จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 317 ดักเล่นงาน
บทที่ 317 ดักเล่นงาน
การต่อสู้ระหว่างฉู่ชวิ๋นกับหยานกุยล๋ายยุติลงด้วยการเสนอไผ่อัคคีสองต้น
“จากนี้ไป ตระกูลหยานต้องขอฝากคุณให้ช่วยดูแลหยานเอ๋อร์แล้ว”
หยานกุยล๋ายพูดเสียงเข้ม รู้สึกเหมือนตัวเองโดนหลอก ก่อนหน้านี้ฉู่ชวิ๋นไม่ได้โกรธแค้นเขาจริงๆ แต่ตั้งใจกอบโกยผลประโยชน์จากเขาต่างหาก
ทั้งสองคนพูดคุยเรื่องอื่นกันอีกสักครู่หนึ่ง ท้ายที่สุด หยานกุยล๋ายก็เดินมาส่งฉู่ชวิ๋นที่หน้าประตู
เมื่อชายหนุ่มกลับไปแล้ว หยานกุยล๋ายก็หันกลับมาพบว่าห้องโถงใหญ่ของบ้านตระกูลหยานมีสภาพพังยับเยินไม่เหลือชิ้นดี ชายชราเดือดดาลจนหน้าดำหน้าแดง มุมปากกระตุกตลอดเวลาด้วยความเจ็บใจ
แต่ว่าฉู่ชวิ๋นกลับมาถึงโรงแรมแล้ว
“เป็นไงบ้าง?” หยานหวูซวงรีบถาม
ฉู่ชวิ๋นตอบว่า “ฉันคุยกับพ่อนายราบรื่นดี สุดท้าย นายกับฉันก็กลายเป็นพี่น้องกันแล้ว จากนี้ไปฉันจะดูแลนายเอง”
“หา?” หยานหวูซวงอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง เหมือนไม่เชื่อว่าฉู่ชวิ๋นจะพูดจริง
“มันเป็นไปได้ยังไง?” หยานหวูซวงอยากออกไปฝึกวิชาที่โลกภายนอกมาตลอด แต่เขาไม่อยากไปด้วยวิธีการนี้ ต้องโดนไล่ออกจากบ้านไร้ที่ซุกหัวนอน แถมยังต้องติดสอยห้อยตามหลิวเทียนเหอที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าอีก
“พวกเราตกลงกันแล้วเรียบร้อย พ่อนายยกอำนาจในการดูแลนายให้กับฉันอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จากนี้ไป ถ้านายไม่เชื่อฟังฉัน ฉันมีสิทธิ์ลงโทษนายได้ทันที” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เป็นไปไม่ได้” หยานหวูซวงไม่อยากเชื่อ
“ไม่เชื่อก็ตามใจ กลับไปถามพ่อนายดูก็ได้” ฉู่ชวิ๋นพูดน้ำเสียงหนักแน่น
หยานหวูซวงรู้สึกผิดหวังขึ้นมา ในยามที่บิดากำลังเดือดดาลอยู่เช่นนี้ เขาอย่าเข้าไปพูดอะไรเลยจะดีกว่า
“นี่พี่หลิว พูดจริงหรือเปล่าเนี่ย?” คุณชายหนุ่มยังคงสงสัยไม่เลิกรา
“พูดจริงสิ นายคิดว่าฉันอยากจะเอานายห้อยตามไปเป็นตัวภาระด้วยหรือไง?” ฉู่ชวิ๋นว่า
หยานหวูซวงย่นจมูกอย่างไม่ชอบใจ ตัวภาระอย่างนั้นเหรอ? เขาคือคุณชายหนุ่มผู้สมบูรณ์แบบ และเป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 7 เลยนะ
“พวกเราจะออกเดินทางกันตอนไหนครับ?” หยานหวูซวงยอมรับชะตากรรม ต่อจากนี้เขาคงต้องติดสอยห้อยตามหลิวเทียนเหอตามความต้องการของบิดาเสียแล้ว
“อีกไม่นานหรอก” ฉู่ชวิ๋นตอบ
“ผมอยากไปบอกลาเธอก่อน”
ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า เข้าใจดีว่าหยานหวูซวงต้องการไปบอกลาเหยาไป๋เยวี่ย
สองชั่วโมงต่อมา หยานหวูซวงก็กลับมาที่โรงแรม
เมืองหยานเซวี่ยไม่มีสนามบิน พวกเขาต้องเดินทางด้วยการขับรถยนต์ไป
ทั้งสามคนจึงขับรถไปยังเมืองข้างเคียงเพื่อเตรียมขึ้นเครื่องบิน
ทุกพื้นที่ของโลกในขณะนี้เต็มไปด้วยป่าเขาลำเนาไพร สองฟากฝั่งของถนนเต็มไปด้วยป่าทึบ ต้นไม้สูงตระหง่านแทงยอดเสียดท้องฟ้าบดบังแสงแดด หากเดินเข้าไปในป่า แม้จะเป็นระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร ก็ไม่มีแสงแดดส่องลอดลงมาให้อบอุ่นเลยแม้แต่นิดเดียว
“หยานน้อย ไปบอกลาคนรักของนายเรียบร้อยดีแล้วใช่ไหม?” ฉู่ชวิ๋นรู้สึกเบื่อ ๆ และไม่รู้จะคุยเรื่องอะไรดี
หยานน้อย?
ไม่ใช่แต่เพียงหยานหวูซวงเท่านั้นที่ชะงักกึก แม้แต่หญิงสาวผมม่วงก็ต้องหันมามองด้วยความขนลุก
“อย่าตั้งชื่อเล่นให้ผมส่งเดชได้ไหม” หยานหวูซวงพยายามใจเย็นคิดว่าตนเองไม่ควรมีเรื่องผิดใจกับหลิวเทียนเหอตั้งแต่ตอนนี้ เนื่องจากเขายังไม่ทันได้ฝึกวิชาอะไรกับอีกฝ่ายด้วยซ้ำ
“ทีพ่อนายยังเรียกนายว่าหยานเอ๋อร์ได้เลย ฉันเรียกนายว่าหยานน้อยจะเป็นอะไรไปล่ะ?” ฉู่ชวิ๋นทำหน้าไม่เข้าใจ
“บักห่านี่ นายไม่ใช่พ่อฉันสักหน่อย” หยานหวูซวงหัวเราะออกมา หน้าอย่างฉู่ชวิ๋นจะแก่กว่าเขาได้กี่ปีกัน
บักห่านี่? ฉู่ชวิ๋นเกือบอดใจไม่ไหวโยนหยานหวูซวงออกไปนอกรถให้จบเรื่องจบราว
“หยานน้อย ฉันต้องขอเตือนนายหน่อย หลังจากนี้หัดพูดจาให้สุภาพ เดี๋ยวจะหาว่าฉันไม่เตือน”
“ไร้สาระ เราต้องเลือกใช้คำพูดให้เหมาะสมกับคนผู้นั้นสิ” หยานหวูซวงกล่าวด้วยน้ำเสียงท้าทาย ฉู่ชวิ๋นมีฝีมือการต่อสู้ไม่ธรรมดา ถ้าได้ลองปะทะฝีมือกันดูคงน่าสนุกไม่น้อย
“ไอ้บ้า นายรู้ไหมว่าคำพูดนี้มันหมายความว่ายังไง?” ฉู่ชวิ๋นมองคุณชายหนุ่มด้วยสายตาเย้ยหยันก่อนกล่าวต่อว่า “มันเป็นคำพูดที่เราเอาไว้ใช้เยาะเย้ยพวกขี้แพ้ต่างหาก”
หยานหวูซวงคิดจะพูดอะไรบางอย่างออกมาตอบโต้ แต่แล้วเขาก็เห็นง้าวยาวในมือของฉู่ชวิ๋น พลันพุ่งกระแทกหลังคารถอย่างรุนแรง
แล้วร่างของใครบางคนก็กระเด็นตกจากหลังคารถ กลิ้งหลายตลบห่างออกจากหน้ารถไปหลายเมตร
บรื้น!
เสียงเครื่องยนต์คำราม แล้วรถยนต์ก็พุ่งเข้าไปหาร่างของคนผู้นั้นเหมือนวัวกระทิงเสียสติ
แต่ล้อรถยนต์กลับพบเพียงความว่างเปล่า ไม่ได้เหยียบทับลงไปบนตัวคน เนื่องจากอีกฝ่ายหนึ่งสามารถพลิกกายหลบได้ทันเวลา
“เอี๊ยด!”
เสียงล้อรถเสียดสีกับพื้นถนน ล้อรถทิ้งคราบสีดำเป็นทางยาวไว้บนพื้นด้านหลัง ได้กลิ่นยางไหม้ลอยขึ้นมาเตะจมูก
รถยนต์จอดอยู่กับที่ แล้วคนทั้งสามก็ก้าวลงมาจากรถ
“ฉันไม่ควรปล่อยแกไปเลยจริง ๆ” ฉู่ชวิ๋นยิ้มให้กับคนที่ยืนอยู่ห่างออกไปไม่ไกล
คนผู้นั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่กลับเป็นเนี่ยจื่อเฉิงที่เดินทางกลับออกมาจากซากโบราณสถานบนภูเขาคุนหลุนนั่นเอง
ดวงตาของเนี่ยจื่อเฉิงเบิกโตขณะพูดเสียงอ่อนเสียงหวานว่า “แกก้าวร้าวแบบนี้ตลอดเลยเหรอ?”
ฉู่ชวิ๋นตอบว่า “คิดว่าฉันจะฆ่าแกไม่ได้ใช่ไหม?”
“อย่างน้อยตอนนี้ก็ไม่ได้” เนี่ยจื่อเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
นั่นก็เป็นเพราะว่าในขณะที่เขากำลังพูดอยู่นี้ เงาร่างของคนอีกสองคนก็เดินออกมาจากป่าข้างทาง
หยานหวูซวงตกตะลึงไม่น้อยเมื่อพบว่าผู้มาใหม่ทั้งสองคนนั้น มีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 8 เมื่อรวมเข้ากับเนี่ยจื่อเฉิงอีกคน ก็กลายเป็นว่าอีกฝ่ายมี จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 8 ถึงสามคน!
“แกใช่ไหมที่ทำร้ายจังเฟิงหลินหลานชายฉัน” หนึ่งในผู้มาใหม่คำรามด้วยน้ำเสียงก้าวร้าว สีหน้าของเขาขุ่นมัว ดวงตาแข็งกระด้าง
ฉู่ชวิ๋นไม่สนใจเขา แต่ให้ความสนใจไปยังอีกคนที่อยู่ด้านข้างมากกว่า เขา
ผู้นั้นสวมใส่เสื้อผ้าสีม่วง ใบหน้าขาว ริมฝีปากสีม่วง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคงเป็นพวกหอคอยอาภรณ์ม่วงแน่นอน
“ที่นี่เป็นถิ่นของตระกูลหยาน พวกแกจะทำอะไร?” หยานหวูซวงพูดด้วยน้ำเสียงวางอำนาจแต่แรงกดดันจากจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 8 ถึงสามคน ทำให้คุณชายหนุ่มเกิดความประหม่าไม่น้อย
“คุณชายหยาน ที่นี่อยู่ห่างจากเมืองหยานเซวี่ยไกลโข และถึงแม้มันจะเป็นถิ่นของตระกูลหยานจริง ๆ คิดหรือว่าคนของตระกูลหยานจะมาช่วยคุณได้?” เนี่ยจื่อเฉิงพูด
“หยานน้อย จากนี้ไปจงเรียนรู้ทุกสิ่งที่นายเห็นเอาไว้นะ”
โดยไม่รอให้หยานหวูซวงตอบรับคำใด ฉู่ชวิ๋นหมุนตัวออกไปด้วยความเร็วปานสายฟ้าฟาด พุ่งตรงเข้าไปหาเนี่ยจื่อเฉิง
เนี่ยจื่อเฉิงไม่ได้ตื่นกลัว บนใบหน้าของเขามีรอยยิ้มเยาะหยัน แต่พลังลมปราณรอบกายพวยพุ่งออกมาแล้ว
“ได้ยินมาว่าแกมีฝีมือไม่ใช่ธรรมดา อยากรู้เหมือนกันว่าจะยิ่งใหญ่เหมือน ท่าทางไหม?” เนี่ยจื่อเฉิงระเบิดเสียงหัวเราะ “ฉันจะแสดงให้ดูต่อให้แข็งแกร่งแค่่ไหนคนเราก็ไม่อาจชนะจำนวนได้?”
ฉู่ชวิ๋นไม่พูดอะไร เมื่อเข้าไปถึงข้างกาย เขาก็ชกหมัดออกไปอย่างรุนแรง
เนี่ยจื่อเฉิงยังคงหัวเราะได้อยู่ เขากำมือเป็นหมัดแน่น โคจรพลังลมปราณแล้วต่อยสวนฉู่ชวิ๋น
ผลั่ก!
กำปั้นของทั้งสองฝ่ายปะทะกัน ลมปราณกระจัดกระจายไปทั้งสองฟากฝั่ง แล้วหมัดของฉู่ชวิ๋นก็หยุดลงทันที
“ฉันบอกแล้วไงว่าอย่างแกเทียบชั้นพวกเราไม่ได้หรอก” เนี่ยจื่อเฉิงพูดด้วยความมั่นอกมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง
“ขนาดนั้นเลยเหรอ?” ฉู่ขวิ๋นกระตุกมุมปากเป็นรอยยิ้มแปลกประหลาด
เปรี้ยง!
พลังลมปราณสีม่วงทองแผ่ออกมาจากร่างกายของฉู่ชวิ๋น ลมปราณจำแลงรวมพลังไปอยู่ที่หมัดของเขา แล้วฉู่ชวิ๋นก็ชกหมัดออกไปเต็มแรง
“ผลั่ก!”
เนี่ยจื่อเฉิงไม่อยากจะเชื่อ พลังลมปราณจากหมัดนี้รุนแรงมาก มันรู้สึกได้ถึงแรงกระแทกที่พุ่งเข้ามา มันไม่อาจต้านทานได้เลย ตัวมันถูกต่อยลอยกระเด็นไปไกล
ฉู่ชวิ๋นตามติดเข้าไปราวกับเป็นเงาตามตัว รัวกำปั้นใส่ไม่ยั้งมือ
หลังจากชกออกไปหลายสิบหมัด เนี่ยจื่อเฉิงก็ตกอยู่ในสภาพย่ำแย่แล้ว
เปรี้ยง…!
เนี่ยจื่อเฉิงระเบิดพลังลมปราณออกมารอบตัว ก่อนจะหมุนตัวหลบหนีออกมาได้สำเร็จ แต่เขาก็ต้องกระอักเลือดออกมาจากปากอีกคำใหญ่
ฉู่ชวิ๋นตามติดไม่เลิกรา กำปั้นของเขา ยิ่งต่อย หมัดยิ่งหนักมากขึ้นเรื่อยๆ ลมปราณคุ้มกายที่ห่อหุ้มร่างกายของเนี่ยจื่อเฉิงแตกกระจัดกระจาย ไม่สามารถปกป้องตัวเขาได้อีกแล้ว
โครม…!
เนี่ยจื่อเฉิงได้แต่ร่นถอยหลัง กำปั้นของฉู่ชวิ๋นถาโถมเข้ามาราวกับพายุ ต้นไม้ใหญ่รอบตัวโค่นล้มและก้อนหินอีกจำนวนไม่น้อยแตกกระจุย
โครม!
พลังหมัดอันรุนแรงของฉู่ชวิ๋นพุ่งเข้าใส่เนี่ยจื่อเฉิงอีกครั้ง ส่งผลให้ต้นไม้โบราณอีกสองต้นล้มระเนระนาด
“พวกแก ยังไม่รีบลงมืออีกเหรอ” เนี่ยจื่อเฉิงร้องคำราม เขาแน่ใจแล้วว่าตนเองคงรับมือไม่ไหวแน่ๆ
ฉู่ชวิ๋นยังคงรัวกำปั้นใส่ฝ่ายตรงข้ามเหมือนพายุที่บ้าคลั่ง หมัดของเขาทิ้งร่องรอยเอาไว้ตามร่างกายของเนี่ยจื่อเฉิงอย่างชัดเจน
แต่ถึงจะมีรอยฟกช้ำขนาดนั้น เนี่ยจื่อเฉิงก็ไม่ได้บาดเจ็บสาหัสอะไรเลย เห็นได้ชัดว่าจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 8 ไม่สามารถโค่นล้มได้โดยง่าย
ฉู่ชวิ๋นเตะเสยปลายคางเนี่ยจื่อเฉิง ตัวคนลอยหมุนคว้าง แต่ชายหนุ่มก็ต้องรีบบิดตัวตีลังกาหลบหนีบางอย่าง
เปรี้ยง!
ตรงจุดที่เขาเคยยืนอยู่เมื่อสักครู่นี้กลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ เนื่องจากจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของหอคอยอาภรณ์ม่วงแอบลอบโจมตีนั่นเอง
จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 8 จากตระกูลจังกำลังจะเข้ามาช่วยอีกแรง แต่ก็ถูกหญิงสาวผมม่วงขวางหน้าเอาไว้
ควับ!
แส้สีขาวตวัดใส่ฝ่ายตรงข้ามด้วยความปราดเปรียว
หยานหวูซวงโคจรพลังลมปราณ ชักดาบออกมาพุ่งเข้าไปช่วยอีกคน
หญิงสาวผมม่วงกับหยานหวูซวงต่อสู้กับผู้ที่มีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 8 แม้เธอกับเขาไม่สามารถเอาชนะได้ แต่อย่างน้อยก็ถ่วงเวลาได้พอสมควร
“ไอ้คนป่าเถื่อน” เนี่ยจื่อเฉิงคำรามด้วยความเจ็บแค้น เสื้อผ้าของเขาขาดวิ่น รู้สึกว่าตนเองตกเป็นรองฉู่ชวิ๋นทุกกระบวนท่า ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งของร่างกาย หรือความแข็งแกร่งของพลังลมปราณ
ฟึบ!
ดาบโลหิตปรากฏขึ้นในมือของเขา เนี่ยจื่อเฉิงโคจรลมปราณไปที่ตัวดาบ แล้วคมดาบก็เปล่งประกายเป็นสีแดงเจิดจรัสขึ้นมา ตวัดดาบครั้งเดียว ประกายดาบก็สามารถฟาดฟันไปได้ไกลหลายร้อยเมตร
โครม!
ต้นไม้สูงใหญ่หลายสิบต้นล้มระเนระนาด ก้อนหินที่อยู่โดยรอบแตกกระจายเป็นผุยผง บนพื้นดินปรากฏรอยดาบลากเป็นทางยาวราวสิบฟุต
ฉู่ชวิ๋นประหลาดใจอยู่หลายส่วน อีกฝ่ายฝีมือไม่ธรรมดาจริง ๆ
จังหวะนี้เอง จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของหอคอยอาภรณ์ม่วงโถมก็เข้ามาเล่นงานฉู่ชวิ๋น อีกฝ่ายแสดงความแข็งแกร่งออกมาเต็มที่
ฉู่ชวิ๋นกระทืบเท้ากำหมัดแน่น รัวกำปั้นใส่คู่ต่อสู้ทั้งสองคน
ทั้งสองฝ่ายปะทะกันชุลมุน ลมปราณถูกซัดออกมาจากฝ่ามือและกําปั้น เป็นประกายสว่างไสวราวสายรุ้ง ไม่ว่าเคลื่อนกายผ่านไปที่ใด พื้นที่บริเวณนั้นก็จะถูกทำลายราบคาบทันที
เปรี้ยง!
พลังลมปราณปะทะกันอีกครั้ง ทั้งสองฝ่ายต่างถอยหลังไปคนละก้าว บนพื้นดินเกิดรอยแตกแยกขนาดใหญ่
ดาบโลหิตฟาดฟันเข้าใส่ฉู่ชวิ๋น ชายหนุ่มหันขวับกลับมา ง้าวยาวปรากฏอยู่ในมือ พร้อมคลื่นสีม่วงทองจากลมปราณจำแลง
เกิดเสียงดังเช้ง ดาบสั่นสะท้าน ฉู่ชวิ๋นควงง้าวยาวพุ่งตรงเข้าใส่เนี่ยจื่อเฉิงหมายเข่นฆ่าเอาชีวิต
เช้ง!
ประกายไฟสาดกระจาย ง้าวยาวปะทะเข้ากับดาบ เนี่ยจื่อเฉิงได้แต่ล่าถอยไม่เป็นท่า
ควับ!
ฉู่ชวิ๋นควงง้าวยาวด้วยความดุร้าย พลังลมปราณสีม่วงพวยพุ่ง แต่จู่ ๆ ก็ต้องหันหลังกลับตวัดฟาดเข้าใส่จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของหอคอยอาภรณ์ม่วง
เปรี้ยง!
พลัน กลองขนาดเล็กก็ปรากฏขึ้นในมือของจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของหอคอยอาภรณ์ม่วง เมื่อโคจรพลังเข้าใส่ กลองขนาดเล็กส่งแสงเจิดจรัส เมื่อสะบัดก็จะเกิดคลื่นเสียงอันตรายที่มองไม่เห็นแผ่ออกมา
เปรี้ยง!
พลังลมปราณที่พุ่งออกจากตัวของฉู่ชวิ๋นระเบิด ตู้ม! เมื่อปะทะกับคลื่นเสียงที่กระจายออกมาจากกลองขนาดเล็ก
การโจมตีด้วยคลื่นเสียง?
นี่คือการโจมตีที่รับมือได้ยากที่สุดและจะสร้างความเสียหายต่อพลังวิญญาณโดยตรง
คลื่นเสียงแพร่กระจายออกไปโดยรอบ ทำให้ต้นไม้โบราณหลายสิบต้นโค่นล้มไปทันที เผยให้เห็นถึงความน่ากลัวในอาวุธชิ้นนี้
ฉู่ชวิ๋นยิ้มเยาะ สร้างม่านพลังขึ้นมากำบังร่างกาย พลังคลื่นเสียงเหล่านั้นจึงถูกป้องกันและกระจายตัวหายไป
จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของหอคอยอาภรณ์ม่วงประหลาดใจไม่น้อย นี่คือครั้งแรกในชีวิตที่กลองของเขาไม่สามารถโจมตีศัตรูได้
ฉู่ชวิ๋นควงง้าวยาวย่างสามขุมเดินเข้าไปหา ตัวง้าวยาวเปล่งประกายสีทองเรืองรองในขณะที่ชายหนุ่มกระโดดขึ้นกลางอากาศ
ฉู่ชวิ๋นกำลังจะสังหารจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของหอคอยอาภรณ์ม่วง แต่เนี่ยจื่อเฉิงก็เข้ามาแทรกแซงเสียก่อนด้วยการซัดพลังเข้าใส่จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของหอคอยอาภรณ์ม่วง กระแทกร่างของอีกฝ่ายให้ลอยกระเด็นพ้นไปจากรัศมีการฟาดง้าวยาวของฉู่ชวิ๋น
จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของหอคอยอาภรณ์ม่วงกระเด็นไปไกลหลายร้อยเมตร ครึ่งหนึ่งของร่างกายเขาใช้การไม่ได้อีกแล้ว แต่โชคดีที่ง้าวยาวไม่ได้ทำให้กระดูกซี่โครงของเขาแตกหัก ทว่ายังไม่ทันได้ดีใจ นิ้วมือขนาดใหญ่ยักษ์ก็ร่วงหล่นลงมาจากกลางอากาศ
ตู้ม!
พื้นดินสะเทือนเหมือนเกิดเหตุแผ่นดินไหว ฝุ่นผงตลบฟุ้งปกคลุมเต็มท้องฟ้า
ฉู่ชวิ๋นจ้องมองเนี่ยจื่อเฉิง ควงง้าวยาวอยู่ในมือ หลังจากโคจรพลังลมปราณแล้ว ง้าวยาวก็ส่งแสงเป็นประกายในขณะที่ตวัดฟาดอกไป
เนี่ยจื่อเฉิงต้องรีบยกดาบขึ้นปัดป้องด้วยความตกตะลึง
เช้ง เช้ง…!
ฉู่ชวิ๋นฟาดง้าวยาวสิบกว่ากระบวนท่า ปะทะกับดาบโลหิตครั้งแล้วครั้งเล่า และครั้งสุดท้ายก็ทำให้ใบดาบเกิดรอยแตกร้าวขึ้นมาแล้ว
ผลั่ก!
ฉู่ชวิ๋นอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายเปิดช่องว่าง ฟาดง้าวยาวเข้าไปอย่างแรง เสียงกระดูกแตกหักดังได้ยินชัดเจน เนี่ยจื่อเฉิงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด กระดูกแขนขวาของเขาแตกละเอียดยิบ
“บัดซบ แกกล้าทำร้ายฉันได้ยังไง?”
เมื่อฝุ่นผงจางหายไป เสียงร้องคำรามด้วยความโกรธแค้นของจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของหอคอยอาภรณ์ม่วงก็ดังขึ้น เขาได้รับบาดเจ็บจากวิชาดัชนีสังหารของฉู่ชวิ๋น เสื้อผ้าของเขาฉีกขาด มีเลือดเป็นสายไหลออกมาจากมุมปาก สภาพดูน่าอเนจอนาถใจเป็นอย่างยิ่ง