จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 324 เสแสร้งแกล้งตบตา
บทที่ 324 เสแสร้งแกล้งตบตา
เมื่อได้ยินดังนั้น ถางโร้วก็รีบเดินมายืนดูข้างจิ่วโยว สีหน้าของเธอเปลี่ยนไป หญิงสาวเคยเป็นดารามาก่อนย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่ามันคืออะไร
ถางโร้วเข้าใจในทันทีว่าพวกตนถูกถ้ำมองเข้าให้แล้ว
“นี่มันคือกล้องแอบถ่าย” ถางโร้วพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
จิ่วโยวมีสีหน้าเย็นชา พูดด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว “เราไปจัดการพวกมันกันเลยดีกว่า ฉันอยากเด็ดหัวคนอยู่พอดี”
“ดูเหมือนพวกเธอจะเจอกล้องแล้วครับ” ชายคนหนึ่งในห้องควบคุมกล้องวงจรปิดเอ่ย
สีหน้าของเฟิงเหิงแปรเปลี่ยนไป พูดว่า “รมยาสลบเดี๋ยวนี้”
ลูกน้องอีกคนหนึ่งรีบกดปุ่มสีแดงทันที
ฟึบ!
ถางโร้วและจิ่วโยวเดินมาไม่ถึงประตูด้วยซ้ำ ภายในห้องน้ำก็คละคลุ้งไปด้วยกลุ่มควันสีชมพู
หญิงสาวทั้งสองคนไม่ทันตั้งตัว รู้ตัวอีกทีก็สูดหายใจเข้าไปแล้ว พวกเธอล้มลงคุกเข่ากับพื้นห้องด้วยความอ่อนแรง
ภายในห้องควบคุม เฟิงเหิงเห็นภาพนี้เข้าก็หัวเราะด้วยความชอบใจ
“พวกนายสองคนพาเธอไปส่งให้นายน้อยเดี๋ยวนี้ ระวังด้วยนะ อย่าให้พวกเธอมีตำหนิเด็ดขาด”
“รับทราบครับ!”
ชายทั้งสองคนลุกขึ้นและเดินออกไปทำตามคำสั่ง
…
เมื่อจิ่วโยวฟื้นขึ้นมา เธอก็พบว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงอ่อนนุ่มขนาดใหญ่ภายในห้องพักที่หรูหราห้องหนึ่ง
“นี่มัน…” หญิงสาวพยายามลุกขึ้นนั่ง แต่พบว่าแขนขาไม่มีแรงเลยแม้แต่นิดเดียว
“ถางโร้ว ถางโร้ว…” จิ่วโยวเรียกหาอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับ ถางโร้วไม่ได้อยู่ในห้องนี้
จิ่วโยวเริ่มเป็นกังวลขึ้นมาแล้ว เธอมีร่างกายเป็นปีศาจ ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นร่างกายก็รับไหว ถ้าเธออยู่ด้วยก็จะสามารถคุ้มครองถางโร้วได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับถางโร้ว ฉู่ชวิ๋นคงเป็นบ้าไปแน่ ๆ
ในห้องนอนอีกห้องหนึ่ง ถางโร้วตื่นขึ้นมาแล้ว เธอพบว่าตนเองไร้เรี่ยวแรง จิ่วโยวไม่อยู่ข้างกาย หญิงสาวเริ่มตื่นกลัวขึ้นมา
“กริ๊ก”
เสียงประตูห้องนอนของจิ่วโยวและถางโร้วถูกเปิดออกในเวลาเดียวกัน
ผู้ที่เดินเข้ามาในห้องเป็นหญิงชราคนหนึ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยตีนกาผิวหนังยับย่น พูดได้เต็มปากว่ามีหน้าตาอัปลักษณ์เป็นอย่างยิ่ง
“แกเป็นใคร?” จิ่วโยวผงกหัวขึ้นมาพูดด้วยความโกรธแค้น แต่น่าเสียดายที่เสียงของเธอยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่จึงไม่น่าเกรงขามเลยแม้แต่นิดเดียว
“ฉันเป็นคนรับใช้ของนายน้อย ฉันมีหน้าที่มาแต่งตัวให้นายหญิงเจ้าค่ะ” หญิงชราตอบด้วยน้ำเสียงยานคาง
“คนสารเลว ปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นฉันฆ่าพวกแกแน่” จิ่วโยวคำราม
หญิงชรายิ้มอย่างแปลกประหลาดและพูดว่า “ไม่เคยมีใครหลบหนีออกไปจากที่นี่ได้มาก่อน ถึงแม้ว่านายหญิงยังอายุน้อย แต่นายน้อยก็ชอบสาวๆ อายุน้อยอย่างนี้ที่สุด”
“หมายความว่าไง” จิ่วโยวกัดฟันกรอด
“ไม่สำคัญหรอกเจ้าค่ะ นายหญิงไม่จำเป็นต้องเข้าใจหรอก รีบลุกขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปหานายน้อยกันดีกว่า” หญิงชราพูดจบ ก็หยิบขวดสีขาวออกมายื่นจ่อไว้ปลายจมูกของจิ่วโยว
จิ่วโยวรู้สึกได้ว่าเรี่ยวแรงของตัวเองเริ่มฟื้นคืนมาแล้ว เมื่อเธอสามารถขยับแขนขาได้ หญิงสาวก็ต่อยหญิงชราทันที
หมับ!
แต่แขนเล็กๆ ของเธอก็ถูกหญิงชราคว้าจับเอาไว้
ไม่ใช่ว่าหญิงชรามีพละกำลังมหาศาล แต่เป็นเพราะว่าในขณะนี้ จิ่วโยวไม่สามารถใช้พลังลมปราณได้ต่างหาก เรี่ยวแรงของเธอจึงเหมือนกับคนธรรมดาคนหนึ่ง
“ฉันขอแนะนำว่านายหญิงอย่าเสียเวลาเปล่าเลย เจ้าคะ ควันสีชมพูพวกนั้นมาจากผงวิเศษที่นายน้อยผลิตขึ้นมาเอง ถ้าไม่ได้รับยาแก้พิษ นายหญิงก็ใช้ลมปราณไม่ได้อีกสักระยะ” หญิงชราพูดอย่างเชื่องช้า
จิ่วโยวในตอนนี้กลายเป็นเพียงแค่หญิงสาวธรรมดาคนหนึ่ง เธอได้แต่ปล่อยให้หญิงชราแต่งตัวให้โดยไม่สามารถทำอะไรได้เลย
สิ่งเดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นกับถางโร้ว เธอยอมให้หญิงชราอีกคนหนึ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าให้อย่างไม่ขัดขืน
“ดูสิ นายหญิงงดงามที่สุดเลย” หญิงชราพูดกับเงาสะท้อนของถางโร้วในกระจก
“ไปหานายน้อยกันดีกว่านะเจ้าคะ”
ตอนที่ถางโร้วถูกนำตัวออกมาจากห้อง จิ่วโยวก็ถูกพาออกมาจากอีกห้องหนึ่งเช่นกัน
“ถางโร้ว” จิ่วโยวเห็นถางโร้วเข้าก็ตะโกนเสียงดังว่า “เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ถางโร้วก็มองเห็นจิ่วโยวเช่นกัน เธอพยายามจะวิ่งเข้าไปหา แต่ก็ถูกหญิงชราจับตัวไว้
“จิ่วโยว ฉันไม่เป็นไร เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“ฉันไม่เป็นไร“ จิ่วโยวตอบกลับมา
พวกเธอถูกนำตัวออกมาเดินผ่านสวนขนาดใหญ่และระเบียงทางเดินที่ยาวเหยียด ก่อนที่จะมาถึงหน้าคฤหาสน์หลังงามแห่งหนึ่ง
เมื่อประตูคฤหาสน์เปิดออกก็สามารถมองเห็นภายในได้ทันที ไม่จำเป็นต้องอธิบายเลยว่าภายในคฤหาสน์ตกแต่งไว้อย่างสวยงามอลังการมากแค่ไหน แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ภายในคฤหาสน์กลับเต็มไปด้วยหญิงสาวหน้าตางดงามจำนวนมาก
คฤหาสน์หลังนี้เป็นเสมือนพระราชวังขนาดย่อม ๆ มีพื้นที่ด้วยกันทั้งสิ้นหลายร้อยตารางเมตร เมื่อเดินเข้าไปก็จะได้ยินเสียงพิณโบราณพร้อมด้วยเสียงขลุ่ยบรรเลงบทเพลงไพเราะตลอดเวลา หญิงสาวหน้าตาดีจำนวนนับไม่ถ้วนสวมใส่เสื้อผ้าแบบวาบหวิว ชนิดที่พร้อมจะขึ้นเตียงได้ทุกเมื่อ
หลังจากเดินผ่านห้องโถงใหญ่ตรงส่วนนี้ไปแล้ว พวกเธอก็เจอกับห้องอีกห้องหนึ่งที่มีเตียงตั้งอยู่ตรงกลาง บนโต๊ะหัวเตียงวางเรียงรายเต็มไปด้วยผลไม้นานาชนิด
ส่วนบนเตียงนั้น ชายหนุ่มใบหน้าซีดขาวคนหนึ่งกำลังนอนเอกเขนกด้วยท่าทางสบายใจ มีหญิงสาวสี่คนคอยนวดแขนนวดขา และมีหญิงสาวอีกคนหนึ่งทำหน้าที่คอยป้อนผลไม้ใส่ปากอยู่ตลอดเวลา
“นายน้อย นายหญิงคนใหม่มาหาแล้วค่ะ” หญิงชราพูด
เมื่อได้ยินดังนั้น ชายหนุ่มบนเตียงนอนก็ลุกขึ้นมานั่ง เมื่อเขาเห็นถางโร้วและจิ่วโยว ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะมีหญิงสาวหน้าตาดีรายล้อมรอบกายอยู่ทุกวัน แต่เขาก็ไม่เคยเจอใครหน้าตางดงามขนาดนี้มาก่อน
“พวกแกออกไปได้แล้ว” เขาออกคำสั่งกับหญิงชราทั้งสองคนด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
นายน้อยกระโดดลงมาจากเตียงและเดินวนรอบๆ ถางโร้วกับจิ่วโยว แววตาของเขาเป็นประกายเร่าร้อน
“เฟิงเหิง ตาแก่คนนี้ ทำให้ฉันพอใจได้จริงๆ แล้วแฮะ”
“คนสวย ขอมือหน่อยสิ” นายน้อยยื่นมือออกไปหมายจะจับมือถางโร้ว
ถางโร้วถอยหลังหนี นายน้อยจึงคว้าจับได้แต่เพียงความว่างเปล่า
ชายหนุ่มดูจะตกตะลึงไปเล็กน้อย ก่อนที่จะเริ่มพูดออกมาอย่างมีอารมณ์หงุดหงิดว่า “ไม่มีใครสอนมารยาทมาหรือไง?” แต่ก่อนที่จะมีใครพูดอะไรออกมา เขาก็หัวเราะในลำคอและพูดต่อว่า “ก็แค่ผู้หญิงสวยอีกคนที่ต้องถูกสั่งสอนให้เชื่อฟังกันบ้าง น่าเบื่อจริงๆ”
“แต่คนนี้สิทำไมสวยแบบนี้” นายน้อยมองหน้าจิ่วโยว แล้วก็ยิ้มกริ่ม “ไม่เสียทีที่ฉันกินคนสวยเป็นอาหารมาตั้งแต่เด็กแล้ว”
“นายมันอัปลักษณ์” จิ่วโยวสวนกลับไป
“เธอว่าอะไรนะ?” นายน้อยถาม
“ฉันพูดว่านายมันอัปลักษณ์จะตาย” น้ำเสียงของจิ่วโยวเต็มไปด้วยความดูถูกดูแคลน ก่อนที่จะต่อยหมัดเข้าใส่ท้องน้อยของชายหนุ่มอย่างแรง
นายน้อยส่งเสียงร้องโหยหวนขณะที่ร่างลอยกระเด็นไปกระแทกเข้ากับเตียงโครมใหญ่
นายน้อยเป็นแค่เพียงเจ้าของคฤหาสน์ธรรมดา เมื่อเขาอ้าปากก็ต้องกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ หญิงสาวที่อยู่รายล้อมรอบกายเขาส่งเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวออกมาแล้ว
“เป็นไปได้ยังไง? เธอสูดดมผงสลายลมปราณของฉันเข้าไปแล้วไม่ใช่เหรอ” นายน้อยไม่อยากจะเชื่อ
จิ่วโยวมีสีหน้าเหยียดหยาม เธอมีร่างกายเป็นปีศาจ ผงสลายลมปราณจะมีผลแค่กับลมปราณทั่วไปเท่านั้น แต่หญิงสาวใช้ลมปราณปีศาจ มันจึงไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อเธอ
“ถางโร้ว เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?” จิ่วโยวหันไปถามถางโร้ว
ถางโร้วพยักหน้าและเริ่มโคจรพลังลมปราณอีกครั้ง ผงสลายลมปราณก็ทำอะไรเธอไม่ได้เช่นกันเพราะเธอฝึกตนเป็นเซียน ไม่ได้ฝึกสายจอมยุทธ์ทั่วไป
ตอนอยู่ที่โรงแรม พวกเธอไม่ได้สลบไปทันทีตามที่อีกฝ่ายหนึ่งเข้าใจ เมื่อกลุ่มควันสีชมพูพวยพุ่งออกมา หญิงสาวทั้งสองคนก็กลั้นหายใจและปิดรูขุมขนทุกจุดบนร่างกายเรียบร้อยแล้ว
พอคิดดูให้ดี พวกเธอก็คิดว่าโรงแรมแห่งนี้น่าจะเคยทำร้ายผู้คนเป็นจำนวนมาก จึงตัดสินใจว่าจะทำลายต้นตอของวงจรอุบาทว์นี้
ดังนั้น หญิงสาวทั้งสองคนจึงแกล้งสลบและตบตาว่าใช้ลมปราณไม่ได้ จนกระทั่งได้มาพบนายน้อยคนนี้
“ฉันว่าผู้หญิงพวกนี้ก็คงถูกจับตัวมาเหมือนกัน” จิ่วโยวกวาดตามองผู้หญิงที่ยืนอยู่โดยรอบ ซึ่งกำลังแสดงสีหน้าหวาดกลัว
ถางโร้วพยักหน้า เธอก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน
“พวกคุณถูกจับตัวมาใช่ไหม รีบหนีเถอะ พวกเรามาช่วยคุณแล้ว” จิ่วโยวพูด
หญิงสาวเหล่านั้นขยับตัวเดินออกมา แต่กลับไม่มีใครกล้าหลบหนีไป
“ไม่ต้องกลัว วันนี้ไอ้หมอนี่มันได้ตายแน่นอน พวกคุณหนีไปเถอะ รับรองว่าจะไม่มีใครกล้าขวางคุณอีก” จิ่วโยวพูดด้วยน้ำเสียงแข็งขัน
“จุ๊ๆ เก่งจังเลยนะ” เมื่อหญิงสาวหันไปมองก็เห็นว่านายน้อยกำลังส่งเสียงหัวเราะอย่างชอบใจ
พรึบ!
พลัน เงาร่างของชายฉกรรจ์หลายสิบคนก็ปรากฏตัวขึ้น สองคนยืนขวางที่หน้าประตู สี่คนตรงเข้ามาคุ้มกันนายน้อย ส่วนพวกที่เหลือชักดาบยาวออกมาชี้ใส่หน้าถางโร้วและจิ่วโยว
“เศษสวะทั้งนั้นเลยนี่นา” จิ่วโยวกวาดตามองชายฉกรรจ์เหล่านั้นด้วยสายตาดูถูก ทุกคนเป็นเพียงจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ ไม่มีใครมีพลังถึงขั้นจักรพรรดิเลยสักคน
วูบ!
จิ่วโยวพลันกระโดดเข้าใส่ เส้นผมของเธอเป็นประกายระยิบระยับ ต่อยกำปั้นใส่ชายฉกรรจ์เหล่านั้นอย่างดุเดือด
ควับ!
แล้วปืนยาวสีเงินก็ปรากฏขึ้นในมือของเธอ ตัวปืนเป็นประกายสว่างไสว
ฟู่!
หัวคนกลิ้งกระเด็น เลือดเป็นสายพุ่งฉีดขึ้นไปสูงกว่าหนึ่งเมตร
ขลุกๆๆ
หัวคนกลิ้งกระเด็นไปบนพื้นที่เจิ่งนองไปด้วยเลือด คู่ต่อสู้ของจิ่วโยวไม่มีโอกาสได้เคลื่อนไหว ร่างของพวกเขาก็ขาดกระเด็นไปเหมือนกับขนมปังที่ถูกตัดทิ้ง
แต่อีกด้านหนึ่งมีชายฉกรรจ์สองคนพยายามจะฆ่าถางโร้ว
นี่คือครั้งแรกที่ถางโร้วได้เผชิญหน้ากับศัตรูอย่างแท้จริง ตอนนี้ พลังเธอแกร่งกล้าจนสามารถสู้กับจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิได้สบาย ๆ แต่กลับถูกจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์คุกคามจนแทบตายแล้ว
“อย่าใจอ่อนสิ ถางโร้ว ฆ่าพวกมันเลย” จิ่วโยวร้องตะโกน
ถางโร้วแม้แต่ฆ่าไก่ก็ยังไม่เคย นับประสาอะไรกับการฆ่าคน? หญิงสาวได้แต่กระโดดหลบหนีไปมาเท่านั้น
ควับ! ควับ!
เมื่อเสียงของการโจมตีดังขึ้น ร่างของชายฉกรรจ์ทั้งสองคนนั้นก็ลอยกระเด็นออกไปจากฝีมือของจิ่วโยวที่เข้ามาช่วยเหลือ
“ถ้าเธอเป็นแบบนี้ แล้วเราจะช่วยคนอื่นได้ยังไง?” จิ่วโยวว่า
ถางโร้วมีใบหน้าขาวซีด กลิ่นเลือดที่คาวคลุ้งทำให้เธอรู้สึกอึดอัด เสียงของเธอสั่นเครือในขณะที่พูดว่า “ฉันจะค่อย ๆ เรียนรู้ไปก็แล้วกัน” เธอบอก
เฮ้อ! จิ่วโยวได้แต่ส่ายศีรษะด้วยความเหนื่อยใจ
ปืนเงินในมือของเธอชี้หน้านายน้อย ใบหน้าของจิ่วโยวเต็มไปด้วยรังสีอำมหิต
“แกก่อกรรมทำเข็ญกับผู้หญิงไว้มากมาย วันนี้ล่ะฉันจะส่งแกลงนรก”
นายน้อยตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ไม่คิดเลยว่าจิ่วโยวจะมีความแข็งแกร่งจนสามารถฆ่าบอดี้การ์ดของเขาไปได้เกือบหมดในพริบตาเดียว
“พวกแกยืนทำอะไรอยู่ รีบไปฆ่ามันสิ” เขาออกคำสั่งกับชายฉกรรจ์ทั้ง 4 คนที่ยืนคุ้มกันตนเองอยู่
แต่ชายฉกรรจ์ทั้ง 4 คนรู้สึกหวาดกลัวมาก อีกฝ่ายหนึ่งเป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ พวกเขายังไม่อยากตายสักหน่อย
“เคล้ง!”
ชายฉกรรจ์ทั้ง 4 คนทิ้งดาบและทรุดตัวลงนั่งคุกเข่า
“ได้โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วย ข้าน้อยไม่กล้าทำเรื่องราวพวกนี้อีกแล้ว” สำหรับคนธรรมดา พวกเขาอาจเป็นเหมือนเทพเจ้า แต่สำหรับจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ พวกเขาไม่ต่างไปจากมดตัวหนึ่ง
จิ่วโยวแผ่รังสีอำมหิตออกมา ปืนในมือของเธอเปล่งประกายสว่างไสว เมื่อเธอตวัดปืนในมือเพียงเพียงครั้งเดียว ศีรษะของชายฉกรรจ์ทั้ง 4 คนก็ถูกตัดขาดกระเด็นออกจากบ่า
“คนเลวอย่างพวกแกตายไปได้ก็ดีแล้ว” จิ่วโยวพูดด้วยน้ำเสียงที่ปราศจากความสงสาร
ใบหน้าของนายน้อยขาวซีดเหมือนกระดาษ ร่างกายของเขาสั่นเทาตั้งแต่หัวจรดเท้า ชายหนุ่มพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “อย่านะ อย่าฆ่าฉันเลย ฉันมีเงินอยู่เท่าไหร่ ฉันจะให้พวกเธอทั้งหมดเลย”
คุณชายผู้นี้มาจากตระกูลร่ำรวยในโลกมนุษย์ เขาใช้เงินซื้อจอมยุทธ์มาเป็นข้าทาสบริวารจำนวนมาก ชายหนุ่มจึงเข้าใจว่าตนเองเป็นเทพเจ้าที่ไม่มีใครกล้าต่อกรด้วยมาตลอด เขาฉวยโอกาสที่โลกเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ประกอบกับกฎหมายกำลังอ่อนแอ จึงกล้าทำทุกอย่างตามความต้องการของตัวเอง รวมถึงการสร้างคฤหาสน์หลังนี้ขึ้นมาเพื่อจับตัวผู้หญิงหน้าตาดีมาเล่นสนุกตามใจชอบ ไหนเลยจะคิดได้ว่าวันอัปยศอย่างนี้จะมาถึงได้?
“คนอย่างแกมันไม่สมควรมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว” จิ่วโยวตวัดปืนเข้าไปหมายจะแทงใส่ลำคอของชายหนุ่ม
เปรี้ยง!
ปรากฏพลังลมปราณสายหนึ่งพุ่งออกมากลางอากาศ
เกิดเสียงดังโครม ปืนในมือของจิ่วโยวเกือบจะหลุดลอยกระเด็นไป
“อายุแค่นี้ ดุร้ายจังเลยนะเรา” เสียงทุ้มต่ำของใครบางคนดังขึ้น
แล้วร่างของชายคนนึงก็ปรากฏตัวอยู่ข้างนายน้อย ใบหน้าของเขาแผ่รังสีอำมหิต ไอลมปราณที่กล้าแข็งลอยออกมาจากร่างกาย
จิ่วโยวตื่นตัวขึ้นมา ถอยหลังกลับไปยืนอยู่ข้างกายถางโร้ว
“ผู้อาวุโสค่ง ช่วยผมด้วย ช่วยผมด้วย” นายน้อยร่ำร้องด้วยความตื่นเต้นยิ่งกว่าได้เจอพ่อของตัวเองเสียอีก
“ไม่ต้องห่วง คุณชายหวัง ผมอยู่ที่นี่แล้วไม่มีใครจะทำอันตรายคุณได้” ค่งจวิ้นเต๋อพูด แต่ดวงตาเต็มไปด้วยความดูถูก
ถ้าตระกูลหวังไม่มีเงินทองร่ำรวยมหาศาลและคอยช่วยเหลือสำนักของเขาอยู่ ค่งจวิ้นเต๋อ จะไม่เสียเวลาชายตามองคุณชายโรคจิตคนนี้เลยด้วยซ้ำ