จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 177 หวาดกลัวเอาตัวรอด[รีไรท์]
บทที่ 177 หวาดกลัวเอาตัวรอด[รีไรท์]
สุดท้าย ขั้นปรมาจารย์ระดับ 6 ของสำนักสวรรค์ฟ้าก็เป็นฝ่ายชนะ
กลุ่มคนผู้มาร่วมงานเลี้ยงเปิดตัวคฤหาสน์ตระกูลฉู่จิตใจหวั่นไหว สิ่งที่ฝ่ายหนึ่งกล่าวมานั้นถูกต้องหมดทุกอย่าง พวกเขาเพียงแค่มาที่นี่เพื่อร่วมงานเลี้ยงของฉู่ชวิ๋น ไม่ได้อยากจะเอาชีวิตมาทิ้งซะหน่อย
“ผมลืมไปเลยว่า มีเรื่องสำคัญต้องกลับไปทำ เดี๋ยววันหลังจะติดต่อกลับมาใหม่นะครับ”
“ฝากขอบคุณนายท่านฉู่ชวิ๋นด้วยนะสำหรับน้ำยาเทวะ แต่ในเมื่อตอนนี้ผมกินอิ่มหนำสำราญแล้ว ยังมีคนอีกมากมายรอคิวอยู่ ผมคงต้องขอตัวกลับก่อน เพื่อเปิดทางให้คนอื่นบ้างแล้วล่ะครับ”
“ก่อนที่ผมจะมา ทางสำนักได้กำชับให้ผมกลับก่อนมืด ตอนนี้ก็เป็นเวลาไม่น้อยแล้ว ผมคงต้องขอตัวกลับก่อนดีกว่า” หลายคนเริ่มหาเหตุผลที่จะเดินทางกลับออกไป และถึงแม้อีกหลายคนจะทำเป็นกำหมัดไม่พูดอะไร แต่ใจจริงนั้นอยากจะกลับออกไปจากที่นี่ใจจะขาด มากยิ่งกว่ากลุ่มคนที่หาข้อแก้ตัวเสียอีก
“เจ้าพวกขี้ขลาดตาขาว” ยัยตัวร้ายหัวเราะอย่างดูแคลนไม่ปิดบัง หลายคนหันมองหน้ากัน บางคนหน้าแดงด้วยความละอายใจ แต่ในที่สุดแล้วก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาที่สำคัญก็คือ ยัยตัวร้ายดูจะไม่กลัวสำนักสวรรค์ฟ้าเลยสักนิด เธอกับลูกน้องยังคงแสดงท่าทีว่าจะอยู่ที่นี่ต่อไป
ในขณะนี้ กลุ่มคนเก้าจากสิบส่วน ได้กลับออกไปจากงานเลี้ยงแล้วขั้นปรมาจารย์ระดับ 2 โกรธแค้นจนเคราขาวชี้ชัน
“ไอ้เจ้าขี้ขลาดพวกนี้นี่…” เฉินฮั่นหลงสบถ
“เกิดอะไรขึ้น?” โม่ซิงเหอถาม เฉินฮั่นหลงเล่าเรื่องราวทั้งหมดอีกครั้ง โม่ซิงเหอหน้ากระตุกด้วยความโกรธแค้น
“เฮอะ ที่แท้ก็เป็นพวกขี้ขลาดกันไปหมด”
บัดนี้ คนจากบนภูเขาได้ทยอยเดินกลับลงมาแล้ว บริเวณตีนเขา ยังคงมีคนจำนวนมากมายเฝ้ารอดูจอมยุทธ์จากยุทธภพ เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้เข้า หลายคนจึงสงสัยอยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบนยอดเขากันแน่ ถึงได้มีกลุ่มคนจำนวนมากพากันกรูกลับลงมาแบบนี้
เฉินฮั่นหลงและโม่ซิงเหอขยับถอยหลัง หยิบศิลาวิญญาณออกมาหมุนวนในอากาศ ก่อสร้างเป็นม่านพลัง ปิดกั้นคนกลุ่มนั้นให้อยู่ด้านนอก ทั้งสองคนสบถสาบานและเดินกลับขึ้นไปบนภูเขา นับจากนี้คนที่กลับลงมาจากภูเขาในตอนนี้ จะไม่มีวันได้กลับขึ้นไปอีกตลอดชีวิต
ณ ยอดเขา เมื่อกลุ่มคนจำนวนมากเดินทางกลับไป บรรยากาศจึงวังเวงไปทันตา
“คุณหนู รู้ตัวหรือเปล่าว่าคุณกำลังมีปัญหาอยู่กับใคร คุณอยากจะตายอยู่ที่นี่ใช่ไหม?” เสียงของขั้นปรมาจารย์ระดับ 6 ถามออกมาจากด้านในเฮลิคอปเตอร์
“นายมีปัญญาทำอะไรได้หรือไงล่ะ?” ยัยตัวร้ายแหงนหน้ามองท้องฟ้า ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ เธอยังคงนั่งไขว่ห้างอยู่ในท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
เธอมีความกล้าหาญจนลูกผู้ชายหลายคนต้องอับอาย คนกลุ่มนั้น เป็นลูกผู้ชายอกสามศอกแท้ๆ แต่กลับวิ่งหนีไปได้อย่างหน้าไม่อาย
“ดูเหมือนว่าสำนักภูผาทมิฬ ตัดสินใจที่จะตายไปพร้อมกับฉู่ชวิ๋นแล้วสินะ?” เสียงที่ดังออกมาจากเฮลิคอปเตอร์ยังคงเหยียดหยามต่อไป “โชคไม่ดีที่วันนี้เป็นวันตายของฉู่ชวิ๋น แทนที่จะได้เปิดตัวคฤหาสน์ของตัวเอง วันนี้มันจะได้ลงไปนอนในหลุมศพแทนแล้ว”
“เลิกโม้สักทีได้ไหม? เก่งจริงก็แสดงฝีมือออกมา อย่าดีแต่พ่นน้ำลายเป็นแม่ค้าในตลาดสดไปได้” ยัยตัวร้ายตอบกลับอย่างดูถูก
บัดนี้ เหลือคนอยู่ในลานจัตุรัสไม่มากแล้ว ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือเดนตายทั้งสิ้น แต่เมื่อได้ยินคำพูดของยัยตัวร้ายเข้าไป พวกเขาก็ต้องยอมรับว่า หญิงสาวเป็นคนที่มีปากคอเลาะร้ายเหลือเกิน
ไม่ต้องมองเห็นหน้า เพียงแค่ได้ยินเสียงอย่างเดียว คนบนเฮลิคอปเตอร์ก็รู้แล้วว่ายัยตัวร้ายเกลียดชังพวกเขาขนาดไหน
แน่นอนว่าภายในเฮลิคอปเตอร์ขณะนี้ ขั้นปรมาจารย์ระดับ 6จากสำนักสวรรค์ฟ้ากำลังโคจรพลังลมปราณเต็มที่ ใบหน้าที่แก่ชราของเขากลายเป็นสีดำเข้ม
“ถ้าอยากตายนัก เดี๋ยวฉันจัดให้”
เปรี้ยง ๆ ๆ ๆ!
ปืนกลรัวยิงออกมาอีกครั้ง ประกายไฟแลบออกมาจากปลายกระบอกปืน เช่นเดียวกับควันสีขาวที่พวยพุ่งเป็นทางยาวปกคลุมไปทั่วยอดเขาเขียวขจี
ขณะนี้ ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์โคจรพลังเตรียมรับมือ ถึงแม้ว่าทุกคนจะเชื่อมั่นในม่านพลังของฉู่ชวิ๋น แต่เมื่อเผชิญภัยคุกคามจากความตาย ความหวาดกลัวย่อมเป็นเรื่องธรรมดา
กลุ่มจอมยุทธ์ที่ยังอยู่บริเวณตีนเขา ต่างก็เห็นเหตุการณ์นี้เช่นกัน ม่านน้ำตกที่ไหลลงมาจากท้องฟ้าเปล่งประกายสีสันตระการตา น้ำตกขยายบริเวณกว้างขึ้นเหมือนกับเป็นสิ่งมีชีวิต ทุกคนมองเห็นกับตาว่า ห่ากระสุนจากปืนกล พุ่งกระทบม่านน้ำตกหูดับตับไหม้
พวกเขาหลับตาลงโดยทันที เนื่องจากไม่รู้เลยว่าม่านพลังจะสามารถป้องกันอาวุธสงครามพวกนี้ได้จริงหรือไม่
หนึ่งวินาทีผ่านไป!
สองวินาทีผ่านไป!
ห้าวินาทีผ่านไป!…จนกระทั่งสิบวินาทีผ่านไป!
ยังคงไม่มีกระสุนทะลุลงมา เริ่มมีบางคนลืมตาขึ้นมาอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้น พวกเขาก็ได้อุทานว่า “ดูนั่นสิ”
เมื่อได้ยินดังนั้น เกือบทุกคนที่เหลืออยู่ก็ลืมตาขึ้น แล้วก็ต้องอุทานออกมาเช่นกัน
นอกจากห่ากระสุนจะหายวับเข้าไปในม่านน้ำตกแล้ว ม่านน้ำตกยังดูดซับพลังของมันเอาไว้ เหมือนกับเวลาที่คนเราเอานิ้วอุดลูกโป่ง เมื่อสอดนิ้วเข้าไปอุดลูกโป่ง ลูกโป่งก็จะไม่มีทางแตกออกอย่างแน่นอน
สิ่งที่ทุกคนกำลังเห็นอยู่ก็คือ ม่านน้ำตกหลากสีสันกำลังดูดซับห่ากระสุนจำนวนมากเอาไว้ ปกติแล้วน้ำเป็นของเหลวไร้ซึ่งแรงต้านทาน แต่ตอนนี้มันกลับแข็งตัวคล้ายกับเป็นยางยืดขนาดใหญ่อย่างน่ามหัศจรรย์
ทุกคนที่ยังอยู่บนยอดเขา ได้แต่ยืนมองห่ากระสุนหายวับไปในม่านน้ำตก บรรดาลูกกระสุนจากปืนกล ไม่สามารถทะลุม่านน้ำตกลงมาได้เลย
ขั้นปรมาจารย์ระดับ 6 ซึ่งอยู่ในเฮลิคอปเตอร์ เห็นดังนั้นก็รีบร้องตะโกนด้วยความเสียขวัญทันทีว่า “พวกเราหลบ!”
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ม่านน้ำตกหลากสีสันก็เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง มันเปลี่ยนสภาพจากสิ่งที่คล้ายเป็นยางยืด กลายเป็นสปริง ดีดบรรดาลูกกระสุนที่ดูดซับเอาไว้ พุ่งกลับไปยังทิศทางเดิมด้วยความเร็วที่มากยิ่งกว่าตอนถูกยิงออกมาเสียอีก
นักบินของเฮลิคอปเตอร์ทั้งสามลำ รีบนำพาเครื่องบินหนีขึ้นไป ชุลมุนวุ่นวายจนแทบจะชนกันเองแล้ว เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งฉากหลบฝูงกระสุนได้ เนื่องจากผู้อาวุโสร้องเตือน และอีกลำหนึ่งก็สามารถหลบได้อย่างเฉียดฉิว มีเพียงเฮลิคอปเตอร์ลำที่อยู่ตรงกลางเท่านั้นที่หลบไม่ทัน ถูกห่ากระสุนสะท้อนกลับมาทะลวงเข้ากลางตัวถังอย่างจังเบอร์
บึ้ม!
เสียงระเบิดรุนแรงก้องกังวานในอากาศ เปลวไฟกระจายไปทั่วท้องฟ้า
ถึงแม้ว่าเฮลิคอปเตอร์อีกสองลำจะหนีรอดคมกระสุนไปได้ แต่พวกมันกลับถูกแรงระเบิดของเฮลิคอปเตอร์ลำนั้น เล่นงานจนเกือบจะตกอยู่หลายรอบ กว่าที่จะตั้งหลักได้ คนที่อยู่บนเครื่องก็ต้องปาดเหงื่ออย่างหนัก
นี่คือสิ่งที่ทุกคนได้เห็นกันอย่างถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่อยู่บนยอดเขา หรือผู้ที่อยู่บริเวณตีนเขาก็ตาม
“สำนักสวรรค์ฟ้า นอกจากมาแสดงยิงดอกไม้ไฟแล้ว ตอนนี้ยังมาแสดงขับเครื่องบินผาดโผนด้วยเหรอ? ต้องขอบอกเลยว่า
การแสดงของพวกนายไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่ แต่เห็นแก่ความพยายาม ฉันจะให้รางวัลก็แล้วกัน ลงมาเอาทิปสิ เดี๋ยวเจ๊ให้ตังค์ไปกินขนม” ยัยตัวร้ายพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
ทุกคนที่อยู่บนเฮลิคอปเตอร์ในตอนนี้ขวัญเสียกันหมดแล้ว โดยเฉพาะขั้นปรมาจารย์ระดับ 6 ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ สีหน้าตื่นตระหนกถึงขีดสุด
“ไม่ต้องมาทำอวดดี ต่อให้วันนี้เธอรอดไปได้ สำนักสวรรค์ฟ้าจะต้องกลับมาคิดบัญชีในภายหลังแน่นอน” ถ้อยคำที่ดังออกมาจากปากของผู้อาวุโสเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
“สำนักสวรรค์ฟ้าเก่งขนาดนั้นเชียวเรอะ? ทำไมไม่แสดงฝีมือออกมาเลยล่ะ ถ้าเป็นฉันนะ ฉันสามารถจัดการนายได้ในเวลาไม่กี่นาทีด้วยซ้ำ” ยัยตัวร้ายหันมองไปข้างตัวด้วยสายตาเบื่อหน่าย
“คนสวย เธอชักจะพูดจาอวดดีเกินไปหน่อยแล้วนะ ตอนนี้ฉันจะปล่อยให้เธออวดดีไปก่อน แต่สักวันหนึ่ง ฉันจะต้องตัดลิ้นเธอให้ได้ ในขณะที่สำนักสวรรค์ฟ้าของเรา กวาดล้างสำนักภูผาทมิฬของเธอไม่ให้เหลือซาก”
ขั้นปรมาจารย์ระดับ 6 พูดกับยัยตัวร้ายด้วยความโกรธแค้น ปกติแล้วเขาจะไม่พูดจาเช่นนี้กับผู้หญิงเด็ดขาด แต่ตอนนี้เขาก็พูดมันออกมาแล้วโดยไม่รู้ตัว
ยัยตัวร้ายเบิกตาโต ทำหน้าเหมือนกับได้ยินเรื่องตลกขบขันเรื่องหนึ่ง เธอระเบิดเสียงหัวเราะและพูดว่า “น่าสมเพชจริง ๆ นี่โดนระเบิดเข้าไปจนสมองเลอะเลือนแล้วหรือไงถึงได้ฝันเฟื่องแบบนั้น? ฉันว่าวันนี้นายเอาตัวรอดให้ได้จากฉู่ชวิ๋นก่อนจะดีกว่านะ”
ผ้อาวุโสระดับที่หกของสำนักสวรรค์ฟ้ามีสีหน้าอำมหิต เขาก้มหน้ามองลงไปที่ยัยตัวร้ายและออกคำสั่งกับนักบินเสียงเข้มว่า “ถอนกำลัง!”
แม้แต่อาวุธสงครามที่หนักที่สุดก็ยังทำลายม่านพลังของฉู่ชวิ๋นไม่ได้ พวกเขาอยู่ต่อไปก็ไร้ประโยชน์ แต่ที่สำคัญก็คือ จุดหมายที่เขามาในวันนี้ก็เพื่อรบกวนงานเลี้ยงของฉู่ชวิ๋น ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จไปแล้วด้วยดี
เสียดายที่เป้าหมายอีกอย่างหนึ่งทำได้ไม่สำเร็จเท่านั้นเอง