข้า ทำให้หัวของทุกคนสั่นตามแรงของแผ่นดิน
“รีบเอาตัวเด็ก ๆ ไปที่ปลอดภัยก่อนเร็ว!” ทันใดนั้นสีหน้าของฉู่ชวิ๋นก็เคร่งขรึมทันที
“ไปเร็ว ทุกคนวิ่ง!” มังกรเขียวตะโกน
ทหารทุกคนถอดชุดแจ็กเกตคลุมร่างผอมบางของเด็ก ๆ อุ้มเอาไว้และวิ่งอย่างรวดเร็ว
ฮึ่ม!
อากาศส่งเสียงกรีดร้อง กลิ่นอายอันน่าสยดสยองถาโถมเข้ามา มีเงาดำเงาหนึ่งว่องไวดั่งสายฟ้าพุ่งขึ้นมา
ตู้ม!
เงาดำตกลงสู่พื้นด้วยความเร็ว และพื้นดินก็แตกกระจาย ฝุ่นปกคลุมทุกบริเวณในทันที
มังกรเขียวและคนอื่นต้องหยุดเพราะเงาดำขวางทาง
ร่างของฉู่ชวิ๋นอนออกไปเหมือนกระแสไฟและยืนอยู่ต่อหน้าทุกคน
เมื่อฝุ่นจางลงทุกคนก็กลับมาหายใจอย่างเต็มปอด
เพราะสิ่งที่เรียกว่าเงาดำนั้นแท้จริงแล้วคือโลงศพสีดำขนาดใหญ่ที่มีอากาศสีดำเกาะอยู่
เอี๊ยด!
โลงศพก็เริ่มเปิดออกทันที หัวใจทุกคนตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ในโลงศพนั้นไม่ได้ว่างเปล่า ข้างในมีร่างของคนอยู่
เสียงเอี๊ยดอ๊าดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ฝาโลงเผยให้เห็นช่องว่าง 10 เซนติเมตรแล้ว มือสีดำแห้งเหมือนศพก็ค่อย ๆ โผล่ออกมาอย่างเชื่องช้าพร้อมกับกรงเล็บยาว
ทุกคนต่างก็มีเหงื่อซึมอยู่ข้างหลังและขนลุก หัวใจเต้นตึกตักจนได้ยินได้ชัด เด็กบางคนก็น้ำตาคลอเบ้าด้วยความกลัว
แต่ดวงตาของฉู่ชวิ๋นยังคงเป็นประกายราวกับถ้วยชามสีทองที่สว่างขึ้นเรื่อย ๆ มือกำเอาไว้แน่นและลมปราณเองก็ระเบิดออกมา รอยมือขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในอากาศและกดลงมาที่โลงศพด้วยพลังทำลายล้างอย่างมหาศาล
มือที่แห้งผากหายไปและอากาศสีดำก็ควบแน่นเป็นมือสีดำขนาดใหญ่ ระเบิดไปที่รอยมือยักษ์ที่ร่วงหล่นลงมา
สีหน้าของฉู่ชวิ๋นเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาโบกมือสร้างค่ายกลไว้ข้างหลัง ทันในนั้นก็มีพลังแสงหลากหลายสีพวยพุ่งขึ้นมา
ตู้ม!
อากาศบีบตัวอย่างกะทันหัน พลังอันรุนแรงกระจายตัวออกมาไปเป็นคลื่น ดอกไม้และต้นไม้ต่างสะบัดกลีบดอกและใบกระจุยกระจายไปทั่ว
โชคดีที่ค่ายกลของเขาได้เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าปกป้องทุกชีวิตด้านหลังของเอาไว้แล้ว
ในขณะเดียวกันโลงศพก็ระเบิด เศษไม้กระจายเหมือนกับกระสุน และแล้วร่างที่อยู่ข้างในก็ปรากฏออกมาเป็นตัว
ผู้คนต่างมองฉากนี้อย่างใจจดใจจ่อ รูม่านตาของพวกเขาขยายออกอย่างรวดเร็ว ทั้งลมทั้งเสียงที่วุ่นวายนี้มันคืออะไรกัน?
ร่างสูงเกือบ 3 เมตร แขนขาใหญ่โต แต่ยังคงซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดของเงาไม้ ไม่มีใครเห็นชัดว่านั้นเป็นร่างของคนหรือไม่
สีหน้าของฉู่ชวิ๋นจริงจังขึ้นมาทันทีหลังจากที่ไม่ได้เป็นอย่างนี้มานาน การต่อสู้ของจริงกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!