จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 219 คนหน้าไหว้หลังหลอก[รีไรท์]
บทที่ 219 คนหน้าไหว้หลังหลอก[รีไรท์]
พัดหยกในมือของเกออู๋เหว่ยโบกสะบัดเบา ๆ ใบหน้าของชายหนุ่มประดับด้วยรอยยิ้ม เหมือนเป็นพี่ชายข้างบ้านผู้ใจดี
“แม่นางหงหลิง ส่งกล่องหยกมาให้ฉันดีกว่านะ” เขาเดินเข้าไปหาหงหลิงพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพอ่อนโยน หงหลิงยิ้มกว้างอย่างโปรยเสน่ห์ แต่ในดวงตามีแต่ความเย็นชา เช่นเดียวกับรอยยิ้มของเธอ เธอยังคงยิ้มตอนที่ยื่นส่งกล่องหยกออกไป
“ขอบคุณมาก!” หลังจากกล่าวขอบคุณแล้ว เกออู๋เหว่ยก็ยื่นมือไปรับกล่องหยก
ขวับ!
พลัน ประกายสีแดงวาบขึ้นด้วยความดุดัน ตวัดตรงไปที่มือของเกออู๋เหว่ย
ดวงตาของเกออู๋เหว่ยพลันเป็นประกายอำมหิต พัดหยกในมือของเขาโบกสะบัดอย่างแรง
เคล้ง!
มีดสั้นของหงหลิงปะทะเข้ากับพัดหยก ประกายไฟสาดกระจายไปทุกหนทุกแห่ง เสียงเนื้อเหล็กปะทะกันดังสนั่นหู
พัดหยกเป็นชื่อเรียกแต่ความจริงสิ่งที่อยู่ในมือของเกออู๋เหว่ยเป็นพัดเหล็กด้ามหนึ่ง ตัวโครงของพัดทำมาจากเหล็กกล้า มีความแข็งแกร่งและแหลมคม ตัวโครงพัดสามารถหักกระดูกและเส้นเอ็นเวลากระแทกร่างกายผู้คน พัดด้ามนี้จึงมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า พัดหักกระดูก
ความแตกต่างระหว่างฝีมือของหงหลิงกับเกออู๋เหว่ยมีมากเกินไป เกออู๋เหว่ยมีฝีมือในระดับปรมาจารย์ระดับเก้า หงหลิงมีฝีมือในระดับปรมาจารย์ระดับห้า ไม่มีทางที่เธอจะเอาชนะเขาได้เลย
หลังจากที่อาวุธของทั้งสองฝ่ายปะทะกันแล้ว หงหลิงก็เซถอยหลัง มีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก ใบหน้าที่หล่อเหลาของเกออู๋เหว่ยเต็มไปด้วยความสะใจของผู้ชนะ เขาคิดอยู่แล้วว่าหงหลิงคงไม่ยอมส่งกล่องหยกออกมาโดยง่าย ทุกอย่างอยู่ภายใต้การคำนวณของเขาอยู่แล้ว
ชายหนุ่มไม่อยากผิดใจกับฉินเฉิงจื่อ แต่ก็ไม่อยากให้ผู้หญิงที่เขาอยากได้ต้องตกไปอยู่ในมือของอีกฝ่ายเช่นกัน ในเมื่อเขาไม่ได้ครอบครองเธอ ฉินเฉิงจื่อก็อย่าหวังเลยว่า จะได้ตัวเธอไปเช่นกัน หนทางเดียว ก็คือ เขาต้องฆ่าหญิงสาวคนนี้ทิ้งไปเท่านั้น
เกออู๋เหว่ยระเบิดเสียงหัวเราะ เขาอยากจะฆ่าหงหลิงและทำลายเธอ จะได้ไม่มีใครได้ตัวเธอไปอีก
“แม่นางหงหลิง คิดหรือว่าเกออู๋เหว่ยคนนี้เป็นคนที่จะมาหลอกกันง่าย ๆ” ชายหนุ่มพูดด้วยความดุดัน
“คนหน้าไหว้หลังหลอก” หงหลิงหัวเราะด้วยความเหยียดหยาม ก่อนที่โลกจะเกิดความเปลี่ยนแปลง เธอถีบตัวเองขึ้นมาจากเด็กกำพร้ากลายเป็นดาวเด่นในเมืองกู่เจียง ต้องอยู่ท่ามกลางคนร่ำรวยและผู้มีอำนาจ โดยต้องแกล้งทำตัวเป็นคนไร้เดียงสาตลอดเวลา จะมีคนประเภทไหนบ้างที่เธอไม่เคยพบเจอ ? จะมีเล่ห์เหลี่ยมชนิดใดที่เธอไม่เคยพานพบ ?
เกออู๋เหว่ยคิดว่า ตัวเองเก่งกาจ แต่เขาไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเธอเลย
เมื่อเห็นสายตาอาฆาตแค้นหมายเอาชีวิตของเกออู๋เหว่ย หงหลิงก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่ง ถ้าคุณแข็งแกร่ง คุณก็จะได้รับความเคารพ ถ้าคุณแข็งแกร่ง ก็จะมีคนนับหน้าถือตา แต่บางครั้ง มันก็ทำให้คนเรามองอะไรอย่างฉาบฉวยเกินไป
เมื่อคิดถึงอาจารย์ของเธอ รวมถึงศิษย์ร่วมสำนักที่ต้องตายอย่างทรมาน หงหลิงก็รู้สึกโกรธแค้นขึ้นมาอีกครั้ง
“หยุดนะ!” หงหลิงร้องตะโกน
เกออู๋เหว่ยยังคงเดินสืบเท้าเข้าไปหาหญิงสาว มือของเขาโบกสะบัดพัดหยก ใบไม้บนพื้นปลิวกระจายแต่ในทันใดนั้นเอง หงหลิงฉีกยิ้มออกมาหวานหยดย้อย เธอกำกล่องหยกในมือแน่นและกระโดดเข้าไปหาฉินเฉิงจื่อ สีหน้าของเกออู๋เหว่ยพลันแปรเปลี่ยนไป เขาสะบัดพัดหักกระดูกในมือ เขวี้ยงตามหลังหญิงสาวไปด้วยความดุร้าย
หงหลิงทำเป็นตัวสั่น พูดด้วยความหวาดกลัวสุดขีดว่า “ช่วยฉันด้วยนะคะ นายน้อยฉิน”
ขวับ!
ดาบยาวขนาดสามฟุตถูกชักออกมาจากฝัก ใบดาบส่งเสียงตัดอากาศดังฟึบฟับ
เคล้ง!
ประกายไฟสาดกระจาย พัดหักกระดูกลอยกลับไปอยู่ในมือของเกออู๋เหว่ยอีกครั้ง
“นี่มันหมายความว่ายังไงกัน พี่ฉิน” เกออู๋เหว่ยถามด้วยความไม่พอใจ
“ฉันพูดยังไม่ชัดเจนอีกหรือไง หรือว่าน้องเกอโง่เกินกว่าจะเข้าใจได้ฮะ” ฉินเฉิงจื่อมองหงหลิงที่วิ่งเข้ามาหาเขาอย่างวางท่า ว่าตนเองเป็นผู้แข็งแกร่ง หลังจากนั้น ก็กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงอำมหิตว่า “ฉันเคยบอกเอาไว้แล้วไง ฉันต้องการดอกไม้ในกล่องกับผู้หญิงคนนี้”
“ขอบคุณมากนะคะ นายน้อยฉิน” หงหลิงขอบคุณด้วยน้ำเสียงที่ชวนหลงใหล ร่างกายของเธอที่เบียดเข้ามา ทำให้ฉินเฉิงจื่อต้องแอบกลืนน้ำลายไปหลายรอบโดยไม่รู้ตัว ดวงตาของเกออู๋เหว่ยเป็นประกายโกรธแค้น ในหัวใจอัดแน่นไปด้วยความอิจฉาริษยา ก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “พี่ฉิน เธอเกือบจะตัดมือผมขาดไปแล้ว ทำไมผมจะฆ่าเธอไม่ได้ ?”
ฉินเฉิงจื่อระเบิดเสียงหัวเราะอย่างดูถูกดูแคลน “น้องเกอคงชอบฟังเรื่องตลกสินะ ผู้หญิงคนนี้เป็นของฉัน แล้วน้องเกอจะทําร้ายเธอได้อย่างไร ในเมื่อตอนนี้เธอติดตามฉันแล้ว ฉันก็ต้องมีหน้าที่ปกป้องเธอเป็นธรรมดา”
ในหน้าที่หล่อเหลาของเกออู๋เหว่ยบิดเบี้ยว ในแววตาเต็มไปด้วยไอสังหาร เช่นเดียวกับสีหน้าของฉินเฉิงจื่อที่บอกได้ชัดเจนถึงความเกลียดชังที่มีต่อตัวเขา
“นายน้อยฉินคะ แววตาของเขาน่ากลัวจังเลย!” หงหลิงแสร้งทำเป็นหวาดกลัวสายตาของเกออู๋เหว่ยและขยับเข้ามาใกล้ชิดฉินเฉิงจื่อโดยไม่รู้ตัว สำหรับหนุ่มฉกรรจ์สิ่งนี้ดีมากยิ่งกว่าคำชื่นชมเยินยอเสียอีก
“ไม่ต้องกลัว เขาทำอะไรเธอไม่ได้อีกแล้วล่ะ” ฉินเฉิงจื่อ โอบแขนรอบเอวหงหลิง พูดด้วยน้ำเสียงดุร้าย แววตาเป็นประกายดุดัน
“ถ้าอย่างนั้นนายน้อยฉินก็ต้องคอยปกป้องฉันในอนาคตต่อไปด้วยนะคะ” หงหลิงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทำให้ฉินเฉิงจื่อ แทบจะละลายไปเลยทีเดียว
“ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะ…บัดซบ! เธออยากตายหรือไง…” ในขณะนั้นเอง ฉินเฉิงจื่อที่พยายามทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ พลันส่งเสียงร้องโหยหวนและกระแทกฝ่ามือใส่หงหลิงเข้าเต็มแรง
จากนั้นทุกคนก็พบว่า ที่หน้าอกของฉินเฉิงจื่อมีมีดสั้นเล่มหนึ่งปักคาอยู่ และเลือดสีแดงสดกำลังไหลทะลักออกมา
หงหลิงถูกฝ่ามือกระแทกจนร่างลอยกระเด็นไป หลังจากที่ร่างลงกระแทกพื้นแล้ว เธอก็ม้วนตัวไปอีกหลายตลบ และกระอักเลือดออกมาอีกคำใหญ่ แต่สายตาของเธอที่จ้องมองไปยังฉินเฉิงจื่อก็ยังคงเต็มไปด้วยความเกลียดชังเป็นอย่างยิ่ง
ผู้ที่ฆ่าอาจารย์ของเธอ ก็คือฉินเฉิงจื่อ
ขวับ!
ฉินเฉิงจื่อดึงมีดสั้นออกมาจากหน้าอก เลือดเป็นสายสาดกระจาย ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว ชายหนุ่มหยิบกล่องสีขาวขนาดเล็กกล่องหนึ่งออกมา และเทผงที่อยู่ด้านในกล่องลงไปบนบาดแผลของตนเอง
หลังจากนั้นไม่นาน เลือดก็หยุดไหล บาดแผลเริ่มตกสะเก็ด
“พี่ฉินนี่โชคดีจริง ๆ เลยนะครับ” ความอิจฉาริษยาของเกออู๋เหว่ยหายไปหมดแล้ว เมื่อเห็นว่า ฉินเฉิงจื่อถูกหงหลิงลอบทำร้ายอย่างหมดท่า เขาก็รู้สึกสะใจเป็นอย่างยิ่ง และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะออกมา
ขวับ!
การตอบรับของอีกฝ่ายคือประกายดาบที่ตวัดวูบ
เกออู๋เหว่ยพลันสีหน้าแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย ดีดตัวถอยห่างมาสิบกว่าเมตร เพื่อให้รอดพ้นรัศมีคมดาบ
เปรี๊ยะ!
ต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่เท่ากับเอวมนุษย์ ถูกรัศมีคมดาบตัดขาดเป็นสองท่อนล้มลงไป
เกออู๋เหว่ยยืนหัวเราะเยาะอยู่ในที่ไกล ๆ แต่ก็ไม่กล้ายั่วโมโหฉินเฉิงจื่ออีกแล้ว
ดวงตาของฉินเฉิงจื่อในตอนนี้เหมือนดวงตาของงูพิษ เขาจ้องมองหงหลิงด้วยความดุร้าย และริมฝีปากก็บิดตัวเป็นรอยยิ้มแปลกประหลาด
“นังสารเลว กล้าลอบกัดฉัน รู้ไหมว่ามันจะทำให้เธอต้องชดใช้อะไรบ้าง ?”
“ถ้าเก่งจริงก็ฆ่าฉันให้ตายในดาบเดียวสิ ไม่อย่างนั้น ฉันจะฆ่าแกเพื่อแก้แค้นให้อาจารย์ของฉัน หรือต่อให้ฉันต้องตายไป ฉันก็จะกลายเป็นผีมาหลอกหลอนแกไปจนตาย” ใบหน้าของหงหลิงไม่ได้งดงามหยาดเยิ้มอีกแล้ว แต่สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเย็นชาและความโกรธแค้น
“อยากตายนักใช่ไหม ? เป็นความต้องการที่มีเหตุผลดีนะ แต่เธอคิดว่ามันจะเป็นความจริงได้ไหมล่ะ ?” ดวงตาของฉินเฉิงจื่อ เป็นประกายชั่วร้ายตอนที่เขาพูดต่อว่า
“คนสวย ๆ อย่างแม่นางหงหลิง นอกจากเป็นคนสวยงามก็ยังเป็นจอมยุทธ์ด้วย มีใครบอกได้ไหมว่าเธอจะทนแรงลิงกังที่ป่าเถื่อนได้ขนาดไหน ?”
เมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ของฉินเฉิงจื่อ สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนแปลงไป
หลังจากเกิดความเปลี่ยนแปลงบนโลกนี้ สิ่งมีชีวิตหลายชนิดก็กลายพันธุ์กลายเป็นสัตว์ชนิดใหม่ อย่างเช่นลิงชิมแปนซี ที่มีความแข็งแกร่งมากขึ้น ตัวใหญ่มากขึ้น และมีความต้องการทางเพศสูง ลิงชิมแปนซีที่กลายพันธุ์แล้ว กลับกลายเป็นสัตว์ที่ผิดปกติโดยสิ้นเชิง มันเต็มไปด้วยความดุร้ายป่าเถื่อน นอกจากผสมพันธุ์กับสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์เดียวกันแล้ว ถ้าสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์อื่นที่เป็นเพศเมียตกไปอยู่ในเงื้อมมือของพวกมัน ก็จะต้องถูกข่มขืนจนตายอย่างโหดร้ายทารุณ โดยเฉพาะมนุษย์ผู้หญิงหน้าตาดี
“แกมันเป็นสัตว์นรก!” หงหลิงคำรามด้วยความโกรธแค้น เนื่องจากเคยได้ยินกิตติศัพท์ของสัตว์ร้ายเหล่านั้นเป็นอย่างดี
ฉินเฉิงจื่อหัวเราะเยาะและพูดว่า “ในเมื่อเธอไม่ยอมเป็นของฉันดี ๆ ก็จงตกเป็นของลิงพวกนั้นไปซะเถอะ นี่แหละ สาสมกับสิ่งที่เธอทำแล้ว”
ทุกคนตัวสั่นระริก นับว่า ฉินเฉิงจื่อโหดร้ายเกินไปจริง ๆ โดยเฉพาะเซวียนเซียนที่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน เธอทนไม่ไหวกับพฤติกรรมผิดมนุษย์ของฉินเฉิงจื่อ จึงพูดออกไปเสียงดังว่า
“โบราณว่าไว้ถ้าฆ่าคนมากเกินไป คนเราก็ไม่ต่างไปจากสัตว์เดรัจฉาน แต่ถ้านายทำแบบนี้ นายก็เลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก”
ฉินเฉิงจื่อหันขวับกลับมามองเซวียนเซียนด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป ก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริงว่า “เซวียนเซียนปากดีไม่ใช่น้อยเลยนะ หรือว่าอยากมีปัญหากับฉันกันแน่”
เซวียนเซียนเลิกคิ้วขึ้นสูง และมองฉินเฉิงจื่อด้วยความขยะแขยง พูดพร้อมกับหัวเราะเยาะว่า “คนอย่างนาย สักวันต้องไม่ตายดีแน่ ๆ”
“หรือว่าเซวียนเซียนอยากจะเป็นเมียลิงด้วยเหมือนกันล่ะจ๊ะ?” แววตาที่แข็งกร้าวของฉินเฉิงจื่อบอกชัดว่าเขาไม่ได้พูดเล่นอีกแล้ว
“ฉินเฉิงจื่อ อยากตายหรือไง” ใบหน้าของเซวียนเซียนพลันแสดงความโกรธแค้นขึ้นมาแล้ว
“คนเรายังไงเกิดมาก็ต้องตาย แต่ถ้าตายด้วยน้ำมือของเซวียนเซียนคนงาม ฉันก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง” ฉินเฉิงจื่อพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม
ชิ้ง!
หญิงสาวดีดสายพิณในมือของเธอ เกิดเป็นคลื่นเสียงที่มีกำลังภายในแรงกล้าพุ่งออกไป
การดีดนิ้วบนสายพิณแต่ละครั้ง เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังลมปราณ ซึ่งถือว่าเป็นวิทยายุทธขั้นสูงชนิดหนึ่ง ฉินเฉิงจื่อชักดาบยาวออกมาจากฝักและตวัดแนวขวาง พลังลมปราณของเขาพุ่งออกไป
มวลอากาศระเบิดตัวออก ท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงสว่างวูบวาบ
เปรี้ยง!
เกิดการระเบิดติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง ต้นไม้โค่นล้ม ก้อนหินแตกกระจาย การปะทะกันของจอมยุทธ์ ที่มีพลังระดับปรมาจารย์ระดับเก้า มันน่ากลัวเช่นนี้นี่เอง
ฟึบ!
การปะทะกันจบลง การระเบิดตัวหายไป พิณพิฆาตลอยข้ามท้องฟ้ามาแล้ว
สีหน้าของฉินเฉิงจื่อแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย ดาบในมือตวัดออกไปอย่างรวดเร็ว
เปรี้ยง!
พิณพิฆาตกระแทกเข้ากับปลายดาบและเกิดการระเบิดของพลังขึ้นอีกครั้ง
ฉินเฉิงจื่อเซถอยหลังมาสิบกว่าก้าว สีหน้าของเขาเคร่งเครียด เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ขาดวิ่น มีรูเล็กรูน้อยอยู่เต็มไปหมด แม้แต่ใบหน้าของเขาก็ซีดขาวไม่มีสีเลือด
เกออู๋เหว่ยไม่อยากจะเชื่อ ฉินเฉิงจื่อเป็นฝ่ายพ่ายแพ้หรือนี่
ฝ่ายหนึ่งคือหน้าตาของสำนักศาลาไร้รัก ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งก็เป็นทายาทของเจ้าสำนักดาบพิฆาต แต่พิณพิฆาตของ เซวียนเซียน กลับมีความแข็งแกร่งมากกว่าดาบพิฆาตของฉินเฉิงจื่อ
เรื่องนี้ไม่สามารถมองข้ามไปได้เลย ในตอนนี้ฉินเฉิงจื่อเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ทุกรูปแบบ หากนี่เป็นการต่อสู้ที่หมายเอาชีวิตกันจริง ๆ ฉินเฉิงจื่อก็คงต้องตกตายไปแล้วอย่างแน่นอน
“ฉินเฉิงจื่อ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรดี ๆ จะพูด ก็หุบปากไปดีกว่านะ” ใบหน้าที่สวยงามของเซวียนเซียนเต็มไปด้วยประกายของความดุร้าย ดวงตาของเธอเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง
ฉินเฉิงจื่อหน้ากระตุก ดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์ แต่ในที่สุดเขาก็ข่มความเดือดดาลลง และยิ้มแย้มออกมา
“เซวียนเซียน มีฝีมือน่ากลัวไม่ใช่เล่นเลยจริง ๆ ฉันขอคารวะ”เซวียนเซียนพ่นลมทางจมูกด้วยความดูถูก แต่ก็ไม่อยากหักหน้าอีกฝ่ายมากเกินไป จะอย่างไรก็ถือว่าเป็นสำนักใหญ่ในยุทธภพด้วยกันทั้งคู่ พวกเขาต่างก็มีไพ่เด็ดที่คนนอกไม่รู้ ถ้าเกิดสู้กันขึ้นมาจริง ๆ เธอก็ยังไม่อาจแน่ใจได้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ ?
ฉินเฉิงจื่อหันไปมองหงหลิงพร้อมกับยิ้มด้วยความวิปริต ก่อนที่จะหันกลับมามองเซวียนเซียน และพูดว่า “เซวียนเซียน ฉันจะพาตัวผู้หญิงคนนี้ไปด้วย เธอมีปัญหาหรือเปล่า ?”
ใบหน้าที่สวยงามของเซวียนเซียนมีแต่ความเย็นชาและความเกลียดชัง “ฉินเฉิงจื่อ ถ้านายทำเรื่องที่ผิดมนุษย์มนา ก็ถือว่านายเลือกที่จะฆ่าตัวตายเองก็แล้วกัน”
“เซวียนเซียนนี่เป็นคนตลกจริง ๆ นะ คนในสำนักผู้หญิงคนนี้ทั้ง ยี่สิบสามชีวิตตกตายไป มีแต่แม่นางหงหลิงคนเดียวเท่านั้นที่รอดมาได้ อย่าบอกนะว่าท่านจอมยุทธ์หญิงอย่างเซวียนเซียนไม่มีส่วนรับผิดชอบในเรื่องนี้ด้วย ?” ฉินเฉิงจื่อพูดด้วยน้ำเสียงเหน็บแนม
เซวียนเซียนหน้าตึงไปทันที เธอพูดอะไรไม่ออก แม้ว่าความจริงแล้วเธอจะไม่ได้ฆ่าใครเลยสักคน แต่เธอก็ทำให้หลายคนต้องบาดเจ็บสาหัส
“ทั้งสองคนอย่าลืมสิว่าจุดประสงค์ของเราในวันนี้ คือดอกไม้ที่อยู่ในกล่องหยก เราอย่ามามีเรื่องกันเพราะผู้หญิงแค่เพียงคนเดียวเลยนะ” เกออู๋เหว่ยออกหน้าห้ามศึก
“คุณชายเกอพูดมีเหตุผล เรามาแบ่งดอกไม้กันเลยดีกว่าไหม ?” ชายชราจากปราสาทเถียนหลงพูด
กล่องหยกอยู่ในมือของฉินเฉิงจื่อ ถ้าไม่รีบแบ่งกันเสียตั้งแต่ตอนนี้ ไม่แน่ว่าอาจเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นก็ได้
เซวียนเซียนพยักหน้าเห็นด้วยให้รีบแบ่งดอกไม้จากในกล่อง จุดประสงค์ที่พวกเขาเดินทางมาที่นี่ ก็เพื่อนำดอกไม้เหล่านั้นไปเพาะปลูก ดอกไม้เหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้านำไปเพาะปลูกได้สำเร็จ ก็จะสามารถสร้างจอมยุทธ์รุ่นใหม่ที่มีฝีมือแข็งแกร่งได้เป็นจำนวนมาก
ดวงตาของฉินเฉิงจื่อเป็นประกายระยิบระยับ แต่ในหัวใจกำลังคิดแผนการชั่วร้ายขึ้นมาแล้ว ถ้าเขาเก็บดอกไม้ในกล่องเอาไว้แค่เพียงคนเดียว นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเขาเองแล้ว มันก็จะทำให้อนาคตของสำนักดาบพิฆาตมีจอมยุทธ์มากฝีมืออยู่เป็นจำนวนมหาศาล และนั่นหมายความว่า สำนักของเขาก็จะเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในยุทธภพ
แต่ชายหนุ่มก็ทราบดีว่าคนอื่น ๆ ในที่แห่งนี้คงไม่มีทางเห็นด้วย เพราะฉะนั้น เห็นทีเขาคงต้องรีบคิดหาแผนการเจรจาขึ้นมาให้ได้โดยเร็วและแนบเนียนที่สุดเสียแล้ว