จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 315 คำนวนผลดีผลร้าย
บทที่ 315 คำนวนผลดีผลร้าย
ชนะรอด แพ้ตาย!
เนี่ยจื่อเฉิงรู้สึกอึดอัดใจ ดวงตาเป็นประกายระยิบ สีหน้าของมันเคร่งเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ มันกำลังนึกถึงใครบางคน
“พวกเรากลับ!” เนี่ยจื่อเฉิงโบกมือแล้วหันหลังกลับ
เหล่าจอมยุทธ์ที่อยู่ในบริเวณนั้นถึงกับตกตะลึง แค่นี้เองหรือ? เพียงแค่พูดสองประโยค ฉู่ชวิ๋นก็สามารถทำให้จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 8 ทั้งสองต้องกลับบ้านงั้นเหรอ!
“การแสดงจบแล้วทุกคน ได้เวลาแยกย้ายกันกลับบ้าน” ฉู่ชวิ๋นพูดออกมา
จอมยุทธ์ทุกคนได้สติก็รีบเดินทางกลับตามคำสั่ง
บางคนรู้สึกโล่งใจ บางคนรู้สึกเป็นกังวล บางคนแม้จะไม่ได้ผลไม้วิเศษแต่ก็ได้กอบโกยต้นหญ้าจิตวิญญาณติดมือมาเป็นจำนวนมาก
ไม่มีผู้ใดจะรู้สึกขมขื่นเท่ากับจังเฟิงหลิงและพันเฉิงเฟิงอีกแล้ว ครั้งสุดท้ายที่พวกมันบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นนี้เกิดขึ้นนานขนาดไหนพวกมันเองก็จำไม่ได้ มิหนำซ้ำ ครั้งนี้ทรัพย์สินติดตัวพวกมันยังถูกปล้นไปจนหมดอีกด้วย
ฉู่ชวิ๋นจัดการถอดชุดเกราะวิเศษออกมาจากตัวของจังเฟิงหลิงกับพันเฉิงเฟิง หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปถอดชุดเกราะออกจากพวกจอมยุทธ์ตระกูลจัง
“แบบนี้มันมากเกินไปแล้วนะ!!” ในที่สุด จังเฟิงหลิงก็ฟื้นขึ้นมาหลังจากสลบไปช่วงใหญ่
ฉู่ชวิ๋นที่เดินไปข้างหน้าสองก้าวจู่ ๆ ก็หยุดชะงักแล้วหันหน้ากลับมาพูดว่า
“ถ้าแกไม่พูดฉันก็เกือบลืมไปแล้วนะเนี่ย เมื่อกี้แกปากโป้งบอกเรื่องนั้นกับเนี่ยจื่อเฉิงทำไม”
“เพียะ!”
เสียงตบดังขึ้น จังเฟิงหลิงส่งเสียงร้องโหยหวน ปากของมันบิดเบี้ยว ใบหน้าเกิดรอยแดงเป็นปื้น สุดท้ายดวงตาของมันก็เหลือกค้างและสลบเหมือดหมดสติไปอีกครั้ง
“พวกเราไปกันเถอะ!” ฉู่ชวิ๋นเดินกลับไปสมทบกับพวกของหยานหวูซวง
หยานหวูซวงหันมาจ้องมองใบหน้าของฉู่ชวิ๋นด้วยแววตาสับสนก่อนหน้านี้เขาเคยเข้าใจว่าอีกฝ่ายหนึ่งมีพลังฝีมือเทียบเท่ากับตนเอง แต่ตอนนี้คุณชายหนุ่มรู้แล้วว่าฝีมือของเขานั้นพี่หลิวเทียบไม่ติด ทำให้หยานหวูซวงรู้สึกละอายใจขึ้นมา เหมือนกับว่าหยานหวูซวงคนนี้กลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“ไม่ต้องจ้องมองฉันตาแป๋วขนาดนี้ก็ได้ เดี๋ยวกลับถึงบ้านแล้วฉันจะแบ่งผลไม้วิเศษให้สองลูก นายกินมันเข้าไปเดี๋ยวก็เก่งเหมือนฉันเองนั้นละ ฮ่า ๆ” ฉู่ชวิ๋นระเบิดเสียงหัวเราะ
หยานหวูซวงตกตะลึงจนลืมหายใจ ตัวแข็งทื่อ
“เป็นอะไรไปอีกล่ะ?” ฉู่ชวิ๋นประหลาดใจที่เห็นคุณชายหนุ่มหยุดชะงักไปอย่างกะทันหัน
“พี่หลิว พี่จะแบ่งผลไม้วิเศษให้ผมสองลูกจริงเหรอ?” หยานหวูซวงอดนึกคลางแคลงใจขึ้นมาไม่ได้
ฉู่ชวิ๋นแอบยิ้ม หยานหวูซวงคงไม่เคยออกไปผจญภัยโลกกว้างจริง ๆ ด้วย ฉู่ชวิ๋นกล่าวออกมา “นายกับฉันเป็นพวกเดียวกัน นั่นคือส่วนแบ่งที่นายสมควรได้รับ แต่ถ้านายไม่ต้องการก็ไม่เป็นไรนะ”
“ต้องการสิครับ!” หยานหวูซวงพยักหน้าอย่างรีบร้อน เขามีฐานะเป็นนายน้อยตระกูลหยาน อีกไม่นานคงต้องรับหน้าที่ปกครองเมืองแห่งนี้ ผลไม้วิเศษเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เขาแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้
หลีหังยี่เป็นผู้ที่มีความสุขมากที่สุด มันได้ชุดเกราะวิเศษมาสวมใส่ตอนอยู่ในเขตปักษา แต่ตอนนี้ไม่มีสายฟ้าอีกแล้ว มันสมควรนำชุดเกราะไปส่งคืน แต่ความอยากได้ใคร่มีทำให้มันรู้สึกว่าชุดเกราะกลายเป็นของมันไปแล้ว
ในขณะนี้ ไม่มีเขตปักษาอีกต่อไป ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติสุข ฉู่ชวิ๋นสังเกตเห็นว่าหลีหังยี่กำลังยิ้มกริ่มในขณะที่เดินหลบออกไป
“หยุดก่อน” ทันใดนั้น ฉู่ชวิ๋นกระโดดเข้าไปยืนขวางหน้าหลีหังยี่
หลีหังยี่ที่ยิ้มกว้าง จ้องมองฉู่ชวิ๋นด้วยแววตาไม่ไว้วางใจ บุรุษหนุ่มผู้นี้เป็นจอมโจรใจดำ ขโมยทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าหรือว่าจะหมายตาแหวนมิติของมันเอาไว้ด้วย?
“น้องชาย มีเรื่องอะไรหรือ?” แต่หลีหังยี่ก็ยังคงถามกลับไปด้วยน้ำเสียงสุภาพและเป็นมิตร
ฉู่ชวิ๋นยื่นมือออกมาข้างหน้า ยิ้มขณะพูด “ในเมื่อไม่ได้ใช้งานอะไรแล้ว สมควรส่งมอบชุดเกราะวิเศษคืนมาได้แล้วมั้ง”
หลีหังยี่เดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง คนผู้นี้อยากจะขโมยทุกอย่างที่ขวางหน้าจริง ๆ “น้องชาย ชุดเกราะวิเศษพวกนี้ฉันต้องใช้งาน คืนให้น้องชายไม่ได้หรอก”
“หรือว่าอยากให้ลงไม้ลงมือ?” ฉู่ชวิ๋นถามพร้อมกับยิ้มกว้าง
ดวงตาของหลีหังยี่พลันเบิกโต ต้องใช้เวลาอีกครึ่งค่อนวันกว่าที่มันจะมีปัญญาพูดออกมาได้ว่า “ถ้าอย่างนั้น…ฉันคืนให้น้องชายก็ได้!”
ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า ตอบว่า “แล้วจะคืนได้หรือยัง?”
ในปากของหลีหังยี่เต็มไปด้วยรสชาติแห่งความขมขื่น มันเสียดายโอกาสนี้จริง ๆ ชุดเกราะวิเศษอยู่กับมันได้เพียงแค่อึดใจเดียว ตอนนี้กลับต้องปล่อยออกจากมือไปเสียแล้ว
ในเวลาเดียวกันนี้เอง มันก็นึกสาปแช่งจังเฟิงหลิงอยู่ในใจที่ไปมีเรื่องกับจอมโจรร้ายผู้นี้
หลีหังยี่ถอดชุดเกราะส่งคืนกลับไป หลังจากนั้นก็เดินไปหยิบต้นหญ้าวิญญาณ 5 ต้นและพูดว่า “น้องชาย ฉันขอโทษจริง ๆ นะ ครั้งนี้พวกเราเสียพลังงานเยอะมาก เพราะงั้นฉันขอต้นหญ้าวิญญาณ 5 ต้นก็แล้วกัน”
ฉู่ชวิ๋นกำหนดไว้คร่าว ๆ ว่าสักประมาณสองสามต้นก็ถือว่ามากพอแล้ว แต่เล่นขอถึง 5 ต้นแบบนี้ ออกจะเกินความคาดหมายของเขาไปไม่น้อย
“ไม่เป็นไร อยากได้ก็เอาไปเถอะ ลาก่อน!” ฉู่ชวิ๋นพูดจบก็หันหลังเดินจากมา
หลีหังยี่สาปแช่งจอมโจรผู้นี้อยู่ในใจ ความจริงแล้วมันแอบเสียดายอยู่บ้าง แต่โชคดีที่มันไม่ได้โลภมากจนหน้ามืดตามัว มิเช่นนั้นแล้วแม้แต่ต้นหญ้าจิตวิญญาณก็คงไม่ได้ติดตัวกลับสำนัก เมื่อคิดถึงจอมยุทธ์คนอื่น ๆ ที่ถูกแย่งชิงแหวนมิติไปจากตัว พลัน หลีหังยี่ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาอีกมากโข
…
…
ฉู่ชวิ๋นกับหยานหวูซวงเดินทางกลับมาที่บ้านตระกูลหยาน
การเดินทางครั้งนี้คุ้มค่าเหนื่อย
ส่วนพวกจังเฟิงหลิงก็กลายเป็นตัวภาระของกลุ่มตัวเอง ไม่สามารถเดินทางกลับมาเองได้ ต้องให้คนที่พอมีแรงเหลือแบกหามกลับมา น่าอนาถมาก
พอกลับมาพวกเขาก็เริ่มแบ่งของที่ขโมยมาได้
มีผลไม้วิเศษหลายลูก มีปลาสายฟ้า 30 ตัว มีต้นหญ้าจิตวิญญาณ 100 ต้น
แน่นอนว่าฉู่ชวิ๋นแย่งชิงแหวนมิติมาจากผู้คนของสำนักอื่น ซึ่งไม่ได้นำมารวมในกองกลาง หยานหวูซวงก็ไม่ได้พูดอะไร เนื่องจากนั้นเป็นการลงมือของฉู่ชวิ๋นแต่เพียงผู้เดียว
หยานหวูซวงได้ส่วนแบ่งเป็นผลไม้วิเศษสองลูก หญิงสาวผมสีเงินได้สองลูกเช่นกัน แต่เธอขอรับไว้แค่เพียงลูกเดียว สุดท้ายฉู่ชวิ๋นจึงได้ไปทั้งหมด 4 ลูก
ปลาสายฟ้าแบ่งกันอย่างเท่าเทียม ตระกูลหยานได้ไป 10 ตัว หญิงสาวผมม่วงได้ไป 10 ตัว ฉู่ชวิ๋นได้ไป 10 ตัว
นอกจากนั้นก็เหลือต้นหญ้าจิตวิญญาณอีกแค่เพียง 100 ต้น หยานหวูซวงขอสละสิทธิ์ ฉู่ชวิ๋นกับหญิงสาวผมม่วงจึงแบ่งกันตามเห็นสมควร
ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น
หยานหวูซวงสั่งให้คนจัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่มคอยรองรับฉู่ชวิ๋นกับหญิงสาวผมม่วง
ระหว่างที่รับประทานอาหารกันอยู่ หยานหวูซวงก็ชำเลืองมองหน้าฉู่ชวิ๋นด้วยความลังเลใจ
“น้องหยาน มีอะไรจะพูดหรือเปล่า?” ฉู่ชวิ๋นถามออกมาพร้อมกับยิ้มกว้าง
หยานหวูซวงมีท่าทางที่ไม่ลังเลใจก่อนจะถามออกมา “พี่ได้ขโมยดอกบัววิญญาณจากบ้านผมไปหรือเปล่า?”
“หา!” ฉู่ชวิ๋นนั่งตัวแข็งทื่อ ก่อนอุทานออกมาว่า “น้องหยานสงสัยฉันได้ยังไงเนี่ย? นั่นมันฝีมือของพวกจังเฟิงหลิงไม่ใช่เหรอ?”
หยานหวูซวงหัวเราะออกมาด้วยอย่างฝืนๆ “ผมรู้มาตลอดว่าพี่หลิวมีพฤติกรรมชอบขโมย และเมื่อมาคิดดูดี ๆ แล้ว คนที่ใส่เสื้อคลุมสีดำที่สู้กับผมตอนนั้น มันมีลักษณะเหมือนพี่เป๊ะเลย”
“เสื้อคลุมสีดำแบบนั้น ใครใส่ก็เหมือนกันหมดไม่ใช่หรือไง?” ฉู่ชวิ๋นร้อนตัวเล็กน้อย
หยานหวูซวงปรบมือส่งสัญญาณ แล้วจอมยุทธ์ตระกูลหยานก็เดินนำของบางอย่างเข้ามาส่ง หยานหวูซวงพูดว่า “พี่หลิวจำท่อนเหล็กนี้ได้ไหม?”
ฉู่ชวิ๋นหัวใจกระตุกวูบ ตอบว่า “จำได้สิ ท่อนเหล็กนี้แหละที่อยู่ในมือของจังเฟิงหลิงคืนวันนั้น”
“ผมส่งไปตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์แล้ว ท่อนเหล็กนี้มันมีแต่รอยนิ้วมือของพี่หลิวทั้งนั้นเลยนะครับ ผมรู้เพราะส่งรอยนิ้วมือจากแก้วไวน์ของพี่ไปตรวจเทียบเคียง แล้วผลตรวจก็ออกมาตรงกันเลย”
“…” ฉู่ชวิ๋นพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว ปรากฏว่าหยานหวูซวงสงสัยเขามานานแล้วหรือนี่ ไอ้หมอนี่มันไว้ใจไม่ได้จริง ๆ
“นี่มันใส่ร้ายกันแล้ว ฉันหลิวเทียนเหอทำอะไรตรงไปตรงมา ไม่เคยมีเจตนาแอบแฝงปิดบังซ่อนเร้น ไม่อย่างนั้นจะได้รับฉายาสุภาพบุรุษแห่งเขาเหลียงซานมาได้ยังไง” ฉู่ชวิ๋นปฏิเสธเสียงแข็ง
หญิงสาวผมม่วงทำสีหน้าเบื่อหน่ายใจ พูดแทรกขึ้นทันทีว่า “กล้าทำกล้ารับหน่อยไม่ได้หรือไง? นั่นมันเป็นฝีมือของนายไม่ใช่เหรอ?”
“น้องสาว อย่าเพิ่งก่อกวนได้ไหม” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยความหงุดหงิด
หยานหวูซวงหัวเราะออกมาก่อนกล่าวว่า “พี่หลิว ผมไม่ได้อยากจะเอาเรื่องพี่อะไรหรอก”
ฉู่ชวิ๋นไม่เชื่อ ถ้าไม่อยากเอาเรื่องแล้วจะพูดขึ้นมาเพื่อ?
“น้องหยาน ฉันทำกับนายเหมือนน้องชายคนหนึ่ง แต่นายกลับมาสงสัยฉันได้ลงคอ แบบนี้มันน่าเศร้าเกินไปแล้ว เห็นทีฉันคงต้องขอลา” ฉู่ชวิ๋น กำลังหาโอกาสเผ่นหนีออกจากที่นี่อยู่พอดี
“พี่หลิว ใจเย็นก่อนสิครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะเอาเรื่องเลยนะ” หยานหวูซวงลุกขึ้นยืนและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ผมแค่อยากจะรู้ความจริงของ
พี่หลิวเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาอื่นใดเลย”
“ฉันคิดว่าเราเป็นเพื่อนกันแท้ ๆ แต่นายกลับสงสัยฉันได้ลงคอ?” ฉู่ชวิ๋นตอบด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง แน่นอนว่าเขาไม่เปิดโอกาสให้หยานหวูซวงได้พูดอะไรอีก ก็หันหลังเดินกลับออกมาทันที
“พี่หลิว ผมไม่ได้จะเอาเรื่องพี่จริง ๆ นะ พี่หลิว ๆ …”
ยิ่งหยานหวูซวงตะโกนเสียงดังมากเท่าไหร่ ฉู่ชวิ๋นก็ยิ่งเดินหนีออกมาด้วยความรู้สึกผิดอันรวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น
ถึงแม้ว่าฉู่ชวิ๋นจะหายลับไปนานแล้วหยานหวูซวงก็ยังคงได้แต่นั่งพึมพำว่า “ฉันไม่ได้จะเอาเรื่องจริง ๆ นะ”
“มันรู้สึกผิด ก็เลยรีบหนีไปน่ะ” เงาร่างสูงใหญ่ของชายชราคนหนึ่งพลันเดินเข้ามา
หยานหวูซวงรีบลุกขึ้นยืนประสานมือทำความเคารพ “ท่านพ่อ”
“ไอ้หมอนี่มันเป็นคนเจ้าเล่ห์กลับกลอก ที่มาที่ไปย่อมไม่ธรรมดา พ่อสงสัยว่าตัวตนของมันคงปลอมแปลงมาแน่นอน” หยานกุยล๋ายพูด
หยานกุยล๋าย หัวหน้าตระกูลหยานคนปัจจุบัน เป็นบิดาของหยานหวูซวง หลายสิบปีที่แล้วเลื่อนระดับขึ้นเป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 8 15 ปีมานี้ไม่มีผู้ใดทราบเลยว่าเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่
“ท่านพ่อ แต่ผมกับพี่เป็นเพื่อนกันจริง ๆ นะ” หยานหวูซวงกล่าว
หยานกุยล๋ายก้มหน้าลง นิ่งคิดไปเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมา “ถึงมันจะเป็นตัวร้ายกาจ แต่ในเมื่อเป็นเพื่อนกับลูก แสดงว่าจิตใจดีใช้ได้ พ่อดูแล้ว ก็คิดว่ามันเป็นคนดีทีเดียว”
หยานหวูซวงมีสีหน้าเศร้าสลดขณะพูด “แต่ดูเหมือนผมจะทำให้เขาโกรธซะแล้วสิ”
หยานหวูซวง คุณชายหนุ่มผู้สมบูรณ์แบบและมีชื่อเสียงโด่งดัง ไม่เคยมีเพื่อนมาก่อนในชีวิต รู้สึกเสียใจมากที่โดนทิ้งไปแบบนี้
“มันไม่ได้โกรธลูก มันหนีไปเพราะรู้สึกผิดต่างหาก” หยานกุยล๋ายถอนหายใจออกมาอย่างแรง บุตรชายของเขาเป็นคนดีมากเกินไป อาจฆ่าคนเลวได้แต่ ขาดประสบการ์ณทางโลกมาก ไม่เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของพวกตัวเลวร้ายในสังคม เห็นทีคงถึงเวลาที่เขาจะต้องปล่อยนกน้อยสุดที่รักตัวนี้ให้ออกไปเผชิญโลกกว้างซะแล้ว
“หยานเอ๋อร์ ตั้งแต่เกิดมาลูกไม่เคยได้ออกจากเมืองหยานเซวี่ยไปไหนเลย คราวนี้คงถึงเวลาแล้วที่ลูกจะได้ออกไปเห็นโลกกว้าง” หยานกุยล๋ายกล่าว
หยานหวูซวงหันหน้ากลับไปมองบิดาด้วยความประหลาดใจ เขาเคยขออนุญาตบิดาออกไปนอกเมืองมาตลอด แต่ก็ไม่เคยได้รับอนุญาตเลยสักครั้ง
“โลกนี้เกิดความเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวง มีโอกาสดี ๆ ให้เรียนรู้อยู่มากมาย จงติดตามหลิวเทียนเหอไปซะ ลูกจะได้รับประสบการณ์และไม่ตกเป็นเหยื่อของใครเขาได้ง่าย ๆ” หยานกุยล๋ายดวงตาเป็นประกายรู้สึกได้ถึงความคาดหวังอันเปี่ยมล้น
ถึงแม้หยานกุยล๋ายจะไม่ได้ขึ้นไปสำรวจซากโบราณสถานบนภูเขาคุนหลุนด้วยตัวเอง แต่บรรดาจอมยุทธ์ของตระกูลหยานก็ได้กลับมารายงานอย่างครบถ้วนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ระหว่างเหตุการณ์ต่าง ๆ ฉู่ชวิ๋นจับตัวคนและขโมยของทำทุกอย่างที่ทำได้ แต่กลับไม่แย่งของหยานหวูซวงและไม่ฆ่าคนมั่ว ๆ แสดงให้เห็นว่ามันผู้นี้ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร หากหยานหวูซวงได้ติดตามมันไป ยามเมื่อตกอยู่ในอันตราย อย่างน้อยมันก็คงไม่ปล่อยให้หยานหวูซวงตายง่ายๆ แถมเขามองออกว่า หลิวเทียนเหอ คนนี้แข็งแกร่งมาก
“แต่พี่หลิวเขาโกรธผมอยู่” หยานหวูซวงรู้สึกเศร้าเสียใจไม่น้อย
“มันรู้สึกผิด ไม่ได้โกรธ ถ้ามันปฏิเสธไม่ให้ลูกร่วมทางไปด้วย แบบนั้นก็ทำให้พาไปด้วยสิ” หยานกุยล๋ายกล่าว
หยานหวูซวงมีดวงตาเป็นประกายเคลือบแคลงใจ
หยานกุยล๋ายเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว พูดว่า “ที่ผ่านมามันแสดงฝีมือถึงขนาดนี้ ลูกไม่ได้เรียนรู้อะไรบ้างเลยหรือไง?”
“หา!” หยานหวูซวงไม่เข้าใจ เขาต้องเรียนรู้เรื่องอะไรจากใครอีกล่ะเนี้ย?
หยานกุยล๋ายส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ ลูกชายสุดที่รักของเขาอ่อนต่อโลกมากเกินไป ขาดประสบการณ์มากเกินไปแล้ว เมื่อเทียบกับหลิวเทียนเหอแล้วช่างน่าอับอายยิ่งนัก ในโลกใบนี้ ตราบใดที่ยังไม่ตายไม่มีใครสนใจหรอกว่าหน้าตาชื่อเสียงจะเป็นยังไง
“ถ้ามันปฏิเสธ ลูกก็ต้องกราบขอร้องวิงวอนมันให้มันพาไป เข้าใจไหม?” หยานกุยล๋ายพูดเสียงเข้ม
หยานหวูซวงเบิกตาโต เขาผู้เป็นนายน้อยแห่งตระกูลหยานจะต้องคุกเข่าอ้อนวอนคนอื่นหรือเนี้ย เขาทำไม่ได้เด็ดขาด
หยานกุยล๋ายพูดออกมาด้วยความร้อนใจว่า “พ่อขอถามหน่อย ถ้าการเดินทางครั้งนี้ไม่มีหลิวเทียนเหอไปด้วย ลูกจะได้ผลไม้วิเศษและได้รู้เรื่องปลาสายฟ้าพวกนั้นไหม?”
หยานหวูซวงชะงักไปทันที ก่อนจะส่ายศีรษะ ถ้าไม่มีหลิวเทียนเหอ เขาคงต้องกลับบ้านมือเปล่าเป็นแน่แท้
“ไปซะ ไปเรียนรู้มาจากมันผู้นั้นให้เยอะ ๆ” หยานกุยล๋ายออกคำสั่ง
หยานหวูซวงยังคงปฏิเสธ
หยานกุยล๋ายไม่ชอบการถูกยอกย้อนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ยิ่งลูกชายปกติเชื่อฟังว่านอนสอนง่ายมาตลอด ตอนนี้ดื้นจนเขาเดือดดาลมาก ๆ
สุดท้าย นายน้อยตระกูลหยานก็ถูกไล่ออกจากบ้าน ต้องไปหลับนอนอยู่ข้างถนนเสียแล้ว