จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 319 วิญญาณคืนร่าง
บทที่ 319 วิญญาณคืนร่าง
หญิงสาวผมม่วงโคจรพลังลมปราณ หยานหวูซวงตวัดกระบี่ทันที
ฟึบ!
ลมปราณสีขาวพุ่งตรงเข้าใส่ฉู่ชวิ๋นราวกับเป็นกระสุนปืน
ฉู่ชวิ๋นหมุนกายหลบด้วยความว่องไว หยานหวูซวงตามติดเข้ามาฟาดฟันกระบี่ใส่ไม่ยั้ง
เปรี้ยง!
ฉู่ชวิ๋นยกมือขึ้นซัดพลังลมปราณสวนกลับไป
ฟึบ!
คราวนี้ ลมปราณสีขาวพุ่งตรงเป็นประกายรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด
ฉู่ชวิ๋นหมุนวนสองมือคว้าจับคลื่นลมปราณเอาไว้ แล้วกระชากหญิงสาวผมม่วงเข้ามาใกล้ ๆ
หญิงสาวหยุดชะงักอยู่กับที่ถูกหยานหวูซวงดึงรั้งเอาไว้อีกทางหนึ่ง บุรุษหนุ่มทั้งสองคนฉุดกระชากกันราวกับเล่นชักกะเย่อ
หยานหวูซวงอาศัยจังหวะนี้ตวัดกระบี่ยาวในมือฟันเข้าใส่ฉู่ชวิ๋น
“หยานน้อย ฉันว่านายต้องโดนสั่งสอนเสียบ้างแล้ว” ฉู่ชวิ๋นกำกระบี่ในมือแนบแน่น เขาโคจรพลังลมปราณซัดใส่หญิงสาวผมม่วงจนเธอเซถอยหลังไปหลายก้าว
หลังจากนั้น ฉู่ชวิ๋นยกมือขึ้นซัดลมปราณจำแลงใส่หยานหวูซวง ก่อนที่ฉู่ชวิ๋นจะรัวกำปั้นออกไปอีกหลายกระบวนท่า โดยไม่ใช้ลมปราณเลยแม้แต่น้อย
ผลั่ก!
หยานหวูซวงโดนต่อยเข้าไปที่ท้องอย่างแรง
“โอ๊ย…” หยานหวูซวงจุกเสียดท้องน้อยขึ้นมาทันที เจ็บปวดจนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้
ผลั่ก!
แล้วกระบี่ยาวสามฟุตในมือของคุณชายหนุ่มก็หลุดกระเด็นออกไป
ต่อมา หยานหวูซวงก็ตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ ลมปราณคุ้มกายของเขาไม่สามารถต้านทานหมัดของฉู่ชวิ๋นได้เลยแม้แต่น้อย คุณชายหนุ่มจึงทำได้เพียงแค่ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดขณะที่โดนต่อยครั้งแล้วครั้งเล่า
“ฉู่ชวิ๋น ฉันจะสู้ตายกับแก” หยานหวูซวงคำรามด้วยความโกรธแค้น มวลพลังลมปราณระเบิดออกมาจากร่างกาย
แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ ฉู่ชวิ๋นชกกำปั้นเข้าใส่ชายโครงของหยานหวูซวง ทำเอาคุณชายหยานแทบหายใจไม่ออก
ผลั่ก!
หยานหวูซวงร้องโหยหวน ยกมือกุมใบหน้า
“จอมมารฉู่ชวิ๋น ยอมแพ้ ฉันขอยอมแพ้”
ผลั่ก…!
“จอมมารฉู่ชวิ๋น พอได้แล้ว ฉันขอยอมแพ้ ทำไมไม่ฟังกันบ้าง เฮ้ย…”
หยานหวูซวงส่งเสียงร่ำร้อง โดนต่อยจนล้มลงไปนอนกองกับพื้น จมูกและใบหน้าบวมปูด ไม่มีส่วนไหนที่เหลือความเป็นปกติเอาไว้เลย
“คุณผู้หญิง มาช่วยผมหน่อยสิ!”
หญิงสาวผมม่วงยืนอยู่ข้าง ๆ เหมือนกำลังรับชมการแสดงสน ไม่มีความคิดจะเข้ามาช่วยเหลือเลยแม้แต่น้อย
“กล้าดียังไงมาคำรามใส่ฉันฮะ หยานน้อยพฤติกรรมแบบนี้ถือว่ารับไม่ได้” ฉู่ชวิ๋นชกหมัดออกไปอีกครั้ง หยานหวูซวงทำได้เพียงร่ำร้องอยู่อย่างนั้น
คุณชายหนุ่มทราบดีว่าอีกฝ่ายหนึ่งได้ไผ่อัคคีอยู่ในครอบครองถึงสองต้น แถมยังเป็นพวกเดียวกับหญิงสาวผมม่วงอีกต่างหาก ดังนั้น หยานหวูซวงจึงอยากจะขอสงบศึกโดยการพบกันครึ่งทาง
“ไม่เอาแล้ว ผมยอมแพ้แล้วครับ พี่ฉู่ชวิ๋น” หยานหวูซวงร่ำร้องขอความเมตตา
“นายจะทำอวดเก่งแบบนี้อีกไหม? ผลั่ก ผลั่ก…”
“กล้าดียังไงมาเรียกฉันว่าจอมมาร? ผลั่ก ผลั่ก…”
“ฉันยังไม่หายโกรธเลยเนี่ย ผลั่ก…”
กำปั้นของฉู่ชวิ๋นไม่ได้ทำให้หยานหวูซวงบาดเจ็บอะไรรุนแรงนัก แต่ที่แน่ๆหยานหวูซวงเจ็บปวดไม่น้อย
“พี่ฉู่ ไม่เอาแล้ว ผมไม่กล้าทำอีกแล้ว พี่เป็นสุภาพบุรุษและเป็นสุดยอดฮีโร่ของผมเลย”
หยานหวูซวงได้รับรู้รสชาติของความเจ็บปวดที่แท้จริงแล้ว
สุดท้าย ฉู่ชวิ๋นก็หยุดมือ หยานหวูซวงนอนร้องไห้อย่างหมดสภาพ
“คุณผู้หญิง ทำไมถึงไม่มาช่วยผมบ้าง” หยานหวูซวงยกมือปิดบังใบหน้าของตนเอง
“ฉันก็อยากเป็นพันธมิตรกับนายอยู่นะ แต่โชคร้ายที่ฉันสู้เขาไม่ได้เลยถอยดีกว่า” หญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“…” หยานหวูซวงอยากจะร้องไห้ออกมาเขาไม่น่าเชื่อผู้หญิงคนนี้เลย
“หยานน้อย เอามือออกไป ฉันขอดูหน้านายหน่อย” ฉู่ชวิ๋นยิ้มเยาะ
หยานหวูซวงไม่อาจไม่ทำตามคำสั่ง จมูกเขาบวมโต ใบหน้าเป็นรอยฟกช้ำ สภาพหน้าตาของเขาแทบดูไม่ได้ นี่มันคือความผิดพลาดชัด ๆ พ่อครับ ทำไมถึงต้องให้ผมมาติดตามจอมปีศาจใจโหดแบบนี้ด้วย?
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะอย่างดีอกดีใจ ก่อนที่กล้ามเนื้อบนใบหน้าของฉู่ชวิ๋นจะสั่นระริกและกลับคือสู่โฉมหน้าที่แท้จริงของตัวเอง
หยานหวูซวงตกตะลึงมากกว่าเก่า เมื่อจ้องมองฉู่ชวิ๋นที่ยืนหล่อเหลาอยู่ตรงหน้า มาเทียบกับตัวเขาที่มีสภาพดูไม่จืด คุณชายหนุ่มก็รู้สึกโกรธแค้นจนอยากจะตวาดด่ามารดามันเถอะ! ไอ้บ้านี้จงใจชกหน้าเขาแน่ๆ
“พวกเราไปกันเถอะ!” ฉู่ชวิ๋นพูด
ทั้งสามคนกลับขึ้นรถออกเดินทางกันต่อ เมืองหยานเซวี่ยเป็นเมืองที่มีความอุดมสมบูรณ์ในทุกด้าน แม้แต่สมุนไพรที่รักษาอาการบาดเจ็บก็หาได้ง่ายกว่าพื้นที่อื่น ระหว่างทาง หยานหวูซวงนำสมุนไพรเหล่านั้นมาใช้งาน ตอนที่เขามาถึงสนามบิน คุณชายหนุ่มก็กลับมาหล่อเหลาดังเดิม
แต่ก่อนที่จะขึ้นเครื่องบิน ฉู่ชวิ๋นลังเลใจว่าควรจะไปที่ภูเขาเฉียนหลงหรือมุ่งหน้าตรงไปที่ปักกิ่งก่อนดี ตอนที่เดินทางออกมาจากภูเขาเฉียนหลง เขาสัญญากับถางโร้วเอาไว้ว่าจะพาเธอมาฝึกวิชาที่โลกภายนอกด้วย และตอนนี้จิวหยู่ก็อยู่ที่ภูเขาลูกนั้นด้วยเช่นกัน
เมื่อลองคิดดูแล้ว ฉู่ชวิ๋นก็ตัดสินใจว่าควรเข้าเมืองหลวงก่อน ความรู้สึกที่หญิงสาวผมม่วงมีต่อเขาเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าถางโร้วสังเกตเห็นเข้า สาวน้อยอาจจะเข้าใจผิดได้
วิญญาณของฮวาชิงหวู่อยู่ในร่างของหญิงสาวผมม่วงคนนี้ เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เขาต้องนำวิญญาณกลับคืนสู่ร่างของฮวาชิงหวู่ให้จงได้
10 ชั่วโมงต่อมา พวกของฉู่ชวิ๋นทั้งสามคนก็ย่างเท้าเข้าสู่เมืองหลวงปักกิ่ง พวกเขามุ่งหน้าตรงไปที่วังมังกรเพลิงทันที
เหยียนชง เหลยเป้า และคนอื่น ๆ กำลังรอคอยฉู่ชวิ๋นอยู่พอดี
“หลังจากที่ฉันไปแล้ว เกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างหรือเปล่า?” ฉู่ชวิ๋นถาม
“ไม่มีครับ ทุกอย่างเรียบร้อยดี” เหยียนชงกลายเป็นหัวหน้าพ่อบ้านของ
ฉู่ชวิ๋นไปเสียแล้ว
เหลยเป้าขยับออกมาข้างหน้าและพูดว่า “นายท่านครับได้ข่าวว่านายท่าน ไปถล่มพวกประตูวิญญาณสลายมาใช่ไหมครับ?”
ฉู่ชวิ๋นมีสีหน้าแข็งกระด้างขึ้นมาทันที เขารู้สึกอึดอัดใจเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เมื่อลองคำนวณทุกอย่างดูแล้ว สุดท้ายก็ได้รู้ว่าพวกของหลี่คุน หลงเฟยหยางและคนอื่น ๆ เหล่านั้นต่างก็เป็นตัวปลอมทั้งหมด
ฉู่ชวิ๋นนำหญิงสาวผมม่วงและหยานหวูซวงมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักพอทุกคนรู้จักกันแล้วเหยียนชงก็ถามขึ้นมา
“นายท่านรับประทานอะไรมาหรือยังครับ? ผมจะสั่งให้คนเตรียมอาหารให้” เหยียนชงกล่าว
ฉู่ชวิ๋นบอกว่ายังไม่ต้อง ในตอนนี้ เขาสนใจแต่ฮวาชิงหวู่เท่านั้น จึงให้เหตุผลไปพอเป็นพิธี แล้วเขาก็ปล่อยให้หยานหวูซวงพักอยู่ที่นี่ ก่อนนำตัวหญิงสาวผมม่วงเดินทางไปหาจักรพรรดิอ๋าวฮวงพร้อมกันกับเขา
หญิงสาวผมม่วงตกตะลึงไม่น้อยเมื่อได้พบหน้าจักรพรรดิอ๋าวฮวง เธอไม่คิดว่าบนโลกใบนี้ยังมีผู้ปกครองที่แข็งแกร่งที่สุดเหลือนั่นก็คือเผ่าพันธุ์พญามังกร!
“คารวะท่านผู้อาวุโสเจ้าค่ะ” หญิงสาวพูดจาด้วยน้ำเสียงสุภาพอ่อนหวานจนฉู่ชวิ๋นนึกประหลาดใจ
จักรพรรดิอ๋าวฮวงมองหน้าหญิงสาวแล้วก็ยิ้มแป้น “ทำตัวตามสบายเหมือนอยู่บ้านเถอะนะ ก่อนหน้านี้ฉันคิดว่ามีแค่ไอ้หนูฉู่ชวิ๋นคนเดียวเท่านั้นที่ข้ามมิติมาได้ ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะมีนางฟ้านางสวรรค์มาด้วยอีกหนึ่งคน”
“ในเมื่อพบหน้ากันครั้งแรกแล้ว ฉันก็มีของขวัญจะมอบให้เธอด้วย”
ฉู่ชวิ๋นจ้องมองเขม็ง ของขวัญที่จักรพรรดิอ๋าวฮวงมอบให้แก่หญิงสาวก็คือกระดิ้งทองคำเส้นเล็ก ๆ มันเป็นสมบัติสวรรค์ชั้นสูง
“ขอบคุณผู้อาวุโสเจ้าค่ะ” หญิงสาวรับกระดิ้งทองคำไปด้วยความนอบน้อม เวลาขยับแต่ละทีกระดิ้งจะส่งเสียงดังกรุ๊งกริ๊ง พร้อมกับที่มีประกายสีทองระยิบระยับลอยออกมาสว่างไสว ทำให้ภูเขาที่อยู่โดยรอบระเบิดเป็นเศษผงทันที
แต่โชคดีที่นี่เป็นบ้านของจักรพรรดิอ๋าวฮวง ภูเขาที่ระเบิดไปเหล่านั้นจึงสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ในพริบตาเดียว
ฉู่ชวิ๋นกลืนน้ำลาย ก่อนยื่นมือออกไปข้างหน้าหาจักรพรรดิอ๋าวฮวง
จักรพรรดิอ๋าวฮวงยิ้มเบา ๆ ก่อนจะเสกอะไรบางอย่างออกมาและส่งให้กับมือของฉู่ชวิ๋น
รอยยิ้มบนใบหน้าของฉู่ชวิ๋นแข็งค้างไปในทันที นี่คือแก้วไวน์ที่จักรพรรดิอ๋าวฮวงดื่มเหลือเอาไว้ ตาแก่คนนี้ให้แค่แก้วธรรมดา ๆ กับเขาเลยเหรอ ไม่ใจดำเกินไปหรือไง
“ขอกระดิ้งแบบนั้นบ้างสิ ผมอยากได้” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“เอ็งเป็นขอทานใช่ไหม คิดว่าของแบบนั้นมันมีอยู่เยอะหรือไง? ฉันไม่มีแล้ว เฟ้ยไอ้หนู” จักรพรรดิอ๋าวฮวงลอบหัวเราะออกมาเบา ๆ
“ตาแก่อ๋าว เรารู้จักกันมาสิบกว่าปีแล้วนะ ทำไมทำเหมือนไม่รู้จักกันไปได้?” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยความไม่พอใจ
ตาแก่อ๋าว?
ดวงตาของจักรพรรดิอ๋าวฮวงเป็นประกายดุร้าย หลังจากนั้นก็ถึงคราวซวยของฉู่ชวิ๋น เขาถูกตบภายในฝ่ามือเดียว จมูกและใบหน้าบวมช้ำ ใบหน้าเละเทะยิ่งกว่าตอนที่เขาชกหน้าหยานหวูซวงเสียอีก
“รอก่อนเถอะ พอฉันเลื่อนระดับพลังได้เมื่อไหร่ ฉันจะอัดตาแก่นี้ให้น่วม จนแม้แต่แม่ก็ยังจำหน้าไม่ได้เลย” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยความโกรธแค้น
“อย่าๆ หยุดเลย อย่าลงมือนะ ผมมีอะไรอยากจะถามสักหน่อย อันนี้จริงจังมาก ๆ” ฉู่ชวิ๋นยกมือกุมใบหน้า สงสัยชายชราคนนี้คงอิจฉาที่เขาหล่อกว่าแน่ ๆ ถึงลงมือได้ดุร้ายขนาดนี้
จักรพรรดิอ๋าวฮวงชกหน้าฉู่ชวิ๋นอีกสองหมัด ก่อนพูดออกมา “เจ้าหนู หัดจำเอาไว้ว่าแกต้องเคารพผู้ใหญ่เสียบ้าง”
ฉู่ชวิ๋นรู้สึกเดือดดาล แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ระดับพลังของเขาในตอนนี้อ่อนแอเกินกว่าจะสู้กับจักรพรรดิอ๋าวฮวง ถึงชายชราจะมีพันธนาการแห่งท้องฟ้าคอยตัดลมปราณในร่างกาย แต่จักรพรรดิอ๋าวฮวงก็ยังเป็นจอมปีศาจที่น่าหวาดกลัว ที่ผ่านมาชายชราเพียงแค่ล้อเล่นเท่านั้น หากให้ลงมือจริง ๆ
ฉู่ชวิ๋นคงกลายเป็นฝุ่นธุลีไปแล้ว
“ทำไมวิญญาณของเสี่ยวหวู่ถึงไปอยู่กับเธอได้ล่ะ? แล้วทำไมถึงมีภาพของผมกับจิงหงอยู่ในหยดน้ำตาของเสี่ยวหวู่แบบนั้น” ฉู่ชวิ๋นถามอ๋าวฮวง
จักรพรรดิอ๋าวฮวงพลันมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา ชายชราหันไปมองหน้าหญิงสาวผู้มาใหม่ แล้วดวงตาของเขาก็เป็นประกายประหลาด
“ก่อนอื่นเอาวิญญาณคืนร่างก่อนดีกว่า”
หญิงสาวผมม่วงยืนอยู่เบื้องหน้าโลงศพน้ำแข็ง เมื่อเห็นร่างของฮวาชิงหวู่ที่นอนอยู่ด้านใน สีหน้าของเธอก็แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ความจริงแล้ว เธอกำลังรู้สึกเศร้าเสียใจอย่างสุดซึ้ง ถึงกับร่างกายสั่นเทาไปเลยทีเดียว
“เป็นอะไรไป?” ฉู่ชวิ๋นถามด้วยความตกใจ
หญิงสาวผมม่วงกลายเป็นเหมือนคนหูหนวกไปแล้ว ดวงตาของเธอคลอไปด้วยน้ำตาที่ค่อย ๆ ไหลหยดผ่านทางแก้ม หน้าอกของหญิงสาวไหวกระเพื่อมอย่างรุนแรง เธอหอบหายใจอย่างหนักหน่วง
“เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?” ฉู่ชวิ๋นเริ่มเป็นกังวลขึ้นมาแล้ว
ดวงตาของจักรพรรดิอ๋าวฮวงเป็นประกายระยิบระยับ บังเกิดคลื่นลมปราณไหลเวียนออกจากร่างกายของหญิงสาวผมม่วงเข้าสู่ร่างของ
ฮวาชิงหวู่ที่นอนสงบนิ่งอยู่ในโลงศพ
หญิงสาวผมม่วงตัวสั่น ทรุดกายลงนั่งอย่างหมดแรง ยกมือกุมหน้าอก แล้วร้องไห้ออกมา
ฉู่ชวิ๋นไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เขาได้แต่หันไปมองหน้าจักรพรรดิอ๋าวฮวงด้วยความสับสน
“กลับเข้าร่างเถอะนะ” จักรพรรดิอ๋าวฮวงย่อกายลงยื่นมือออกไป หยดน้ำตาที่ไหลออกมาจากหญิงสาวผมม่วงค่อย ๆ ลอยตัวขึ้นกลางอากาศ
“เดี๋ยวก่อน ๆ ใช้ไอ้นี่ด้วยสิครับ” ฉู่ชวิ๋นหยิบดอกบัวจิตวิญญาณออกมา
จักรพรรดิอ๋าวฮวงพูดด้วยความแปลกใจ “ถ้ามีดอกบัวจิตวิญญาณคอยช่วยอย่างนี้จะสามารถเพิ่มอัตราการฟื้นคืนวิญญาณได้เป็น 2 เท่าเลยละ”
ดอกบัวจิตวิญญาณอยู่ในมือของจักรพรรดิอ๋าวฮวงแล้ว เปลวไฟลุกโชติช่วงบนฝ่ามือของเขาทันที นี่คือแปลวไฟจากลมปราณของเทพเจ้าโดยแท้มันสามารถเผาผลาญได้ทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในจักรวาลแห่งนี้
สมแล้วกับที่จักรพรรดิอ๋าวฮวง จอมปีศาจผู้เก่าแก่ ดอกบัวจิตวิญญาณในมือของเขากลายเป็นเถ้าถ่าน และเมื่อผ่านการควบแน่นเรียบร้อยแล้ว มันก็กลายเป็นหยดทองคำเปล่งประกายสดใส
จักรพรรดิอ๋าวฮวงทำพิธีเสร็จเรียบร้อย ก็นำหยดทองคำที่ได้มาใส่เข้าไปในโลงน้ำแข็ง หยดทองคำไหลแปะลงไปที่หว่างคิ้วของฮวาชิงหวู่
ทันใดนั้นเอง ร่างกายของฮวาชิงหวู่ก็แผ่รัศมีสีทองคำออกมาราวกับม่านพลังบาง ๆ สว่างไสว ฮวาชิงหวู่ที่นอนอยู่ในโลงศพน้ำแข็งราวกับเทพธิดาที่ลงมาจากสวรรค์ หลังจากผ่านไปครึ่งค่อนวัน ม่านพลังสีทองก็จางหายไป
ต่อมา จักรพรรดิอ๋าวฮวงทำพิธีคืนวิญญาณเข้าสู่ร่าง หยดน้ำตาที่เป็นประกายแจ่มใส หากลองมองดูให้ดีจะเห็นว่าในหยดน้ำตากำลังฉายภาพเหตุการณ์บางอย่าง
จักรพรรดิอ๋าวฮวงคำรามในลำคอ ปิดผนึกหยดน้ำตาเหล่านั้นด้วยนิ้วมือเดียว
วูบ!
หยดน้ำตากลายเป็นสีขาวบริสุทธิ์ มันโปร่งใสราวกับทำมาจากแก้วคริสตัล และเป็นแก้วคริสตัลจำนวนหลายพันชิ้น
จากนั้น หยดน้ำตาก็เริ่มรวมตัวกันกลายเป็นม่านแสนจาง ๆ มันลอยตัวในอากาศ สุดท้ายก็เปลี่ยนรูปทรงกลายเป็นรูปร่างของมนุษย์คนหนึ่ง และเมื่อตรงส่วนของใบหน้าเริ่มชัดเจนมากขึ้น ทุกคนเห็นเลยว่านี่คือฮวาชิงหวู่คนเดียวกับที่กำลังนอนอยู่ในโลงศพน้ำแข็ง
“เสี่ยวหวู่” ถึงจะรู้ว่านี่เป็นเพียงแค่วิญญาณของฮวาชิงหวู่เท่านั้น แต่
ฉู่ชวิ๋นก็ควบคุมความรู้สึกไว้ไม่ได้ ดวงตาของเขาสีแดงก่ำ มือกำหมัดแน่น เล็บแหลมจิกเข้าไปในอุ้งมือ เลือดไหลซึมลงมาตามง่ามนิ้วของเขา
วิญญาณของฮวาชิงหวู่เป็นเหมือนหมอกควันจาง ๆ ที่สามารถสลายหายไปได้ทุกเมื่อ ทำให้ฉู่ชวิ๋นเป็นกังวลมาก
ฉู่ชวิ๋นไม่แน่ใจว่าตนเองกำลังเห็นภาพหลอนหรือว่าเขาคิดถึงเธอมากเกินไปกันแน่
“เสี่ยวหวู่” ดวงตาของฉู่ชวิ๋นมีน้ำตาคลอเต็มเบ้า เขายื่นมือออกไปหาเธอโดยไม่รู้ตัว พยายามจะไขว่คว้าม่านหมอกจาง ๆ นั้นเอาไว้
ตู้ม!
จักรพรรดิอ๋าวฮวงซัดพลังลมปราณใส่ชายหนุ่มจนลอยกระเด็นออกไป
“ไม่อยากให้เธอฟื้นขึ้นมาหรือไง?”
ดวงวิญญาณของฮวาชิงหวู่เปราะบางมาก วิชานี่มันคือเคล็ดวิชาลับของสวรรค์ ถ้าฉู่ชวิ๋นเข้าไปรบกวน พิธีกรรมก็อาจจะล้มเหลวได้โดยทันที
ฉู่ชวิ๋นก้มหน้าต่ำ ได้แต่คำรามในลำคอเหมือนสัตว์ร้ายที่บาดเจ็บ
วิญญาณของฮวาชิงหวู่ลอยละล่องไปเรื่อย ไม่สนใจร่างของตนเองที่นอนอยู่ในโลงศพ ไม่มีทีท่าว่าเธอจะกลับเข้าร่างเลยสักนิด
แต่แล้วจักรพรรดิอ๋าวฮวงก็ร่ายบางอย่าง วิญญาณของฮวาชิงหวู่ที่ล่องลอยอยู่นั้น พลันถูกดูดให้ขยับกลับเข้ามาทางโลงศพมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรู้สึกได้ถึงแรงต้านทานจากจิตวิญญาณของเธอ
จักรพรรดิอ๋าวฮวงทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว ดวงวิญญาณไม่สามารถล่องลอยอยู่แบบนี้ได้นานนัก เขาทำได้เพียงร่ายมนต์สะกดวิญญาณให้กลับไปสู่ร่างกายเดิม แต่มันก็เป็นเรื่องยากที่จะทำได้สำเร็จ ถ้าวิญญาณไม่ใช่ความร่วมมือแบบนี้