จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 352 ตะเกียงจ้าวตะวัน
บทที่ 352 ตะเกียงจ้าวตะวัน
ฉู่ชวิ๋นเลิกคิ้วขึ้นสูง เจตนาของออร์โลมีบางอย่างไม่ถูกต้อง
“ฉันบอกให้ส่งของมา” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ก็คุกคามอีกฝ่าย
ออร์โลยิ้มตอบว่า “จอมมารฉู่ชวิ๋น ได้โปรดปล่อยตัวแองกัสมาก่อน”
ฉู่ชวิ๋นหรี่ตาลง แบบนี้มันแปลกเกินไปแล้ว
“ก็ได้” ชายหนุ่มตอบตกลง เขาดีดตัวกระโดดลงจากเนินเขาตรงเข้าไปหาแองกัส
แต่ในทันใดนั้น ฉู่ชวิ๋นก็หมุนตัวเปลี่ยนทิศทางกลางอากาศ พลังลมปราณรอบกายรวบรวมตัวกันกลายเป็นลมปราณคุ้มกายก่อนจะโจมตีทันที!
ผลั่ก!
เมื่อเข้ามาประชิดตัวออร์โล ฉู่ชวิ๋นก็ต่อยหมัดออกมาอย่างแรง ส่งผลให้ออร์โลลอยกระเด็นไป 100 เมตร พื้นดินเกิดเป็นรอยแตกร้าวเห็นได้ชัดเจน
ดวงตาของออร์โลเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกตกใจ เขาดีดตัวลุกขึ้นมา กำมือเป็นหมัดแน่นและก็พบว่าแหวนมิติของตัวเองหายไปแล้ว
ฉู่ชวิ๋นถอยกลับไปสำรวจแหวนมิติที่ขโมยมาได้ เมื่อดูสิ่งที่อยู่ด้านในแล้ว สีหน้าของเขาก็เย็นชาขึ้นมาทันที ในแหวนมีหญ้าจิตวิญญาณและของวิเศษอยู่ก็จริง แต่ก็มีเพียงแค่ไม่กี่ชิ้นเท่านั้น ทั้งที่ตกลงกันไว้ว่าจะให้มาอย่างละ 500 ชิ้น
“นี่น่ะเหรอหญ้าจิตวิญญาณ 500 กำ ศิลาวิญญาณ 500 ก้อน กับอาวุธลึกลับอีก 500 ชิ้น?” ฉู่ชวิ๋นชูแหวนมิติขึ้น ดวงตาเย็นชา
ออร์โลสีหน้าแปรเปลี่ยนไป ใครเลยจะคิดว่าเขาจะถูกแย่งชิงแหวนมิติไปได้อย่างง่ายดายขนาดนี้?
เมื่อเป็นแบบนี้ เขาก็ไม่ต้องปิดบังเจตนาที่แท้จริงอีกต่อไป รอยยิ้มหายไปจากใบหน้า แล้วแทนที่ด้วยไอสังหารที่แผ่ออกมาอย่างรุนแรง
“จอมมารฉู่ชวิ๋น แกฆ่านักรบยุโรปนับไม่ถ้วน สร้างความวุ่นวายไม่รู้จบ แถมยังทำลายสำนักงานสาขาย่อยของพวกฉัน แกต้องชดใช้บาปด้วยความตายเท่านั้น ฉันมาที่นี่เพื่อฆ่าแกในนามของเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์”
ฉู่ชวิ๋นจ้องมองออร์โลด้วยดวงตาไร้อารมณ์ ริมฝีปากของเขายกตัวขึ้นเป็นรอยยิ้มก่อนพูดออกมาอย่างเหยียดหยาม “มีพวกแกแค่นี้เนี่ยนะ?”
ออร์โลระเบิดเสียงหัวเราะอย่างถือดี “จอมมารฉู่ชวิ๋น ฉันรู้ว่าแกมีฝีมือการต่อสู้ที่เก่งกาจ แม้แต่ท่านสมเด็จพระสันตะปาปาก็ยังจับตัวแกไม่ได้ แต่แกคิดจริง ๆ หรือว่าตัวเองไร้เทียมทาน ไม่มีใครสามารถโค่นล้มแกลงได้?”
“อย่างน้อยไม่ใช่พวกแกก็แล้วกัน” ฉู่ชวิ๋นตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“จริงเหรอ?” ออร์โลสีหน้าที่ดูมั่นอกมั่นใจอย่างน่าประหลาด “จอมมารฉู่ชวิ๋น อย่าพูดมากเลยจะดีกว่า ถ้าฉันสามารถฆ่าแกได้จริง ๆ พอแกตกนรกตายไป จะกลายเป็นตัวตลกให้คนอื่นหัวเราะเยาะเอาเสียเปล่า ๆ”
ประกายอำมหิตพุ่งออกมาจากแววตาของฉู่ชวิ๋น ฉู่ชวิ๋นมั่นใจในฝีมือการต่อสู้ของตัวเองมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะประมาทคู่ต่อสู้เสมอไป
ออร์โลมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ ทั้งยังรู้ตัวดีว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแต่ทำไมมันกลับมีความมั่นอกมั่นใจขนาดนี้ ดูแล้วคงต้องมีลับลมคมในอะไรแน่
ฉู่ชวิ๋นตัดสินใจเป็นฝ่ายเริ่มเปิดฉากโจมตีก่อน
“แองกัสบุกเข้ามาโจมตีเมืองชายแดนยามวิกาล และฆ่าจอมยุทธ์ชาวจีนตายไปหลายคนด้วยความอำมหิต ในเมื่อวันนี้พวกแกมาอยู่ที่นี่แล้ว ฉันก็จะฝังศพพวกแกลงหลุมเดียวกับแองกัสไปซะ” เมื่อพูดจบ ฉู่ชวิ๋นก็หมุนมือโคจรลมปราณและสะบัดฝ่ามือออกไป
ครืน!
มวลอากาศระเบิดตัว พื้นดินสั่นสะเทือน เกิดเสียงดังก้องกังวานไปทั่วหุบเขา
พลัน ลำแสงสว่างไสวหลายสายก็พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ปกคลุมทั่วเขตชายแดนระหว่างจีนกับเวียดนาม รวมถึงปกคลุมพวกของออร์โลด้วยเช่นกัน
“เคล็ดวิชามังกรเพลิงเก้าโลกันต์”
กำแพงของม่านพลังส่งแสงเป็นประกายสว่างไสว เปลวไฟสีแดงลามไปทุกหนทุกแห่ง
“พวกเราถอย” ออร์โลออกคำสั่ง
แต่เพียงแค่พูดจบเท่านั้น หูพวกเขาก็ได้ยินเสียงการเสียดสีอากาศดังขึ้น เมื่อหันไปมอง สีหน้าของคนจากวิหารดวงตะวันทั้ง 11 คนก็แปรเปลี่ยน
มีดาบจำนวนมากกำลังพุ่งตกลงมาจากท้องฟ้าด้วยความรวดเร็ว
“พวกเราระวังตัว!” ออร์โลร้องตะโกน
ควับ!
ดาบหลายพันเล่มที่มีเคล็ดวิชามังกรเพลิงเก้าโลกันต์ห่อหุ้มอยู่ พุ่งตรงลงมาอย่างน่าหวาดกลัว
ดวงตาของออร์โลพรั่นพรึง รีบโคจรลมปราณแสงอาทิตย์มาห่อหุ้มร่างกายเอาไว้ ก่อนจะรวบรวมพลังสร้างเป็นลูกบอลไฟขนาดยักษ์ ยิงเข้าใส่กลุ่มดาบที่กำลังพุ่งตรงลงมา
เปรี้ยง…!
ดาบจำนวนหลายพันเล่มเหล่านั้นสลายหายไปด้วยอานุภาพของลูกบอลไฟ ทั่วบริเวณปกคลุมด้วยแสงสว่างจ้า ดูสวยงามตระการตาเป็นอย่างยิ่ง
“นี่มันอะไรกัน…”
ในจังหวะนั้น ลูกศิษย์ของวิหารดวงตะวันคนหนึ่งส่งเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว เมื่อทุกคนหันไปมอง ก็พบว่ามีมีดดาบจากที่ไหนไม่ทราบ พุ่งตรงเข้าไปปักลำคอของเขาจนทะลุ
และเวลาเดียวกันนี้เอง ลูกบอลไฟขนาดใหญ่ของออร์โลก็หมดพลัง สุดท้ายมันก็สลายตัวหายไปแล้ว มีดดาบจำนวนมากบนท้องฟ้าก็เริ่มร่วงหล่นลงมาอีกครั้ง
รอบบริเวณปกคลุมด้วยความสว่างไสวจากเปลวไฟ ดูสดใสและงดงาม
แต่ออร์โลไม่มีอารมณ์รับชมความสวยงาม มีดดาบเหล่านี้พวยพุ่งลงมาเหมือนไม่มีวันหมด และพวกมันก็อันตรายเป็นอย่างยิ่ง
ควับ! มีดดาบเหล่านั้นกำลังจะตกลงมาถึงตัวพวกเขาแล้ว
“นายท่านออร์โล ใช้ตะเกียงจ้าวตะวันเถอะครับ” ผู้ติดตามคนหนึ่งตะโกนลั่นด้วยความหวาดกลัว
ดวงตาของออร์โลเป็นประกายดุร้ายขึ้นมาแล้ว เขาคำรามออกมาด้วยความบ้าคลั่ง “จอมมารฉู่ชวิ๋น แกตายซะเถอะ!”
แต่ในตอนที่ออร์โลกำลังจะหยิบตะเกียงจ้าวตะวันออกมา ภาพตรงหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเสียแล้ว
“นี่มัน…”
ออร์โลและพรรคพวกถึงกับตกตะลึงไปในทันที
พรึบ! สายลมกรีดตัวดังหวีดหวิว หิมะโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า
ออร์โลก้าวเดินออกไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว “ฟุบ” ขาข้างหนึ่งของเขาจมหายลงไปใต้กองหิมะ
“นายท่านออร์โล ที่นี่มันที่ไหนกัน? พวกเรากำลังอยู่ที่ไหน?” ผู้ติดตามคนหนึ่งยื่นมือออกไปรองรับหิมะ และยืนดูหิมะละลายไปบนมือของตัวเอง ซึ่งหมายความว่าหิมะเหล่านี้เป็นของจริง
ออร์โลก็ไม่เข้าใจเช่นกัน รอบตัวของเขามีแต่ความว่างเปล่าที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะหลุดเข้ามาอยู่ในจักรวาลคู่ขนานหรืออย่างไรเสียแล้ว ความรู้สึกเงียบเหงาวังเวงกัดกินจิตใจ ทำให้ออร์โลอยากร้องไห้ออกมาโดยไม่มีเหตุผล
ฟู่!
เสียงที่ดังขึ้นพร้อมด้วยละอองน้ำอุ่นๆ ที่กระเด็นมาโดนแผ่นหลังของออร์โล ดึงความสนใจให้เขาต้องหันกลับไปมอง
เหล่าลูกศิษย์ของวิหารดวงตะวันกรีดร้องออกมาโดยไม่รู้ตัว
สิ่งที่ออร์โลกำลังพบเห็นอยู่ก็คือ มีแท่งน้ำแข็งแทงทะลุขึ้นมาจากใต้พื้นหิมะและเสียบทะลุร่างของหนึ่งในคณะผู้ติดตามของเขาเหมือนกับไม้เสียบอมยิ้ม
ละอองของเหลวอุ่น ๆ ที่กระเด็นมาโดนแผ่นหลังของออร์โล ก็คือเลือดที่สาดกระเซ็นมานั่นเอง
ฟุบ! แท่งน้ำแข็งอีกหนึ่งแท่งแทงทะลุขึ้นมาจากใต้พื้นดินอีกครั้ง
เปรี้ยง!
ออร์โลระวังตัวเอาไว้อยู่แล้ว แท่งน้ำแข็งนั้นจึงละลายหายไปด้วยพลังจากฝ่ามือของเขา
แววตาของออร์โลเต็มไปด้วยความอำมหิตมากยิ่งขึ้น เขาไม่ทราบเลยว่าจอมมารฉู่ชวิ๋นกำลังใช้กลวิธีใดเล่นงานพวกเขาอยู่กันแน่? วินาทีต่อมา ออร์โลก็หยิบตะเกียงทองคำที่ดูเก่าแก่และสวยงามดวงหนึ่งออกมาถือในมือ
ฉู่ชวิ๋นยืนดูเหตุการณ์อยู่ด้านนอกด้วยดวงตาเป็นประกาย ชายหนุ่มเกร็งลำตัวโคจรลมปราณเอาไว้แล้ว เมื่อเขาเห็นออร์โลหยิบตะเกียงโบราณออกมา หัวใจก็เต้นรัว ฉู่ชวิ๋นด้วยรับรู้ได้ถึงอันตรายที่แผ่ออกมาอย่างรุนแรง
แต่จุดเด่นด้านการต่อสู้ของฉู่ชวิ๋นก็คือเรื่องความเร็ว ก่อนหน้านี้ เขาสามารถขโมยแหวนมิติไปจากออร์โลโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว ซึ่งทำให้ออร์โลคอยระวังตัวมากขึ้นกว่าเดิม เพราะกลัวว่าจะถูกความเร็วของฉู่ชวิ๋นเล่นงานอีกครั้ง
ดังนั้น หลังจากที่หยิบตะเกียงจ้าวตะวันออกมาแล้ว ออร์โลก็ไม่เสียเวลาพูดอะไรอีก ออร์โลรีบโคจรพลังใส่ตะเกียงโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
ออร์โลทำเรื่องทั้งหมดนี้อย่างรวดเร็ว ไม่เปิดช่องให้ฉู่ชวิ๋นสบโอกาสเข้ามาขโมยของอีกแล้ว
ตอนนั้นเอง ออร์โลก็จุดตะเกียง
พรึบ!
เปลวไฟสีแดงสว่างไสวอยู่ภายในตะเกียงโบราณที่งดงามดวงนั้น
เปลวไฟในตะเกียงมีอุณหภูมิที่พุ่งสูงมาก มวลอากาศโดยรอบถูกเผาไหม้ระเบิดตัวดังเปรี๊ยะปร๊ะ
ทันใดนั้น ฉู่ชวิ๋นเพิ่งจะรู้สึกตื่นตระหนก ตัวของเขาถูกมวลพลังสายหนึ่งกระแทกอย่างแรง จนลอยกระเด็นไปกระแทกกับภูเขาด้านข้างเข้าอย่างจัง
ตู้ม…!
เกิดเสียงการแตกร้าวดังขึ้น สีหน้าของฉู่ชวิ๋นแปรเปลี่ยนไป ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่รอยร้าวซึ่งปรากฏอยู่บนกำแพงม่านพลังเคล็ดวิชามังกรเพลิงเก้าโลกันต์ของเขา รอยแตกร้าวนั้นขยายบริเวณมากขึ้นเหมือนใยแมงมุมยักษ์
เปรี้ยง!
แล้วม่านพลังก็สลายตัวหายไป เปลวไฟจากตะเกียงจ้าวตะวันแผดแสงสว่างไสวไปทั่วหุบเขา
ฉ่า! ฉ่า!
ก้อนหินโดยรอบเมื่อถูกเปลวไฟสาดส่องมันก็ละลายกลายเป็นลาวาเหลวทันที
นี่เป็นเปลวไฟชนิดไหนกันแน่? อย่าว่าแต่ก้อนหินที่อยู่รอบบริเวณนี้เลย แม้แต่ศิลาวิญญาณของฉู่ชวิ๋นก็ยังละลายไปด้วย
ก่อนหน้านี้ เมื่อพวกของออร์โลถูกกักตัวอยู่ด้านในม่านพลัง กลุ่มคนดูที่ชมการถ่ายทอดสดอยู่ในอินเทอร์เน็ต ก็ไม่ทราบเลยว่าเกิดอะไรขึ้นที่ด้านในม่านพลังบ้าง
ตอนนี้เมื่อม่านพลังสลายไป เปลวไฟลามเลียไปทั่ว แม้แต่ภูเขาหินก็ยังละลายกลายเป็นลาวาเหลว พื้นดินกลายเป็นทะเลเพลิงไปแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นนักสู้ยุโรปหรือจอมยุทธ์จีน ทุกคนที่รับชมการถ่ายทอดสดอยู่ต่างก็ต้องอุทานออกมาด้วยความเหลือเชื่อ
ให้ตายเถอะ…เปลวไฟเหล่านี้มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน
เปลวไฟกระจายตัวแผดเผาในวงกว้าง แม้แต่ม่านพลังสายฟ้าฟาดที่ฉู่ชวิ๋นสร้างเอาไว้กักขังตัวแองกัสก็ถูกกลืนหายไปภายใต้เปลวไฟเหล่านั้น
แองกัสไม่มีเวลาแม้แต่จะกรีดร้อง ร่างของเขาก็สลายหายไปพร้อมกับม่านพลังสายฟ้าฟาด
พื้นดินเกิดรอยร้าวกินบริเวณกว้างอย่างน่ากลัว พื้นที่รอบหุบเขาถล่มตัว ลาวาหลอมเหลวไหลซึมลงไปตามรอยแตกบนพื้นดิน
ในรัศมีหลายกิโลเมตร ไม่ว่าจะเป็นก้อนหิน ต้นไม้หรือภูเขา ต่างก็หลอมละลายกลายเป็นเถ้าถ่านไปหมดสิ้น
อุณหภูมิความร้อนแผ่กระจายขึ้นไปในอากาศสูงหลายร้อยกิโลเมตร และอุณหภูมินั้นก็ยังทวีความร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ก้อนเมฆบนท้องฟ้าก็ต้องสลายตัวไป
“พวกเรารีบถอย” ออร์โลยกมือส่งสัญญาณ บรรดาผู้ติดตามของเขาที่เหลืออยู่รีบถอนกำลังถอยห่างไปทันที ออร์โลเป็นผู้ถือตะเกียงจ้าวตะวัน จะมีม่านพลังพิเศษคอยคุ้มกันร่างกายเอาไว้ ทำให้เขาสามารถฉีกยิ้มและเดินบนลาวาเหลวได้อย่างสบายใจ
“จอมมารฉู่ชวิ๋น คราวนี้แกเสร็จฉันแน่” ออร์โลพูดด้วยน้ำเสียงอาฆาตแค้น และชูตะเกียงไปทางฉู่ชวิ๋น
ก่อนที่คลื่นความร้อนจะแผ่มาถึงตัว พื้นดินใต้เท้าของฉู่ชวิ๋นก็เกิดรอยแตกร้าว แล้วมันก็ละลายกลายเป็นลาวาเหลว
ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเป็นประกายเย็นชา หมุนมือโคจรลมปราณจำแลง ก่อนจะซัดเปลวไฟออกไปปะทะกับคลื่นความร้อนของตะเกียงจ้าวตะวัน
ฟู่! ฟู่!
แต่พลังของฉู่ชวิ๋นก็ต้องกระจายตัวหายไปเมื่อปะทะเข้ากับคลื่นความร้อนของอีกฝ่าย
“ฮ่าฮ่าฮ่า…จอมมารฉู่ชวิ๋น เมื่ออยู่ต่อหน้าตะเกียงจ้าวตะวัน แกยังกล้าอวดดีอยู่อีกไหม?” ออร์โลหัวเราะด้วยความสะใจ
เปรี้ยง!
คลื่นความร้อนและเปลวไฟแผ่กระจายมาถึงตรงเนินเขา ฉู่ชวิ๋นดีดตัวลอยขึ้นไปในอากาศแล้วเนินเขาทั้งลูกก็เปลี่ยนสภาพกลายเป็นลาวาเหลว
“จอมมารฉู่ชวิ๋น แกจะหนีไปไหน?” ออร์โลไล่ตามมาพร้อมด้วยตะเกียงจ้าวตะวัน
แต่โชคร้ายที่ความเร็วของเขาสู้ฉู่ชวิ๋นไม่ได้ ไม่ว่าจะไล่ตามมาโจมตีกี่ครั้ง ฉู่ชวิ๋นก็สามารถหลบหลีกได้ตลอดเวลา
“ฉู่ชวิ๋น เก่งจริงก็อย่าหนี ฉันจะฆ่าคนจีนให้หมดประเทศ ดูซิว่าแกจะทำอะไรได้?” ออร์โลแผดเสียงคำราม
ในขณะที่ฉู่ชวิ๋นตีลังกาถอยหลัง เขาก็สะบัดฝ่ามือ ใช้วิชาดัชนีกำราบมาร
เปรี้ยง!
นิ้วมือขนาดยักษ์ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าตรงไปที่ออร์โล พลังการบดขยี้รุนแรงเป็นที่สุด
ฟู่!
แต่เมื่อปะทะกับเปลวไฟจากตะเกียงจ้าวตะวัน นิ้วมือขนาดใหญ่ยักษ์นั้นก็หลอมละลายหายวับไปกับตา
ฉู่ชวิ๋นแววตาเย็นเยียบ นี่มันเป็นเปลวไฟอะไรกัน? เขาไม่เคยรับมือกับไฟที่แปลกประหลาดพิสดารขนาดนี้มาก่อน
ภูเขาหลอมละลาย พื้นดินกลายเป็นลาวาเหลว ไหลรวมกันกลายเป็นทะเลลาวากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา
ฉู่ชวิ๋นโคจรลมปราณและหมุนมือในอากาศอีกครั้ง
เปรี้ยง!
เมฆฝนสีดำก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้า ตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องคำรามดังครืนครัน
นี่คือเคล็ดวิชาอัสนีบาตสีม่วง บทลงทัณฑ์ สายฟ้าฟาด!
สายฟ้าพุ่งตรงลงมาจากก้อนเมฆสีดำ ตรงลงมาที่ออร์โล
ฟู่!
เปลวไฟจากตะเกียงพุ่งสูงขึ้นไปในอากาศ แล้วเมฆฝนสีดำเหล่านั้น ก็แตกสลายหายไปในพริบตาเดียว
“จอมมารฉู่ชวิ๋น แกยังมีลวดลายอะไรอีก แสดงออกมาให้หมด!” ออร์โลคำราม ยกมือขึ้นเพียงเล็กน้อย โลกทั้งใบก็เหมือนถูกแผดเผาไปกับตา
เหตุการณ์นี้ทำให้กระแสในโลกอินเทอร์เน็ตปั่นป่วนไปแล้ว ในเมืองจีน บรรดาผู้ที่เป็นกองเชียร์ฉู่ชวิ๋นเริ่มวิตกกังวล
ในทางกลับกัน บรรดาผู้ที่เป็นกองแช่งของฉู่ชวิ๋นก็หวังให้ออร์โลแผดเผาชายหนุ่มให้กลายเป็นเถ้าถ่าน
“จอมมารฉู่ชวิ๋น นี่คือผลลัพธ์ของการมาลบหลู่วิหารดวงตะวัน” ในที่สุด หลุยส์ก็รู้สึกพึงพอใจ ตลอดหลายวันที่ผ่านมาเขาถูกฉู่ชวิ๋นกวนประสาทจนหัวหมุน และทำให้วิหารดวงตะวันของเขาก็ต้องเสียหน้าไปนับครั้งไม่ถ้วน
“จอมมารฉู่ชวิ๋น ถ้าเก่งจริงก็อย่าหลบ อย่าหนี หันหน้ามาสู้กันเลยดีกว่า” ออร์โลพูดในขณะที่กระโดดไล่ตามฉู่ชวิ๋นไปพร้อมกับถือตะเกียงจ้าวตะวันอยู่ในมือ