จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 154 เก็บเรียบ[รีไรท์]
บทที่ 154 เก็บเรียบ[รีไรท์]
กำปั้นของฉู่ชวิ๋นมีพลังลมปราณรายล้อมอยู่โดยรอบ เวลาขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว จะทำให้เกิดการระเบิดในอากาศดังเปรี๊ยะปร๊ะ
“พวกเราตั้งค่ายกล!”
หยานซงร้องคำรามและตั้งกระบี่ทองคำเป็นแนวขวาง
เชียนเหลยและผู้อาวุโสที่เหลืออยู่ทำตามทันที
ทุกคนรู้ดีว่าเมื่อมาถึงจุดนี้จะหันหลังกลับไม่ได้อีกแล้ว
ทุกคนต่างเสียใจ เสียใจที่สร้างหนี้แค้นไว้กับฉู่ชวิ๋น แต่บนโลกใบนี้ไม่มียาแก้ไขอดีต
แน่นอนว่าไม่มีใครอยู่นิ่งให้กระทำตามใจชอบ เพราะพวกเขาไม่อยากตาย
หากสู้ให้สุดกำลัง ก็อาจมีหวังรอดอยู่บ้าง
หยานซง และผู้อาวุโสอีก 11 คน รวมเข้ากับกระบี่ทองคำอีก 11 เล่ม
ทุกคนถ่ายทอดพลังลมปราณไปที่ตัวกระบี่ทองคำ และในทันใดนั้นเอง กระบี่ทองคำก็เป็นประกายระยิบระยับ
เมื่อกระบี่ทองคำทั้ง 11 เล่มโบยบินบนท้องฟ้า มันก็ก่อตั้งค่ายกลลักษณะแปลกประหลาดขึ้นมา
พรึบ!
เมื่อคลื่นอากาศบิดตัว บนท้องฟ้าก็ปรากฏกระบี่ทองคำที่ยาวกว่า 10 เมตรเล่มหนึ่ง กระบี่เล่มนี้เคลื่อนไหวด้วยความคล่องแคล่วปราดเปรียว พลังของมันสั่นสะเทือนภูเขา สั่นสะท้านพื้นดิน
ฉู่ชวิ๋นเลิกคิ้วขึ้นสูงเล็กน้อย ก่อนที่จะยกมือข้างหนึ่งขึ้นวนเป็นวงกลม และชี้ขึ้นไปกลางอากาศ
นิ้วมือขนาดยักษ์ได้ปรากฏขึ้นแล้ว ณ ความสูงกว่า 10 ฟุต ความโดดเด่นของมันสร้างความปั่นป่วนไปทั่วบริเวณ เหมือนกับว่ามันมาพร้อมกับพลังที่พร้อมทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่าง
วิชาดัชนีสังหาร – กระบวนท่าหนึ่งดัชนีสังหารสรรพสิ่ง
กระบี่ทองคำปะทะเข้ากับนิ้วมือยักษ์นิ้วนี้กลางอากาศ
โครม!
บนท้องฟ้าเกิดการระเบิดตัวของอากาศ เหมือนมีการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์เกิดขึ้น ก่อเกิดเป็นก้อนเมฆรูปเห็ดน่าสะเทือนขวัญให้เห็นอย่างชัดเจน
หลังจากเกิดการระเบิดขึ้นแล้ว แรงระเบิดก็แปรตัวกลายเป็นคลื่นพลังงานลูกใหญ่ ไม่ว่าเป็นก้อนหิน ต้นไม้ใบหญ้า หรือทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในบริเวณนั้น ต่างก็ถูกทำลายไปหมดสิ้น สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ ไม่ต่างจากฉากในวันสิ้นโลก
โครม!
หลังจากนั้น บรรดาคนของสำนักกระบี่ทองคำอย่างเช่นหยานซงและเชียนเหลยต่างก็กระอักเลือดออกมา ใบหน้าของพวกเขากลายเป็นซีดขาวไร้สีเลือด
ฉู่ชวิ๋นวนมือเป็นวงกลมอีกครั้ง และชี้มือขึ้นไปกลางอากาศอีกรอบ
นิ้วมือขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นกลางท้องฟ้าอีกครั้ง
อานุภาพของมันทำให้เกิดแผ่นดินถล่มทั้งสองข้างทาง
โครม!
หลังเกิดเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น ภูเขาก็ถล่มลงมาต่อหน้าต่อตา พื้นดินแตกแยกออกจากกัน ฝุ่นผงฟุ้งในอากาศจนมองไม่เห็นท้องฟ้าอีกแล้ว
หลังจากที่ม่านฝุ่นจางหายไป ทุกสายตาก็เห็นว่าบนพื้นปรากฏรอยแตกที่กว้าง 1 เมตรและยาว 10 เมตรขึ้นมารอยหนึ่ง
ที่ด้านไกลสุดของรอยแตกนั้น ปรากฏเลือดสีแดงสดกองหนึ่ง
“แม่งเอ๊ย…”
หยานซงเงยหน้าคำรามใส่ท้องฟ้าเหมือนคนวิกลจริต ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรังสีการฆ่าฟัน
การลงมือของฉู่ชวิ๋นในครั้งนี้คร่าชีวิตของผู้อาวุโสไปได้อีก 4 คน ร่างของพวกเขาไม่เหลือแม้แต่กระดูก สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ก็คือกองเลือด
ดวงตาของฉู่ชวิ๋นอุดมไปด้วยความอำมหิตไม่จบไม่สิ้น เหมือนกับว่าเขาเดินทางมาที่นี่ก็เพื่อฆ่าคนเท่านั้น
“ฆ่ามัน!”
หยานซงยกกระบี่ทองคำขึ้นอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย กระบี่ทองคำยังคงเป็นประกายสวยงาม
แต่ถ้ากระบี่ถูกยกขึ้นแล้วไม่ได้ฟันลงมา ฉู่ชวิ๋นก็คิดว่ามันเป็นกระบี่ที่ไม่มีคมอยู่ดี
ขวับ!
ค่ายกลกระบี่ถูกก่อตั้งขึ้นอีกครั้ง ความเป็นประกายของตัวกระบี่เคลื่อนที่ผ่านท้องฟ้า แม้แต่แสงตะวันก็ดูจะหมองหม่นลงไปทันตา
วูบ!
กระบี่ทองคำพุ่งตัดผ่านท้องฟ้าและภายในเวลาพริบตาเดียว มันก็หายวับไปและมาปรากฏอยู่ตรงหน้าฉู่ชวิ๋น
สายลมพัดแรงปะทะกับคมกระบี่ พลังลมปราณจากตัวกระบี่ทำให้เสื้อผ้าของฉู่ชวิ๋นฉีกขาด เส้นผมของเขาเอนลู่ไปข้างหลังเหมือนกำลังเผชิญหน้าพายุขนาดใหญ่
ฉู่ชวิ๋นไม่รีบลงมือ กำปั้นของเขามีพลังลมปราณห่อหุ้ม ผิวหนังของเขาเป็นประกายเรืองรอง กระดูกของเขาแข็งแกร่งราวกับหยก หัวใจของเขาเต้นเป็นจังหวะดังตีกลอง
กำปั้นของเขาพุ่งออกไปเหมือนสายฟ้าฟาด ตามมาด้วยเสียงมังกรคำรน คลื่นเสียงของมันปะทะเข้ากับกระบี่ทองคำ และทำให้ตัวกระบี่ทองคำหยุดการเคลื่อนไหวทันที
โครม!
ฉู่ชวิ๋นถอยหลังกลับมาก้าวหนึ่ง เท้าของเขาข้างหนึ่งสัมผัสพื้นดินจนพื้นดินยุบตัวลงไป ทำให้เท้าของเขาครึ่งหนึ่งจมลงไปในพื้นดิน ส่วนลำตัวของเขายังเป็นปกติดี
ส่วนกระบี่ทองคำถูกหมัดของเขาต่อยเข้าไปจนแตกกระจายกลางอากาศ
เฮือก!
หยานซงอ้าปากกระอักเลือดออกมาคำใหญ่
ในเวลาเดียวกันนี้ กระบี่ทองคำในมือของเขาแตกสลายกลายเป็นผงสีทองที่ฟุ้งกระจายกลางท้องฟ้า และในที่สุดก็ร่วงโรยลงมาเป็นเพียงแค่ฝุ่นผงธรรมดาบนพื้นดิน
หยานซงทรุดลงคุกเข่า เมื่อไม่มีกระบี่ทองคำอยู่ในมืออีกต่อไป เขาก็ไม่สามารถต่อสู้ได้อีกแล้ว
หยานซงก้มหน้ามองด้ามกระบี่ที่อยู่ในมือของตัวเอง ยิ้มออกมาด้วยความเศร้า ก่อนที่จะพูดออกมา “สำนักกระบี่ทองคำส่งต่อกระบี่เล่มนี้มายาวนานหลายร้อยปี แต่มันกลับแตกสลายในมือของหยานซงผู้นี้งั้นเหรอ ท่านผู้เฒ่าเคยกล่าวว่ากระบี่กำหนดตัวคนและกระบี่คือตัวตนของมือกระบี่ คนอยู่กระบี่อยู่กระบี่หายคนตาย ฉู่ชวิ๋น จะลงมือก็รีบลงมือเถอะ!”
พลั่ก!
เลือดสีแดงสาดกระจายไปไกลหลายเมตร ดวงตาของหยานซงเบิกกว้าง ไร้แววตาแห่งชีวิตอีกต่อไป ร่างของเขาล้มลงไปบนพื้น มือหนึ่งยกขึ้นกุมหัวใจซึ่งถูกคลื่นพลังโจมตี
“นายท่าน…ได้โปรดไว้ชีวิตเราด้วย…”
“นายท่านฉู่ ได้โปรดละเว้นชีวิตของสุนัขต่ำต้อยอย่างฉันด้วยเถอะนะ…”
“นายทานฉู่ ไว้ชีวิตผมด้วยเถอะ พวกเราจะติดตามคุณ พวกเราจะคอยรับใช้คุณ พวกเราจะทำทุกอย่างที่คุณสั่ง…”
บรรดาผู้อาวุโสที่รอดชีวิตอยู่ของสำนักกระบี่ทองคำ พร้อมใจกันเข้ามาอ้อนวอนเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ศักดิ์ศรีของนักรบหรือ? เกียรติยศของจอมยุทธ์หรือ? มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว
ที่สำคัญก็คือบุคคลแรกที่เข้ามาขอความเมตตาจากเขา ก็คือเชียนเหลย
รองเจ้าสำนักกระบี่ทองคำ
ฉู่ชวิ๋นไม่พูดอะไร คนกลุ่มนี้คุกเข่าอยู่ข้างหน้าเขา ตัวสั่นเทา ไม่กล้าเงยหน้ามองขึ้นมาด้วยซ้ำ
นิ้วมือทั้งห้าของชายหนุ่มขยับไปมา เส้นไหมสีขาวพุ่งออกไปรัดพันลำคอของคนกลุ่มนี้เหมือนกับงูขาวตัวหนึ่ง จากนั้นก็สะบั้นคอขาดทุกคนไม่มียกเว้น!
ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเป็นประกายเย็นชา ศัตรูก็คือศัตรูอยู่วันยังค่ำ ตัวตนของเขาจะไม่เปลี่ยนไปเพราะอีกฝ่ายเข้ามาอ้อนวอนแน่นอน
ลูกศิษย์ของสำนักกระบี่ทองคำหลายร้อยคนยืนมองอยู่จากที่ห่างไกล
ทุกคนได้แต่ยืนนิ่งด้วยความหวาดกลัว ไม่กล้าขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว
พวกเขาเกิดมาพร้อมกับการต่อสู้ แต่ถึงขนาดเจ้าสำนักถูกสังหารแบบนี้มันก็มากเกินไป ไม่มีใครกล้าหาญมากพอที่จะวิ่งหนีด้วยซ้ำ
ยิ่งไปกว่านั้น ทางออกเดียวที่จะออกไปจากภูเขาลูกนี้ได้ ฉู่ชวิ๋นก็ยืนขวางทางอยู่
ฉู่ชวิ๋นหันไปมองหน้ากลุ่มคนกลุ่มนั้นด้วยสายตาเฉยชา
“ไสหัวไป!”
หลังจากพูดจบแล้ว ฉู่ชวิ๋นก็เดินเลี่ยงออกมา ไม่ยืนขวางทางอีกต่อไป
แล้วในวินาทีนั้นเอง ลูกศิษย์ของสำนักกระบี่ทองคำหลายร้อยคนก็พากันกรูไปยังทางออกของภูเขาลูกนี้ เหมือนกับฝูงม้าป่าที่กำลังตื่นกลัวนักล่าสุดขีด
นับจากนี้ไป ไม่มีสำนักกระบี่ทองคำในโลกยุทธภพอีกต่อไปแล้ว
ผู้อาวุโสทั้ง 22 คนของสำนักกระบี่ทองคำ ถูกสังหารไปหมดสิ้นแล้ว!!!
……
……
ฉู่ชวิ๋นเอามือหนึ่งไขว้หลังก่อนจะเดินผ่านเข้าไปในประตูของสำนักกระบี่ทองคำ
สำนักต่างๆในโลกยุทธภพมักจะมีสิ่งของที่ส่งต่อสืบทอดกันมาหลายร้อยปี
เขาเดินไปบนทางเดินหิน เดินผ่านซุ้มประตูโค้ง พบเห็นแต่สิ่งของสวยงามมากมาย
บนถนนที่ปูด้วยแผ่นหิน มีต้นไม้จากฝรั่งเศสปลูกเรียงรายอยู่สองข้าง ใบไม้ของพวกมันเป็นเหมือนร่มกันแดดชั้นดี มีแสงแดดทะลุลงมาเป็นลำบนพื้นดินบ้างเล็กน้อยเท่านั้น
เมื่อเดินผ่านซุ้มประตูโค้งเข้ามา ก็จะพบเจอกับระเบียงทางเดินและสะพานขนาดเล็ก ฉู่ชวิ๋นรู้สึกว่าผู้ที่ออกแบบการก่อสร้างที่นี่ต้องไม่ใช่หยานซงหรือว่าเชียนเหลยแน่นอน เพราะผู้ออกแบบมีรสนิยมที่ดีมาก
และแล้ว อาคารสีขาวที่มีลักษณะเหมือนปราสาทยุคโบราณก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า ยอดหลังคาสะท้อนประกายวิบวับกับแสงแดด ช่วยมอบสีสันที่สวยงามตระการตาเป็นที่สุด
ฉู่ชวิ๋นสะบัดฝ่ามือหนึ่งครั้ง เสียงโครมครามดังขึ้น แล้วประตูไม้สีแดงหน้าปราสาทก็ถูกทำลายกลายเป็นเศษขยะไปทันที
ชายหนุ่มลองใช้จิตวิญญาณสำรวจภายในปราสาท
ไม่กี่อึดใจต่อมา ปราสาททั้งหลังก็สั่นสะเทือนเล็กน้อย
ประตูหินที่ปิดกั้นห้องลับเอาไว้ พลันยกตัวขึ้น
ในวินาทีที่ประตูหินนี้ยกตัวขึ้น พลังงานบางอย่างก็แผ่กระจายออกมาทั่วบริเวณ
ฉู่ชวิ๋นยิ้มในขณะที่ก้าวเดินไปข้างหน้า
ทันใดนั้น เท้าของเขาพบเจอเพียงความว่างเปล่า
เขาเหยียบลงไปบนแผ่นไม้ที่เป็นกับดักกลไกบนพื้น
บนผนังทั้งสองฝั่งปรากฏรูเล็กๆ ขึ้นจำนวนนับไม่ถ้วน หลังจากนั้น เสียงกลไกบางอย่างก็ทำงาน โดยที่ฉู่ชวิ๋นไม่สามารถคาดเดาได้เลย
ฟึบ!
เสียงอะไรบางอย่างแหวกอากาศดังเข้ามา
ลูกธนูหลายพันดอกพุ่งตรงออกมาจากรูบนผนัง หมายสังหารผู้ที่บุกรุกเข้ามา ณ ที่แห่งนี้
ฉู่ชวิ๋นไม่ได้แสดงความตื่นกลัวใดๆ ต่อลูกธนูหลายพันดอกเลยสักนิด ดวงตาของเขาจ้องมองอยู่แต่ที่ภาพวาดบนผนังที่อยู่ใกล้ๆ ภาพวาดภาพนี้เก่าแก่จนเป็นสีเหลือง และด้านล่างก็มีแท่นบูชาตั้งเอาไว้
ฟึบ!
ลูกธนูที่พุ่งเข้ามาจะถึงตัวฉู่ชวิ๋น พลันลอยข้ามตัวชายหนุ่มไปเสียอย่างนั้น
ฉู่ชวิ๋นไม่สนใจสมุนไพรจิตวิญญาณชนิดอื่น ๆ ที่อยู่ในห้อง เขารีบตรงเข้าไปที่ภาพวาดภาพนั้นทันที
เนื่องจากว่าภาพวาดนี้มีลักษณะเฉพาะตัวบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นลายเส้นที่ดูลึกลับ กลุ่มก้อนเมฆที่ดูน่าสงสัย นกหายากหลายชนิดและสัตว์ดุร้ายชนิดต่าง ๆ
หลังจากวิเคราะห์อยู่ครู่หนึ่ง ฉู่ชวิ๋นก็ลงความเห็นว่าภาพนี้ไม่ธรรมดา
ถึงแม้ว่าเขาจะหาไม้ฟ้าผ่าไม่พบ แต่ฉู่ชวิ๋นก็ยังสามารถปรุงยาได้อยู่ดี ทว่าตัวยาที่ปรุงออกมาจะมีสรรพคุณยอดเยี่ยมมากยิ่งขึ้น ถ้ามีไม้ฟ้าผ่าผสมลงไปด้วย
ฉู่ชวิ๋นเก็บภาพวาดนี้ติดตัวมาด้วยอย่างระมัดระวัง คิดว่าเมื่อกลับไปถึงที่พักแล้ว จะลองวิเคราะห์ต่อให้ละเอียดลึกซึ้ง
หลังจากนั้น บรรดาสมบัติที่ถูกเก็บอยู่ในห้องลับของสำนักกระบี่ทองคำก็ถูกเก็บเข้าสู่แหวนมิติของฉู่ชวิ๋นหมดสิ้น
สมบัติที่สำนักกระบี่ทองคำเก็บรวบรวมไว้เป็นเวลาหลายร้อยปี ในขณะนี้ ตกเป็นของฉู่ชวิ๋นแต่เพียงผู้เดียวไปเรียบร้อยแล้ว!