จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 274 ท้าประลอง
บทที่ 274 ท้าประลอง
ตอนที่ฉู่ชวิ๋นเดินมาถึงเวทีประลอง คนผู้หนึ่งก็กระเด็นตกลงมาจากเวทีพอดี
“ฉันแพ้แล้ว” คนที่ตกลงมาจากเวทีลุกขึ้นมาตะโกนเสียงดังและเดินออกไปจากเมืองทันที
บนเวทีประลองยืนไว้ด้วยชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง ซึ่งมีดวงตาเป็นประกายแจ่มใส เขาเป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 2
หากมองไปที่ผู้แพ้จะพบว่าผู้แพ้เป็นเพียงจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์เท่านั้น ความแตกต่างระหว่างฝีมือของพวกเขามีมากเกินไป
“ฉันขอลองบ้าง” หลังจากเสียงตะโกนนั้นดังขึ้น ชายชราคนหนึ่งก็เดินขึ้นไปบนเวที ชายชราคนนี้มีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 1
“เชิญ” ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่กลางเวทีประลองผายมือเชื้อเชิญ ลมหายใจของเขาเข้าออกเป็นจังหวะอย่างเชื่องช้า ทุกคนต่างก็อยากรอดูการปะทะกันของจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ
เปรี้ยง!
เมื่อการประลองเริ่มขึ้น ชายชราทั้งสองคนก็ต่อสู้กันหลายสิบกระบวนท่า จนสุดท้าย ผู้ท้าประลองก็กระเด็นตกลงมาจากเวที
เหล่าจอมยุทธ์พเนจรยังคงพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง ไม่มีใครคิดมากอะไรเมื่อตนเองพ่ายแพ้ บางคนก็โยนผ้าเช็ดตัว บางคนก็ยกมือยอมแพ้และหันหน้าเดินออกไปประจำการที่ทางแยก รับหน้าที่เป็นเวรยามเฝ้าขับไล่สัตว์ร้ายที่จะออกมาจากป่า
ชายชราคนเดิมยังคงยืนเอามือไขว้หลังอยู่บนเวที ไม่ได้มีท่าทีเชื้อเชิญเรียกให้ใครขึ้นมาต่อสู้ด้วยอีก
ทุกคนที่ขึ้นเวทีไป ต่างก็ขึ้นไปด้วยความสมัครใจ ไม่มีใครบังคับทั้งสิ้น
ในเวลาเพียงแค่ชั่วโมงเดียว ก็มีจอมยุทธ์หลายสิบคนตกลงมาจากเวทีด้วยความพ่ายแพ้ มีอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นผู้ชนะ
และผู้ชนะจะมีคนจากปราสาทจตุรเทพมารับตัวไป
“จะพาตัวไปไหนน่ะ?” ฉู่ชวิ๋นถามด้วยความสงสัย
จักรพรรดิยาอธิบายว่า “นายท่านครับ ผู้ชนะจะถูกพาตัวไปที่ปราสาทจตุรเทพ และได้รับการจัดเลี้ยงต้อนรับอย่างสมเกียรติ ถ้าผู้ชนะอยากจะทำงานกับปราสาทจตุรเทพ ก็จะได้อยู่ต่อแต่ถ้าไม่อยากทำก็จะมีคนพาตัวไปส่งบ้านด้วยความเคารพและปลอดภัย”
ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเปล่งประกายแวววาว ถือได้ว่าปราสาทจตุรเทพฉลาดจริง ๆ คนกลุ่มเล็ก ๆ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาการรุกรานของสัตว์ป่าและนกยักษ์ผู้ดุร้ายได้เลยเพราะยังไงจอมยุทธ์ก็มีแค่ 2 มือ 2 เท้า แต่ถ้ามีการจัดประลองขึ้นอย่างนี้จะดึงดูดจอมยุทธ์มีฝีมือจำนวนมากให้มาทำงานกับพวกเขานั่นเอง
“มีใครอยากขึ้นไปประลองบ้างไหม ต้องชนะเท่านั้นนะ ห้ามแพ้เด็ดขาด”
ฉู่ชวิ๋นพูดจบ จักรพรรดิยาและแม่หม้ายสาวยังไม่ทันได้ทำอะไร จิ่วโยวก็กระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนเวทีประลองแล้ว
“ทำไมเด็กคนนั้นน่ารักจังเลย”
บรรดาจอมยุทธ์ที่ยืนอยู่รอบเวทีพร้อมใจกันอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง
เมื่อมองมาเห็นจิ่วโยว ชายชราบนเวทีประลองก็ตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้น จึงยิ้มแย้มอย่างเมตตาว่า “หนูน้อย ที่นี่ไม่ใช่สนามเด็กเล่นนะจ๊ะ รีบลงไปเถอะ พ่อแม่อยู่ที่ไหนล่ะ?”
ลักษณะหน้าตาของจิ่วโยวน่ารักมากเกินไป ผมสีม่วงเป็นประกาย ตัวเล็กกระจิดริด รองเท้าก็ไม่ได้สวมใส่ มองไปแล้วเหมือนตุ๊กตาเป็นอย่างยิ่ง
“ฉันอยากจะท้าประลอง” จิ่วโยวพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน พร้อมกับจ้องมองชายชราด้วยดวงตาสดใส ถ้าเด็กหญิงไม่ได้น่ารักขนาดนี้ เธอคงโดนเตะตกลงจากเวทีไปนานแล้ว
เมื่อได้ยินคำพูดของจิ่วโยว บรรดาจอมยุทธ์ที่ยืนอยู่รอบเวทีก็พร้อมใจกันระเบิดเสียงหัวเราะ
“คุณเป็นพ่อของเด็กคนนี้ใช่ไหมเนี่ย?” จอมยุทธ์คนหนึ่งหันมาถามฉู่ชวิ๋น เนื่องจากก่อนหน้านี้เห็นว่าจิ่วโยวยืนอยู่กับฉู่ชวิ๋นนั่นเอง
“เอ่อ…” ฉู่ชวิ๋นตกตะลึงถึงกับพูดอะไรไม่ออก
“เรียกลูกตัวเองกลับลงมาเถอะ นี่ไม่ใช่ที่ให้เด็กมาวิ่งเล่นนะครับ”
จอมยุทธ์ผู้นั้นกล่าวตักเตือนด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“บังเอิญว่าเธอเพิ่งจะฝึกวิทยายุทธมาน่ะ ก็เลยร้อนวิชานิดหน่อย” ฉู่ชวิ๋น พยายามหาทางอธิบาย
“คุณจะบ้าหรือไง ปล่อยให้ลูกขึ้นไปบนเวทีแบบนั้น อาจจะบาดเจ็บหนักได้นะ คุณนี่มันไม่สมควรเป็นพ่อคนเลยจริง ๆ” จอมยุทธ์หนุ่มคนเดิมไม่เข้าใจจึงร้องตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
“…” ฉู่ชวิ๋นถึงกับพูดอะไรไม่ออกแล้วจริง ๆ
จักรพรรดิยาและแม่หม้ายสาวหัวเราะคิกคัก นี่คือครั้งแรกที่พวกเขาได้มีวาสนาเห็นคนตวาดด่าฉู่ชวิ๋น โดยที่ชายหนุ่มไม่สามารถตอบโต้อะไรกลับไปได้เลย
“ไม่ต้องห่วงนะคะพ่อ หนูจะชนะและเอาสมุนไพรวิญญาณกลับไปให้พ่อให้ได้” จิ่วโยวเหลียวหน้ากลับมามองฉู่ชวิ๋นและพูดด้วยน้ำเสียงน่ารักน่าชัง เธอถือโอกาศแกล้งฉู่ชวิ๋นทันที
ฉู่ชวิ๋นกลายเป็นคนติดอ่างไปแล้ว เขานึกเหม็นหน้าจิ่วโยวขึ้นมาแล้วจริง ๆ
ทันทีที่จิ่วโยวพูดออกมาแบบนี้ ทุกคนก็ยิ่งโทษว่าเป็นความผิดของฉู่ชวิ๋น ฉู่ชวิ๋นกลายเป็นพ่อใจยักษ์ บังคับให้ลูกสาวผู้น่ารักขึ้นเวทีประลอง เพราะอยากจะได้สมุนไพรวิญญาณ
“เข้ามาเลย!” จิ่วโยวหันกลับมามองหน้าชายชรา
“หนูจ๋า ที่นี่ไม่ใช่สนามเด็กเล่นจริง ๆ นะ กลับลงไปเถอะ” ชายชราไม่สามารถทำใจต่อสู้กับเด็กผู้หญิงที่น่ารักขนาดนี้ได้เลยจริง ๆ
ดวงตาที่สวยงามของจิ่วโยวกระพริบปริบ ๆ แล้วเธอก็เป็นฝ่ายชิงลงมือก่อน เด็กหญิงโคจรพลังลมปราณไปทั่วร่าง ก่อนที่จะต่อยหมัดปล่อยพลังลมปราณออกไป
ชายชราไม่สนใจที่จะต่อสู้ด้วย เขาเพียงแค่โคจรพลังลมปราณมาห่อหุ้มร่างกายเป็นเกราะกำบังเอาไว้ เนื่องจากไม่อยากทำร้ายจิ่วโยว
เปรี้ยง!
พลังลมปราณของจิ่วโยวพุ่งเข้าไปปะทะม่านพลังของชายชรา แล้วสีหน้าของชายชราก็เปลี่ยนแปลงไป พลังลมปราณของเด็กหญิงทำให้ร่างของเขาลอยกระเด็นตกลงจากเวทีไปโดยไม่รู้ตัว
เกิดความเงียบดังตามมาอย่างน่ากลัว ทุกคนได้แต่ยืนนิ่งด้วยความไม่อยากเชื่อ
หลังจากตัวคนตกกระแทกพื้นแล้ว ชายชราก็ม้วนตัวกลับมาลุกขึ้นยืนตั้งหลักได้อีกครั้ง ดวงตาที่จ้องมองไปยังจิ่วโยวเต็มไปด้วยความตกตะลึง เขารู้จักพลังลมปราณเป็นอย่างดี เด็กหญิงคนนี้มีพลังลมปราณที่แข็งแกร่งมาก
จิ่วโยวเดินไปหยิบสมุนไพรวิญญาณและเดินกลับมาหาฉู่ชวิ๋น “หนูเอามาให้พ่อแล้วนะคะ” เด็กหญิงพูด
ฉู่ชวิ๋นเกือบจะสำลักอากาศตาย เขาทำเป็นลูบผมเพ้าที่ยุ่งเหยิงของจิ่วโยว แล้วหยิกแก้มเธออย่างแรงเกินความจำเป็นไปเล็กน้อย
จิ่วโยวรีบตีมือฉู่ชวิ๋นทันที หลังจากนั้น เธอก็กระโดดกลับขึ้นไปบนเวที และพูดด้วยน้ำเสียงน่ารักว่า “ยังมีสมุนไพรวิญญาณอีกไหม? หนูอยากได้”
คราวนี้ ผ้าม่านที่ขึงอยู่ด้านหลังเวทีประลองพลันเปิดออก ชายชราผมขาวคนหนึ่งเดินออกมาพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้ม
“ท่านมู่… “ ชายชราคนที่กระเด็นตกจากเวทีพูดด้วยความอับอาย
ชายชราคนใหม่หันไปโบกมือและตอบว่า “มันไม่ใช่ความผิดของนาย”
หลังจากนั้น เขาก็หันมามองที่จิ่วโยว ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มใจดี ชายชราหยิบขวดหยกขนาดเล็กออกมาจากในอกเสื้อ เมื่อเปิดฝาขวดออก ลำแสงสีเขียวก็พุ่งออกมา ตามมาด้วยกลิ่นยาสมุนไพรฉุนกึก นี่คือสิ่งที่เรียกว่าสมุนไพรเจ็ดดารา
สมุนไพรเจ็ดดารา
ฉู่ชวิ๋นอ้าปากค้าง สมุนไพรเจ็ดดาราแค่เพียงอย่างเดียว ก็สามารถสลายจุดตีบตันทั่วร่างกายได้แล้ว ซึ่งถือว่ามีประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า นี่เป็นสมุนไพรเจ็ดดาราคุณภาพสูงอีกด้วย
ฉู่ชวิ๋นแอบส่งสัญญาณหาจิ่วโยว เป็นความหมายว่าให้เธอเอาชนะให้ได้
“อยากได้สมุนไพรตัวนี้ไหมล่ะ หนูน้อย” ชายชราถามพร้อมกับยิ้มกว้าง
จิ่วโยวมองตอบกลับมา พูดว่า “อยากได้”
ชายชรากล่าวต่อด้วยน้ำเสียงดีใจว่า “หนูน้อย ถ้าหนูเอาชนะเขาได้ สมุนไพรชนิดนี้จะเป็นของหนูเลย”
บรรดาจอมยุทธ์ที่อยู่ข้างล่างเวทีต่างก็จ้องมองด้วยสายตาอิจฉา เนื่องจากสมุนไพรชนิดนี้นับว่าเป็นของที่หาได้ยากจริง ๆ
หลังจากที่ชายชราพูดจบ ม่านหลังเวทีก็เปิดออกอีกครั้ง แล้วชายวัยกลางคนในชุดขาวคนนึงก็เดินออกมา
“อย่าทำให้เด็กบาดเจ็บนะ” ชายชราออกคำสั่ง
ชายวัยกลางคนผู้มีนามว่าหลินฉิงเฟิงพยักหน้า แล้วพูด “หนูน้อย ถ้าหนูเอาชนะฉันได้ สมุนไพรในขวดนี้ก็จะเป็นของหนู”
“คุณแต่งตัวเหมือนพ่อหนูเลยอะ” จิ่วโยวอุทานออกมา
ห๊ะ!
หลินฉิงเฟิงหันไปมองฉู่ชวิ๋น ก็เห็นว่าฉู่ชวิ๋นใส่ชุดขาวเหมือนกัน มีลักษณะเยือกเย็นสุขุมเหมือนกัน เขาจึงรู้สึกเหมือนกำลังส่องกระจกอยู่อย่างไรอย่างนั้น
ฉู่ชวิ๋นก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
ชายหนุ่มหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ ได้แต่พยักหน้าให้กับหลินฉิงเฟิง
พลัน ดวงตาของหลินฉิงเฟิงก็เป็นประกายวาวโรจน์ เขามันอยู่กันคนละระดับกับชายหนุ่มผู้นั้น ชายหนุ่มผู้นั้นไม่มีทางมาเทียบระดับกับเขาได้เลย เนื่องจากหลินฉิงเฟิงจะไม่มีวันส่งลูกตัวเองขึ้นเวทีประลอง เพื่อแย่งชิงสมุนไพรเด็ดขาด
ฉู่ชวิ๋นพูดอะไรไม่ออก พอเดาได้ว่าหลินฉิงเฟิงกำลังคิดอะไรอยู่ เขาไม่รู้จะอธิบายอย่างไรจริง ๆ
“เข้ามาเลย หนูน้อย” หลินฉิงเฟิงตั้งใจที่จะสู้กับจิ่วโยวด้วยมือแค่ข้างเดียว
ชายชราผมขาวกำลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ
“จะสู้กับหนูด้วยมือแค่ข้างเดียวเองเหรอคะ?” จิ่วโยวขมวดคิ้ว
หลินฉิงเฟิงพยักหน้าและพูดพร้อมกับยิ้มกว้างว่า “ถ้าหนูเอาชนะฉันได้ ก็มาเอาสมุนไพรไปได้เลย”
“อย่ามาเสียใจก็แล้วกัน” จิ่วโยวคำราม
ขาดคำ จิ่วโยวก็โคจรพลังทั่วร่างกาย เส้นผมของเธอปลิวไสว ลมปราณพุ่งออกไปจากกำปั้นของเด็กหญิง ตรงเข้าหาหลินฉิงเฟิงอย่างน่าหวาดกลัว
สีหน้าของหลินฉิงเฟิงแปรเปลี่ยนไปแล้ว เนื่องจากสัมผัสได้ว่าลมปราณของจิ่วโยวมีความรุนแรงเทียบเท่ากับจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิเลยทีเดียว
เปรี้ยง เปรี้ยง!
จิ่วโยวรัวสองกำปั้นอย่างต่อเนื่อง ไม่เปิดโอกาสให้หลินฉิงเฟิงได้โต้ตอบ
กึก!
หลินฉิงเฟิงได้แต่ถอยหลังมาจนสุดขอบเวที เกือบจะพลัดตกลงไปโดยไม่รู้ตัว ดีที่หยุดเท้าเอาไว้ได้ทัน
ชายวัยกลางคนจ้องมองไปที่จิ่วโยวด้วยความตกตะลึงสุดขีด แขนเสื้อข้างที่เอาไขว้หลังไว้โบกสะบัดปลิวไปตามแรงลม
ช่างน่ากลัวอะไรขนาดนี้ เด็กหญิงคนนี้มีพลังเท่ากับจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ หลินฉิงเฟิงคิดเช่นนั้น
จิ่วโยวคือสัตว์ประหลาดในร่างมนุษย์ ไม่แปลกใจที่คนนอกจะดูไม่ออกและไม่รู้ถึงความร้ายกาจที่แท้จริงของเธอ
เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ ชายชราผมขาวก็ได้แต่ยกมือลูบเคราของตนเอง พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บใจ
บรรดาจอมยุทธ์ที่ยืนอยู่ด้านล่างเวที ได้แต่ยืนปากอ้าตาค้างจ้องมองด้วยความตกตะลึง
ส่วนชายชราคนแรกที่ถูกจิ่วโยวต่อยกระเด็นตกจากเวที กำลังยิ้มแย้มด้วยความขมขื่น เขาพ่ายแพ้อย่างหมดท่าก็จริง แต่พี่ชายร่วมสำนักก็คงมีชะตากรรมไม่ต่างกัน
จิ่วโยวฉีกยิ้มอ่อนหวานอวดฟันขาวเรียงเป็นระเบียบ หลังจากนั้น เด็กหญิงก็รวบมือกำเป็นหมัดและปล่อยพลังไปทางหลินฉิงเฟิงอีกครั้ง
คราวนี้ หลินฉิงเฟิงไม่กล้าประมาทอีกแล้ว เขาโคจรพลังลมปราณเต็มสูบ เมื่อโบกสะบัดมือข้างหนึ่ง ซัดพลังลมปราณพุ่งเข้าใส่จิ่วโยว
จิ่วโยวกระโดดหลบหนี ปล่อยพลังออกมาจากฝ่ามือข้างหนึ่ง พุ่งเข้าปะทะกับพลังจากหลินฉิงเฟิง แล้วพลังลมปราณของชายชราก็กระจายหายไปกลางอากาศ
จิ่วโยวไม่รอให้หลินฉิงเฟิงมีโอกาสได้ตั้งตัว เธอปล่อยหมัดออกไปรัว ๆ อีกครั้ง เหมือนรูปแบบการโจมตีของฉู่ชวิ๋นไม่มีผิด
ผลั่ก!
เมื่อถูกต่อยเข้าไปรัว ๆ หลินฉิงเฟิงทำได้เพียงแค่ตั้งรับเท่านั้นลมปราณที่โคจรเอาไว้กระจัดกระจายหายไปหมด
จิ่วโยวกระโดดขึ้นไปกลางอากาศ สองเท้าของเธอตวัดผ่านศีรษะของหลินฉิงเฟิงอย่างน่าหวาดกลัว
เปรี้ยง!
เกิดการระเบิดสนั่นหวั่นไหว แรงระเบิดสาดกระจายไปทั่วบริเวณ หลินฉิงเฟิงยกมือขึ้นป้องกัน แต่ตัวคนก็ลอยกระเด็นไปจากแรงกระแทกของจิ่วโยว
หลินฉิงเฟิงเป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 2 เขาสามารถพลิกตัวได้กลางอากาศและกลับมายืนอยู่บนขอบเวทีได้อีกครั้ง แต่เขาก็เกือบจะพลัดตกลงไปจากเวทีอีกแล้ว
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ตั้งหลัก เขาก็เห็นว่าจิ่วโยวตามติดเข้ามาโจมตีอย่างต่อเนื่อง หลินฉิงเฟิงยกมือขึ้นและต่อยกำปั้นสวนกลับไปทั้งสองมือ
พลังลมปราณในกำปั้นของเขานั้นมากมายมหาศาล
หลินฉิงเฟิงไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เขาตบฝ่ามืออย่างต่อเนื่อง โคจรพลังลมปราณเต็มพิกัด แล้วซัดลมปราณออกไปด้วยความอำมหิต
“ตาแก่ขี้โกง ไหนบอกว่าจะสู้ด้วยมือข้างเดียวไง ทำไมถึงใช้สองมือล่ะ”
คำพูดของจิ่วโยวทำให้หลินฉิงเฟิงหน้าแดงก่ำ เช่นเดียวกับชายชราที่ถูกเรียกว่าท่านมู่ สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความอับอาย
เปรี้ยง! เปรี้ยง!
พลังของทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างต่อเนื่อง เกิดการระเบิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แรงสั่นสะเทือนทำให้เวทีประลองสั่นไหวอย่างรุนแรง
เปรี้ยง!
หลินฉิงเฟิงกระเด็นถอยหลัง ใบหน้าถอดสี ประเด็นสำคัญก็คือ ถึงจะต่อสู้ด้วยสองมือ แต่เขาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อกรของเด็กหญิงอยู่ดี
จิ่วโยวมีความดุร้ายเหมือนกับเป็นไดโนเสาร์ตัวเล็กๆ ในร่างของมนุษย์
มือและเท้าของเธออัดแน่นไปด้วยพลังลมปราณ หลินฉิงเฟิงได้แต่หันซ้ายหันขวางมองไปทั่วเวทีประลอง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดทรมาน ฝีมือของจิ่วโยวน่ากลัวเกินกว่าที่ใครจะคาดคิดไว้
ควับ!
หลินฉิงเฟิงพลันสะบัดฝ่ามือและชักดาบยาวเล่มหนึ่งออกมา ทำให้คนดูรู้สึกเย็นเยียบไปทันที
มีเสียงอุทานดังอื้ออึงจากกลุ่มคนดูด้านล่าง เนื่องจากดาบเล่มนี้เป็นอาวุธลึกลับชนิดหนึ่ง
“หน้าไม่อายที่สุด ถึงกับต้องเอาอาวุธลึกลับออกมาเลยเนี่ยนะ” จิ่วโยวพูดด้วยความโกรธแค้นเป็นอย่างยิ่ง
หลินฉิงเฟิงก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว เขาถูกจิ่วโยวต้อนจนเกือบจะตกเวทีไปหลายรอบ จึงขาดสติ รีบยกอาวุธในมือขึ้นเตรียมโจมตีทันที
“หยุดก่อน” ชายชราผมขาวร้องตะโกน การใช้อาวุธลึกลับกับเด็กหญิงอายุเพียงแค่ 8 – 9 ขวบ ถ้าเรื่องนี้หลุดรอดออกไป มีหวังรู้ถึงไหนอายไปถึงนั่น แบบนี้จะทำให้ปราสาทจตุรเทพเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างแน่นอน
หลินฉิงเฟิงก็รู้สึกละอายใจขึ้นมาเขากำลังจะเก็บดาบ แต่ในจังหวะนั้น
ตัวดาบก็ถูกคลื่นพลังพุ่งเข้ามากระแทกเต็มแรง
มันเป็นคลื่นพลังที่พุ่งออกมาจากกำปั้นของจิ่วโยว และก่อให้เกิดเสียงระเบิดดังกัมปนาท
จิ่วโยวกำลังเดือดดาล เธอโกรธถึงขีดสุด
อาวุธลึกลับ คิดว่าตัวเองมีแค่เพียงฝ่ายเดียวหรือไง?
ปืนยาวเล่มหนึ่งพลันปรากฏขึ้นในมือของเด็กหญิง พลังลมปราณไหลเวียนไปทั่วตัวปืนยาวส่องแสงสว่างไสวน่าเกรงขามยิ่งนัก