จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 217 เด็ดหัวอินทรีเงิน[รีไรท์]
บทที่ 217 เด็ดหัวอินทรีเงิน[รีไรท์]
ฟึบ!
สายลมพัดกรรโชก เงาสีดำขนาดใหญ่โฉบผ่านเหนือเครื่องบินบดบังแสงอาทิตย์ไปจนมืดมิด
เครื่องบินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ผู้โดยสารส่งเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว ดูเหมือนว่า อินทรีเงินจะเล่นสนุก มันบินวนรอบเครื่องบิน บินกลับไปกลับมาหลายครั้ง
เปรี้ยง!
ปืนกลขนาดใหญ่ยื่นออกจากลำตัวของเครื่องบินและระดมยิงลูกกระสุนจนหูดับตับไหม้
ควันโขมงออกมาจากปลายกระบอกปืน ลูกกระสุนเหล่านั้น พุ่งตรงเข้าไปหาเจ้านกยักษ์เป็นจุดเดียว
อินทรีเงินถูกยิงเข้าอย่างจัง แต่ขนของมันเหมือนทำจากเหล็กกล้าโดยแท้ ไม่ว่าโดนยิงเท่าไหร่ ก็ไม่ส่งผลใด ๆ ต่อมันเลยแม้แต่น้อย
“ช่วยด้วย! ฉันยังไม่อยากตาย…” ชายร่างอ้วนในชุดสูทร่ำร้อง
ในห้องโดยสารเต็มไปด้วยเสียงร้องไห้ เสียงคนสวดมนต์ และเสียงคนกรีดร้องด้วยความหมดหวังดังระงม เนื่องจากมีรายงานก่อนหน้านี้เป็นจำนวนมากว่า ถ้าเครื่องบินลำไหนถูกนกยักษ์เข้าโจมตี เครื่องบินเก้าในสิบลำนั้น ก็จะพบจุดจบที่ความตาย
แม้แต่ลูกกระสุนก็ทำอะไรอินทรีเงินไม่ได้ และในขณะนี้ แรงลมก็ยิ่งพัดเครื่องบินจนสั่นสะเทือนไปทั้งลำ
พรึบ!
เมื่ออินทรีเงินกระพือปีก พายุลมหมุนก็ก่อตัวขึ้น มวลอากาศระเบิดตัวดังเปรี๊ยะปร๊ะ
ยิ่งไปกว่านั้น ขนสีเงินบริเวณหน้าท้องของนกอินทรียักษ์ ก็ยังยิงออกมาเหมือนกับลูกกระสุนอีกด้วย
เปรี้ยง!
ปืนกลที่ยื่นออกไปจากลำตัวเครื่องบิน ถูกขนนกเหล่านี้ พุ่งเข้ามากระแทกใส่จนพังทลายไปหมดสิ้น
ชายหนุ่มร่างใหญ่ผู้รับหน้าที่ควบคุมปืนกล ถูกแรงกระแทกจนร่างลอยกระเด็นหงายหลังโครมไป ภายในห้องโดยสารเกิดความเงียบตามมา ก่อนที่จะมีเพียงเสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกครั้ง
พวกเขาจะสู้กับนกอินทรียักษ์ได้ยังไง ในเมื่อแม้แต่ปืนกลก็ยังทำอะไรมันไม่ได้ ?
“พวกเรายังมีปืนกลสำรองอยู่ มีใครยิงปืนเป็นบ้าง ยิงมันเลย” เจ้าหน้าที่ผู้รับหน้าที่ควบคุมปืนกล ซึ่งในขณะนี้แขนหักไปเรียบร้อยแล้ว ลุกขึ้นมาพูดด้วยความเจ็บปวด เขากดปุ่มสีแดง แล้วปืนกลอีกหนึ่งกระบอก
ก็ปรากฏขึ้นข้างกระบอกที่ถูกทำลาย ปลายกระบอกปืนกลยื่นออกไปนอกลำตัวเครื่องบินอีกครั้ง
แต่ไม่มีใครสนใจคำพูดของเขาเลย เนื่องจากเสียงของเขาถูกกลบด้วยเสียงกรีดร้องและคำสวดภาวนาของผู้โดยสารบนเครื่องบิน
เนื่องจากปืนกลทำอะไรมันไม่ได้ อินทรีเงินยิ่งได้ใจ มันส่งเสียงร้องแสบแก้วหู กระพือปีกบินห่างออกไปหลายกิโลเมตร ก่อนที่จะบินกลับมาอีกครั้ง
นกอินทรียักษ์มีร่างกายและพละกำลังมหาศาล ถ้าเกิดการปะทะกัน เครื่องบินลำนี้ก็จะต้องพบกับจุดจบอย่างแน่นอน
แต่ในวินาทีนั้นเอง จุดสีดำเล็ก ๆ ก็ปรากฏขึ้นที่ขอบฟ้า ตามมาด้วยเสียงเครื่องยนต์คำรามกระหึ่ม
“ผู้โดยสารทุกท่าน กรุณานั่งประจำที่และคาดเข็มขัดให้เรียบร้อย ก่อนหน้านี้ เราได้ติดต่อขอกำลังเสริมจากภาคพื้นดิน และตอนนี้กำลังเสริมได้มาถึงแล้ว เราจะส่งคุณไปให้ถึงจุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพแน่นอนค่ะ”
เสียงหวาน ๆ ของแอร์โฮสเตสดังออกมาจากลำโพงในเครื่องบิน เมื่อจุดสีดำเล็ก ๆ พวกนั้นใกล้เข้ามา ทุกคนจึงได้เห็นว่า ความจริงแล้วมันก็คือเครื่องบินรบจำนวนห้าลำนั่นเอง ฉู่ชวิ๋นรู้สึกตื่นตาตื่นใจ แม้แต่เครื่องบินรบก็ต้องถูกนำมาใช้งานแล้วหรือนี่
เปรี้ยง!
ห่ากระสุนพุ่งออกมาจากบริเวณใต้ปีกเครื่องบินรบ นกอินทรียักษ์ถูกรัวยิงใส่ไม่ยั้ง เกิดเป็นสะเก็ดไฟกระจัดกระจายไปทั่วท้องฟ้า
เครื่องบินรบทั้งห้าลำพร้อมใจกันเปิดฉากยิงโจมตี เสียงปืนกลดังหูดับตับไหม้กังวานไปทั่วท้องฟ้า
แว๊ก!
อินทรีเงินกรีดร้องพร้อมกับกระพือปีกบินตรงเข้ามาหาเครื่องบินรบ ด้านหลังของมันเกิดเป็นมวลอากาศสีขาวลากเป็นทางยาว เนื่องจากบินด้วยความเร็วที่มากเกินไป
ฟิ้ว!
เครื่องบินรบไม่สามารถหลบได้ จึงทำได้แต่เพียงระเบิดกระสุนใส่เจ้านกยักษ์อย่างต่อเนื่องเท่านั้น
ถึงแม้ว่าเครื่องบินรบ จะมีขนาดเท่ากับบ้านหลังหนึ่ง แต่ก็เทียบไม่ได้เลยกับความใหญ่โตของนกอินทรีเงิน ถ้าเกิดการปะทะกัน เครื่องบินรบก็จะต้องแหลกสลายอย่างแน่นอน!
แต่นักบินของเครื่องบินรบก็มีทักษะที่เก่งกาจมากไม่ธรรมดา ไม่กี่วินาทีก่อนที่การปะทะจะเกิดขึ้น เขาก็บังคับเครื่องบินให้มุดลงต่ำและลอดผ่านใต้ท้องของเจ้านกยักษ์ไปได้อย่างเฉียดฉิว ฉู่ชวิ๋นเห็นอย่างชัดเจนว่า เครื่องบินรบมุดหลบเข้าไปใต้ท้องของอินทรีเงิน และอาศัยจังหวะนั้นปล่อยลูกกลม ๆ สีดำติดเข้ากับหน้าท้องของเจ้านกยักษ์ แล้วเครื่องบินรบก็สามารถบินหลบหนีออกไปได้หลายกิโลเมตร
ตู้ม!
บริเวณช่วงท้องของอินทรีเงินพลันระเบิดตู้ม เปลวไฟพวยพุ่ง แรงระเบิดแผ่ออกไปในวงกว้าง
อินทรีเงินส่งเสียงร้องคำราม ไม่สามารถควบคุมร่างกายขนาดใหญ่ได้ในพริบตา ร่างของมันร่วงดิ่งลงไปจากท้องฟ้า บริเวณท้องของมันมีเลือดไหลโชก บนท้องฟ้ากระจัดกระจายไปด้วยขนสีเงินของนกอินทรี
แว๊ก!
เสียงของนกอินทรียักษ์เต็มไปด้วยความโกรธแค้น ปีกของมันกางออกกว้าง เมื่อสามารถควบคุมการบินของตนเองได้อีกครั้ง มันก็โผบินขึ้นไปพุ่งตรงเข้าหาเครื่องบินรบศัตรูเก่า ความรวดเร็วของมันมีมากขึ้นเป็นทวีคูณ
ทันใดนั้น ขนที่อยู่บนช่องท้องของอินทรียักษ์ ก็พุ่งออกไปเหมือนกับลูกธนู พุ่งเข้าใส่เครื่องบินรบอย่างน่าหวาดกลัว
บนท้องฟ้ามีแต่ขนนกอินทรีเต็มไปหมด
เปรี้ยง!
เครื่องบินรบลำนั้น ไม่สามารถหลบหนีได้ทันอีกแล้ว มันถูกขนของอินทรีเงินพุ่งเข้ามาปะทะจนเครื่องบินแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
สิ่งที่ควรรู้ก็คืออินทรีเงินถือเป็นเจ้าเวหา ขนของมันหนึ่งเส้นมีขนาดเท่ากับไม้กวาดหนึ่งด้าม เมื่อขนหลายร้อยเส้นถูกยิงออกมาพร้อม ๆ กัน ไม่ว่านักบินจะมีทักษะที่เก่งกาจขนาดไหน ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหลบหนีได้ทัน
เปรี้ยง!
เครื่องบินรบที่เหลืออยู่อีกสี่ลำเปิดฉากยิงเต็มอัตราห่ากระสุนจำนวนมากทะลวงเข้าใส่อินทรีเงินเป็นจุดเดียว
อินทรีเงินอ้าปากร้องคำรามและปล่อยให้ลูกกระสุนพุ่งเข้ามาหาตัว ประกายไฟกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ เมื่อมันกระพือปีก ลำตัวก็โผบินขึ้นสูงอีกครั้ง
บริเวณหน้าท้องของอินทรีเงินมีเลือดไหลทะลัก เลือดที่ไหลออกมานั้น กลายเป็นสายฝนเลือดของคนที่อยู่บนภาคพื้นดิน
เจ้านกยักษ์บ้าคลั่ง มันมีความรวดเร็วระดับสุดยอด แถมร่างกายยังมีความยืดหยุ่นสูง มันกระพือปีกบินตรงเข้าไปหาฝูงเครื่องบินรบอีกครั้ง
ตู้ม!
เครื่องบินรบลำหนึ่งถูกปีกของมันกระแทกจนระเบิดตัวกลายเป็นลูกไฟขนาดใหญ่และร่วงหล่นลงไปจากท้องนภา
เจ้านกยักษ์ตัวนี้มีความฉลาดเฉลียว มันเลือกที่จะไม่โจมตีเครื่องบินรบลำอื่น แต่มันกลับลดระดับความสูงลงมาร้อยเมตร และพุ่งเข้าไปใช้กรงเล็บขนาดใหญ่ เล่นงานเครื่องบินรบที่หมายแอบเข้ามาจะโจมตีใส่หน้าท้องของมัน
เปลวไฟพวยพุ่งบนท้องฟ้า เครื่องบินรบอีกหนึ่งลำระเบิดไปแล้ว ผู้โดยสารบนเครื่องบินที่ฉู่ชวิ๋นนั่งอยู่พากันตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว อินทรีเงินตัวนี้มีความน่ากลัวอย่างที่สุด แม้แต่เครื่องบินรบก็ไม่ต่างจากเครื่องบินกระดาษเมื่ออยู่ต่อหน้ามัน
ขณะนี้ ยังเหลือเครื่องบินรบอยู่อีกสองลำ ถ้าทั้งสองลำนี้ไม่รอดจากน้ำมือของอินทรียักษ์ เครื่องบินโดยสารลำนี้ก็คงมีชะตากรรมไม่ต่างกัน
ฉู่ชวิ๋นไม่อยากจะเชื่อสายตา นกยักษ์มีความสามารถเก่งกล้ามากกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก นอกจากจะมีความแข็งแกร่งแล้ว มันยังมีสติปัญญาอีกด้วย
“บอกให้พวกเขาล่อมันมาทางพวกเราหน่อยสิ” ทันใดนั้น ฉู่ชวิ๋นก็พูดออกมา หลายคนถึงกับตกตะลึงไปทันที ชายหนุ่มคนนี้ หมายความว่ายังไง ? หรือว่าเขาอยากจะตายให้เร็วมากกว่าเดิม ?
ชายร่างใหญ่ ซึ่งเคยเป็นเจ้าหน้าที่ควบคุมปืนกล หันมามองหาคนพูดและพบว่าเป็นฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายหนึ่งทันที และไม่เปิดโอกาสให้ชายร่างใหญ่ได้เดินหนี ฉู่ชวิ๋นจับแขนของเจ้าหน้าที่ผู้แขนหักอย่างแรง ได้ยินเสียงกระดูกแขนแตกหักดังชัดเจน และไม่ถึงหนึ่งนาทีต่อมา ฉู่ชวิ๋นก็ปล่อยแขนของชายร่างใหญ่ออกไป
ชายร่างใหญ่ยืนตัวแข็งทื่อ สีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง ที่แขนรู้สึกได้ถึงมวลพลังงานที่ร้อนวูบวาบ หลังจากนั้น กระดูกที่แตกหักของเขาก็เริ่มสมานตัวอย่างอัตโนมัติ ความเจ็บปวดของแขนข้างที่หักหายไปในพริบตา ชายร่างใหญ่ จึงได้แต่อุทานออกมาด้วยความเหลือเชื่อ
“บอกให้พวกเขาล่อมันมาหาเราได้ไหม ?” ฉู่ชวิ๋นถามอีกครั้ง
คราวนี้ ชายร่างใหญ่เปลี่ยนทัศนคติไปทันที เขาเองก็เป็นจอมยุทธ์เช่นกัน ย่อมรู้ดีว่าอะไรคือความแตกต่างของพลังในการฝึกวิชา ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายหนึ่ง จะยังเป็นชายหนุ่ม แต่ก็มีพลังอยู่ในระดับที่สูงส่งมาก
ในเวลาแค่ไม่ถึงนาที ชายหนุ่มคนนี้ ก็สามารถรักษาแขนข้างที่หักของเขาได้ แม้แต่หวงยวี๋เฉิง หมอยาที่โด่งดังที่สุดในยุทธภพ ก็ยังไม่สามารถรักษาได้เร็วถึงขนาดนี้เลย แต่ชายหนุ่มคนนี้ทำได้อย่างไรกัน ?
“เดี๋ยวผมจะเข้าไปในห้องนักบิน แล้วทำเรื่องติดต่อให้นะครับ”
“บอกให้นักบินทำยังไงก็ได้ ล่อนกยักษ์ตัวนั้น ให้เข้ามาใกล้พวกเรามากที่สุด” ฉู่ชวิ๋นออกคำสั่ง
“ได้เลยครับ” ชายร่างใหญ่รับคำและเดินออกไปทำตามคำสั่งทันที
“นี่ พ่อหนุ่ม คุณกำลังจะทำอะไร ? จะล่อให้มันเข้ามาใกล้เราทำไม หรือคุณอยากให้พวกเราตายกันหมด ถ้าคุณอยากตายนัก…”
“หุบปาก!” ฉู่ชวิ๋นหันกลับไปพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
คำง่าย ๆ เพียงแค่สองคำ แต่มีพลังเหมือนเสียงฟ้าผ่า ทุกคนเบิกตาโต สมองขาวโพลน โดยเฉพาะชายวัยกลางคน ซึ่งเป็นคนที่พูดกับฉู่ชวิ๋น ชายผู้นั้นถึงกับทรุดลงไปนั่งด้วยความหวาดกลัวสุดขีด
“หุบปากซะ ถ้ายังไม่อยากตาย” ฉู่ชวิ๋นกวาดตามองรอบตัว พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเคย
กลุ่มผู้โดยสารเงียบไปถนัดตา ทุกคนได้แต่จ้องมองฉู่ชวิ๋นด้วยความพรั่นพรึง สายตาที่ทุกคนมองเขา แทบไม่ต่างไปจากสายตาที่ใช้มองอินทรีเงินที่อยู่ข้างนอก ชายหนุ่มเพียงแค่พูดออกมาสองคำเท่านั้น พวกเขาก็หวาดกลัวกันถึงขนาดนี้ ถ้าลงไม้ลงมือขึ้นมาจริง ๆ ก็ไม่รู้เลยว่าจะน่าหวาดกลัวขนาดไหน
เมื่อชายร่างใหญ่เดินกลับมาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เขาก็ได้แต่ยืนงงอยู่สักครู่ ก่อนที่จะเดินเข้ามารายงานกับฉู่ชวิ๋นว่า “นายท่านครับ ผมติดต่อให้เรียบร้อยแล้ว” ฉู่ชวิ๋นพยักหน้าเล็กน้อยและมองออกไปนอกหน้าต่าง
เขาเห็นเครื่องบินรบทั้งสองลำนั้นบินขนาบข้างกัน พร้อมกับระเบิดกระสุนยิงใส่เจ้านกยักษ์อย่างต่อเนื่อง อินทรีเงินร้องคำราม กระพือปีกพัดพายุลมหมุนโต้ตอบกลับมา
ในทันใด เครื่องบินรบทั้งสองลำก็เลี้ยวลัดและลดระดับความสูงลงมาอีกสองร้อยเมตร
ก่อนที่จะบินตรงมาหาเครื่องบินโดยสารของพวกเขา
เจ้านกยักษ์ก็ลดระดับความสูงและบินไล่ตามหลังมาติด ๆ
เครื่องบินรบบินผ่านใต้ท้องเครื่องบินโดยสาร แล้วนกอินทรีเงินก็บินตามมา มันกำลังจะมุดลอดผ่านใต้ท้องเครื่องบินโดยสารของพวกเขาไปเช่นกัน
อินทรีเงินเป็นนกที่บินได้เร็วมาก ในขณะที่ลำตัวของมันลอดผ่านใต้ท้องเครื่องบินโดยสารไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว ฉู่ชวิ๋นก็เอนตัวแนบติดกับหน้าต่าง นิ้วชี้ของเขาหมุนวนในอากาศ เกิดเป็นลำแสงทรงกลมขนาดเท่ากับลูกปิงปองลูกหนึ่งลอยอยู่ที่ปลายนิ้วมือของเขา ณ อีกด้านหนึ่งของกระจก
เปรี้ยง!
ถึงมวลพลังลูกนี้จะมีขนาดเล็ก แต่การพุ่งตัวออกไปของมัน ก็ดูน่าหวาดกลัวและรุนแรงไม่ใช่น้อย ฉู่ชวิ๋นยิงพลังทรงกลมนั้นออกไป โดยเป้าหมายของเขาเล็งไปยังหัวของเจ้านกยักษ์
อินทรีเงินขยับปีกบินหนีไปได้หลายร้อยเมตร แต่แล้วเจ้านกยักษ์ก็ส่งเสียงร้องเหมือนกับถูกฟ้าผ่า
หัวขนาดใหญ่ของมันระเบิดออกกลางอากาศ บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยม่านฝนเลือด ขนนกอินทรีปลิวกระจาย ลำตัวขนาดใหญ่หมุนควงสว่านลงไปจากกลางอากาศ
ชายร่างใหญ่ได้แต่เบิกตากว้าง ตัวคนยืนนิ่งด้วยความตกตะลึง มวลพลังที่มีขนาดเท่ากับลูกปิงปองลูกหนึ่ง กลับสามารถสังหารนกอินทรียักษ์ได้อย่างง่ายดาย ทั้งที่เครื่องบินรบห้าลำทำอะไรมันไม่ได้ด้วยซ้ำ
นักบินของเครื่องบินรบอีกสองลำที่เหลืออยู่ ได้แต่ตกตะลึง เมื่อเห็นเจ้านกยักษ์ร่วงดิ่งลงไปจากท้องฟ้า หลังจากนั้น เครื่องบินรบทั้งสองลำก็แล่นลงจอดบนพื้นดิน เพื่อตามเก็บซากของนกอินทรียักษ์ตัวนั้น
รัฐบาลได้ติดต่อนักวิทยาศาสตร์จำนวนมาก ให้มาศึกษาหาจุดอ่อนของนกยักษ์เหล่านี้ ซากศพของพวกมัน
จึงถือว่ามีประโยชน์อย่างยิ่ง งานวิจัยเกี่ยวกับอินทรีเงิน ยังคงต้องค้นคว้าต่อไปอีกยาวนานสิ่งที่พวกเขาทำได้ในตอนนี้ ก็คือกัดฟันสู้และอดทนรอเท่านั้น
“เรียนผู้โดยสารทุกท่าน นกยักษ์ถูกกำจัดทิ้งไปแล้ว ในขณะนี้พวกเราปลอดภัยแล้วค่ะ” เสียงหวาน ๆ ของแอร์โฮสเตสคนเดิมดังขึ้นเรียกสติของผู้โดยสารบนเครื่องบิน และก่อให้เกิดเสียงร้องตะโกนด้วยความดีใจตามมาทันที
ทุกคนต่างก็เข้าใจว่า ผู้ที่สามารถจัดการอินทรีเงินได้ ก็คือนักบินเครื่องบินรบเหล่านั้นนั่นเอง มีเพียงแต่ชายร่างใหญ่เท่านั้น ที่รู้ว่าพระเอกตัวจริงก็คือฉู่ชวิ๋น แต่ชายหนุ่มเลือกที่จะเก็บเงียบเอาไว้ไม่บอกใคร แล้วเครื่องบินก็มาถึงสนามบินในเมืองกู่เจียงอย่างปลอดภัย
“นายท่านครับ…” หลังจากที่เดินตามมาจนทัน ชายร่างใหญ่ก็พูดกับฉู่ชวิ๋นด้วยความเคารพนบนอบว่า “ผมขอทราบชื่อของนายท่านหน่อยได้ไหมครับ ?”
“ฉู่ชวิ๋น”
ชายร่างใหญ่จ้องมองฉู่ชวิ๋นด้วยความเคารพเป็นอย่างสูง และทวนชื่อซ้ำอยู่สองรอบ แล้วเขาก็เปิดเข้าเว็บบอร์ดชุมนุมชาวยุทธ์
“มีใครรู้บ้างไหมว่านายท่านฉู่ชวิ๋นเป็นใคร ?” ตอนที่ตั้งกระทู้ถาม ชายร่างใหญ่ไม่ลืมเติมคำว่า “นายท่าน” ลงไปด้วย
“ไม่รู้จักอะ ไม่เห็นเคยได้ยินชื่อมาก่อน” มีคนเข้ามาตอบทันที
“ฟังชื่อก็รู้แล้วว่า เป็นพวกคนไม่สำคัญ อย่าไปสนใจเลยดีกว่า”
“ฉันรู้จักแต่เหมาเฉินจากสำนักตะวันเขียว ฉินเฉิงจื่อจากสำนักดาบพิฆาต ตวนเสี่ยวหยาจากสำนักเนินหินมรณะ เซวียนเซียนจากสำนักศาลาไร้รัก” ชื่อของจอมยุทธ์แต่ละคนที่ชายหนุ่มนิรนามคนนี้เข้ามาตอบ ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่สร้างชื่อขึ้น มาในไม่กี่ปีที่ผ่านมาทั้งสิ้น นอกจากนี้ดูเหมือนจะไม่มีใครรู้จักฉู่ชวิ๋นเลย แถมพวกเขายังมองฉู่ชวิ๋นเป็นตัวตลกและรู้สึกรังเกียจอีกด้วย
ชายร่างใหญ่รู้สึกผิดหวัง ในขณะที่เขากำลังจะออกจากบอร์ด ก็มีข้อความหนึ่งดึงดูดความสนใจของเขาขึ้นมา
“คุณอยากรู้จักฉู่ชวิ๋นไปทำไม ?”
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่อยากรู้น่ะ พอดีฉันได้พบกับผู้อาวุโสที่มีพลังอำนาจมาก เขาชื่อว่า ฉู่ชวิ๋น” ชายร่างใหญ่ตอบตามความเป็นจริง
“เขาสูงมากไหม ? รูปลักษณ์เป็นยังไง ?” อีกฝ่ายถาม
ชายร่างใหญ่อธิบายลักษณะของฉู่ชวิ๋น แต่เขาไม่ได้บอกว่า นิ้วของฉู่ชวิ๋นตัดหัวนกอินทรีสีเงิน เพราะการเปิดเผยวิชาของผู้อื่นในโลกยุทธภพนั้น ถือว่าเป็นข้อห้าม
“ปลายผมสีขาว….เขาปรากฏตัวแล้วงั้นเหรอ!!!” การสนทนาระหว่างคนทั้งสองดึงดูดผู้อื่น
“ใครปรากฏตัว ? เพื่อน ใครคือฉู่ชวิ๋น ? คนคนนี้มันโด่งดังมากหรอ ? ทำไมเทียบกับพวกเทียนเจียว[4]ของกลุ่มต่าง ๆ ได้ป่ะ ?” ใครบางคนถามอย่างสงสัย
“เทียนเจียว ?” ชายคนนั้นพิมพ์คำสองคำที่เขารู้สึกดูถูกเหยียดหยามอย่างเห็นได้ชัดถ้าเอาคนพวกนี้มาเทียบกับฉู่ชวิ๋น จากนั้นเขาก็ส่งข้อความออกมาว่า “เมื่อเทียบกับจอมมารฉู่แล้ว พวกเขาก็แค่ฟืนผุ”