จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 240 สัตว์ร้าย![รีไรท์]
บทที่ 240 สัตว์ร้าย![รีไรท์]
ฉู่ชวิ๋นท่าทางสบาย ๆ แล้วยิ้มมุมปาก ส่วนเหยียนชงมองรอบข้างด้วยความสงสัย เกิดอะไรขึ้นกับเหลยเป้าและหญิงหม้าย แต่เขาก็รู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องที่จะต้องให้ความสำคัญ เขาขมวดคิ้วแล้วมองไปที่เหลยเป้า เขารู้มาตลอดว่าเหลยเป้าคิดยังไงกับหญิงหม้าย เขาพยายามจะใช้พลังข่มขืนแต่กลับพลาดท่างั้นเหรอ ?
หญิงหม้ายดูแน่นหน้าอก ผมเผ้ายุ่งเหยิง เหงื่อไหลอาบ หน้าแดงก่ำ ซึ่งก็ไม่แปลกถ้าหน้าตาจะบิดเบี้ยวไปด้วย
“พี่เหลย ไม่เลว ๆ” เหยียนชงแอบยกนิ้วโป้งให้
เหลยเป้าตัวสั่น มองหน้าเหยียนชงที่ดูกวนตีนสุด ๆ เขารู้สึกโมโหเดือดดาลเกือบจะวิ่งเข้าใส่แล้ว แต่เหยียนชงยังไม่หยุด
“ฉันบอกเลยนะพี่เหลย พี่หัดระวังผลของการกระทำบ้าง ที่นี่ยังมีเด็กเล็กเด็กน้อยอยู่” เหลยเป้าโกรธจนเดือดดาล เขาพยายามควบคุมสติแต่ก็ยังโมโหอยู่ เขาได้แต่กล่าวออกมาว่า “พูดอะไรเพ้อเจ้อ ตัวฉันนะโดนอัดจนน่วมต่างหาก”
เหยียนชงพยักหน้า “ฉันเห็นแล้ว ๆ ฉันไม่ได้ตาบอดนะ ฉันหมายถึงว่าถ้านายจะใช้กำลังก็ไปหาที่ที่มันไม่มีคน อย่ามาทำให้เด็กดู ระวังท่านเจ้าวังจะใช้เครื่องประหารหัวสุนัขตัดหัวเอา”
“เดี๋ยวฉันไปใช้กำลังกับลุงแกก็แล้วกัน” เหลยเป้าแทบจะพ่นไฟออกมา
“ไอ้หัวขี้เลื่อย ฉันละยอมหมาในปากแกจริง ๆ”
เอ่อ…เหยียนชงดูอึ้งไป จากนั้นก็ยกนิ้วโป้งให้ “ไม่ธรรมดา ๆ ชายเหนือชายคือยอดชาย พี่เหลยกล้ามากจริง ๆ” เหลยเป้าเบิกตาโพลง อยากจะตะโกนด่า แต่ผลคือเจ็บจนกัดฟันกรอด
เหยียนชงหันไปหาฉู่ชวิ๋น “ท่านเจ้าวัง พวกเราจะไปกันเลยไหมครับ?” ฉู่ชวิ๋นพยักหน้าให้อีกฝ่าย
หลังจากนั้นทุกคนก็ออกเดินทาง ทั้งหมดมีกันอยู่แปดคน นอกจากฉู่ชวิ๋น จิ่วโยว เหยียนชง ยังมีคนอื่น ๆ ในสามกลุ่มที่ไปด้วยในนั้น มีคนหนึ่งที่เก่งเทียบชั้นได้กับจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ
เนื่องจากสภาพของโลกที่เปลี่ยนไป เหล่าสัตว์ดุร้ายออกอาละวาด ทำให้ไม่มีไฟลต์บินตรงไปที่เมืองมังกร พวกเขาต้องไปลงเครื่องที่เมืองกว่างหยาง ซึ่งไกลจากเมืองมังกรหลายร้อยกิโลเมตร แล้วขับรถเข้าไปที่เมืองมังกร
หลังใช้เวลาทั้งวัน เหล่าจอมยุทธ์ก็มาถึงที่เมืองกว่างหยางโดยสวัสดิภาพ แม้ในระหว่างทางจะโดนนกเหยี่ยวโจมตีถึง 3 ครั้ง แต่อาวุธที่ติดตั้งบนเครื่องบินก็เป็นรุ่นใหม่ล่าสุด จึงสามารถรอดมาได้ ไม่ต้องให้ฉู่ชวิ๋นออกโรงด้วยซ้ำ
หลังจากที่โลกเปลี่ยนแปลงตัวเมืองก็แปลกตาไป สภาพรอบ ๆ เหมือนรอยต่อของยุคสมัยระหว่างเมืองสมัยใหม่และเมืองโบราณ ในเมืองมีภูเขาสูง ตึกระฟ้าและตึกรูปร่างโบราณรวม ๆ กันอยู่
“ท่านครับ พวกเราจะพักที่เมืองกว่างหยางสักวันหนึ่งก่อนหรือจะเดินทางต่อไปเลยดีไหมครับ ?” เหยียนชงทำหน้าที่เหมือนกับเป็นพ่อบ้าน
ฉู่ชวิ๋นกล่าวตอบ “ตรงไปที่เมืองมังกรเลย” การเดินทางครั้งนี้เกี่ยวข้องกับดอกซานเซิงหรือดอกซานเซิงด้วย ทำให้ฉู่ชวิ๋นไม่อยากจะเสียเวลาหยุดพัก
พวกฉู่ชวิ๋นเช่ารถตู้และรีบเข้าเมืองมังกรโดยไม่หยุดพัก ในระหว่างทางรถติดจนพวกเขาไปไหนไม่ได้ ในตอนนี้คนที่เข้าไปในเมืองมังกรส่วนใหญ่จะเป็นพวกจอมยุทธ์จะไปยอดภูเขาทั้งนั้น
หลังจากที่รถแล่นไปได้ร้อยกิโล รอบ ๆ รถก็มีแต่ซากปรักหักพัง ป่าทึบที่ดูลึกลับ เหล่าสัตว์ร้ายที่ร้องคำราม บางครั้งก็เจอเศษกระดูกประปราย พวกกระดูกกองใหญ่ดูน่ากลัว
ฉู่ชวิ๋นมองเห็นซากของหมู่บ้านที่ถูกทำลายอีกด้วย เหล่าสัตว์ร้ายพวกนี้ไม่เคยปรากฏบนโลกมาก่อน ทำไมจู่ ๆ พวกมันถึงปรากฏตัวออกมากัน!
ฟู่ว!
ลมกรรโชกรุนแรง เงาใหญ่ปกคลุมท้องฟ้า ปีกยักษ์สิบสองเมตรสยายออกโฉบลงมาโจมตี สิ่งที่ดูเหมือนเล็บโฉบลงมาหยิบรถขึ้นไปบนฟ้า แล้วปล่อยลงมา
รถไหลออกนอกถนนตกลงมากระแทกพื้นแล้วระเบิดออก คนในรถยังไม่ทันทำอะไรก็ตายไปเสียแล้ว
นกเหยี่ยวตัวนี้ใหญ่เกินขนาดทั่วไป ทั้งตัวเป็นสีดำ ขนที่ปีกของมันใหญ่ประมาณฝ่ามือ ดำเงาเหมือนกับโลหะ ท่าทางดูดุร้าย มันบินโฉบลงมาอีกครั้ง
“ไอ้พวกสัตว์โสโครก” มีเงาหนึ่งลอยขึ้นไปบนอากาศ ซัดฝ่ามือออกมาเต็มแรง!
นกเหยี่ยวตัวใหญ่เกินไปจนไม่สามารถหลบได้ ช่องท้องของมันโดนโจมตีจนตัวเซไปมา มันส่ายไปมาบนท้องฟ้าได้แต่ร้องโหยหวนแล้วบินหนีไป
ทุกคนที่มองขณะมือเท้าชาไปหมด คนที่โจมตีออกไปเป็นจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ระดับเก้า แต่เหยี่ยวตัวนี้แข็งแกร่งมาก มันไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย ฝ่ามือเมื่อครู่เพียงแค่ทำให้มันตกใจและหนีไปเท่านั้น
โคร่ง!
หมีดำยักษ์ตัวขนาดสิบกว่าจ้างวิ่งออกมาจากป่า ราวกับสายฟ้าสีดำฟาดลงมา ตัวของมันดำมืดสนิท พุ่งเข้ามาหารถแลนด์โลเวอร์ (รถตัวท็อปของ Land Rover Range Rover Sport Plug-in Hybrid HSE Plus) ที่แล่นอยู่บนถนน
มันพุ่งตรงเข้ามา กรงเล็บของมันแหลมคมยิ่งกว่าใบมีด มันสามารถฉีกหลังคารถเป็นชิ้น ๆ ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งคนสามคนบนรถคันข้าง ๆ โดนควักออกมาแล้วจับกินอย่างสด ๆ
ทั้งสามไม่ได้เก่งกาจอะไรมาก คนแรกโดนมันกินโดยที่ยังไม่ได้โคจรลมปราณด้วยซ้ำ สองคนที่เหลือก็ตกใจกลัวจนฉี่แตกท่วมเบาะ
ในตอนที่หมีดำกำลังจะกินคนที่สองเข้าไป ชายชราคนหนึ่งก็คำรามออกมา และเข้าต่อสู้กับหมีดำอย่างดุเดือด หมีดำโดนลากออกไปไกลจากตรงรถยนต์ แต่ว่าไหลของชายชราก็โดนหมีตะปบเลือดอาบ
“สัตว์ร้ายพวกนี้แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เลยแหะ” เหยียนชงพูดพึมพำ
ฉู่ชวิ๋นมองมาที่เขา “ยังไงนะ ?”
“พวกเราเคยล่าสัตว์ร้ายอยู่บ่อย ๆ ตอนเริ่มแรกแค่จอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ระดับหนึ่ง ล่าพวกมันสบาย ๆ เลยครับ แต่พอผ่านไปปีกว่า ๆ ….พวกมันก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ” เหยียนชงกล่าวอย่างกังวล
ชายชราคนนั้นเป็นจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ระดับแปด เขายังเกือบจะโดนหมีดำขย้ำตาย
“สัตว์ร้ายเหล่านี้ซ่อนตัวอยู่ในป่าลึกบนเขาสูง พวกมันมีโอกาสอยู่มากมาย ที่จะได้เจอสมบัติล้ำค่า พวกมันจึงแข็งแกร่งขึ้นมาภายในเวลาไม่นาน” หญิงหม้ายกล่าว
“พวกสัตว์ร้ายมันเคยหลบซ่อนเหล่าจอมยุทธ์ แต่ตอนนี้มันกลายเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีแล้ว” เหลยเป้าก็บอกพูดออกมา
ฉู่ชวิ๋นนิ่งเงียบไป โลกใบนี้มันเปลี่ยนไปจริง ๆ นี้เป็นพรหรือคำสาปกันแน่ ?
ทันใดนั้นก็เกิดเปลวไฟปกคลุมท้องฟ้าอย่างดุเดือด แรงระเบิดทำให้พื้นแยกออกออกจากกัน เหยียนชงตาพร่ามัว เกือบขับไปชนกับรถข้างหน้า
“ฉันไปดูเอง แป๊บนะ” เหยียนชงเดินลงจากรถไปแล้วกระโดดขึ้นไปบนหลังคา มองดูรอบ ๆ ในเวลานี้ ผู้คนก็ลงจากรถแล้วออกมาดูเหตุการณ์เช่นกัน
ตู้มมม…..!
เกิดเสียงระเบิดดังขึ้น
“ท่านครับ รีบลงจากรถเถอะครับ!” เสียงของเหยียนชงดูจริงจังเคร่งขรึมขึ้นมา
ฉู่ชวิ๋นและคนอื่น ๆ รีบลงมาจากรถ เมื่อมองไปที่เหตุการณ์ตรงหน้า สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ข้างหน้าพวกเขาเห็นแค่อะไรดำ ๆ เคลื่อนไปมา ซึ่งทั้งหมดที่พวกเขาเห็นนั้นก็คือสัตว์ร้าย!!
“เป็นฝูงสัตว์!” จอมยุทธ์คนหนึ่งที่มองเหตุการณ์อยู่บนหลังคารถก็ร้องตกใจออกมาแบบไม่มีเสียง
“พวกฝูงสัตว์กำลังวิ่งเข้ามา รีบหนีเร็ว”
บนถนนมีรถอย่างน้อย ๆ ก็ร้อยคัน และจอมยุทธ์ก็มีอยู่สักพันคนได้
เหล่าฝูงสัตว์เตรียมโจมตีมาแต่ไกล สีดำทะมึนขนาดมหึมาถาโถมเข้ามา มองไปไม่เห็นว่าหัวแถวอยู่ไหนหางแถวอยู่ไหน พวกมันเยอะจนปกคลุมพื้นดินไม่ใช่แค่บนพื้น แม้แต่บนฟ้าก็ด้วย
เมื่อได้เจอกับฝูงสัตว์ขนาดมหึมา ทุกคนก็ตกใจกลัวจนตัวชาไปหมดและเริ่มที่จะแตกตื่น ฝูงแรดตัวน้อยตัวใหญ่ขนาดเท่าเนินเขา บางตัวก็สูงหลายเมตร พุ่งตรงเข้ามาราวกับรถถัง รถยนต์หลายคันระเบิดไปตามทาง มันวิ่งฝ่ากองไฟเข้ามา โดยไม่สนใจว่ามีระเบิด ซึ่งเห็นได้เลยว่ามันไม่ธรรมดา!
เมื่อด้านหน้าเปิดทาง ด้านหลังก็ตามมาทันทีราวกับกระแสน้ำ พวกมันพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว เหล่าจอมยุทธ์ต่างก็หวาดกลัว ตกใจกรีดร้อง วิ่งไปมาอย่างแตกตื่น
ฟิ่ว!
นกอินทรีเงินบินมาจากระยะสิบเมตรกว่าโฉบลงมา หินดินทรายข้างทาง ก็ลอยขึ้นมาบนฟ้าจากแรงลม พลังของมันน่ามหัศจรรย์จริง ๆ
นกหัวขวานขนาดเท่าโต๊ะบินออกมาจากป่า ตัวของมันมีหลากสีสัน ปากเรียวแหลม สีของมันส่องประกาย
ฟู่ว!
ละอองเลือดกระจายเต็มท้องฟ้า มันกระพือปีกจนขวางทางนกอินทรีเงินเอาไว้ แต่ไม่นานมันก็โดนนกอินทรีเงินฉีกเป็นชิ้น ๆ อินทรีเงินคือเจ้าแห่งนภา นกตัวอื่น ๆ ต่างก็ต้องบินหนีมันไป
นกอินทรีร้องคำราม บินโฉบลงมากวาดพื้นราวกับนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อมันบินผ่านลงมาที่พื้น ผ่านเหล่าก้อนหินดินทรายกระจัดกระจาย
จอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ระดับแปดและเก้าหลายคนออกโรง พวกจอมยุทธ์ซัดลมปราณออกมาโจมตีอินทรีเงิน เกิดเป็นประกายไฟ เสียงเหมือนท่อนเหล็กทุบใส่ร่างของอินทรีเงิน ดังขึ้นมา แต่ก็ไม่อาจทำอะไรมันได้เลย
อินทรีเงินสยายสองปีกของมันออก ขนปีกนับพันราวกับเป็นลูกธนูนับพันโหมกระหน่ำ เหล่าจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ระดับต่ำ ๆ ร่างระเบิดกลายเป็นละอองเลือดฟุ้งออกมา ดูแล้วน่ากลัวจนขนหัวลุก
ตู้มม!
คมดาบแหวกอากาศ โจมตีใส่อินทรีเงิน ทุกคนได้ยินเสียงระเบิดดังตามมา เป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ!
เต๊ง!
ปีกขวาของอินทรีเงินเลือดไหลออกมา ทำให้มันต้องบินขึ้นที่สูง แผลที่ปีกของมันนั้นเกิดจากพลังลมปราณที่บีบอัดจนกลายเป็นคมดาบ
มันร้องโหยหวน เสียงของมันทำให้หินและดินแหลกละเอียด มันรู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรูที่ต้องฆ่า! มันไม่ได้บินไปไหนแต่มันบินขึ้นสูง แล้วรอจังหวะโจมตี
“ท่านครับ พวกเราถอยกันเถอะ” เหยียนชงกล่าว การสู้กับฝูงสัตว์ร้ายถึงจะเป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ แต่ก็คงได้แค่หลบหลีก ไม่งั้นก็ต้องตายเพราะแพ้จำนวนเป็นแน่แท้
“งั้นก็ถอยก่อน” ฉู่ชวิ๋นพูดออกมา กลุ่มอื่น ๆ เองก็ถอยร่นกลับไป
ในทันใดนั้นกลุ่มคนก็แตกตื่นอีกครั้ง เพราะเหล่าสัตว์ร้ายเรียงรายอยู่เต็มข้างทาง สัตว์พวกนี้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เสือดาวสีทองตัวยาว สามถึงสี่เมตร วิ่งกระโจนมาจากระยะสิบกว่าเมตร มันรวดเร็วดุจสายฟ้าสีทองฟาดลงมาใส่ผู้คน หลาย ๆ คนโดนมันโจมตีจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ระดับหนึ่ง โดนมันควักไส้ออกมา ท่าทางมันกระหายเลือดมาก
จากนั้นมันก็หันขวับไปหาจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์คนอื่น แต่กลายเป็นว่ามีพลังฝ่ามือฟาดใส่มันตายในฝ่ามือเดียว! มันตายสภาพหัวแบะออกมา ระยะสิบกว่าเมตรข้างหน้า ฝูงหมาป่าสีฟ้าเข้ามาทำร้ายฝูงชน ขนาดของมันใหญ่เท่ากับวัว มันแยกเขี้ยวออกมาพร้อมแววตาที่เยือกเย็น ดุดันและกระหายเลือด ใช้เวลาพริบตาเดียวก็ฆ่าพวกจอมยุทธ์ตายเป็นเบือ
จอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์หลายสิบคนที่อยู่ในระดับสูงออกมาโจมตีพวกมัน จนพวกหมาป่าสีฟ้าโดนฆ่าจนเหี้ยน
โคร่ง!
คิงคองสีดำตัวประมาณเก้าเมตร ทำท่าทางทุบอกพร้อมสู้เหมือนกับลั่นกลองรบ มันพุ่งเข้ามาแล้วไล่ชนกับรถที่ขวางทางทุกคัน
ดวงตาของมันสีแดงเหมือนเลือด เขี้ยวมีน้ำลายหนืด ๆ ไหลออกมา จ้องมองไปที่จอมยุทธ์หญิง แล้วมือขนาดใหญ่ของมันก็คว้าตัวจอมยุทธ์หญิงออกมา
“เจ้าสัตว์ร้าย” ผู้อาวุโสข้าง ๆ คือจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ระดับแปด เขากระโดดขึ้นแล้วซัดฝ่ามือกลางอากาศ คลื่นลมปราณสีขาวอันทรงพลังถูกซัดออกมา
คิงคองหลังดำคำราม ทุบหน้าอกปล่อยให้คลื่นลมปราณสีขาวนั้นโจมตีใส่เต็ม ๆ จนเป็นเสียงระเบิดดังออกมา แต่มันกลับไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย เวลานี้มันใช้มือขนาดเท่าโต๊ะซัดผู้อาวุโสกลับไปบ้าง
ปั้ง!
ชายแก่ปลิวกระเด็นกระอักเลือดออกมา
คิงคองชกอกของมันด้วยความภูมิใจ แล้วรีบคว้าตัวจอมยุทธ์หญิงขึ้นมาเตรียมจับเข้าปาก
“เหลยเป้า” ฉู่ชวิ๋นเรียก
ทันใดนั้นเหลยเป้าก็เข้าใจดี เขาดีดตัวขึ้นไปในอากาศ ปล่อยสายฟ้าออกมา เข้าโจมตีแขนคิงคอง มีควันโขมงโชยออกมา เลือดสาดกระจาย คิงคองกู่ร้องด้วยความเจ็บปวด แขนของมันไหม้จนเป็นสีดำ มันทำอะไรไม่ได้นอกจากหนีไป ตัวของจอมยุทธ์หญิงก็กระเด็นออกมา เหลยเป้าเข้าไปรับไว้ เธอคว้าไหล่ของเขาแล้วถูกอุ้มลงพื้นอย่างปลอดภัย
โคร่ง!
คิงคองร้องคำรามอีกหลายต่อหลายครั้ง มันเกรี้ยวกราดมาก นัยน์ตาแดงก่ำพร้อมฆ่าศัตรู
เหลยเป้าพ่นลมหายใจออกมา ดีดตัวขึ้นไปในอากาศ ซัดหมัดออกมาอย่างต่อเนื่อง ลูกบอลสายฟ้าสองลูก ก่อตัวขึ้นตรงเข้าไประเบิดใส่คิงคอง
ตู้ม! ตู้ม!
หลังจากระเบิดรัวไปสองรอบ หัวของคิงคองก็กลายเป็นหมอกเลือด ร่างไร้วิญญาณร่วงล้มลงไป จนทำให้พื้นดินยุบตัวลงไป
แม้ว่าคิงคองจะทรงพลังมาก แต่ก็เทียบชั้นได้แค่จอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ระดับแปดเท่านั้น ถ้ามันเจอจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ การฆ่ามันก็ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ
ตอนนี้ฝูงไฮยีน่าตามเข้ามา เขี้ยวยาวและแหลมคมจนน่ากลัว ตัวมันยาวสี่เมตร ขนสีน้ำตาลบนตัวเหมือนกับเข็มแหลม ๆ
เหลยเป้ารีบวิ่งฝ่าเข้าไป สายฟ้าและพายุรุนแรงจนทำลายพื้นที่โดยรอบหลังจากนั้นไม่นาน ไฮยีน่ายี่สิบถึงสามสิบตัวก็กลายเป็นฝนเลือด เลือดของพวกมันไหลลงแม่น้ำจนกลายเป็นสีแดงชาด!