จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 269 ความชั่วร้ายไม่ตายสิ้น
บทที่ 269 ความชั่วร้ายไม่ตายสิ้น
ฉู่ชวิ๋นส่งเสียงคำรามในลำคอ ร่างกายห่อหุ้มด้วยพลังลมปราณที่เปล่งประกายสีม่วง กำปั้นของเขาส่องสว่าง เส้นผมปลิวไสวไปมาในอากาศ ลมปราณหมุนวนรอบกำปั้นในขณะที่อีกข้างหนึ่งต่อยหมัดออกไป
ผลั่ก!
จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 3 ถูกหมัดของฉู่ชวิ๋นต่อยเข้าใส่รัวๆ จนร่างแหลกสลายกลายเป็นเพียงม่านหมอกเลือดกลางอากาศ
“ตายซะเถอะ!”
ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเป็นประกายด้วยความอำมหิต เขาวาดมือเป็นอักษรคำว่า “ฆ่า” กลางอากาศ เกิดเป็นคลื่นลมพลังรุนแรงซัดออกไป
นี่คือเคล็ดวิชาที่เรียกว่า กลอักษร “ฆ่า” !
ฉู่ชวิ๋นต่อยหมัดออกไปตามรูปทรงของตัวอักษรคำว่า “ฆ่า” มวลอากาศฉีกขาดกลายเป็นพายุหมุนสีม่วงพุ่งเข้าใส่คู่ต่อสู้ของฉู่ชวิ๋น
จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 3 ส่งเสียงร้องโหยหวน แขนหักงอผิดรูปผิดร่าง ตัวคนลอยกระเด็นไปหลายร้อยเมตร ตกกระแทกพื้นจนพื้นดินยุบตัว
ควับ!
ประกายดาบวาบขึ้นด้านหลังศีรษะของฉู่ชวิ๋นหมายจะตัดคอเขา
แต่ร่างกายขอฉู่ชวิ๋นมีพลังลมปราณสีม่วงคุ้มกายอยู่ ราวกับเกราะกำบัง
เคล้ง!
ดาบยาวปะทะเข้ากับลมปราณคุ้มกาย เปลวไฟสาดกระจาย คมดาบไม่อาจเข้าถึงตัว
ฉู่ชวิ๋นหันขวับกลับมาต่อยกำปั้นใส่ไม่ยั้ง ใบหน้าของฝ่ายตรงข้ามถูกเขารัวหมัดใส่ไม่ต่ำกว่าสิบหมัดจนใบหน้าบิดเบี้ยวผิดรูปทรง
นี่คือจอมยุทธ์จากญี่ปุ่น ซึ่งมีพลังถึงขั้นจักรพรรดิระดับ 3 ดวงตาของเขาโปนถลน ลมปราณพวยพุ่งออกมาจากตัวดาบในวินาทีนั้น
เคล้ง!
จอมยุทธ์จากญี่ปุ่นยกดาบขึ้นมากำบังใบหน้า แต่เมื่อปะทะเข้ากับหมัดของฉู่ชวิ๋น ตัวดาบก็เกิดรอยร้าวขึ้นมาในที่สุดกำปั้นของฉู่ชวิ๋นก็ต่อยจนดาบหักและชกหมัดกระแทกเข้าไปที่หน้าอกของจอมยุทธ์ญี่ปุ่นเต็มแรง
จอมยุทธ์ญี่ปุ่นส่งเสียงร้องโหยหวน กระดูกหน้าอกยุบตัว ผิวหนังฉีกขาด เผยให้เห็นกล้ามเนื้อและกระดูกสีขาวที่อยู่ด้านใน ดูน่าอนาถใจเป็นอย่างยิ่ง
ฉู่ชวิ๋นยกมือขึ้นปล่อยพลังลมปราณออกไป
โผละ!
หัวของจอมยุทธ์ญี่ปุ่นแตกโผละเหมือนกับลูกแตงโม
หลังจากนั้น ฉู่ชวิ๋นก็รัวหมัดใส่ลำตัวของฝ่ายตรงข้ามจนร่างกายแตกกระจายกลายเป็นเพียงกองเลือดกองหนึ่ง
แต่ในวินาทีนั้นเอง พลังฝ่ามือจากใครบางคนก็พุ่งเข้ามาหาฉู่ชวิ๋น พร้อมกับบังเกิดเสียงคำรามดังสนั่น
ฉู่ชวิ๋นถอนหายใจและหันกลับไปพลางสะบัดฝ่ามือข้างหนึ่ง
ฝ่ามือจอมเชือด !
ตู้ม!
เกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง ก้อนเมฆรูปเห็ดลอยตัวขึ้นไปบนท้องฟ้า แรงระเบิดพัดเศษฝุ่นหินดินทรายบนพื้นดินปลิวกระจาย
“ฉู่ชวิ๋น ตายซะเถอะ!”
จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 3 อีก 3 คน พุ่งเข้ามาเล่นงานฉู่ชวิ๋นพร้อม ๆ กัน
ผลั่ก!
ฉู่ชวิ๋นเสกง้าวสีเงินขึ้นมาในมือ ประกายของมันสามารถตัดก้อนหินแตกกระจาย เมื่อฉู่ชวิ๋นตวัดง้าวออกไป ดาบของฝ่ายตรงข้ามก็ถูกตัดขาดราวกับตัดเนยก้อนหนึ่ง
เมื่อจอมยุทธ์อีกคนนึงเห็นดังนั้น ก็โคจรพลังลมปราณมาที่ฝ่ามือจากนั้นจึงได้ชักมีดสั้นออกมาเล่มหนึ่ง ปามีดสั้นพุ่งเข้าใส่หน้าผากของฉู่ชวิ๋น
ง้าวเงินหายวับไป กำปั้นทั้งสองข้างของฉู่ชวิ๋นปรากฏแสงสีแดงสว่างไสว เพียงแค่เขายกมือต่อยหมัดในอากาศ มีดสั้นเล่มนั้นก็แตกกระจายไปแล้ว
“ฉู่ชวิ๋น ลองดูฝีมือของฉันบ้าง”
ชายคนนี้อยู่ด้านหลังฉู่ชวิ๋น ร้องตะโกนพร้อมกับผลักคนอื่นที่ยืนขวางทางออกไป
ฉู่ชวิ๋นหันกลับมาพร้อมกับต่อยกำปั้นที่มีแสงเรืองรอง
ครืน!
พลังลมปราณที่แข็งแกร่งของฉู่ชวิ๋นทำให้พื้นดินยุบตัวไปกับตา โดยเฉพาะพื้นดินใต้เท้าคู่ต่อสู้ของเขา
ฉู่ชวิ๋นดีดตัวถอยหลังออกมาสองก้าว เมื่อเท้าของเขาสัมผัสพื้น พื้นดินก็เกิดรอยร้าวขนาดใหญ่ขึ้นทันที
คู่ต่อสู้ของฉู่ชวิ๋นรีบลอยตัวถอยห่างไปด้วยความประหลาดใจ ดวงตาเป็นสีแดงก่ำ สีหน้าหมองคล้ำ เขาคือจอมยุทธ์ที่กำลังจะทะลวงเข้าสู่ขั้นจักรพรรดิระดับ 4 ในอีกไม่ช้า มีนามว่าเซิ้งฉิงเจ๋อ
“จอมมารฉู่ชวิ๋น อย่าเพิ่งได้ใจไป” เซิ้งฉิงเจ๋อพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก
“พวกเรารวมพลังฆ่ามันกันเถอะ” จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 3 คนหนึ่งร้องตะโกนพร้อมกับยกมือขึ้นมา พลังลมปราณพวยพุ่งออกมาจากฝ่ามือของเขาทันที
คนที่เหลืออยู่ก็ไม่กล้าเชื่องช้า ในวินาทีต่อมา พลังลมปราณก็พุ่งเข้าใส่
ฉู่ชวิ๋นจากทุกทิศทุกทาง
“ฉู่ชวิ๋น แกตายซะเถอะ”
เซิ้งฉิงเจ๋อก็ลงมือเช่นกัน เขาหมุนมือกลางอากาศ แผ่นดินสั่นสะเทือนส่งเสียงดังครืนครันน่าขนลุก
แต่ร่างกายของฉู่ชวิ๋นในขณะนี้ กระดูกของเขาเป็นเปร่งประกายสว่างไสว พลังลมปราณไหลเวียนมาตามแขนขา ก่อให้เกิดเป็นพายุลมหมุนห่อหุ้มร่างกายของเขาเอาไว้ตรงกลาง
ผลั่ก!
ร่างของใครคนหนึ่งกระโจนเข้าใส่ฉู่ชวิ๋น แต่ก็ถูกพลังลมปราณหมุนวนซัดปลิวกระเด็นออกไป
เคล้ง!
แสงสว่างเจิดจ้า พลังลมปราณหมุนรุนแรงเสียจนดาบในมือของฝ่ายตรงข้ามแตกหักไปหมดแล้ว
วูบ!
พลังลมปราณสีดำพุ่งออกมา แรงลมปราณของฉู่ชวิ๋นเองก็พุ่งเข้าใส่ ผู้คนต่างก็ร้องคำราม พุ่งเข้ามาหาพลังลมปราณของฉู่ชวิ๋น
ฟรึบ!
การร่วมแรงร่วมใจของฝ่ายตรงข้ามทำให้พลังลมหมุนหยุดชะงักไป เมื่อพลังลมปราณของทั้งสองฝ่ายปะทะกันเข้าอย่างจัง พลังลมปราณก็หายวับไปทันที
เบื้องหน้าของฉู่ชวิ๋นมีรอยเท้าอยู่เต็มไปหมด พื้นที่บริเวณนี้เป็นพื้นหินแต่กลับเกิดรอยเท้าประทับเอาไว้เป็นทาง บ่งบอกให้รู้ว่าในขณะนี้ ฉู่ชวิ๋นกลับต้องเป็นฝ่ายถอยร่นแล้ว
เมื่อจอมยุทธ์ระดับสูงหลายสิบคนร่วมใจกันรุมโจมตี ต่อให้ฉู่ชวิ๋นแข็งแกร่งสักแค่ไหน ก็ยากต่อการรับมืออยู่ดี
ฉู่ชวิ๋นหลับตาลง พลังลมปราณพุ่งออกมาจากตัวของเขาอีกครั้ง คราวนี้เกิดแรงลมกรรโชกแรงจนมีเมฆดำปรากฏตัวขึ้นบดบังดวงอาทิตย์
ทุกคนที่เฝ้าดูการต่อสู้ถึงกับมึนงงไปตามๆ กัน
ลั่วเฟ่ยและพวกมองขึ้นไปก็เห็นว่าเหนือหัวเต็มไปด้วยก้อนเมฆสีดำ ก้อนเมฆเหล่านั้นรวมตัวกันเป็นเหมือนสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ ไม่ว่ามองไปทางไหน ก็จะเห็นแต่ความมืดมิดเต็มไปหมด
ฉู่ชวิ๋นโคจรพลังลมปราณไม่หยุด เส้นผมปลิวไสวตามแรงลม กลุ่มก้อนเมฆดำลอยตัวต่ำลงมาเรื่อยๆ เหมือนกับฝาหม้อขนาดใหญ่กำลังปิดลงมา
ทันใดนั้น ฉู่ชวิ๋นลืมตาขึ้น ดวงตาของเขาเปร่งประกายระยิบระยับ
เคล็ดวิชาอัสนีบาตสีม่วง บทลงทัณฑ์ สายฟ้าฟาด!
ฉู่ชวิ๋นส่งเสียงคำรามและสะบัดมือออกไป
ในพริบตานั้น ก็เกิดลมพายุพัดกรรโชก ตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องคำราม สายฟ้าแลบแปลบปลาบบนท้องฟ้า
แล้วสายฟ้าก็ฟาดลงมาจากก้อนเมฆสีดำเหล่านั้น เสียงฟ้าร้องสั่นสะเทือนเลือนลั่น ทำให้ภูเขาทั้งลูกสั่นสะเทือน
เปรี้ยง!
สายฟ้าฟาดลงมาเป็นลำ มีขนาดเท่ากับแขนของผู้ใหญ่คนหนึ่ง พุ่งลงมาจากก้อนเมฆดำตรงสู่พื้นดิน
กลุ่มผู้มีพลังระดับจักรพรรดิต่างก็กรีดร้องด้วยความหวาดหวั่น รู้ตัวอีกที ก็ถูกฟ้าผ่าเข้าให้แล้ว
เปรี้ยง!
คนที่ถูกฟ้าผ่าตัวไหม้เกรียม ผิวหนังปริแตกออก แต่กลับไม่มีเลือดสาดกระจายเพราะว่าร่างพวกเขาสลายหายไปกลางอากาศในพริบตา
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มจอมยุทธ์ที่มารับชมการต่อสู้ หรือพวกของลั่วเฟ่ยเองนั้น ต่างก็รู้สึกพรั่นพรึงจนขนลุกไปทั้งตัว
ในดวงตาของฉู่ชวิ๋นสะท้อนประกายสายฟ้าที่แลบแปลบปลาบอยู่บนท้องฟ้า ทันใดนั้น ฉู่ชวิ๋นก็ยกมือขึ้นอีกครั้ง
เปรี้ยง!
เกิดฟ้าผ่าลงมาอย่างต่อเนื่อง ทั่วพื้นดินอัดแน่นด้วยพลังลมปราณหลังจากนั้น เสียงร้องโหยหวนก็ดังกึกก้อง แขนขามนุษย์ฉีกขาดไปทั่วบริเวณพื้นดินถูกฟ้าผ่าครั้งแล้วครั้งเล่าจนเกิดเป็นรอยร้าวขนาดใหญ่น่าหวาดกลัว
การลงมือครั้งนี้ ทำให้ฝ่ายตรงข้ามบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก
ฉู่ชวิ๋นสะบัดฝ่ามือขึ้นลงอีกครั้ง
สายฟ้าฟาดลงมาจากกลุ่มก้อนเมฆดำอีกหน ไม่ว่าจะเป็นหัวใจ ตับ ม้าม หรือปอดของคู่ต่อสู้ ต่างก็สาดกระจายตกเกลื้อนพื้นดิน
“ทุกคนถอยไป” ลั่วเฟ่ยคำรามออกมาแล้ว
เปรี้ยง!
พื้นดินระเบิดตัวออก ร่างของคนหลายคนปลิวกระเด็นไป
ส่วนใหญ่ผู้เสียชีวิตจะเป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 1 และระดับ 2
แววตาของลั่วเฟ่ยเต็มไปด้วยประกายความแค้น เขาส่งเสียงร้องคำรามอย่างบ้าคลั่ง วันนี้เขาตั้งใจจะประกาศให้โลกได้รู้ว่าตนเองนี่แหละที่จะเป็นผู้สังหารฉู่ชวิ๋น แต่ผลลัพธ์ที่ปรากฏในตอนนี้ กลับทำให้ลั่วเฟ่ยแทบบ้าตายแล้ว
“ฉู่ชวิ๋น กล้ามาสู้กันตัวต่อตัวกับฉันไหม?” ลั่วเฟ่ยจำเป็นต้องออกหน้า เพื่อช่วยชีวิตบริวาร
จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 4 นั้นกล้าแข็งพอสมควร สายฟ้าเหล่านี้ทำอะไรเขาไม่ได้ อย่างมากสุดก็แค่บาดเจ็บเท่านั้น แต่สำหรับจอมยุทธ์ที่มีจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 1 และ 2 นั้น ไม่สามารถต่อกรได้เลย ถ้าถูกสายฟ้าฟาดเข้าใส่ ก็มีแต่ตายสถานเดียว ด้วยเหตุนี้เอง กลุ่มคนที่มีพลังเหล่านั้นจึงเสียชีวิตไปหมดแล้ว ส่วนคนที่รอดมาได้ ก็คือบรรดาจอมยุทธ์ที่มีจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 3 นั่นเอง
ข้อดีของพลังขั้นจักรพรรดิก็คือ ยิ่งร่วมมือกันเท่าไหร่ ก็ยิ่งแข็งแกร่งเท่านั้น แต่ครั้งนี้ จอมยุทธ์พลังระดับจักรพรรดิกลับถูกฆ่าตายไปหลายสิบคน กำลังพลจึงลดน้อยลงไปเรื่อยๆ อย่างน่าใจหาย
เปรี้ยง!
ยังมีอีกหลายคนที่ต้องเสียชีวิตไปเพราะสายฟ้าที่ฟาดลงมาอย่างต่อเนื่อง
เป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมงที่ลานประลองถูกฟ้าผ่าลงมาไม่หยุด
เมื่อสายฟ้าและเสียงฟ้าร้องฟ้าลั่นจางหายไป ก้อนเมฆดำบนศีรษะก็ยังลอยตัวอยู่เบาบาง ลั่วเฟ่ยโกรธแค้นจนตัวสั่นเทา อยากจะส่งเสียงแผดร้องคำรามให้ปอดระเบิดไปเสียเดี๋ยวนี้
ผู้มีจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 1 และ 2 ตายไปหมดแล้ว ส่วนคนที่มีจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 3 ส่วนใหญ่ก็บาดเจ็บสาหัส
บรรดาชาวยุทธ์ที่มารับชมการต่อสู้ถึงกับตกตะลึงไม่อยากเชื่อสายตา เมื่อสักครู่นี้มันคือการต่อสู้จริงหรือ? นั่นมันเป็นมหันตภัยทางธรรมชาติชัดๆ
ทุกคนต่างรู้สึกตื่นเต้น แต่ก็ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน
เมื่อฉู่ชวิ๋นแสดงฝีมือที่แท้จริงออกมา พวกเขาก็รู้แล้วว่าความน่ากลัวมันเป็นยังไง ไม่ว่ากวาดตามองไปทางไหน ก็จะพบศพคนตายนอนเกลื่อนกลาด
“ฉู่ชวิ๋น แกมีฝีมือไม่เลวเหมือนกันนี่…” ลั่วเฟ่ยพูดด้วยความโกรธแค้น พ่นลมหายใจเข้าออกอย่างแรง
ผู้มีจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 3 ซึ่งรอดชีวิตมาได้คนหนึ่ง มีสีหน้าตึงเครียดสุดขีด ฝีมือการต่อสู้ของฉู่ชวิ๋นแกร่งกล้ามากเกินกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้หลายเท่า
“สำนักสลายวิญญาณ สำนักดาบพิฆาต ปราสาทเถียนหลง นินจาญี่ปุ่น…” ฉู่ชวิ๋นหลับตาลงในขณะที่เอ่ยชื่อฝ่ายตรงข้ามออกมาทีละสำนัก
เมื่อวานนี้ คนของเขาได้รายงานข้อมูลมาเรียบร้อยแล้วว่า ปราสาทเถียนหลงและสำนักดาบพิฆาตก็เข้าร่วมการต่อสู้ในครั้งนี้ด้วย
“ฉู่ชวิ๋น ฉันยอมรับเลยว่าเจอหลายสำนักเล่นงานเข้าไปขนาดนี้ แกยังรอดมาได้ ถือว่าแกมีฝีมืออยู่พอตัว” ลั่วเฟ่ยมีดวงตาที่เต็มไปด้วยประกายอำมหิต ปากของเขากระตุกอยู่ตลอดเวลา
“พวกแกมันพวกสวะสมควรตาย” ฉู่ชวิ๋นพูดออกมาแล้ว เมื่อลืมตาขึ้นมา แววตาของเขาก็คมกริบเหมือนใบมีด “พวกแกร่วมมือกับคนญี่ปุ่น สร้างความเดือดร้อนให้เพื่อนร่วมชาติ วันนี้ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันคงปล่อยให้พวกแกรอดชีวิตไปไม่ได้แล้ว !”
“อย่าปากดีนักนะ ฉู่ชวิ๋น อย่าคิดว่าแค่ฆ่าจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 1 กับระดับ 2 ได้แล้วแกจะกลายเป็นคนที่เก่งที่สุดในโลก ไม่ว่ายังไง วันนี้แกก็ไม่มีทางรอดกลับออกไปจากที่นี่แน่นอน”
ลั่วเฟ่ยกล่าวถูกต้องทุกอย่าง การต่อสู้ที่แท้จริงจะเริ่มต้นขึ้นหลังจากนี้ ความจริงผู้มีพลังจักรพรรดิขั้นที่ 1 และ 2 พวกนั้น เขาเตรียมมาเพื่อรับมือกับพวกของจิวหยู่ หยานชงและคนอื่นๆ ต่างหาก
ฉู่ชวิ๋นหันไปมองฝ่ายตรงข้าม ยกมือขึ้นโคจรพลังอย่างรวดเร็ว
“พวกเราร่วมมือกัน” ลั่วเฟ่ยตะโกน
แต่โชคร้ายที่สายเกินไปแล้ว
ก้อนเมฆสีดำปกคลุมทั่วแผ่นฟ้าอีกครั้ง เกิดเสียงฟ้าร้องคำรามดังขึ้นอีกหน แล้วสายฟ้าก็ฟาดลงมาจากก้อนเมฆสีดำ เหมือนกับจะแยกท้องฟ้าให้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ
เปรี้ยง!
สายฟ้าฟาดลงมาจากท้องฟ้า พุ่งตรงลงมาหาพวกของลั่วเฟ่ย
คราวนี้ ลำแสงสายฟ้ามีขนาดใหญ่มากกว่าครั้งก่อน อานุภาพความรุนแรงจึงเพิ่มมากขึ้นเป็นสองเท่า
เคล็ดวิชาอัสนีบาตสีม่วง บทลงทัณฑ์ สายฟ้าสนั่นโลกา!
เปรี้ยง!
ฟ้าผ่าเข้าใส่ผู้มีจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 3 ทำให้ร่างไหม้เกรียมไปทั้งตัว ควันสีขาวลอยตลบขึ้นมาจากร่างกาย ในขณะที่ตัวคนลงไปนอนดิ้นทุรนทุรายด้วยความทรมาน
เปรี้ยง!
ผู้มีจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 3 ร้องโหยหวน ถูกฟ้าผ่าจนแขนขาด
เปรี้ยง!
ภูเขาทั้งลูกสั่นสะเทือน พื้นดินถูกสายฟ้าฟาดลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่ประเด็นสำคัญก็คือ ผู้มีจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 3 แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ต่อให้ถูกฟ้าผ่าลงมาตรงๆ ก็ยังไม่ตาย เต็มที่คือบาดเจ็บเท่านั้น นับได้ว่ามีร่างกายที่ทรหดก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษย์อย่างแท้จริง
ดวงตาสีดำขลับของฉู่ชวิ๋นเป็นประกายเย็นชา หมุนมือโคจรพลังอีกครั้ง
เปรี้ยง!
พื้นดินสะเทือน ไม่ใช่แค่ที่ซากโบราณสถานเท่านั้น แต่ภูเขาลูกอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียง ก็สั่นสะเทือนไปตาม ๆ กัน
กลุ่มจอมยุทธ์ที่มารับชมการต่อสู้ รีบหันมองรอบตัวด้วยความหวาดกลัว
เคล็ดวิชาอัสนีบาตสีม่วง บทลงทัณฑ์ อัสนีบาตพิฆาตสวรรค์ !
ฉู่ชวิ๋นเค้นเสียงออกมาในขณะที่ชี้นิ้วขึ้นไปบนท้องฟ้า
ครืน!
เสียงฟ้าร้องดังกังวาน สายฟ้าแลบแปลบปลาบบนท้องฟ้าราวกับทางช้างเผือก ก้อนเมฆสีดำก่อตัวหนามากขึ้นเรื่อยๆ เกิดเป็นลูกไฟที่มีขนาดเท่ากับลูกบาสเกตบอลตกลงมาจากท้องฟ้าราวกระสุนจากปืนใหญ่
เปรี้ยง!
ผู้มีจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 3 ถูกลูกไฟพุ่งเข้าใส่อย่างจัง ร่างกายของเขาระเบิดตู้ม มือและเท้าขาดกระเด็นไปคนละทิศละทาง
ลั่วเฟ่ยส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้น ยกมือต่อยลูกไฟที่พุ่งเข้ามาหาตัวแตกกระจายไป
“เข้ามาเลย !!”
พร้อมกับที่ตะโกนประโยคนี้ออกไป ในมือของลั่วเฟ่ยก็ปรากฎกระดิ่งทองคำ เขาโยนกระดิ่งทองคำขึ้นไปบนฟ้า เมื่อโคจรพลังลมปราณไปที่กระดิ่งทองคำลูกนั้น กระดิ่งทองคำก็ส่งแสงเป็นประกายและลอยค้างอยู่ในอากาศได้ราวกับปาฏิหาริย์
เก๊ง!
เสียงสั่นกระดิ่งดังขึ้นพร้อมกับเกิดเสียงบทสวดมนต์ของนักบวชดังก้องกังวาล ม่านพลังสีทองคำจำนวนมากพวยพุ่งออกมาจากตัวกระดิ่ง ห่อหุ้มร่างกายของลั่วเฟ่ยที่อยู่ด้านล่างเอาไว้จนมิด
เปรี้ยง!
สายฟ้าที่ฟาดลงไปบนตัวกระดิ่งทองคำกระจัดกระจายออกไป ตัวกระดิ่งทองคำเป็นประกายระยิบระยับ พลังของสายฟ้าฟาดทำอะไรมันไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
เปรี้ยง!
ลูกไฟอีกสิบลูกยิงเข้าใส่กระดิ่งทองคำ เสียงกระดิ่งสั่นดังกังวานตลอดเวลา ลำแสงสีทองสว่างจ้า ลูกไฟเหล่านั้นแตกสลายหายไปทีละลูกตามลำดับ ไม่ว่าพายุลูกไฟหรือสายฟ้าฟาดจะรุนแรงแค่ไหน ก็ไม่สามารถฝ่าม่านพลังของกระดิ่งทองคำเข้าไปได้เลยแม้แต่น้อย !!