จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 18 เขาอันตรายมาก
บทที่ 18 เขาอันตรายมาก
“ติ้ง!”
ลิฟต์มาถึงชั้นที่ต้องการแล้ว ฉู่ชวิ๋นจับมือถางโร้วออกมาด้วยใบหน้าเรียบ ๆ
“ไป๋เซ่า” เด็กหนุ่มอีกคนรีบมาดูสภาพของเพื่อนตัวเองทันทีหลังจากพวกฉู่ชวิ๋นเดินออกจากลิฟต์ ฉู่ชวิ๋นที่เดินห่างจากลิฟต์ไปแล้วสิบกว่าเมตรทันใดนั้นก็หยุดเดินและหันไปมอง
“เขานามสกุลไป๋ เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลไป๋ไหม?” เด็กหนุ่มเพื่อนของไป๋เซ่าตัวสั่นและรีบพูดขึ้นมาว่า “เขาชื่อไป๋เซ่า เป็นลูกของลุงไป๋เหรินเจี๋ยที่อยู่ในตระกูลไป๋”
“นายไปพาเขามา” ฉู่ชวิ๋นพูดกับเฉินฮั่นหลง
เฉินฮั่นหลงเดินกลับไปจับหัวของไป๋เซ่าและลากออกมา
“กลับไปบอกตระกูลไป๋ให้ส่งตัวหวังซงพร้อมเตรียมเงินห้าร้อยล้านมา” ฉู่ชวิ๋นมองไปที่เพื่อนของไป๋เซ่าและพูดขึ้น
เฉินฮั่นหลงมีสีหน้าประหลาดใจสักพักก็ยิ้มออกมา ตระกูลไป๋นี้ช่างโชคร้ายจริง ๆ กล้าท้าทายนายท่านผู้เป็นเทพเซียนสมน้ำหน้าพวกเขาจริง ๆ
ห้องโถงใหญ่ชั้นหนึ่งผู้คนเดินผ่านไปมา พวกเขาเห็นไป๋เซ่าที่หมดสติถูกลากไปเหมือนลากหมาดึงดูดความสนใจจากผู้คนจำนวนมาก
“นี้ไม่ใช่ไป๋เซ่าตระกูลไป๋หรอ?”
“น่าจะใช่ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ โดนลากเหมือนซากหมาเลย?”
“ดูแล้วน่าจะสลบไป คนที่ลากเขาคือเฉินฮั่นหลงใช่ไหม? เขากล้าลงมือกับคนของตระกูลไป๋เลยเหรอ?”
“เฉินฮั่นหลงคนนี้บ้าไปแล้ว? กล้ามีเรื่องวุ่นวายในภัตตาคารจื่อจู่หลิน?” คนที่อยู่บริเวณรอบ ๆ แอบดูสถานการณ์และพูดซุบซิบนินทาเฉินฮั่นหลง
เฉินฮั่นหลงแบะปากอย่างเหยียดหยาม ก่อเรื่องวุ่นวายในภัตตาคารจื่อจู่หลินแล้วมันจะทำไมวะ? ในเมื่อเขามีฉู่ชวิ๋น เขาในตอนนี้พูดได้เลยว่ามั่นใจ ในฉู่ชวิ๋นมากจนถึงขีดสุด เมื่อตอนที่ทั้งสามคนกำลังจะเดินออกจากประตู
“ย้าาาา!”
กลุ่มพนักงานรักษาความปลอดภัยก็ออกมายืนสกัดกั้นหน้าประตู ในลิฟต์ล้วนมีกล้องวงจร ทุก ๆ ชั้นของภัตตาคารจื่อจู่หลินล้วนมีคนดูแล
มีผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามาและมองไปที่เฉินฮั่นหลงพร้อมพูดว่า “เฉินฮั่นหลง คุณกล้าก่อเรื่องวุ่นวายในภัตตาคารจื่อจู่หลินเลยเหรอ? คิดว่าที่นี่คือกลุ่มเหยี่ยวมังกรที่คุณจะทำอะไรก็ได้อย่างงั้นเหรอ?”
“ผู้จัดการโฮ่วออกหน้ามาเองแล้ว แบบนี้ไม่จบง่าย ๆ แน่”
“ดูเหมือนว่าครั้งนี้เฉินฮั่นหลงจะก่อเรื่องใหญ่แล้ว”
“ยังจำตระกูลซุนก่อนหน้านี้ได้ไหม? นั้นน่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่มเงินทุนหนากว่าหลายร้อยล้าน หัวหน้าตระกูลพวกเขาก็ก่อเรื่องวุ่นวายที่นี่ สุดท้ายก็ถูกผู้จัดการโฮ่วโยนลงมาจากตึกชั้นสิบห้า หลังจากนั้นตระกูลซุนก็ล้มหายตายจากไปเลย”
ผู้คนที่อยู่บริเวณนี้บางคนก็เป็นห่วงเฉินฮั่นหลง บางคนก็ยินดียินร้ายกับความโชคร้ายของเฉินฮั่นหลง
“พี่ฉู่ชวิ๋น!” ถางโร้วรีบจับแขนฉู่ชวิ๋นแน่น เธอไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้
“ไม่เป็นไร!” ฉู่ชวิ๋นพูดปลอบใจด้วยเสียงที่แผ่วเบา
เฉินฮั่นหลงมองไปที่ผู้จัดการโฮ่วแล้วแสยะยิ้ม “ผู้จัดการโฮ่ว คุณไม่ต้องมาพูดจาข่มขู่ผมหรอก ไป๋เซ่าคนนี้พวกคุณหลับหูหลับตาทำเป็นมองไม่เห็นก็พอ ไม่ว่ายังไงวันนี้ผมก็ต้องเอาเขากลับไปสั่งสอนแทนตระกูลไป๋ นี่เป็นเรื่องของผมกับตระกูลไป๋คุณอย่าเข้ามายุ่งเลยดีกว่า”
“คุณจะสั่งสอนเขาแทนตระกูลไป๋? เฉินฮั่นหลง คุณกล้ามากจริง ๆ นะ? คนของตระกูลไป๋คุณก็กล้าสั่งสอน? ไม่กลัวตระกูลไป๋โกรธทำลายกิจการที่คุณสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากให้เละกลายเป็นขี้หรือไง?”
ผู้จัดการโฮ่วในใจรู้สึกหวาดกลัวมาก ปกติเวลาเจอเฉินฮั่นหลง เขาทำตัวดีมาตลอดแต่วันนี้การพูดของเขาราวกับว่าแม้แต่ตระกูลไป๋ก็ไม่อยู่ในสายตาของเขา
“ผมไม่ขอรบกวนให้ผู้จัดการโฮ่วมาเป็นกังวลแทนผม เรื่องในวันนี้คุณก็แค่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แบบนี้จะดีทั้งกับผมและคุณ แน่นอน ไม่ว่าคุณจะพูดอะไร ไป๋เซ่าคนนี้ผมก็ต้องเอากลับไปด้วย ต่อให้คนในตระกูลไป๋มาก็หยุดผมไม่ได้หรอกนะ” เฉินฮั่นหลงพูดอย่างสบาย ๆ ปกติเขาเจอพวกนี้ล้วนทำตัวว่านอนสอนง่าย แต่ตอนนี้เขามีฉู่ชวิ๋นต่อให้เป็นเทพหน้าไหนก็เขาก็ไม่กลัว
ผู้จัดการโฮ่วแววตากระตุกวูบหนึ่ง เขาไม่เข้าใจ เฉินฮั่นหลงคนนี้ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน คิดไม่ถึงว่าแม้แต่ตระกูลไป๋เขาก็ไม่กลัว ตอนนี้เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเฉินฮั่นหลงกำลังสร้างสถานการณ์ขู่ขวัญตบตาหรือว่าเขามีผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งอยู่จริง ๆ?
“ผู้จัดการโฮ่ว ถ้าหากว่าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว รบกวนให้คนของคุณหลบทางพวกผมหน่อย” เฉินฮั่นหลงชี้ไปที่พวกรักษาความปลอดภัยที่ยืนสกัดกั้นอยู่หน้าประตู
ผู้จัดการโฮ่วไม่กล้าปล่อยเฉินฮั่นหลงให้พาไป๋เซ่าไป ถ้าหากว่าเป็นแบบนี้จริง ๆ ภัตตาคารจื่อจู่หลินจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน “ประธานเฉิน กฎเกณฑ์ของภัตตาคารจื่อจู่หลินคุณก็รู้ พวกไม่สนว่าจะเป็นเพราะว่าอะไร? แต่นายน้อยตระกูลไป๋คนนี้คือแขกของพวกเรา พวกเรามีหน้าที่ต้องรักษาความปลอดภัยของแขกทุกคน ดังนั้น คุณจะเอาเขาไปไม่ได้” ผู้จัดการโฮ่วไม่อนุญาตให้เฉินฮั่นหลงไปคำพูดของเขาดูมั่นใจมาก
เฉินฮั่นหลงยิ้มอย่างเหยียดหยาม “กฎเกณฑ์ภัตตาคารจื่อจู่หลินของคุณ มันเกี่ยวอะไรกับผม? วันนี้ไป๋เซ่ายังไงก็ต้องไปกับผมให้ได้ ถ้าหากใครอยากจะเข้ามาเอาตัวเขาไป อย่าหาว่าผมไม่เกรงใจก็แล้วกัน!” ท่าทางที่แข็งกร้าวของเฉินฮั่นหลงทำให้ผู้จัดการโฮ่วรู้สึกลำบากใจมาก
“ประธานเฉิน ผมไม่รู้ว่านายน้อยตระกูลไป๋คนนี้ล่วงเกินคุณยังไง แต่ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณก่อนรอเขาได้สติแล้วผมค่อยให้เขาขอโทษคุณ คุณว่าแบบนี้ดีไหม?”
ผู้จัดการโฮ่วอยากจะยื้อเวลาเฉินฮั่นหลงไว้ก่อน หลังจากนั้นค่อยโทรบอกตระกูลไป๋ แบบนี้เขาจะได้ไม่ผิดในกับทั้งสองฝ่าย ให้พวกเขามาตีกันเองเลยจบ ๆ
“ผู้จัดการโฮ่ว คุณคิดว่าถ้าหากไป๋เซ่าแห่งตระกูลไป๋ล่วงเกินผม ผมจะกล้าทำแบบนี้จริง ๆ เหรอ?” เฉินฮั่นหลงยิ้มเยาะและถามกลับ
ผู้จัดการโฮ่วเข้าใจเรื่องนี้ดี อิทธิพลอำนาจของตระกูลไป๋ แม้ว่าไป๋เซ่าจะล่วงเกินเฉินฮั่นหลง เฉินฮั่นหลงก็ทำได้แค่อดทนแต่ตอนนี้เฉินฮั่นหลงเผด็จการขนาดนี้งั้นผู้ที่อยู่เบื้องหลังเฉินฮั่นหลงแน่นอนว่าต้องมีฐานะที่สูงดั่งพระเจ้าแน่นอน
“ไป๋เซ่าคนนี้ล่วงเกินใครกันแน่? ประธานเฉินไม่ต้องพูดกำกวม คุณก็รู้ว่าผมก็ทำงานพิเศษให้คนคนหนึ่งเหมือนกัน” ผู้จัดการโฮ่วอดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทีโชว์เบื้องหลังของตัวเองออกมาข่ม
เฉินฮั่นหลงมองไปยังฉู่ชวิ๋นเมื่อเห็นสีหน้าที่เรียบเฉยของฉู่ชวิ๋น ในใจก็คิดแผนการขึ้นมาทันที ฉู่ชวิ๋นไม่รังเกียจที่เขาแอบอ้างบารมีของฉู่ชวิ๋นเพื่อข่มขู่ผู้อื่นเขารีบโค้งคำนับให้ฉู่ชวิ๋นทันทีหลังจากนั้นก็มองไปที่ผู้จัดการโฮ่ว
การกระทำของเฉินฮั่นหลงนี้ ทำให้ทุกคนสายตาจับจ้องไปที่ฉู่ชวิ๋น ผู้จัดการโฮ่วมึนงง คนที่อยู่ข้าง ๆ เฉินฮั่นหลงคือใครกันแน่ นายน้อยทุก ๆ คนในเมืองกู่เจียงมีไม่น้อยและเขาแทบจะรู้จักหมดทกุคนแต่คนที่อยู่ตรงหน้าเขา เขาไม่รู้จักเลยสักนิด! หรือมาจากวงศ์ตระกูลที่สูงส่งแห่งเมืองหลวง? ผู้จัดการโฮ่วคิดอยู่ในใจ
“ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครเหรอครับ?” ผู้จัดการโฮ่วพูดอย่างระมัดระวัง
“ฉันก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นเอง” ฉู่ชวิ๋นพูดเบา ๆ
ที่ฉู่ชวิ๋นพูดเป็นความจริงแต่ผู้จัดการโฮ่วกลับไม่ได้คิดแบบนั้น คนธรรมดาจะสามารถทำให้เฉินฮั่นหลงอ่อนน้อมจนไร้ศักดิ์ศรีได้เหรอ?
ผู้จัดการโฮ่วเริ่มวิตกกังวล เขาไม่รู้ข้อมูลของอีกฝ่าย เรื่องนี้จัดการไม่ดีอนาคตของเขาต้องจบลงที่นี่แน่ ๆ
เวลานี้ในห้องทำงานชั้นบดสุดที่หรูหราของภัตตาคารแห่งนี้ หญิงสาวผู้สวยสดงดงามคนหนึ่งกำลังนอนขี้เกียจอยู่บนโซฟา ดวงตาที่สวยหยาดเยิ้มมองไปยังคอมพิวเตอร์ที่อยู่บนโต๊ะพร้อมชุดน้ำชาตรงหน้า ในวิดีโอกำลังแสดงเรื่องที่เกิดขึ้นในลิฟต์ก่อนหน้านี้
“ผู้อาวุโส เห็นอะไรไหม?” หญิงสาวปริปากพูดด้วยน้ำเสียงที่ทรงเสน่ห์สามารถทำให้ผู้ชายอ่อนปวกเปียกได้เลย
พอหญิงสาวคนนี้พูดก็มีชายอาวุโสที่สวมเสื้อผ้าสีดำแบบชาวจีนก็ปรากฏอยู่ด้านข้างผู้หญิงอย่างกะทันหัน เขามองดูคลิปรอบหนึ่งหลังจากนั้นก็ก้มหัวแล้วพูดว่า “ดูไม่ออกครับ”
สายตาที่น่ามองของหญิงสาวคนนี้แวววับ ริมฝีปากแดง ๆ ที่น่าสัมผัสกระดกขึ้นเล็กน้อย เธอพูดอย่างใคร่ครวญ “คิดไม่ถึงว่าแม้แต่ผู้อาวุโสก็ดูไม่ออกเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจจริง ๆ”
“คุณหนู คนคนนี้ไม่ควรไปเป็นศัตรูด้วยเด็ดขาด!” ผู้อาวุโสก้มหน้าพูด
“เอ๋? ทำไมหล่ะ?” หญิงสาวถามอย่างชะล่าใจ
“อันตราย” ผู้อาวุโสผู้จบก็คิดสักพักหลังจากนั้นก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง
“เขาอันตรายมาก!” หญิงสาวนั่งลงทันที สีหน้าที่สวยหยาดเยิ้มหายเข้าไปในกลีบเมฆ ที่เปลี่ยนไปคือความน่าเกรงขามและความสามารถในการทำงานเธอปริปากพูด “ผู้อาวุโสไปลองเชิงเขาหน่อยสิ”
“ได้ครับ” ผู้อาวุโสขานตอบรับหลังจากนั้นร่างกายก็หายไปราวกับเงา
ในตอนที่ผู้จัดการโฮ่วกำลังลำบากใจ ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาหลังจากที่รับโทรศัพท์ผู้จัดการโฮ่วก็ไม่ได้พูดอะไร เขาได้แค่ตอบรับด้วยเสียงที่เคารพนอบน้อม
หลังจากที่วางสายโทรศัพท์ ผู้จัดการโฮ่วก็เดินไปหาฉู่ชวิ๋นและพูดว่า “มีคนอยากพบคุณ”
เฉินฮั่นหลงรู้สึกโมโหขึ้นมา มันคิดว่าท่านฉู่ชวิ๋นเป็นใคร? คนอื่นอยากจะพบก็พบได้งั้นเหรอ
ยังไม่ทันที่เฉินฮั่นหลงจะพูด ฉู่ชวิ๋นก็พูดขึ้นมาก่อน “งั้นก็นำทางไปสิ!”
ผู้จัดการโฮ่วทำท่าผายมือเชิญหลังจากนั้นก็เดินนำทางอยู่ข้างหน้า
“นายท่าน งั้นแล้วเขาหล่ะ….” เฉินฮั่นหลงชี้ไปที่ไป๋เซ่าที่ยังสลบอยู่
“ไม่ต้องสนใจมัน ถ้าหากว่ามันหายไป ภัตตาคารจื่อจู่หลินนี้ก็ต้องหายไปเหมือนกัน” ผู้จัดการโฮ่วที่นำทางอยู่ข้างหน้าได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกโกรธมากแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา?
ผู้จัดการโฮ่วพาฉู่ชวิ๋นและอีกสองคนเข้าไปในลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังชั้นบนสุดหลังจากนั้นก็หยุดอยู่ข้างหน้าห้องห้องหนึ่ง
“ทุกท่านเชิญเข้าไป!” พูดหลังจากพูดจบก็รีบออกไปจากที่นี่ทันที
“วิ่งหนีเหมือนหมาเลยนะ” เฉินฮั่นหลงบ่นอุบอิบในลำคอ
ฉู่ชวิ๋นยิ้มมุมปากอย่างชัยชนะ ผู้จัดการโฮ่วกำลังหวาดกลัว เรื่องน่ากลัวน่าจะอยู่หลังประตูนี้
“เชิญนายท่าน!” เฉินฮั่นหลงยื่นมือไปผลักประตูให้เปิดออก ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเขาควบคุมตัวเองไม่อยู่จนต้องถอยไปข้างหลังทันที
ถางโร้วก็เป็นเหมือนกัน ร่างกายเธอสั่นเทาหดตัวเข้าไปในอ้อมกอดของฉู่ชวิ๋นทันที เพราะว่าหลังจากที่ประตูเปิดออก ด้านในมืดตึ๊ดตื๋อ ดูจากข้างนอกคล้ายกับมีสัตว์ดุร้ายที่กำลังอ้าปากรอกลืนกินเหยื่ออย่างนั้น
แววตาของฉู่ชวิ๋นค่อนข้างเย็นชาหลังจากนั้นก็ลูบหลังถางโร้วเบา ๆ และพูดว่า “พวกเธอทั้งสองคนอยู่ข้างนอกรอฉัน” พูดจบก็ก้าวเท้าเดินเข้าไป
ฉู่ชวิ๋นพึ่งจะเดินเข้าไป ประตูที่อยู่ด้านหลังก็ปิดอัตโนมัติ ในห้องเงียบสงัดและมืดมากจนมองไม่เห็นอะไรเลย
ฉู่ชวิ๋นกระตุกยิ้ม หลังจากเข้าไปเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังลมปราณและจิตสังหารที่สามารถปกคลุมบริเวณรอบ ๆ ได้ ห้าเมตร
พลังจิตถูกใช้งาน ทุกอย่างภายในห้องก็ปรากฏออกมาในสมองของเขา ห้องนี้มีพื้นที่ สี่สิบถึงห้าสิบตารางเมตรภายในว่างเปล่า แต่กลับไม่ใช่ว่าไม่มีสิ่งของในห้องที่นี่มีคนอยู่! มีคนหลบซ่อนอยู่บนฝ้าเพดาน
“ปัง!”
ลมที่แหลมคมพัดลงตัดเสื้อผ้าของฉู่ชวิ๋นออกมาเป็นชิ้น ๆ สีหน้าฉู่ชวิ๋นไม่เปลี่ยนแปลง ดวงตาแสดงความเหยียดหยามอย่างชัดเจน คนที่หลบซ่อนอยู่บนฝ้าเพดาน
เมื่อกี้เปิดฉากจู่โจมเขาแต่กับผ่านร่างกายเขาไปอย่างรวดเร็วและไม่ได้ลงมือต่อ นี่อะไรกัน? ทำเรื่องง่าย ๆ ให้ลึกลับซับซ้อนไปทำไมหรือมาขู่ให้ตกใจกลัว?
“ปัง!”
บริเวณรอบ ๆ ฉู่ชวิ๋นมีลมแรง ๆ พัดมาอีกครั้ง
อีกนิดฉู่ชวิ๋นก็เกือบจะหัวเราะออกมาแล้วผู้อาวุโสคนนี้คิดว่าความเร็วที่น่าตลกนั้น จะซ่อนตัวจากเขาได้จริง ๆ เหรอ ผู้อาวุโสผ่านตัวเขาไปหลบซ่อนอยู่ตรงมุม
ผู้อาวุโสที่หลบซ่อนอยู่ตรงมุมสีหน้าก็เต็มไปด้วยความงงงวย การโจมตีทั้งสองครั้งของเขา ฉู่ชวิ๋นล้วนไม่สะทกสะท้านใด ๆ หรือว่าความเร็วของตัวเองไวเกินไปทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่รู้สึกใด ๆ? ต้องโจมตีอีกครั้ง!
ผู้อาวุโสอยู่ในความมืดมิด แม้แต่เงาก็ยังไม่เห็นสักพักลมสีดำก็เฉียดผ่านฉู่ชวิ๋นไป
แต่ตอนที่มันกำลังพัดผ่านข้าง ๆ ตัว ฉู่ชวิ๋น ทันใดนั้นร่างกายของผู้อาวุโสก็ขนลุกขึ้นมา เพราะว่าฉู่ชวิ๋นที่อยู่ตรงหน้าเขาอยู่ ๆ ก็หายไปแล้ว!
ในช่วงเวลานี่ เขารู้สึกว่ามีลมหายใจเป่ารดต้นคอเขาจากด้านหลัง นี่ทำให้เขารู้สึกขนลุกจนขาอ่อน ผู้อาวุโสหันกลับมาทันที แต่ด้านหลังเขากลับไม่มีอะไร
เวลานี้ เขารู้สึกอีกครั้งมีคนอยู่ด้านหลังของเขาแล้วเป่ารดต้นคอเขาอยู่ ร่างกายผู้อาวุโสสั่นเทา ร่างกายพุ่งไปข้างหน้าไกลกว่าสิบเมตร
ที่เขาเป็นถึงผู้อาวุโส ก็เป็นเพราะว่าความเร็วของเขาไวจนแม้กระทั่งเงาก็ยังไม่เห็น
ตอนที่เขาหยุดการกระทำและอยากตามหาเงาของฉู่ชวิ๋น แบบนั้นทำให้เขารู้สึกขนลุกเหมือนเจอผีมันมาอีกครั้งแล้ว
ผู้อาวุโสส่งเสียงออกมาอีกครั้ง ครั้งนี้เขาวิ่งไปรอบ ๆ ห้อง หลังจากนั้นก็หยุดตัวยื่นมือฝ่ายไปยังข้างหลังอย่างแรง ๆ
ผู้อาวุโสไม่สนว่าฉู่ชวิ๋นจะเป็นเทพพรือภูตผีปีศาจ ไม่ว่ายังไงก็ไม่อาจหลบการโจมตีอย่างกะทันหันของเขาไปได้อย่างแน่นอน
“ปัง!” อากาศฉีกขาด แต่การโจมตีครั้งนี้ไม่โดนฉู่ชวิ๋นเลยแม้แต่น้อย ในห้องที่มืดมิด มีเพียงเสียงหัวใจของผู้อาวุโสที่กำลังเต้นแรงด้วยความหวาดกลัว!!
“ออกไป! ออกไป! ออกไป!”
ผู้อาวุโสตะโกนออกมาด้วยแรงโทสะแล้วหันไปทางรอบ ๆ เขากวัดแกว่งฝ่ามือไปหลายครั้งรอบตัว แต่ผลลัพธ์ล้วนเป็นแค่การโจมตีอากาศเล่นเท่านั้น