จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 350 สายฟ้าฟาด!
บทที่ 350 สายฟ้าฟาด!
ภายใต้ราตรีกาล ณ ชายแดนระหว่างประเทศจีนกับเวียดนาม สายฟ้าแลบแปลบปลาบอยู่บนท้องฟ้าที่มืดมิด ก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดเหมือนกับภูตผีกำลังคร่ำครวญ
เหตุการณ์ดำเนินไปเช่นนี้ตลอดคืน ทำให้บรรดาเจ้าหน้าที่ทหารและผู้ที่เข้าประจำการกะกลางคืนของเวียดนามหวาดกลัวจนขนหัวลุก เนื่องจากคิดว่าเป็นวิญญาณของนักสู้ยุโรปที่เสียชีวิตตรงเขตชายแดนมาทวงคืนชีวิตของตัวเอง
ต้องรอจนถึงเช้าวันต่อมา บรรดานายทหารของเวียดนามถึงได้มีความกล้ามากพอมาสังเกตการณ์
ถึงแม้ว่าเขตชายแดนจะเปิดชั่วคราว แต่ก็ไม่มีใครกล้าเดินข้ามพรมแดนเข้าไปเลย เนื่องจากสิ่งที่ทุกคนกำลังพบเห็นก็คือชายคนหนึ่งมีสภาพย่ำแย่เสียยิ่งกว่าขอทาน ร่างกายของเขาเป็นแผลพุพอง ทั่วตัวเต็มไปด้วยคราบเลือด อยู่ในสภาพร่อแร่ปางตายเต็มที
เปรี้ยง!
หมดเวลาพักพอดี วงจรสายฟ้ากลับมาเริ่มต้นฟาดใส่แองกัสอีกครั้ง
“อ๊าก…” แองกัสส่งเสียงร้องโหยหวนเหมือนภูตผีกำลังคร่ำครวญ
เจ้าหน้าที่เหล่านั้นขนหัวลุกด้วยความหวาดผวา พวกเขาเข้าใจว่าตัวเองเจอผี จึงรีบวิ่งหนีไปด้วยความตื่นตระหนก
นายทหารกลุ่มนั้นวิ่งหนีไปหลายร้อยเมตร ก่อนที่จะแอบดูจากในพุ่มไม้ และถ่ายภาพทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพื่อนำไปโพสต์ในอินเทอร์เน็ต
ชาวเน็ตจากเวียดนามคนหนึ่งใช้เวลาดูคลิปวีดีโอเหล่านั้นอยู่ประมาณสองชั่วโมง ก็ได้ข้อสรุปออกมาในสภาพที่เหงื่อท่วมตัวขณะพิมพ์ข้อความประกาศว่า “คนผู้นี้กำลังถูกสวรรค์ลงโทษ ดูจากสายฟ้าฟาดแบบนี้แล้ว น่าจะเป็นการลงโทษของเทพเจ้าจีน จึงสรุปได้เลยว่าคนคนนี้จะต้องเป็นจอมมารฉู่ชวิ๋นอย่างแน่นอน”
“ก็มีเหตุผลอยู่นะ จอมมารฉู่ชวิ๋นฆ่าคนมามากมายเกินไป สุดท้ายก็ต้องโดนสวรรค์ลงโทษแบบนี้แหละ” ชาวเน็ตอีกคนหนึ่งเห็นด้วย
จอมมารฉู่ชวิ๋นกำลังถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ สร้างความลิงโลดให้แก่นักสู้ยุโรปยิ่งนัก
นักสู้ยุโรปเกือบจะปิดประเทศฉลองกันเลยด้วยซ้ำ
“ฮ่าฮ่า…นับว่าเทพเจ้าของคนจีนศักดิ์สิทธิ์จริงๆ สุดท้ายจอมมารฉู่ชวิ๋นก็หนีเวรกรรมไม่พ้น”
“จอมมารฉู่ชวิ๋นเข่นฆ่าคนบริสุทธิ์มากมายเกิน นี่คือการลงโทษจากเทพเจ้าของประเทศพวกเราเอง เขาจะต้องถูกฟ้าผ่าไปจนตาย” จอมยุทธ์เวียดนามคนหนึ่งประกาศด้วยความมั่นใจ
สหพันธ์ศาสตร์มืดออกมาประกาศกร้าวด้วยความไม่พอใจ “พวกนายกล้าดียังไงจะมาเอาความดีความชอบ นี่คืออิทธิฤทธิ์ของเทพเจ้าจากโลกตะวันตกต่างหาก”
ฝ่ายวิหารดวงตะวัน ใบหน้าของหลุยส์ยังคงเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจว่าต้องประกาศอะไรออกมาสักอย่างนี่คือโอกาสดีจะปล่อยให้สหพันธ์ศาสตร์มืดสนุกอยู่ฝ่ายเดียวไม่ได้
“ดูให้ดีก่อน สถานที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่เขตร้อน ชัดเจนอยู่แล้วว่านี่ต้องเป็นอิทธิฤทธิ์ของเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์แน่นอน มีแต่เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์เท่านั้น ที่จะมีพลังสามารถทำเรื่องแบบนี้ได้”
ไม่ว่าจะเป็นจอมยุทธ์เวียดนามหรือนักสู้ยุโรป ต่างก็อ้างว่าการที่ฉู่ชวิ๋นถูกฟ้าผ่า เป็นฝีมือเทพเจ้าของตนเองทั้งสิ้น
ในอินเทอร์เน็ตเกิดความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก
ในตอนนี้ จอมยุทธ์เวียดนามจำนวนมากหลั่งไหลเข้าไปโพสต์ข้อความในเว็บบอร์ดของนักสู้ยุโรป
ส่วนจอมยุทธ์ชาวจีนแค่ดูเหตุการณ์อยู่เฉยๆ
หลังจากได้ข้อมูลโดยรวมของเหตุการณ์แล้ว บรรดาจอมยุทธ์ชาวจีนก็รู้สึกตะหงิดใจ เนื่องจากฟ้าผ่าแบบนี้มีรูปแบบคล้ายคลึงกับวรยุทธ์ชนิดหนึ่งมากกว่า
รัฐบาลเวียดนามสั่งให้เจ้าหน้าที่ซึ่งประจำการอยู่ที่เขตชายแดนทำการถ่ายทอดสด
การถ่ายทอดสดเริ่มขึ้น ภาพที่ทุกคนเห็นก็คือมีเมฆดำลอยอยู่บนท้องฟ้า แล้วก็มีฟ้าผ่าลงมาเป็นระยะ
จอมยุทธ์ชาวจีนรับชมด้วยความสนใจ
ในขณะที่ถ่ายทอดสดอยู่ตอนนี้ พวกเขาก็สามารถเห็นผู้ที่กำลังถูกฟ้าผ่าได้อย่างชัดเจนมากขึ้น
เมื่อนั้นเอง โลกอินเทอร์เน็ตก็เงียบงันไป
เนื่องจากจอมมารฉู่ชวิ๋นที่กำลังถูกฟ้าผ่าอยู่นี้ มีลักษณะเหมือนชายชาวต่างชาติมากเกินไป
เหล่านายทหารเวียดนามได้แต่ยืนตกตะลึงอยู่อย่างนั้น
โลกอินเทอร์เน็ตกลับมาร้อนระอุอีกครั้ง
บรรดาจอมยุทธ์ชาวจีนออกมาประกาศว่า
“พวกยุโรปนี่น่าเหลือเชื่อจริงๆ พวกนายว่าจอมมารฉู่ชวิ๋นกำลังถูกเทพเจ้าของพวกนายลงโทษอยู่ใช่ไหม? งั้นเชิญเบิกตาสุนัขของพวกนายดูให้ดีก่อนเถอะ”
“ในเมื่อจอมมารฉู่ชวิ๋นไม่ใช่คนที่กำลังถูกฟ้าผ่า แล้วนี่ยังเป็นการลงโทษจากเทพเจ้าของพวกนายอยู่หรือเปล่า?”
“นั่นน่ะสิ นี่เรียกว่ามีตาหามีแววไม่ ไม่รู้เลยว่าเทพเจ้าของพวกนายกำลังลงโทษใครอยู่กันแน่”
“มาเดากันเถอะว่าสุดท้ายแล้วนี่เป็นการลงมือของเทพเจ้าฝ่ายไหนกัน?”
จอมยุทธ์ชาวจีนเริ่มพิมพ์ข้อความอย่างเฮฮา
ฉู่ชวิ๋นไม่รู้เลยว่าในอินเทอร์เน็ตกำลังเกิดอะไรขึ้น เขาเดินเข้ามาอยู่ในกล้องก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ตอนนี้ แองกัส เป็นยังไงบ้างล่ะ?”
เหล่าทหารเวียดนามวิ่งหนีแตกกระเจิงไปทันที ทิ้งอุปกรณ์ถ่ายทอดสดเอาไว้อยู่ที่เดิม ทุกคำพูดของฉู่ชวิ๋นจึงถูกถ่ายทอดออกไปอย่างชัดเจน
แองกัส? ผู้ชายที่มีสภาพเหมือนขอทานคนนี้ คือรองเจ้าสำนักวิหารดวงตะวันนั่นเอง
บัดนี้ นักสู้ยุโรปทำอะไรไม่ถูกอีกแล้ว พวกเขาหน้าชาไปหมด
โดยเฉพาะวิหารดวงตะวัน ที่ก่อนหน้านี้ออกมาอ้างว่านี่คืออิทธิฤทธิ์ของเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ที่กำลังลงทัณฑ์ฉู่ชวิ๋น แต่ใครจะคิดว่าฉู่ชวิ๋นกลับสามารถหักหน้าพวกเขาได้อีกครั้งอย่างเจ็บแสบยิ่งนัก
“งั้นสุดท้ายนี้ก็เป็นอิทธิฤทธิ์ของเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์จริง ๆ สินะ” จอมยุทธ์จีนบางส่วนพิมพ์ข้อความเย้ยหยัน
ใบหน้าของหลุยส์ร้อนผ่าวด้วยความเจ็บใจ ดวงตาของเขาเป็นประกาย ริมฝีปากสั่นระริกขณะที่กัดฟันกรอด
“จอมมารฉู่ชวิ๋น…จอมมารฉู่ชวิ๋น…แกมันน่ารังเกียจจริง ๆ เตรียมตัวถูกตะเกียงจ้าวตะวันแผดเผาได้เลย!”
ถึงแม้ว่าจะมีหลายสำนักที่เสียหน้าเหมือนกัน อย่างสหพันธ์ศาสตร์มืดเป็นต้น แต่ก็คงไม่มีสำนักไหนเสียหน้ามากไปกว่าวิหารดวงตะวันอีกแล้ว แต่เนื่องจากวิหารดวงตะวันเป็นสำนักเก่าแก่ทรงพลัง ก็ยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่คาดหวังว่าพวกเขาจะตอบโต้อะไรกลับไปบ้าง
สมาชิกของสำนักวิหารดวงตะวันส่งข้อความมาหาหยานหวูซวงด้วยความไม่พอใจว่า ในเมื่อตกลงแลกเปลี่ยนตัวแองกัสเรียบร้อยแล้ว ทำไมพวกเขาถึงต้องทำเช่นนี้ด้วย?
หยานหวูซวงตีมึนพิมพ์ตอบกลับไปว่า พวกฉันทำอะไรลงไปเหรอ?
“เลิกแกล้งโง่สักที พวกแกจอมยุทธ์จีนมันเจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว” หลุยส์พูดด้วยความโกรธแค้น
หยานหวูซวงพิมพ์ตอบกลับไปว่า “ฉันไม่รู้เรื่องด้วยสักหน่อย พวกนายพูดถึงเรื่องอะไรอยู่เนี่ย?”
สุดท้ายแล้ว มีใครรู้บ้างว่าเกิดอะไรขึ้น?
“ถ้าพวกแกยังคงทำกับแองกัสแบบนี้ ข้อตกลงของพวกเราเป็นอันยกเลิก” ตัวแทนของวิหารดวงตะวันส่งข้อความมาข่มขู่
ฉู่ชวิ๋นเดือดดาลอยู่ไม่น้อยและบอกให้หยานหวูซวงตอบกลับไปว่า “รีบส่งของมาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นแองกัสได้ตายแน่”
“แกกล้าดียังไง?” วิหารดวงตะวันตอบกลับมาด้วยความโกรธแค้น
ฉู่ชวิ๋นก็ตอบข้อความกลับไปด้วยความโกรธแค้นเช่นกันว่า “พวกแกรีบมาที่นี่ให้เร็วที่สุดดีกว่า ไม่งั้นพวกนายจะได้แต่ศพของแองกัสกลับไปเท่านั้น”
เมื่อส่งข้อความไปแล้ว ฉู่ชวิ๋นก็บอกให้หยานหวูซวงปิดโทรศัพท์มือถือไปทันที แล้ววงจรสายฟ้าฟาดก็กลับมาอีกครั้ง แองกัสส่งเสียงกรีดร้องออกมาอีกคำรบ
สมาชิกของวิหารดวงตะวันไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง หลุยส์คำรามด้วยความคับแค้นใจ สีหน้าของเขาแทบบ้าคลั่งแล้ว ฉู่ชวิ๋นเป็นคนแรกตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ที่กล้าพูดวาจาสามหาวแบบนี้กับเจ้าสำนักวิหารดวงตะวัน
แองกัสทราบแล้วว่าตนเองกำลังจะตาย สายฟ้าที่ฟาดลงมาทำให้ร่างกายของเขามีแต่บาดแผลเต็มไปหมด ถึงแม้จะมีเวลาให้เขาฟื้นตัวหนึ่งชั่วโมงทุกระยะ แต่ความรวดเร็วในการสมานแผลของเขาก็เชื่องช้าลงมากขึ้นเรื่อยๆ
ฉู่ชวิ๋นทำให้แองกัสมีจิตใจไขว้เขวไปแล้ว ไม่คิดอีกต่อไปว่าคนของวิหารดวงตะวันจะมาช่วยเหลือตัวเอง ถ้าเขาอยากจะมีชีวิตรอด แองกัสก็มีแต่ต้องพึ่งตัวเองเท่านั้น
“จอมมารฉู่ชวิ๋น ได้โปรดเถอะ…ได้โปรดปล่อยฉันออกไป ฉันยอมพูดทุกอย่างแล้ว…” แองกัสส่งเสียงร้องขอความเมตตา ในขณะที่ดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้นเหมือนคนที่ตกนรกทั้งเป็น
“ไม่ต้องหรอก ฉันไม่อยากรู้แล้วล่ะ” ฉู่ชวิ๋นตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เอาไว้แกไปขอร้องกับพวกวิหารดวงตะวันที่จะมาไถ่ตัวแกดีกว่า”
โลกอินเทอร์เน็ตปั่นป่วนอีกครั้งเมื่อได้รับฟังคำพูดของฉู่ชวิ๋น วิหารดวงตะวันจะมาไถ่ตัวแองกัสจริง ๆ หรือ?
ถ้าเป็นแบบนั้น วิหารดวงตะวันก็ไม่เหลือศักดิ์ศรีอะไรอีกแล้ว
ทางด้านฝ่ายวิหารดวงตะวัน หลุยส์ที่อารมณ์เย็นลง ก็ต้องกลับมาหัวร้อนอีกครั้งจากคำพูดของฉู่ชวิ๋น
“บอกพวกเราให้รีบไปที่นั่นให้เร็วกว่านี้ ฉันจะต้องฆ่าไอ้ตี๋นั่นให้ได้!”
คราวนี้ เรียกได้ว่าวิหารดวงตะวันเสียหน้ามากเกินไปแล้วจริงๆ
นักสู้ยุโรปแสดงความไม่พอใจ เชื้อชาติที่สูงส่งอย่างพวกเขาทำไมถึงต้องยอมก้มหัวให้พวกชาวจีนด้วย?
เมื่อเห็นว่าเริ่มมีหลายสำนักออกมาแสดงความไม่พอใจ หลุยส์ก็ต้องพิมพ์ข้อความประกาศว่า “แสงสว่างของเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์สาดส่องให้แก่ทุกคนอย่างทั่วถึง เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์จะไม่มีวันละทิ้งสาวกของท่าน และเราจะยังคงทำทุกอย่างเพื่อให้พวกพ้องของเราปลอดภัย…”
ถ้อยคำหวานหูของหลุยส์ยังคงใช้ได้ผลเสมอ อย่างน้อยก็สำหรับชาวยุโรปที่เป็นสาวกของวิหารดวงตะวันและศรัทธาในพวกเขาตลอดมา
ฉู่ชวิ๋นประกาศข้อความตอบกลับไปด้วยความดูถูกว่า “เทพเจ้าดวงอาทิตย์ของพวกแกไม่ได้ช่วยเขาหรอก สิ่งที่ทำให้แองกัสรอดชีวิตคือหญ้าจิตวิญญาณกับของวิเศษที่รวมแล้ว 1,500 ชิ้นต่างหาก”
ถ้อยคำเหล่านี้เสียดแทงหัวใจของหลุยส์อย่างยิ่ง เขาเพิ่งจะปล่อยคำหวานออกไปเพื่อเรียกคืนศรัทธาจากบรรดาสาวก แต่ฉู่ชวิ๋นกลับหักหน้าเขาอีกครั้ง สิ่งนี้ทำให้สายตาของคนนอกที่มองมายังวิหารดวงตะวัน เต็มไปด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์ไปแล้ว
ไม่รู้มาก่อนเลยว่าในโลกนี้มีบุคคลที่น่ารำคาญขนาดนี้อยู่ด้วย? หลุยส์อยากจะกินเนื้อเถือหนังฉู่ชวิ๋นยิ่งนัก
“ที่แท้ก็แอบจ่ายใต้โต๊ะเป็นของวิเศษแลกกับชีวิตของพวกตัวเองสินะ” สหพันธ์ศาสตร์มืดจะปล่อยให้โอกาสดีอย่างนี้หลุดรอดไปได้อย่างไร
หลุยส์เห็นข้อความนี้ก็ต้องยกมือกุมขมับ ก่อนที่จะตอบกลับไปอย่างรักษาท่าทีว่า “อย่าว่าแต่ของวิเศษ 1,500 ชิ้นเลย ต่อให้เป็น 15.000 ชิ้นมันก็ไม่สำคัญเท่ากับชีวิตคนของวิหารดวงตะวันชีวิตเดียว เพราะถึงอย่างไร หญ้าจิตวิญญาณและของวิเศษพวกนั้นก็เป็นของวิหารดวงตะวันอยู่แล้ว”
กล่าวได้เลยว่าเจ้าสำนักวิหารดวงตะวันไม่ใช่คนโง่ หลุยส์เป็นคนที่มีวาทะศิลป์ล้ำเลิศ ข้อความที่เขาประกาศออกไปเบ่งบานอยู่ในจิตใจของผู้ที่ศรัทธาในวิหารดวงตะวัน และยังทำให้คนเหล่านั้นเคารพเขามากยิ่งขึ้นไปอีก
“เยี่ยมเลย งั้นฉันขออีกเป็นหญ้าจิตวิญญาณ 1,500 กำนะ” ฉู่ชวิ๋นพิมพ์ข้อความประกาศออกไปหน้าตาเฉย
หลุยส์เกือบกระอักเลือดตายแล้ว ทุกครั้งที่เขาสามารถกอบกู้ศรัทธาคืนมาได้ ไอ้หมอนี่จะต้องเข้ามาทำให้เสียเรื่องไปทุกทีสิน่า
…
แองกัสรู้แล้วว่าตัวเองกำลังจะตาย เขาไม่สามารถรอให้คนของวิหารดวงตะวันมาช่วยเหลือได้อีกต่อไป ชายหนุ่มมีแต่ต้องช่วยตัวเองก่อนเท่านั้น
“จอมมารฉู่ชวิ๋น ได้โปรด…ปล่อยฉันออกไปเถอะ ฉันจะบอกความลับของวิหารดวงตะวัน ฉันจะบอกวิธีฝึกพลังแสงอาทิตย์…”
ฉู่ชวิ๋นยอมรับว่าข้อเสนอนี้น่าสนใจไม่น้อย
แต่หลุยส์ตัวสั่นเทิ้ม ถ้าแองกัสยอมเปิดเผยเคล็ดวิชาสําหรับการฝึกพลังแสงอาทิตย์ ผลลัพธ์ที่ตามมาก็ไม่อาจจินตนาการได้เลย
พลังแสงอาทิตย์เป็นวิชาที่ใช้ธาตุไฟเป็นหลัก แม่หม้ายสาวซึ่งเป็นบริวารของฉู่ชวิ๋นก็ใช้ธาตุไฟในการต่อสู้เช่นกัน ถ้านำพลังแสงอาทิตย์มาประยุกต์ใช้ด้วย ก็จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการต่อสู้ได้อีกหลายเท่า
ฉู่ชวิ๋นสลายม่านพลังและปล่อยตัวแองกัสออกมา
“ไอ้สารเลว แกห้ามพูดอะไรเด็ดขาดเลยนะ” หลุยส์คำรามด้วยความตื่นตระหนก พลังแสงอาทิตย์คือรากฐานของวิหาร แม้ว่าแองกัสจะรู้ขั้นตอนแค่เพียงสามระดับแรกเท่านั้น แต่มันเป็นเรื่องที่จะรั่วไหลออกไปไม่ได้เด็ดขาด เขาสั่งให้ทีมที่กำลังเดินทางไปแลกตัวแองกัสเพิ่มความเร็วมากขึ้น ในขณะที่ตนเองกำลังหาวิธีถ่วงเวลาจอมมารฉู่ชวิ๋นเอาไว้
“จอมมารฉู่ชวิ๋น แกถือเป็นคนดังของประเทศจีนคนหนึ่ง ทำแบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลยนะ คิดจะขโมยวิชาจากสำนักอื่นงั้นเหรอ” หลุยส์ประกาศข้อความในโลกออนไลน์
ฉู่ชวิ๋นหันมาหัวเราะเยาะให้กับกล้อง แล้วตอบ “แกตั้งใจจะถ่วงเวลาสินะ?”
หลุยส์ตอบว่า “สำคัญด้วยหรือไงว่าฉันกำลังถ่วงเวลาอยู่หรือไม่? แต่ถ้าแกทำแบบนี้ ก็เท่ากับแกกำลังประกาศสงครามต่อวิหารดวงตะวัน แกก็รู้ดีว่าพลังแสงอาทิตย์คือรากฐานวิหารของพวกเรา ถ้าแกกล้าทำลายรากฐานของพวกเรา อย่าหาว่าฉันไม่เตือนก็แล้วกัน”
ฉู่ชวิ๋นระเบิดเสียงหัวเราะ ก่อนที่จะตอบว่า “เก่งจริงก็มาเองเลยดีกว่า”
“จอมมารฉู่ชวิ๋น แกคิดว่าแค่มีทักษะวรยุทธ์สูงส่งอย่างเดียว ก็จะสามารถฝึกพลังแสงอาทิตย์ได้หรือไง? ถ้าไม่มีน้ำยาแสงตะวัน ก็ไม่มีทางฝึกได้สำเร็จหรอกนะ” หลุยส์ตอบโต้ด้วยความดุเดือด
น้ำยาแสงตะวันอย่างนั้นเหรอ?
“เรื่องจริงหรือเปล่า?” ฉู่ชวิ๋นหันมาถามแองกัส
แองกัสพยักหน้าตอบว่า “เรื่องจริง ถ้าไม่มีน้ำยาแสงตะวัน ก็ไม่มีทางฝึกพลังแสงอาทิตย์ได้สำเร็จ ต่อให้นายมีวรยุทธ์สูงแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์”