จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 272 แมงมุมยักษ์
บทที่ 272 แมงมุมยักษ์
ลำแสงสีทองเปล่งประกายไปทั่วท้องฟ้า แผ่พลังลมปราณออกมาเป็นจำนวนมากมายมหาศาล
เป๋าผิงร้องคำรามด้วยความโกรธแค้น เขาอยากจะฆ่าฉู่ชวิ๋นให้จงได้
กระถางใหญ่ถูกฉู่ชวิ๋นทำลายไปแล้ว ลำแสงสีทองพุ่งตรงเข้าสู่ร่างกายของเขาจำนวนนับไม่ถ้วน เสียงกระดูกแตกหักดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“อ๊าก…”
ชายชราส่งเสียงร้องโหยหวน เมื่อเขาพลิกฝ่ามือ ธงสีแดงเลือดผืนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาในมือและพอเป๋าผิงหมุนธงเป็นวงกลม ก็เกิดเป็นกำแพงม่านพลังคอยกำบังลำแสงสีทองให้กับเขา
ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเป็นประกายระยิบระยับ สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่แหวนสีดำ ซึ่งสวมใส่อยู่บนนิ้วนางของเป๋าผิง
แหวนมิติ
ธงโลหิตจัดว่าเป็นอาวุธปีศาจชนิดหนึ่ง ฉู่ชวิ๋นเพิ่งจะได้รู้ความน่ากลัวของมันก็ในตอนนี้ ทุกครั้งที่ธงโลหิตโบกสะบัด เลือดในกายของเขาก็จะถูกฝ่ายตรงข้ามดูดออกไปโดยไม่รู้ตัว
ลำแสงสีทองยิงเข้าใส่กำแพงม่านพลังอย่างบ้าคลั่ง เกิดเป็นลูกไฟกระเด็นกระดอนไปทั่วบริเวณ แต่แล้วทุกอย่างก็หยุดลงในพริบตา เหมือนกับลำแสงสีทองรู้ว่ายิงต่อไปก็ไร้ประโยชน์
ดูเหมือนว่าหลังผ่านเหตุการณ์เฉียดตายมาหลายครั้ง ทุกคนต่างก็มีโอกาสรอดเป็นของตนเอง
ฉู่ชวิ๋นหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนที่จะใช้กระบองทองคำฟาดเข้าไปที่ธงโลหิต
ฟู่!
ม่านพลังสีแดงเลือดสั่นไหวแค่เพียงเล็กน้อย การโจมตีของฉู่ชวิ๋นไม่ได้ผล !
เป๋าผิงถือว่าเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง เมื่อมียอดอาวุธปีศาจอยู่ในมือก็ไม่อาจมองข้ามพลังของเขาไปได้เลย
“ฉู่ชวิ๋น แกอยากตายจริง ๆ ใช่ไหม?” เป๋าผิงคำรามด้วยความเดือดดาล ในสายตาของเขา ฉู่ชวิ๋นคือคนบ้า ที่อยากจะฆ่าเขา โดยไม่ห่วงชีวิตของตัวเองเลยแม้แต่น้อย
“ก็ไม่รู้สินะ” ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเป็นประกายเย็นชา แต่จิตใจของเขากำลังร้อนรุ่ม ฉู่ชวิ๋นเอาแต่จ้องมองแหวนเก็บสมบัติของอีกฝ่ายและคิดว่าในนั้นน่าจะมีของดีอยู่อีกเป็นแน่แท้
กระบองทองคำส่องแสงสว่าง พลังลมปราณพุ่งออกมา ฉู่ชวิ๋นควงกระบองทองคำเข้าโจมตีอีกครั้ง
เปรี้ยง!
ธงโลหิตทั้งผืนสั่นไหวสภาพแทบจะไม่ต่างไปจากกระดิ่งทองคำซึ่งมันก็ถูกฉู่ชวิ๋นทุบทำลายไปก่อนหน้านี้
ถึงแม้ว่าธงโลหิตจะมีคุณภาพสูงกว่ากระดิ่งทองคำ แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับกระบองทองคำที่ทำขึ้นมาจากกระดูกมังกรโบราณ
เปรี้ยง!
ฉู่ชวิ๋นหมุนตัวฟาดกระบอง ธงโลหิตสั่นไหวอย่างรุนแรงอีกครั้ง ตัวฉู่ชวิ๋นก็ถูกลำแสงสีทองยิงเข้าใส่จำนวนไม่น้อย
“ฉู่ชวิ๋น แกไม่กลัวตายหรือยังไง” เป๋าผิงกำลังจะเป็นฝ่ายที่เสียสติไปแล้ว เขาซ่อนตัวอยู่หลังธงโลหิตเพื่อรักษาบาดแผล แต่ฉู่ชวิ๋นยังคงยืนอยู่ข้างนอก มีเลือดไหลทะลักออกจากร่างกายจำนวนมาก
ฉู่ชวิ๋นกลายเป็นเหมือนคนใบ้หูหนวก ควงกระบองฟาดใส่ธงโลหิตไม่ยั้ง
ธงโลหิตสั่นไหว ม่านพลังสีแดงเลือดสั่นสะเทือน ตัวกำแพงของม่านพลังเริ่มเบาบางลงมากขึ้นเรื่อย ๆ และกำลังจะพังทลายลงในอีกไม่กี่อึดใจต่อจากนี้
“ฉู่ชวิ๋น แกมันกำแหงเกินไปแล้วนะ” เป๋าผิงคำรามด้วยความหวาดกลัว มือกำด้ามธงแนบแน่น แล้วโบกสะบัดไปทางฉู่ชวิ๋นด้วยความดุร้าย
ในทันใดนั้นเอง มวลพลังสีแดงเลือดจำนวนมากก็พุ่งตรงเข้ามาหาฉู่ชวิ๋น ในลักษณะที่รวมตัวกันเป็นหัวกระโหลกผีหัวหนึ่ง
ฉู่ชวิ๋นหลับตาลง สร้างลมปราณคุ้มกันร่างกายของตนเอง มวลพลังจากฝ่ายตรงข้ามน่าหวาดกลัวมาก มันส่งผลต่อเลือดในร่างกายของเขาโดยตรง ถ้าไม่ป้องกันเอาไว้ มีหวังได้ตายอยู่ตรงนี้แน่
ควับ!
กระบองทองคำสะบัดฟาดอย่างแรง มวลพลังลมปราณสีทองคำพุ่งออกไปเหมือนเกลียวคลื่น
เปรี้ยง!
กะโหลกผีสีแดงเลือดพลันแตกกระจายกลายเป็นผุยผง
“อ๊าก…” เป๋าผิงร้องโหยหวน เมื่อสักครู่นี้ตอนที่เขาโบกสะบัดธงโลหิต ทำให้ร่างกายส่วนหนึ่งไม่มีที่กำบัง ลำแสงสีทองหลายสายจึงพุ่งเข้าใส่ร่างกายโดยตรง ส่งผลให้อาการบาดเจ็บของเขายิ่งสาหัสมากขึ้น
ฉู่ชวิ๋นไม่สนใจ ฟาดกระบองในมือต่อไปเหมือนค้อนเหล็ก
เปรี้ยง เปรี้ยง!
ธงโลหิตสั่นไหวอย่างรุนแรง และม่านพลังก็บางตัวลงมากขึ้นเรื่อย ๆ
ฉู่ชวิ๋นกำมือเป็นหมัด ซัดพลังลมปราณออกมาพุ่งเข้าไปกระแทกม่านพลังตรงหน้า
เปรี้ยง!
ธงโลหิตถูกระเบิดไปต่อหน้าต่อตา ในวินาทีนั้น ฉู่ชวิ๋นได้ยินเหมือนมีเสียงวิญญาณร้องไห้คร่ำครวญ
ลำแสงสีทองพวยพุ่งเข้ามาจากทุกสารทิศ เป๋าผิงพยายามลากสังขารตนเองหลบหนี แต่ก็ถูกลำแสงสีทองยิงเข้าใส่จนเลือดสาดกระจายครั้งแล้วครั้งเล่า ชายชราได้แต่ส่งเสียงกรีดร้องออกมาเท่านั้น
ฉู่ชวิ๋นก็ตกอยู่ในสภาพเลือดท่วมตัวไม่แพ้กัน แต่ยังไงก็ถือได้ว่าสภาพของเขาดีกว่าเป๋าผิงอยู่หลายเท่า ฉู่ชวิ๋นควงกระบองในมือป้องกันลำแสงทองคำ ก่อนที่จะต่อยหมัดปล่อยพลังลมปราณโต้ตอบกลับไป
“ฉู่ชวิ๋น แกมันสมควรตายจริง ๆ” เป๋าผิงพูดด้วยความโกรธแค้นจับใจ ทุกครั้งที่เขาอ้าปากก็จะกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก
“อ๊าก…” ชายชราส่งเสียงร้องโหยหวน เมื่อไม่มีธงโลหิตคอยเป็นที่กำบัง ร่างกายของเขาจึงถูกลำแสงสีทองยิงเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขามีผิวหนังทนทานเพราะเป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 5 ป่านนี้คงได้ตายไปนานแล้ว
“งั้นก็มาดูกันว่าใครกันแน่ที่ต้องตาย” ฉู่ชวิ๋นควงกระบองทองคำตรงเข้าไปหาเป๋าผิง
วูบ!
คราวนี้ เป๋าผิงไม่สามารถป้องกันตัวเองได้อีกแล้ว กระดูกของเขาแตกหักทั่วร่าง แม้แต่กระดิกนิ้วก็ยังไม่มีเรี่ยวแรงด้วยซ้ำ ทันใดนั้นเอง ลำแสงสีทองก็พุ่งเข้ามาอีกครั้ง จนเกือบจะโดนศีรษะของเขาเข้าเต็ม ๆ
ฉู่ชวิ๋นกระโดดเข้ามาโดยไม่สนใจว่าร่างกายจะถูกลำแสงสีทองยิงใส่สักเท่าไหร่ ฉู่ชวิ๋นควงกระบองในมือและฟาดเข้าใส่เป๋าผิงด้วยความดุร้าย
ผลั่ก!
เป๋าผิงส่งเสียงกรีดร้อง ถูกฟาดจนร่างกายครึ่งหนึ่งจมหายลงไปใต้ดิน สภาพของเขาเลือดท่วมตัว ดูน่าอนาถใจเป็นอย่างยิ่ง
ชายชราได้แต่ร่ำร้องด้วยความโกรธแค้น
“ฉู่ชวิ๋น แกจะต้องตายอย่างทรมาน แกจะต้องได้รู้รสชาติความเจ็บปวดทุกอย่างบนโลกใบนี้…”
เป๋าผิงสบถสาบานเหมือนวิญญาณร้ายที่อาฆาตแค้น
จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 5 สูงส่งราวเทพเจ้าแต่บัดนี้ กำลังจะต้องมาตายอย่างน่าอนาถ นี่คือเรื่องราวอันใดกันแน่?
แม้แต่ลั่วเฟ่ยก็คงรู้สึกเช่นนี้ก่อนตาย
ฉู่ชวิ๋นไม่รับฟังและไม่พูดคุย ควงกระบองทองคำ ฟาดกระหน่ำไม่ยั้งมือ
ครืน!
พื้นดินยุบตัว เกิดรอยแตกแยกเป็นทางยาว หยดเลือดสาดกระจาย ร่างกายของเป๋าผิงจมลงไปใต้ดินลึกมากขึ้นกว่าเดิม
ฉู่ชวิ๋นควงกระบองป้องกันลำแสงทองคำทางหนึ่ง ในขณะที่เดินเข้าไปหาเป๋าผิง แล้วมือของเขาก็เอื้อมออกไป หมายจะฉกแหวนเก็บสมบัติของอีกฝ่ายมาให้ได้
แต่ใครจะคิดเลยว่า เป๋าผิงที่ตกอยู่ในสภาพครึ่งเป็นครึ่งตายจะยังเข้าใจเจตนาของฉู่ชวิ๋น พลัน ชายชราส่งเสียงคำรามออกมากระโดดเข้าหาฉู่ชวิ๋นอย่างไม่คิดชีวิต
ฉู่ชวิ๋นกระโดดหลบ แต่เป๋าผิงอาศัยจังหวะนั้นถอดแหวนออกมาจากนิ้ว และยิ้มด้วยความเจ้าเล่ห์ “จอมมารฉู่นะๆ แกอยากได้ไอ้นี้ใช่ไหม?”
ฉู่ชวิ๋นตอบว่า “ฉันอยากได้ชีวิตแกมากกว่า”
พูดจบ กระบองทองคำในมือก็สะบัดวูบ ฟาดตรงลงไปหาเป๋าผิง
ผลั่ก!
เป๋าผิงร้องโหยหวน กระอักเลือดออกมาจากปาก ตัวคนลอยกระเด็นไปไกล
ฟู่
เลือดสาดกระจายในอากาศ แขนข้างหนึ่งของเขาถูกลำแสงสีทองยิงเข้าใส่ขาดกระเด็น
ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเป็นประกายระยิบระยับ ฉู่ชวิ๋นรีบกระโดดไปหยิบแขนข้างที่ขาดมาถือไว้ทันที เนื่องจากมันเป็นแขนข้างที่ชายชราถือแหวนเก็บสมบัติเอาไว้นั่นเอง
ถือได้ว่าเขาไม่เสียแรงเปล่าจริง ๆ
หลังจากถอดแหวนและโยนแขนทิ้งไปแล้ว ในไม่ช้า แขนข้างนั้นก็ถูกลำแสงสีทองยิงกระจุยกระจายไป
“เอาแหวนคืนมานะ” เป๋าผิงที่ร่างกายตกอยู่ในสภาพยับเยินส่งเสียงร้องอย่างเสียสติ
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเยาะตอบไปว่า “ถ้าอยากได้ ก็เข้ามาเอาเองสิ”
ชายชราพยายามจะลุกขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็เกือบจะถูกลำแสงสีทองยิงใส่ศีรษะไปก็หลายครั้ง
“ฉู่ชวิ๋น แกมันเป็นไอ้เลวชาติ แกจะต้องตายอย่างทรมาน…”
ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเป็นประกายเย็นชา เมื่อเดินเข้าไปถึงตัวชายชรา กระบองทองคำในมือก็ฟาดเปรี้ยง
กร๊อบ!
เสียงกระดูกแตกหักดังชัดเจน เป็นเสียงกระดูกแผ่นหลังของเป๋าผิง
“ต่อให้แกตาย แกต้องตายอย่างน่าอับอายที่สุด” เป๋าผิงสาปแช่ง
ฉู่ชวิ๋นไม่หยุดไม่ว่าจะกระดูกหักกี่ท่อนก็ไม่ยอมหยุดตะโกนออกมา
ฉู่ชวิ๋นตวัดกระบองในมือ ฟาดเข้าใส่เป๋าผิงเหมือนอีกฝ่ายหนึ่งเป็นลูกเบสบอลจนร่างเป๋าผิงลอยขึ้นไปบนฟ้า
“อ๊าก…”
เสียงร้องโหยหวนหายไปในที่สุด เมื่อร่างของเป๋าผิงถูกลำแสงสีทองระดมยิงเข้าใส่ จนร่างระเบิดกระจายหายไปกลางอากาศ
“ช่างเป็นการตายที่น่าอนาถจริง ๆ” ฉู่ชวิ๋นพูดเบา ๆ ในขณะที่ควงกระบองป้องกันลำแสงทองคำต่อไป
ฉู่ชวิ๋นพยายามควงกระบองไปพลางถอยหลังไปพลาง แต่ลำแสงสีทองเหล่านั้นมันราวกับมีสติปัญญา หรือไม่ภูเขาที่ควบคุมลำแสงสีทองเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่มีสติปัญญา เนื่องจากไม่ว่าเขาถอยไปทางไหน มันก็จะยิงลำแสงสีทองมาดักทางหนีของเขาเอาไว้หมด
ห่างออกมาหลายกิโลเมตรจากตัวภูเขา บรรดาจอมยุทธ์ที่หนีรอดมาได้ พากันยืนดูเหตุการณ์จากที่ไกล ๆ ภาพที่พวกเขาเห็นในตอนนี้ก็คือ ภูเขาทั้งลูกกำลังเปร่งประกายสว่างไสวด้วยลำแสงสีทอง แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าสถานการณ์ในนั้นเป็นอย่างไรบ้าง
“ฉันอยากรู้จริง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนายท่านฉู่ชวิ๋น” จอมยุทธ์คนหนึ่งที่
ฉู่ชวิ๋นช่วยชีวิตเอาไว้พูดขึ้น
“ลำแสงสีทองหนาแน่นขนาดนี้ ต่อให้เป็นเทพเซียนลงมาจุติ ยังไงก็ไม่รอด ฉันว่านายท่านฉู่ชวิ๋นคงตายอยู่ในแสงทองคำนั่นไปแล้วล่ะ“ ใครอีกคนหนึ่งว่า
“เหลวไหล นายกำลังพูดถึงท่านฉู่ชวิ๋นอยู่นะ ฝีมือระดับเขา จะพ่ายแพ้ได้ยังไงกัน?”
“ถูกต้อง ฉู่ชวิ๋นช่วยชีวิตพวกเราไว้ได้ทุกคน แล้วทำไมเขาจะช่วยชีวิตตัวเองไม่ได้?”
กลุ่มคนเริ่มซุบซิบนินทาเสียงดังอื้ออึง
ในเวลาเดียวกันนี้ ฉู่ชวิ๋นตกอยู่ในสถานการณ์หนีเสือปะจระเข้ ลำแสงสีทองยังคงยิงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ฉู่ชวิ๋นยังคงต้องควงกระบองป้องกันตัวเองไม่หยุด ลำแสงสีทองเมื่อโดนกระบองก็ปลิวกระจายออกไปอย่างต่อเนื่อง
เขาควรทำยังไงดีนะ?
ฉู่ชวิ๋นรีบใช้ความคิดอย่างรวดเร็ว
ดวงตาของเขาจ้องมองไปทางภูเขา ในเมื่อล่าถอยไม่ได้ ก็มีแต่ต้องบุกฝ่าเข้าไปเท่านั้น
ฉู่ชวิ๋นควงกระบองป้องกันตนเอง พร้อมกับเคลื่อนกายเข้าไปใกล้ภูเขา
หลังจากนั้น ฉู่ชวิ๋นก็ไปถึงบริเวณเนินเขา กระบองในมือโบกสะบัดไปมา เกิดเป็นคลื่นลมปราณพุ่งออกไป
เปรี้ยง!
ลำแสงสีทองสว่างจ้าพุ่งสวนกลับมา
พรึบ
ลำแสงสีทองพุ่งกระทบร่างของฉู่ชวิ๋น
นี่เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น ฉู่ชวิ๋นควงกระบองปัดป้องเป็นพัลวัน เพราะจู่ๆลำแสงสีทองก็ระดมยิงเข้าใส่เขามากกว่าเดิมถึง 3 เท่า !!
เปรี้ยง!
เสียงระเบิดดังสนั่น ลำแสงสีทองที่พุ่งเข้ามาถูกฉู่ชวิ๋นฟาดกระจัดกระจายไป
ฉู่ชวิ๋นรู้สึกประหลาดใจ ภูเขาลูกนี้ยิงลำแสงสีทองออกมาเป็นจำนวนมาก แต่ตอนนี้เขาพอจะเห็นหนทางหนีรอดได้บ้างแล้ว
เขาจ้องมองไปที่ภูเขา พร้อมกับควงกระบองในมือไม่หยุด
แต่แล้วสิ่งที่เหลือเชื่อก็บังเกิดขึ้น ดวงตาสีทองที่อยู่บนภูเขาพลันหายวับไปจำนวนหนึ่ง ฉู่ชวิ๋นตกใจจนสับสน บรรยากาศวังเวงจนน่าขนลุก
“อ้า…”
ทันใดนั้น ก็มีเสียงลอยมาเข้าหูฉู่ชวิ๋นอย่างแผ่วเบา
เสียงนั้นทำให้ฉู่ชวิ๋นตกใจจนสะดุ้งโหยง
ฉู่ชวิ๋นตั้งใจรับฟังและจับทิศทางเสียงได้ว่ามันลอยออกมาจากภูเขาที่อยู่เบื้องหน้านี้เอง
“แกเป็นใคร?” ฉู่ชวิ๋นกำกระบองในมือแน่น หรือว่าภูเขาลูกนี้จะมีชีวิตจริง ๆ
“อ้า…”
เกิดเสียงครางลอยตามลมมาอีกครั้ง ทำให้ฉู่ชวิ๋นขนลุกเกรียวขึ้นมาแล้ว
“ฉันถามว่าแกเป็นใคร?” ฉู่ชวิ๋นรู้สึกได้เลยว่าฝ่ามือของตัวเองกำลังชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
หากนี่คือวิญญาญแห่่งความตายจริง ๆ ฉู่ชวิ๋นก็คงไม่อาจหนีรอดได้อีกแล้ว ฉู่ชวิ๋นคิดด้วยความสยดสยอง
แต่ในทันใดนั้นเอง ดวงตาอีกหลายดวงที่อยู่รายล้อมภูเขาก็ค่อย ๆ หรี่ปิดลงอย่างเชื่องช้า และลำแสงสีทองก็ไม่ได้ถูกยิงออกมาอีกแล้ว
ก่อนที่ฉู่ชวิ๋นจะทันได้ตอบสนองสิ่งใด พลัน ลำแสงสีทองที่เป็นประกายสว่างจ้า ก็ผุดพราวขึ้นมาจากพื้นดินจนทำให้ฉู่ชวิ๋นตาพร่ามัว
ตู้ม!
ฉู่ชวิ๋นรู้สึกหวาดกลัว ร่างกายของเขามีลมปราณคุ้มกายห่อหุ้มอยู่ก็จริง แต่แรงสั่นสะเทือนมากจนทำให้แขนขารู้สึกเจ็บปวด แม้แต่อวัยวะภายในก็ถูกคลื่นพลังกระแทกเข้าอย่างแรง
โชคร้ายที่เขาไม่สามารถป้องกันลำแสงสีทองเหล่านี้ได้อีกแล้ว
ในตอนนี้มวลพลังสีทองกระแทกร่างฉู่ชวิ๋นอย่างรุนแรง ร่างของเขากระเด็นไปไกลหลายร้อยเมตร
ฉู่ชวิ๋นตกตะลึงถึงขีดสุด ลำแสงสีทองเหล่านี้แข็งแกร่งมากเกินไป มันเต็มไปด้วยพลังลมปราณที่ไม่อาจรับมือแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันเลยแม้แต่น้อย
ตู้ม!
พื้นดินระเบิดตัว ภูเขาสั่นสะเทือนไปทั้งลูก
แล้วภูเขาทองคำลูกนั้นก็ค่อย ๆ ยกตัวสูงขึ้นจากพื้นดินประมาณ 10 เมตร ต่อหน้าต่อตาของฉู่ชวิ๋น
นอกจากภูเขาทองคำจะสามารถยกตัวได้แล้ว มันยังมีขางอกออกมาอีกแปดข้าง ขาเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นเหมือนเสารับน้ำหนักสำหรับตอนเคลื่อนไหว เวลาที่ขาแต่ละข้างก้าวเดิน พื้นดินก็จะสั่นสะเทือนอย่างแรงเหมือนเกิดแผ่นดินไหว
กลุ่มจอมยุทธ์ที่ดูเหตุการณ์อยู่จากที่ไกล ๆ ได้แต่ยืนตกตะลึงเหมือนกับเป็นรูปปั้นหินแกะสลัก
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉู่ชวิ๋นรู้สึกตกตะลึงอย่างแท้จริง ถึงขนาดพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว หัวใจของเขาเต้นเร็วแรงเหมือนกับจะหลุดออกมานอกหน้าอก
“แมงมุมอะไรวะเนี่ย” ฉู่ชวิ๋นได้แต่พึมพำกับตัวเอง
ความจริงแล้วเขาไม่ได้อยู่บนภูเขาทองคำแต่อย่างใด มันคือแมงมุมยักษ์ที่น่ากลัวจนทำให้คนหัวใจวายตายแล้ว
ตลอดเวลากว่าสามพันปี ฉู่ชวิ๋นไม่เคยพบเคยเจอแมงมุมที่ตัวใหญ่ยักษ์ขนาดนี้มาก่อน ตัวมันใหญ่เท่ากับภูเขาลูกยักษ์ !!