จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 145 แยกร่างห้าส่วน[รีไรท์]
บทที่ 145 แยกร่างห้าส่วน[รีไรท์]
ฉู่ชวิ๋นหมดแรงจนต้องทรุดลงคุกเข่า
สมาชิกตระกูลหลิว บอดี้การ์ด และคนของสำนักสวรรค์ฟ้ายิ้มออกมาอย่างมีความสุข
การด่าทอเหยียดหยามอย่างเลวร้าย ทุกคนลืมเลือนไปหมดสิ้นแล้วว่าก่อนหน้านี้เกือบจะถูกฉู่ชวิ๋นฆ่าทิ้งมาแล้ว
“ฉู่ชวิ๋น มีอะไรจะพูดอีกไหม?” หลิวจื้อไจ้ถาม ใบหน้าไม่มีความเมตตาอยู่อีกแล้ว สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกระหยิ่มใจที่ทุกอย่างสำเร็จไปตามที่คิด ชายชราซึ่งเป็นผู้ติดตามเขาแอบพ่นน้ำอมฤตเทวะตอนที่ฉู่ชวิ๋นไม่ทันตั้งตัว และมันก็ได้ผลอย่างรุนแรง
ดวงตาของฉู่ชวิ๋นพร่ามัว ตอนที่เขาคุกเข่า ชายหนุ่มไม่พูดอะไรออกมาเลย
หลิวจื้อไจ้เห็นแบบนี้ก็ไม่ค่อยพอใจ ฉู่ชวิ๋นไม่ยอมทำตัวเป็นเหยื่อที่ดีสักเท่าไหร่ เหยื่อที่ดีจะต้องร้องขอความเมตตาจากผู้ล่าสักหน่อยสิ? ถ้าชายหนุ่มร้องขอความเมตตาสักนิด หลิวจื้อไจ้จะรู้สึกยินดียิ่งกว่านี้เป็นสองเท่า
“นายไม่อยากรู้หรือไงว่าพ่อแม่อยู่ที่ไหน?” หลิวจื้อไจ้ถามพร้อมกับหัวเราะเยาะ
ฉู่ชวิ๋นมองหน้าเขาอย่างพยายามอดกลั้นอารมณ์ และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “พวกเขาเป็นเหยื่อล่อ ฉันทำอะไรไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ถึงรู้ว่าพวกท่านอยู่ที่ไหน ฉันก็ไม่มีปัญญาไปช่วย สู้ไม่รู้เสียยังจะดีกว่า พวกท่านจะได้ไม่เจ็บปวด”
“ฮ่า ๆ…” หลิวจื้อไจ้ระเบิดเสียงหัวเราะ “หลานชายของฉันนี่มันลูกผู้ชายตัวจริง ฉันขอชื่นชมแกเลยนะ ตอนที่อายุเท่าแก เราไม่เคยประสบความสำเร็จได้ระดับแกด้วยซ้ำ”
“หึ ตัวร้ายกาจจะอย่างไรก็เป็นตัวร้ายกาจ ไอ้หมอนี่ถนัดเรื่องการทำลายสำนักในยุทธภพ วันนี้แหละพี่น้องของเราที่ถูกฆ่าตายไปจะได้รับการแก้แค้นแล้ว” สือจินพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
“ท่านผู้อาวุโสสือพูดได้ดีมาก เขาผู้นี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลหลิวของเราเลยแม้แต่น้อย ท่านผู้อาวุโสหวูเคยกล่าวไว้ว่าในอนาคตตระกูลหลิวจะถูกแทนที่ด้วยตระกูลฉู่ ดูจากพฤติกรรมป่าเถื่อนของเจ้าหมอนี่ ถ้าเราปล่อยให้มันรอดชีวิตต่อไปได้ เห็นทีคำพูดนั้นก็คงกลายเป็นจริงแน่นอน…” หลิวจื้อไจ้เอ่ยขึ้นมา
“ถูกต้องที่สุด ท่านผู้อาวุโสหวูนับว่ามีวิสัยทัศน์กว้างไกลจริง ๆ…” สือจินพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“โชคดีที่เราเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้น เราคงเสียทีเจ้าเด็กคนนี้แน่ๆ” สมาชิกตระกูลหลิวคนหนึ่งพูดขึ้น
“ฆ่ามันเลยดีกว่า ปล่อยมันไว้ก็ไร้ประโยชน์ นอกจากมันไม่ยอมตายในคุกแล้ว ยังออกมาก่อปัญหาให้พวกเราอีกด้วย” มีอีกหลายเสียงพูดขึ้นพร้อมกัน
“ให้ผมจัดการเอง มันฆ่าคนของสำนักสวรรค์ฟ้า ผมจะจับกระดูกมันหักทีละท่อน” สือจินพูดพร้อมกับยิ้มอย่างชั่วร้าย
คนของตระกูลหลิวไม่ขัดขวาง พวกเขาถอยหลังไปยืนดูด้วยความตื่นเต้น ทุกคนต่างก็หวังว่าฉู่ชวิ๋นจะถูกฆ่าตายไปโดยเร็ว ถ้าฉู่ชวิ๋นเสียชีวิตไปสักคน ก็จะไม่มีใครรู้ถึงพฤติกรรมน่ารังเกียจของพวกเขาก่อนหน้านี้อีกแล้ว
ทันทีที่สือจินปัดไล่ฝุ่นตามเนื้อตัวออกไป เขาก็ก้าวเดินออกมาข้างหน้าอย่างช้าๆ ดวงตาจ้องมองฉู่ชวิ๋นพร้อมกับพูดว่า “ฉู่ชวิ๋น มือสังหารจอมอำมหิต จอมปีศาจไร้หัวใจ ความอวดดีของแกหายไปไหนแล้วล่ะ? ทำไมถึงได้ลงไปคุกเข่าบนพื้นเหมือนหมาข้างถนนแบบนี้?”
ฉู่ชวิ๋นเงยหน้ามองขึ้นไปอย่างไร้เรี่ยวแรงเต็มที ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
สือจินหรี่ตาลง ดวงตาเป็นประกายโกรธแค้น ฉู่ชวิ๋นฆ่ามือดีของสำนักสวรรค์ฟ้าอย่างหวังเทียนและตู้ซงง่ายดายเหมือนกับตบยุง แม้แต่เขาที่เป็นเจ้าสำนักก็ไม่แน่ว่าจะรับมือได้ แต่ตอนนี้เมื่อเห็นว่าฉู่ชวิ๋นหมดท่าอยู่บนพื้นด้วยความอ่อนแอ ในหัวใจของสือจินจึงเกิดความปรารถนาที่ผิดปกติขึ้นมาแล้ว เขาไม่อยากจะฆ่าฉู่ชวิ๋นให้ตายเร็วเกินไปนัก เขาอยากจะทรมานชายหนุ่มให้ตายไปอย่างช้าๆ
“ฉู่ชวิ๋น ไม่อยากรู้แล้วหรือไงว่าพ่อแม่แกอยู่ที่ไหน?” สือจินทำตัวเป็นเหมือนแมวที่เล่นกับหนู พยายามจะยั่วโมโหฉู่ชวิ๋นให้มากที่สุดที่ทำได้
ฉู่ชวิ๋นเงียบ ไม่ตอบคำใด
สือจินมีสีหน้าที่อำมหิตอย่างยิ่งตอนที่พูดว่า “ฉันจะบอกความจริงให้ก็ได้ พ่อแม่ของแกอยู่ที่สำนักสวรรค์ฟ้า หลังจากที่ฉันฆ่าแกเมื่อไหร่ ฉันจะส่งพ่อแม่แกตามไปหานะ พวกแกจะได้ไปเจอกันในโลกหลังความตาย นี่ถือว่าฉันใจดีมากแล้ว แกว่าไหม?”
ฉู่ชวิ๋นชำเลืองมองเขาด้วยสายตาเย็นเยียบ ก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงเฉยชาว่า “แกจะให้ฉันดีใจเรื่องอะไร? เรื่องที่ฉันฆ่าแกได้ใช่ไหม?”
“ว่าไงนะ?” สือจินอุทานออกมา ดวงตาเบิกโตเหมือนกับคนเจอผี
เส้นไหมสีขาว 5 เส้นปรากฏขึ้น พันธนาการแขน ขาและลำคอของเขา ก่อนที่จะดึงผู้เป็นเจ้าสำนักสวรรค์ฟ้าขึ้นไปกลางอากาศ
ทุกคนได้แต่นิ่งอึ้งตกตะลึง
ฉู่ชวิ๋นค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ริมฝีปากของเขาบิดตัวเป็นรอยยิ้ม ก่อนที่ชายหนุ่มจะยกมือขึ้นและกำมือเป็นหมัด
ฟุบ!
แขนขามนุษย์ร่วงลงมาจากกลางอากาศทันที สือจินไม่มีโอกาสได้ส่งเสียงกรีดร้องด้วยซ้ำ ตอนที่ร่างกายของเขาถูกแยกออกเป็น 5 ส่วน
ภาพที่น่าสยองขวัญนี้ทำให้ลำไส้ของทุกคนบิดตัวแข็งเกร็ง ทุกคนยืนนิ่ง ดวงตาเบิกโตเหมือนจะหลุดออกมานอกเบ้า ที่สำคัญก็คือสือจินตายอย่างน่าอนาถใจนัก แขน ขา และคอของเขาไม่ได้ถูกตัดขาด แต่ว่าถูกกระชากจนขาดออกจากกัน ทุกคนได้ยินเสียงผิวหนังถูกฉีกกระชากกลางอากาศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครรับไหวอีกแล้ว
“แก…” หลิวจื้อไจ้ทำหน้าเหมือนคนหายใจไม่ออก ดวงตาเลิ่กลั่ก…เป็นอีกครั้งที่พวกเขาถูกฉู่ชวิ๋นหลอกตลบหลังเอาเสียแล้ว
ฉู่ชวิ๋นมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน น้ำอมฤตเทวะอย่างนั้นหรือ? มันไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าน้ำผลไม้ที่นำมาผสมกับพิษของงูหางกระดิ่งเลย ถ้าเป็นผู้ฝึกตนธรรมดาเผลอรับเข้าสู่ร่างกายก็อาจทำให้มีปัญหาต่อระบบหายใจได้ แต่มันไม่ส่งผลใด ๆ ต่อผู้ฝึกตนเป็นเทพแบบเขา ในตอนที่ฉู่ชวิ๋นเผลอสูดดมจากชายชราเข้าไป เขาจึงใช้โอกาสนี้ไหลตามน้ำให้พวกมันตายใจกันไปก่อน
ฉู่ชวิ๋นกวาดตามองรอบตัว ก่อนที่สายตาของเขาจะวนกลับมาหยุดอยู่ที่ชายชราที่อยู่ด้านหลังหลิวจื้อไจ้ วินาทีต่อมา เมื่อชายหนุ่มยกกำปั้นขึ้น ชายชราผู้ที่แอบพ่นน้ำอมฤตเทวะใส่เขาก็เสียชีวิตทันที
ทุกชีวิตที่อยู่ภายในคฤหาสน์ตระกูลหลิวกลับมาตกอยู่ภายใต้ความหวาดกลัวอีกครั้ง ใครที่พอมีวิชาติดตัวอยู่บ้าง ก็โคจรพลังลมปราณออกมาเป็นเกราะคุ้มกันตัวเองแล้ว
เปรี้ยง!
กำปั้นของฉู่ชวิ๋นมีเสียงดังเหมือนกับเสียงฟ้าคำราม จอมยุทธ์ระดับ 5 ที่มีลมปราณคุ้มกันร่างกายผู้หนึ่ง ถูกพลังจากหมัดของชายหนุ่มพุ่งไปกระแทกแขนเข้าเต็มแรง
กร๊อบ!
เสียงกระดูกแตกหักน่าขนลุกดังขึ้น แขนของอีกฝ่ายหนึ่งหมุนไปตามมุมกำปั้นของฉู่ชวิ๋น
“อ๊าก…” ชายผู้นั้นส่งเสียงร้องด้วยความขมขื่น ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความหวาดกลัว ในชีวิตนี้ เขาไม่เคยพ่ายแพ้ให้กับใครมาก่อนแต่ใครจะรู้เลยว่าวันนี้กลับต้องมาเสียท่าให้แก่ฉู่ชวิ๋น โดยที่ไม่อาจขัดขืนได้เลยแม้แต่น้อย
ฉู่ชวิ๋นเดินเข้าไปหาเหมือนเงาตามตัว ทุกครั้งที่เขายกกำปั้นขึ้น จะเกิดเสียงกระดูกแตกหักดังกึกก้องทั่วบริเวณ
ร่างของฉู่ชวิ๋นพลันทะยานขึ้นสูง เหมือนกับนกเหยี่ยวสยายปีกบนท้องฟ้า หลังจากนั้น เขาก็ปล่อยพลังจากหมัดใส่ฝ่ายตรงข้าม
ผลั่ก!
ขั้นปรมาจารย์ระดับ 5 ผู้เคราะห์ร้ายถูกพลังหมัดของเขากระแทกเข้าใส่อย่างเต็มเปา พื้นหินสีขาวแตกกระจาย พื้นดินยุบยวบ ลำตัวครึ่งหนึ่งของเขาจมหายลงไปใต้พื้นดินเหมือนกับตุ๊กตาผ้า กระดูกทุกชิ้นที่มีอยู่ในร่างกายถูกทำลายไปหมดสิ้น เขากระอักเลือดออกมาจากริมฝีปาก ซึ่งกลายเป็นภาพที่น่าสยดสยองเป็นอย่างยิ่ง
ฉู่ชวิ๋นกระโดดกลับลงมาบนพื้นอีกครั้ง และสะบัดมือในอากาศเหมือนกับสะบัดดาบ
ขวับ!
เลือดสีแดงสาดกระจาย หัวของจอมยุทธ์หนุ่มผู้นั้นกลิ้งกระเด็นไปทันที
บรรดาสมาชิกตระกูลหลิวยืนนิ่งอยู่กับที่ด้วยความตะลึงงัน
ต่อมา บรรดาบอดี้การ์ดของตระกูลหลิวก็พร้อมใจกันล้มลง เป็นลมไปเหมือนกับกองโดมิโน่
บางคนเป็นลมจริง บางคนก็แกล้งเป็นลม สิ่งเดียวที่พวกเขาคิดอยู่ในขณะนี้ก็คือ ฉู่ชวิ๋นน่ากลัวมากเกินไป ถ้าให้แกล้งตายได้ พวกเขาก็จะทำ
สีหน้าของฉู่ชวิ๋นมีแต่ความสะใจ ไม่มีใครรู้ทันแผนการของเขาเลยสักคนเดียว
หลิวจื้อไจ้กวาดตามองศพของเหล่าจอมยุทธ์ระดับสูงในยุทธภพ ดวงตาของเขาปรากฏแววเศร้าหมองขึ้นมาแล้ว คราวนี้ มันเป็นความจริงไม่ใช่การแสดง จอมยุทธ์เหล่านี้เคยร่วมเป็นร่วมตายกับเขามาหลายครั้ง แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว ทุกคนตายหมดแล้ว
“แกต้องการอะไร” เขามองหน้าฉู่ชวิ๋น ใบหน้าของชายชราบิดเบี้ยวด้วยความหวาดกลัวและโกรธแค้น
ฉู่ชวิ๋นมองหลิวจื้อไจ้ด้วยสายตาเฉยชา หลังจากนั้นอีกพักใหญ่ ชายหนุ่มจึงได้พูดว่า “ไม่ต้องห่วง ฉันยังไม่ฆ่าตอนนี้หรอก รอให้ฉันได้ตัวพ่อแม่กลับมาเมื่อไหร่ ฉันจะกลับมาคิดบัญชีกับพวกแกทุกคน ถ้าแกติดค้างอะไรอยู่ ให้จ่ายหนักมากกว่าเดิม 2 เท่า แต่ถ้าแกจ่ายไม่ไหว ฉันจะเอาชีวิตของพวกแกมาแทน”
หลังจากได้ยินคำนี้แล้ว สมาชิกตระกูลหลิวก็โล่งอกไปไม่น้อย เนื่องจากพวกเขาได้ยินอย่างชัดเจนว่าฉู่ชวิ๋นจะยังไม่ฆ่าทุกคนในตอนนี้
มีแต่เพียงหลิวไป๋เฟิงผู้ใบหน้าเสียโฉมไปครึ่งหน้าคนเดียวเท่านั้น ที่แอบส่งข้อความบางอย่างกับใครคนหนึ่ง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความร้ายกาจเป็นอย่างยิ่ง