จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 236 ลองเชิง![รีไรท์]
บทที่ 236 ลองเชิง![รีไรท์]
หลังจากที่ทั้งสี่คนนั่งที่เรียบร้อย เหลยเป้ามองไปที่นักรบเสือด้วยแววตาอาฆาต สายตาเปล่งประกายอย่างเยือกเย็นออกมาในบางครั้ง ดู ๆ แล้วเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้ท่าทางจะไม่จบลงง่าย ๆ
นักรบเสือไม่สนใจแต่ภายในจิตใจของเขากำลังร่ำร้องโลกมันเปลี่ยนไป จอมยุทธ์ จู่ ๆ ก็ผงาดขึ้นมา ทุกคนต่างก็ให้ความเคารพผู้แข็งแกร่งอย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย รัฐบาลเองยังหมดหนทาง แม้แต่ในกลุ่มฟินิกซ์ม่วงเองก็มีจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์เพียงแค่หยิบมือเดียว พวกเขาไม่มีสิทธิ์พูดอะไรทั้งสิ้น
สาวหม้ายเห็นว่าบรรยากาศดูไม่สู้ดีนัก เธอจึงยิ้มออกมาแล้วบอกว่า “ท่านหัวหน้าเหยียน เรียกทุกคนมา มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ ?”
เหยียนชงลุกขึ้น ก้มหัวทำคำนับทั้งสามคน จากนั้นพูดออกมาว่า “เป็นเวลาครึ่งปีแล้วที่เจ้าวังคนก่อนตายลงไป พวกเราในมังกรเพลิงก็อยู่ในสภาวะที่ไร้ผู้นำ แล้วก็จะล่มสลายในเร็ววัน ซึ่งมันจะไม่ส่งผลดีต่อไปในวันข้างหน้า”
ที่เหยียนชงพูดออกไปก็ฟังขึ้น นับจากวันที่เกาฉิงหลิง จากไป สี่กลุ่มนี้ก็มักเกิดความขัดแย้งกัน ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้เรื่อย ๆ ในอนาคตพวกเขาคงจะถึงคราล่มสลายจริง ๆ
เหลยเป้ามองไปที่เหยียนชง แล้วกล่าวว่า “แล้วท่านหัวหน้าเหยียนมีคำแนะนำใดบ้าง ?”
เหยียนชงกล่าว “ฉันขอแนะนำให้เลือกเจ้าวังที่นี่เลย”
แม่หม้ายสาวสวยมองตากับเหลยเป้าแบบไม่ได้นัดกัน ส่วนนักรบเสือก็โดนละเลย
“ฉันไม่มีความเห็นแย้งเรื่องที่ต้องเลือกเจ้าวัง แต่ปัญหาคือใครที่เหมาะสมจะมาเป็นเจ้าวัง ?” เหลยเป้าเอ่ยถาม
เหยียนชงยิ้มแล้วพูดออกมา “ฉันก็แค่ยกประเด็นขึ้นมา แต่ก็ไม่รู้ว่าจะแนะนำใคร พวกเราคงเลือกกันเองในสามคนนี้แหละ”
“งั้นฉันขอเสนอเหมยจือถงคนสวยมาเป็นเจ้าวัง เพราะนอกจากเธอแล้วก็ฉันก็ไม่เห็นว่าใครที่เหมาะสมอีก” เหลยเป้าพูดดังฟังชัด
สีหน้าของแม่หม้ายสาวเปลี่ยนไป เธอรู้ดีว่าเหลยเป้าแค่ต้องการจะประจบประแจง ทำตัวเองให้ผู้อื่นรู้สึกรังเกียจ แม้คนโง่ก็ยังดูออกว่าเหยียนชงมาเพื่อเสนอตัวเองให้ตัวเองเป็นเจ้าวัง
“ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนนี้ แต่ฉันเป็นแค่ผู้หญิงบอบบางคนหนึ่ง แค่พื้นที่หนึ่งเอเคอร์กับสามเซนต์ ฉันยังดูแลไม่ได้เลย ถ้าเป็นวังมังกรเพลิงที่ขนาดใหญ่มหึมาขนาดนี้ฉันคงจะยิ่งรู้สึกอับอายกว่าเดิม”
พอได้ฟังสิ่งที่หญิงหม้ายคนสวยพูดออกมา สีหน้เหยียนชงก็ดูดีมากขึ้น
“แล้วท่านหัวหน้ากลุ่มฟินิกซ์ม่วงล่ะ ท่านมีความเห็นอย่างไร ?” เหยียนชงถามนักรบเสือ
นักรบเสือยังไม่ทันตอบ แต่เหลยเป้าพูดแทรกมาทันที “เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ความเห็นของหมาของแมวไม่น่าจะมีความหมายอะไร” นักรบเสือกำหมัดแน่นจนเล็บแทงเข้าไปในเนื้อ เขาหมั่นไส้ไอ้เหลยเป้าจนอยากจะฆ่ามันทิ้งซะ
เขามองไปที่เหยียนชงสักพักหนึ่งแล้วจึงบอกว่า “คนที่เหมาะสมจะเป็นเจ้าแห่งวังมังกรเพลิง อย่างน้อย ๆ ก็ต้องเป็นที่คนแข็งแกร่ง” เหยียนชงปลื้มปีติยิ้มตาตี่ เขาคิดว่านักรบเสือ ก็ไม่ใช่คนไร้ค่าขนาดนั้น อย่างน้อย ๆ เขาก็พูดออกมาจากใจจริงของเขา
“ฉันคิดว่าสิ่งที่ท่านรักษาการณ์นักรบเสือพูดก็มีเหตุผล” เหยียนชงกล่าว
เหลยเป้ากลอกตามองไปที่นักรบเสือ แล้วตะโกนออกมาว่า“ไอ้ขยะเอ้ยพวกเราสามคนดูไม่มีใครเหมาะสมเลยรึไง ระหว่างพวกเราเนี่ย มองดูก็รู้ว่าใครเหมาะสม”
“ผิดแล้ว” เหยียนชงมองไปที่เหลยเป้าแล้วส่งยิ้มให้
“พี่เหลย เมื่อไม่กี่วันก่อนฉันไปเจอของวิเศษ ได้ประสบการณ์มาไม่น้อย ตอนนี้คิดว่าระดับการฝึกฝนของฉันจะเหนือเกินพี่ไปแล้วล่ะ”
เหลยเป้ามึนงงแล้วก็ตะโกนออกมาด้วยความโมโห “ไอ้คนแซ่เหยียน สารเลว แกกล้าพูดอะไรออกมา อยากลงก็มาเลยมา มาลองวัดฝีมือกันดู!”
“พี่ชายเหลย เมตตาด้วย!” เหยียนชงกล่าว ทั้งเหลยเป้า หญิงหม้ายคนสวย และนักรบเสือตกตะลึง
ที่หน้าแปลกใจที่สุดคือเหลยเป้า ทำไมเหยียนชงพูดออกมาดูง่าย ๆ แบบนี้แต่เขาก็ไม่คิดจะแสดงความอ่อนแอออกมา พวกเขาลุกขึ้นพร้อมกันแล้วเดินออกประตูไป นักรบเสือก็เดินตามออกมา โบกมือส่งสัญญาณให้ทหารนับร้อยถอย ปล่อยให้เหลยเป้าและเหยียนชงสู้กันเอง หญิงหม้ายแววตาวูบวาบมองตามทั้งสองไป ดูไม่ออกว่าในใจเธอคิดอะไรอยู่
“ท่านพี่เหลย โปรดชี้แนะด้วย” เหยียนชงกำมือทำท่าคารวะ
เหลยเป้าหัวเราะในลำคออย่างเย็นยะเยือก หายใจฟึดฟัด ในมือของเขามีลูกบอลสายฟ้าฟาด มันค่อย ๆ แตกกระจายเขาซัดออกไปมุ่งตรงไปหาเหยียนชง
เหยียนชงไม่ตื่นกลัวใด ๆ เขาคว้ากระจกทองแดงแปดเหลี่ยมออกมา ในอึดใจต่อมา กระจกทองแดงก็สั่นสะเทือนพร้อมปล่อยแสงสีทองออกมา ใช่แล้ว แสงนั้นก็คือมังกร!! เหยียนชงยิ้มเยาะ เงาของมังกรทองแปดตัวพุ่งออกมาจากกระจกทองแดง พอมองบนฟ้าจะเห็นว่าพายุก่อตัวขึ้นมันมีขนาดใหญ่กว่าร้อยเมตรได้ เขาบังคับให้มันโจมตีเหลยเป้า
ตู้มม!
ระเบิดรุนแรงส่งผลให้พื้นดินแตกเป็นทางยาว พื้นดินแยกตามรอยแตก อาคารบ้านเรือนทั้งสี่ทิศถล่มลงมา ลูกบอลสายฟ้าในมือของเหลยเป้าถูกทำลายโดยมังกรทองตัวหนึ่ง
เงาของมังกรทองสวรรค์อีกเจ็ดตัวที่เหลือเข้าโจมตีเหลยเป้า มังกรตัวหนึ่งระเบิดออกมา!
สีหน้าเหลยเป้าเปลี่ยนไป เขายกฝ่ามือขึ้น เปลี่ยนลมปราณให้กลายมาเป็นโซ่ มังกรอีกตัวระเบิดออกตาม แรงระเบิดกลายเป็นพายุที่พัดทำลายตึกทั้งหลาย ต้นไม้ใหญ่และก้อนหิน กลายเป็นเศษซากภายในรัศมีหลายร้อยเมตร
มังกรเงาที่เหลืออีกหกตัวโจมตี เหลยเป้าร้องคำรามออกมา ในขณะนี้เขากำลังรวบรวมลมปราณ สร้างเป็นลมปราณคุ้มกาย เขาปล่อยกำปั้นออกไป กลายเป็นพายุสายฟ้าที่กรรโชกอย่างรุนแรง
ตู้มม………..!
การระเบิดนี้ทำให้เกิดแผ่นดินไหวต่อกันถึงหกครั้ง พื้นโลกเป็นเกลียวคลื่นม้วนตัวไป พายุพัดกรรโชก แล้วตัวเหลยเป้าก็จมลงไปในนั้น
ผ่านไปหนึ่งก้านธูป ฝุ่นควันฟุ้งตลบ เกิดหลุมขนาดใหญ่บนพื้น เหลยเป้ายืนอยู่กลางหลุม เลือดอาบที่มุมปาก แววตาดุร้าย แต่ถ้ามองดูใกล้ ๆ จะเห็นว่าเขารู้สึกกลัวเล็กน้อย
สาวหม้ายคนสวยและนักรบเสือตกตะลึง เหลยเป้าบาดเจ็บ พวกเขามองไปที่กระจกทองแดงแปดเหลี่ยมในมือเหยียนชง
“สมบัติลึกลับในมือของท่านหัวหน้าเหยียนช่างทรงพลังนัก ฉันเหลยเป้าขอยอมจำนน” เหลยเป้าพูดออกมาชัดเจน เขายอมแพ้ต่อสมบัติลึกลับนั้น แต่ไม่ได้ยอมแพ้ต่อเหยียนชง
เหยียนชงยิ้มอ่อน แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินไม่เข้าใจสิ่งที่เหลยเป้าพูด เขาสนใจเพียงผลของมันเท่านั้น
เขามองหญิงหม้ายรูปงาม กล่าวว่า “ท่านหัวหน้าเหมย ฉันขอคำชี้แนะ[18]วิชาเปลวเพลิงสักหน่อยได้ไหม” สีหน้าของหญิงหม้ายเปลี่ยนไป พลังพายุสายฟ้าของเหลยเป้ากับเธอก็ไม่ต่างกันเท่าใดนัก สมบัติลึกลับในมือของเหยียนชงนี้สามารถเอาชนะเหลยเป้าได้เพียงขยับมือ หากเธอรับคำท้าเกรงว่าจะเป็นปัญหายิ่งกว่าเดิม
เธอจึงยิ้มแล้วพูดออกมา “ท่านหัวหน้าเหยียนมีสมบัติลึกลับนั้นอยู่ในมือ ตัวฉันคงไม่มีทางกล้าเป็นศัตรูกับคุณหรอก”
ความหมายของเธอนั้นก็เหมือนกับเหลยเป้า เธอกลัวสมบัติลึกลับนั้น แต่ไม่ได้กลัวเหยียนชง นี่ก็ถือเป็นศึกที่ใช้ประลองความสามารถที่แท้จริง
เหยียนชงคิดถึงเรื่องการทรยศ เขาจะไม่ปล่อยให้ตัวเองโดนหลอกแน่นอน เขาต้องสร้างภาพให้ดูแข็งแกร่งที่สุด “ตัวฉันช่างโชคดีที่ได้ครอบครองสมบัติลึกลับนี้ แล้วความโชคดีนี้ก็คือความแข็งแกร่ง ท่านหัวหน้าเหมยจะเอาของวิเศษออกมาก็ได้นะ พวกเราจะได้สู้กันอย่างสมน้ำสมเนื้อ”
บร๊ะ….หญิงหม้ายคนสวยและเหลยเป้าอุทานออกมาพร้อม ๆ กัน พวกเขารู้สึกอัปยศ สมบัติลึกลับนี้ไม่ใช่ผักกาดขาว มันเป็นอาวุธที่เลือกเจ้าของไม่ใช่ของที่ใคร ๆ ก็มีได้ หากทั้งสองมีก็คงใช้มันไปแล้ว แน่นอนพวกเขาจะเอามาใช้จัดการเหยียนชงนี่แหละ ไอ้คนไร้ยางอาย!!
“ท่านหัวหน้าเหยียนพูดเป็นเล่นไป ของวิเศษไม่ใช่จะมีกันง่าย ๆ ถึงมีก็ไม่ทรงพลังแบบคุณหรอก”
เหยียนชงพึงพอใจ แต่สีหน้าไม่แสดงความรู้สึกนั้นออกมา กลับพูดออกมาว่า “งั้นทุกคนก็เห็นกันแล้วคงรู้แล้วว่าตำแหน่งเจ้าวังเหมาะกับใครที่สุด” เหยียนชงพูดอย่างชัดเจนและทุกคนก็เข้าใจตรงกัน
เหลยเป้าสูดหายใจเข้าโดยไม่ตอบใด ๆ
หญิงหม้ายคนสวยก็เงียบเช่นกัน
ส่วนนักรบเสือที่อยู่นิ่ง ๆ มาแต่แรกก็ยิ่งไม่มีใครเข้าไปถามความเห็นจากเขา ไม่ว่าเขาจะตอบหรือไม่ ผลก็ยังมีค่าเท่ากันอยู่ดี ใบหน้าเหยียนชงไม่ค่อยสู้ดีเล็กน้อย
“ฉันว่าเรื่องนี้ไว้ค่อยคุยรอบหน้าก็ได้” หญิงหม้ายพูด พลางถอยร่นลงไปอย่างเงียบ ๆ แต่เอาตามตรง หากว่าเหยีนชงเป็นเจ้าวังจริง ๆ เธอก็ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นสุด ๆ เหยียนชงเป็นคนทะมึน เป็นคนคาดการณ์เก่ง เขามีความสามารถก็จริงแต่เขา ก็เขาเป็นคนที่ดุร้ายและขี้เหนียว หากว่าเขาได้เป็นเจ้าวังขึ้นมา วังมังกรเพลิงจะตกอยู่ในอันตรายและอีกสามกลุ่มอื่น ๆ ก็จะไม่ปลอดภัยเช่นกัน
“ฉันเองก็ยังมีเรื่องที่ต้องทำ ไว้เราค่อยมาคุยกันวันหลังนะ” เหลยเป้าหนีเตลิด
เหยียนชงส่งสายตาทะมึน รีบโผล่ไปหยุดเหลยเป้า พูดด้วยน้ำเสียงสยดสยอง “พี่ชายเหลย ยังมีอะไรที่สำคัญกว่าอนาคตของวังมังกรเพลิงอีกหรือ ? วันนี้พวกเราจะต้องตัดสินว่าใครจะได้เป็นผู้นำแห่งวังมังกรเพลิงต่อไปนะ”
เหยียนชงทรงพลังมากแถมตอนนี้เขายังมีกระจกทองแดงแปดเหลี่ยมอยู่ในมือ เขาพร้อมจะลงมือทุกเมื่อหากว่าเหลยเป้าขัดขืน!