จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 193 ความโดดเดี่ยว[รีไรท์]
บทที่ 193 ความโดดเดี่ยว[รีไรท์]
ฉู่ชวิ๋นหัวใจสลาย หยดเลือดและน้ำตาของเขาไหลหยดลงไปในกอหญ้า ฮวาชิงหวู่นอนแน่นิ่งเหมือนเจ้าหญิงนิทราอยู่ในกอหญ้านั้น ฉู่ชวิ๋นเฝ้ารอให้ฮวาชิงหวู่ลืมตาขึ้นมาแล้วยิ้มให้แล้วบอกเขาว่าเธอแค่แกล้งเขาเล่นเท่านั้นเอง แต่มันไม่ได้เกิดขึ้น
“ดูสิ นั่นมันอะไรกัน” ใครบางคนอุทานออกมาแล้ว ทุกคนเห็นพร้อมกันว่าน้ำตาที่ไหลออกมาจากหางตาของฮวาชิงหวู่ ค่อยๆ ลอยขึ้นไปในอากาศ สะท้อนประกายใต้แสงตะวัน เหมือนกับเป็นผลึกแก้วบริสุทธิ์
หยดน้ำตาเหล่านั้นลอยขึ้นมาวนเวียนอยู่ตรงหน้าฉู่ชวิ๋น คล้ายกับว่าเธอต้องการบอกลา
ฉู่ชวิ๋นเอื้อมมือออกไปจะจับหยดน้ำตาเหล่านั้น แต่เขาก็จับได้เพียงแค่ความว่างเปล่า หยดน้ำตาสลายหายตัวไปกลางอากาศ
ฉู่ชวิ๋นเงยหน้าจ้องมองท้องฟ้าด้วยความสับสน ดวงตาของเขาเป็นสีแดงก่ำ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความอำมหิต เช่นเดียวกับไอสังหารที่ลอยออกมาจากร่างกาย ทันใดนั้นเอง อากาศก็เกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตา จากท้องฟ้าที่มี
ดวงอาทิตย์สดใส ก็ปรากฏเมฆครึ้มมาบดบังแสงสว่าง ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าและอมทุกข์
“หวิว”
สายลมกรีดตัวในอากาศ เมฆดำแผ่กระจายเต็มท้องฟ้า ทุกคนหดคอโดยไม่รู้ตัว รู้สึกหนาวจนขนลุก ถึงแม้ว่านี่เป็นฤดูหนาวก็จริง แต่พวกเขาเป็นผู้ฝึกวิชา ไม่ว่าจะหนาวหรือจะร้อนก็ไม่เคยระคายผิวหนัง แต่ตอนนี้ ทุกคนรู้สึกหนาวเหน็บไปถึงกระดูกดำ
พลันทุกคนก็ต้องเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าโดยไม่รู้ตัว หิมะตก!
หิมะสีขาวโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าเหมือนกับขนห่าน สายลมฤดูหนาวพัดพาหิมะลอยไปตามสายลม รวมตัวกลายเป็นกลุ่มหิมะก้อนใหญ่
เพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้น หิมะสีขาวก็ปกคลุมไปทั่วภูเขา ไม่ว่าจะกวาดสายตามองไปทางไหน ก็จะพบแต่หิมะสีขาวอยู่เต็มไปหมด ความมืดมิดกับสีขาว เป็นภาพที่แปลกตาเป็นอย่างยิ่ง
ฉู่ชวิ๋นก้มหน้ามองไปที่ร่างไร้วิญญาณของฮวาชิงหวู่ ในรัศมีสิบเมตรรอบตัวพวกเขา ไม่มีสายลมหรือหิมะพัดผ่านเข้ามาได้เลย ชายหนุ่มย่อกายลงและกอดฮวาชิงหวู่เอาไว้ในอ้อมแขน หลังจากนั้นเขาก็เช็ดคราบเลือดบนแก้มเธอออกไป
“เอาไว้พอผมฆ่าพวกมันหมดแล้ว ผมจะพาคุณกลับบ้านนะ” นี่คือคำพูดประโยคแรกของเขา ก่อนที่ฉู่ชวิ๋นจะก้มลงจูบหน้าผากเธอแต่โชคร้าย ที่หญิงงามได้จากไปแล้วตลอดกาล
ฉู่ชวิ๋นตั้งม่านพลังขึ้นมาห่อหุ้มร่างไร้วิญญาณของฮวาชิงหวู่ หลังจากนั้น เขาก็ลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้า
“พรวด!”
แทบจะในวินาทีเดียวกับที่เขาลุกขึ้นยืน ฉู่ชวิ๋นก็กระอักเลือดออกมาจากริมฝีปากคำใหญ่ ทุกคนทราบดีว่านี่มีสาเหตุมาจากความเศร้าเสียใจ
“เสี่ยวชวิ๋น…” ฉู่เทียนเหอเดินเข้ามาหาด้วยใบหน้านองน้ำตา หลิวหรานได้ยินแล้วว่าเพื่อช่วยพวกเธอสองสามีภรรยา ฮวาชิงหวู่จึงยอมสละชีวิตของตนเอง ในตอนนี้ หญิงวัยกลางคนจึงร่ำไห้ออกมาแล้ว
ฉู่ชวิ๋นทำอะไรไม่ถูกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหันกลับไปหาผู้ให้กำเนิด ริมฝีปากของเขาบิดตัวเป็นรอยยิ้ม แต่มันดูเศร้ามากยิ่งกว่าการร้องไห้เสียอีก ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า
“พ่อครับ แม่ครับ นี่ไม่ใช่ความผิดของพ่อกับแม่หรอก เป็นความผิดของพวกมันต่างหาก…” พูดยังไม่ทันจบ ร่างของ ฉู่ชวิ๋นก็หายวับไปจากจุดที่เขายืนอยู่ ชายหนุ่มมีการเคลื่อนไหวยามลอยตัวอยู่ในอากาศที่รวดเร็วปานสายฟ้าฟาด
สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนไปแล้ว แต่เขาก็พบเห็นเป้าหมาย ร่างของชายหนุ่มหายวับไปในม่านหิมะที่โปรยปรายลงมา
สำนักไร้เงาโด่งดังเรื่องการลอบสังหาร จุดเด่นของสำนักนี้อยู่ที่การพรางตัวและวิชาตัวเบา มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะไล่จับมือสังหารได้
ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเป็นประกายเย็นชา เขารวบรวมพลังลมปราณมาอยู่ที่ฝ่ามือ ก่อนที่จะกระแทกฝ่ามือออกไปกลางท้องฟ้า
หิมะที่กำลังโปรยปรายลงมาปั่นป่วนไปด้วยพลังลมปราณของเขา หิมะสีขาวเหล่านั้นหมุนวนจับกลุ่มเป็นก้อน กลายเป็นมังกรหิมะสีขาวตัวหนึ่งขึ้นมาแล้ว
ผลั่ก!
เกิดเสียงการกระแทกดังขึ้นอย่างแรง เลือดสีแดงสดสาดกระจายในอากาศ แล้วร่างของใครบางคนก็ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า
ร่างของคนผู้นั้นมีเลือดไหลออกมาที่หัวไหล่ ทุกคนต่างเห็นความหวาดกลัวบนใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน มือสังหารผู้นี้ใช้วิชาวายุไร้เงา ซึ่งก็คือการแฝงตัวไปกับสายลม แต่ไม่คาดคิดเลยว่า ฉู่ชวิ๋นกลับสามารถดูออกได้อย่างง่ายดาย
เสื้อผ้าของฉู่ชวิ๋นย้อมด้วยเลือดสีแดงสด ดูโดดเด่นท่ามกลางหิมะสีขาว
โครม!
ร่างของมือสังหารตกลงมากระแทกพื้นโดยไม่มีสิ่งใดคุ้มกัน กองหิมะแตกตัวกระจาย มือสังหารผู้นี้เป็นปรมาจารย์ระดับเจ็ด ทำให้สามารถป้องกันอาการบาดเจ็บได้ส่วนหนึ่ง เขารีบกระโดดลุกขึ้นมาและพุ่งเข้าไปหาราชันวิญญาณกับเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิต เพื่อขอความช่วยเหลือทันที
ฉู่ชวิ๋นมองมือสังหารด้วยแววตาอาฆาต แต่ละครั้งที่เขาดีดตัว ตัวเขาจะลอยไปไกลสิบกว่าเมตร เพียงแค่พริบตาเดียว เขาก็ตามไปลากคอมือสังหารกลับมาได้แล้ว จากนั้นเขาก็รัวหมัดใส่มือสังหารเป็นพายุ
กร๊อบ!
เสียงกระดูกแตกหักดังพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนของมือสังหารจากสำนักไร้เงา แขนของมือสังหารหักงอบิดเบี้ยวผิดรูปทรง ฉู่ชวิ๋นยกมือขึ้นปล่อยเส้นไหมสีขาวออกมารัดพันร่างของมือสังหารและลากขึ้นไปห้อยต่องแต่งกลางอากาศ ดวงตาของฉู่ชวิ๋นมีแต่ความอำมหิตชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาสะบัดฝ่ามือใช้พลังลมปราณรวบรวมหิมะรอบตัว ให้กลายเป็นมังกรหิมะตัวหนึ่ง ซึ่งกำลังบินวนอยู่รอบตัวเขา หลังจากนั้น นิ้วมือทั้งห้าของชายหนุ่มก็ขยับราวกับเต้นระบำ
โฮก!
มังกรหิมะส่งเสียงคำรามลั่น ในขณะที่พุ่งตรงเข้าไปหามือสังหารผู้ลอยอยู่กลางอากาศ แต่ก่อนที่มังกรหิมะจะเข้าถึงตัวมือสังหาร ร่างของมันก็ได้แตกกระจายออกกลายเป็นเศษหินแหลมคมเหมือนคมดาบจำนวนนับไม่ถ้วน พุ่งเข้าใส่ร่างของมือสังหาร
“อ๊าก…” มือสังหารส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ทุกคนมองเห็นแต่เพียงว่า มือสังหารกำลังดิ้นทุรนทุรายอยู่กลางอากาศ เขาส่งเสียงร้องโหยหวน ในขณะที่สายฝนเลือดพร่างพรมลงมาจากท้องฟ้า ทุกคนเย็นวาบไปจนถึงไขสันหลัง รู้สึกหนาวเหน็บจนฟันกระทบกันดัง
กึกๆ
มือสังหารผู้มีนามว่าเฟิงอู๋หยิง ถูกเศษหินแหลมคมทิ่มแทงเหมือนกำลังถูกถลกหนังทั้งเป็น
“อ๊าก…”
จอมยุทธ์หลายคนตัวสั่น ด้วยความหวาดกลัวและโยนอาวุธในมือทิ้งไปทันที ทุกคนเห็นกับตาของตัวเอง ว่ามือสังหารกลายเป็นเหมือนชิ้นเนื้อที่ถูกหินอันแหลมคมแร่เนื้อถลกหนังทั้งเป็นอยู่กลางอากาศ แล้วทุกคนก็ต้องถอยไปด้วยความสยองขวัญ
เนื่องจากมีก้อนเนื้อขนาดใหญ่ตกลงมาจากท้องฟ้า ทุกสายตาหันไปจ้องมองฉู่ชวิ๋น ด้วยความหวาดกลัวสุดขั้วหัวใจ ชายหนุ่มคือความสยองขวัญอย่างแท้จริง เขาแล่เนื้อเถือหนังมือสังหารทั้งเป็น โดยยังไม่ฆ่าทิ้งแต่อย่างใด
ฉู่ชวิ๋นยกมือขึ้น เศษหินแหลมคมเหล่านั้นกลับมารวมตัวกันเป็นมังกรหิมะอีกครั้ง และในขณะนี้มังกรหิมะก็กำลังพุ่งตรงเข้าไปหามือสังหาร
กลุ่มคนดูได้ยินเสียง “ฉับ” ดังชัดเจนเต็มสองหู มันเป็นเหมือนเสียงของใบมีดที่กรีดตัดใบไม้ หลังจากที่มังกรหิมะโจมตีแล้ว หลายคนที่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นถึงกับอาเจียนออกมาแล้ว
ไม่กี่อึดใจต่อมา ในบรรยากาศก็เต็มไปด้วยความเงียบจนได้ยินเสียงหายใจของตัวเอง บางคนทนไม่ไหวถึงกับอาเจียนออกมาอีกครั้ง
มือสังหารที่ลอยอยู่กลางอากาศไม่เหลือเรี่ยวแรงกรีดร้องอีกแล้ว ฝนตกลงมาเป็นสายเลือดจำนวนมากโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสด ผิวหนังถูกถลกออกจนเห็นกล้ามเนื้อสีแดงเต้นตุบ ๆ อยู่ภายใน
หลังจากนั้น มังกรหิมะก็สลายร่างกลายเป็นเศษหิน สลับกลับมารวมร่างเป็นมังกรหิมะอยู่อย่างนี้ เฝ้าโจมตีมือสังหารอยู่ตลอดเวลา
เมื่อผ่านการโจมตีไปหลายสิบครั้ง ทุกคนก็ได้เป็นสักขีพยานเห็นกับตาว่า มือสังหารถูกถลกเนื้อออกไปจนเหลือแต่เพียงกระดูกสีขาวแล้ว
โครงกระดูกสีขาวห้อยต่องแต่งอยู่กลางอากาศ โครงกระดูกสีขาวส่งเสียงดัง “กร๊อบแกร๊บ” อยู่กลางอากาศ น่าขนลุกเป็นอย่างยิ่ง ฉู่ชวิ๋นยกมือขึ้นและปล่อยพลังลมปราณออกไป
ผลั่ก!
โครงกระดูกสีขาวของมือสังหารจากสำนักไร้เงา ถูกพลังลมปราณซัดกระเด็นไปจนแหลกสลายเป็นผุยผง ลอยปลิวไปตามสายลม บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบ เงียบสงัด
หลังจากนั้น โครงกระดูกก็แปรสภาพกลายเป็นเพียงเถ้าถ่านกองหนึ่ง มือสังหารที่น่ากลัวที่สุดคนหนึ่งของยุค หลงเหลือแต่เพียงวิญญาณแล้วเท่านั้นเอง!
ในขณะนี้ ทุกคนกำลังตื่นตกใจ และลองคิดคำนึงดูว่าถ้าตนเองเป็นฉู่ชวิ๋นจะทำอย่างไรดี? แล้วคำตอบที่ได้ก็คือ ถ้าพวกเขาเป็นฉู่ชวิ๋น ต่อให้ฆ่ามือสังหารซ้ำอีกเป็นร้อยรอบพันรอบ ก็ยังไม่สามารถลบล้างความแค้นในจิตใจได้เลย
ดังนั้น….ถึงแม้ว่ามือสังหารจากสำนักไร้เงาจะตายไปแล้ว แต่ความเกลียดชังของฉู่ชวิ๋นยังคงมีอยู่เต็มหัวใจ
ทุกคนหันไปมองราชันวิญญาณและเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิต ทั้งสองคนนั้นต่างก็ไปยืนอยู่เคียงข้างเฉินหวูฮุยและอู๋เฉิงเฟิงเรียบร้อยแล้ว
“ฉันจะช่วยแกเอง” ใบหน้าที่แก่เฒ่าของหลงอ๋าวเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เขาดูแลฮวาชิงหวู่ได้ไม่ดีพอ ในตอนนี้ชายชราจึงรู้สึกแย่มาก
หัวใจของหลงอ๋าวอัดแน่นไปด้วยความแค้น ก่อนจะมาที่นี่เขารับปากกับฉู่ชวิ๋นเสียดิบดี ว่าจะดูแลปกป้องฮวาชิงหวู่ด้วยชีวิต แต่ตอนนี้ชายชราได้แต่จ้องมองไปที่ราชันวิญญาณกับเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตด้วยความโกรธแค้นสุดหัวใจ
ฉู่ชวิ๋นยังคงมีสีหน้าราบเรียบ ดูเหมือนเขาแทบจะไม่หายใจด้วยซ้ำ มีเพียงดวงตาสีแดงก่ำเท่านั้นที่เป็นประกายแวววาว
“ฝากคุ้มครองพ่อแม่ผมด้วย” ฉู่ชวิ๋นพูดโดยไม่ได้หันกลับมามองโดยไม่รอให้หลงอ๋าวอ้าปากตอบ ชายหนุ่มก็เดินตรงเข้าไปหาพวกของเฉินหวูฮุย เขาเดินไปอย่างเชื่องช้า เดินไปทีละก้าว
มีหิมะโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า รอบบริเวณมีคนชุมนุมอยู่จำนวนมาก แต่ฉู่ชวิ๋นกลับรู้สึกโดดเดี่ยวเหลือเกิน