จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 363 สารภาพรักกับนางฟ้า
บทที่ 363 สารภาพรักกับนางฟ้า
จิงหงมีพลังฝีมือที่กล้าแข็ง เธออยู่ในช่วงปลายของขั้นและพร้อมที่จะเลื่อนระดับสู่ขั้นใหม่ได้ทุกเมื่อ
การเลื่อนขั้นพลังของเธอรวดเร็วเกินไป ทำให้รากฐานไม่มั่นคง หากเลื่อนขั้นพลังตอนนี้อาจเป็นอันตรายได้ จิงหงจึงจำเป็นต้องต่อสู้จริงบ่อยๆ เพื่อให้มีรากฐานที่มั่นคงเสียก่อน ถึงจะสามารถเลื่อนระดับได้อย่างปลอดภัย
“โฮก!”
ผีดิบตัวหัวหน้าโกรธแค้นเป็นอย่างยิ่ง หมอกควันสีดำระเบิดฟุ้งในอากาศ พลันร่างกายของมันก็ขยายสูงขึ้นสามเมตร พลังลมปราณที่จิงหงซัดเข้าใส่ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง
ควับ! ควับ!
แส้ขาวตวัดฟาดพาดผ่านท้องฟ้า ตัวแส้แหวกผ่านอากาศพุ่งตรงเข้าไปที่ผีดิบอีกครั้ง
กรงเล็บผีดิบเงื้อขึ้นสูงกว่าสองเมตร หมอกสีดำหนาแน่นมากขึ้น ก่อนที่หมอกดำจะรวมตัวกันแล้วพุ่งตรงเข้าใส่แส้ขาว
เปรี้ยง…!
หลังจากปะทะกันอย่างดุเดือดอยู่หลายกระบวนท่า หัวหน้าผีดิบก็ต้องเซถอยหลังไปหลายก้าวเมื่อถูกแส้ฟาดใส่เข้าอย่างจัง พื้นดินที่เท้าของมันก้าวเหยียบลงไปเกิดเป็นรอยแตกร้าวขนาดใหญ่
จิงหงโคจรพลังลมปราณ แส้ขาวลอยตัวในอากาศอย่างสง่างาม เป็นประกายสุกใสสว่างกลางความมืดยามราตรี
มือเรียวยาวขาวผ่องของเธอโบกสะบัด
ควับ!
แส้ขาวเปล่งลำแสงสีขาวสว่างเจิดจ้า แล้วตัวแส้ก็พุ่งเข้าไปแทงทะลุร่างของหัวหน้าผีดิบ เกิดการระเบิดขึ้นตูมตาม พื้นดินแตกกระจาย
หัวหน้าผีดิบร้องโหยหวน ร่างกายขนาดใหญ่ของมันล้มคว่ำลง หน้าอกกลายเป็นรูโบ๋ เลือดสีเขียวไหลทะลักออกมาอย่างต่อเนื่อง
“เจ้ามนุษย์ผู้ต่ำตม กล้าทำร้ายข้าได้อย่างไร?” ผีดิบคำรามด้วยความโกรธแค้น บาดแผลบนหน้าอกค่อยๆ สมานตัวอย่างเชื่องช้า
จิงหงไม่ปล่อยให้โอกาสดีหลุดลอยไป เธอไม่มีทางรอให้มันสมานบาดแผลได้สำเร็จ จึงได้รีบเร่งโจมตีอีกครั้ง
แส้ขาวพุ่งตรงเข้าไปเหมือนลูกกระสุนปืน ทุกครั้งที่มันกระหน่ำฟาดลงไปบนลำตัวของผีดิบ ก็ไม่ต่างจากไม้กลองที่หวดลงไปบนกลองรบ เลือดสีเขียวสาดกระจายในอากาศ
ผีดิบผู้ร้ายกาจคำรามด้วยความบ้าคลั่ง ร่างกายของมันในขณะนี้มีรูเลือดไหลทะลักเต็มไปหมด
หมอกสีดำก่อตัวหนาแน่นมากขึ้น บาดแผลของผีดิบกำลังสมานตัว
จิงหงไม่รีบซัดพลังออกไปแล้ว แต่รอให้อีกฝ่ายสมานบาดแผลให้เสร็จสิ้น
พวกของเด็กหนุ่มถึงกับตะลึงลานไปเลยทีเดียว พวกเขาเห็นกับตาว่าหญิงสาวคนนี้ตั้งใจยั้งมือกับเจ้าผีดิบ
“เจ้ามีความสามารถเพียงเท่านี้เองหรือ?” จิงหงขมวดคิ้ว ดวงตาของเธอจ้องมองผีดิบอย่างเหยียดหยาม
“…” ผีดิบผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มโกรธแค้นมากกว่าเดิม มันเงยหน้าส่งเสียงคำราม หมอกดำหมุนตัวล้อมรอบกาย รวมตัวกลายเป็นมวลพลังงานรูปหัวกะโหลกหัวหนึ่ง
จิงหงพยักหน้าเบา ๆ รัศมีสีขาวแผ่ออกมาจากร่างกายของเธอ มันสว่างไสวเหมือนแสงจากดวงอาทิตย์ขนาดเล็ก รัศมีแสงสีขาวแผ่กระจายในวงกว้าง เมื่อกระทบถูกร่างกายของผีดิบ ก็ได้ยินเสียงกระดูกของมันแตกหักแหลกละเอียดไปทั่วร่าง
“ดูเหมือนเจ้าจะมีฝีมือเพียงเท่านี้เองสินะ” จิงหงกระซิบแผ่วเบา
ผีดิบจอมวายร้ายไม่เข้าใจว่าทำไมพลังลมปราณของอีกฝ่ายจึงได้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้
มันเป็นพลังลมปราณที่บริสุทธิ์ เต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ขาวสะอาด
จิงหงสะบัดมือ ซัดลำแสงสีขาวเข้าใส่ร่างของผีดิบอีกหลายสาย แล้วในที่สุด ร่างของมันก็ระเบิดตูม ส่งเลือดเนื้อและเศษหนังปลิวกระจายไปทั่วบริเวณ
เมื่อถึงตอนนี้ กำลังเสริมของกลุ่มเด็กหนุ่มก็มาถึงแล้ว พวกเขาทันเห็นภาพร่างของผีดิบระเบิดต่อหน้าต่อตา ทุกคนได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อด้วยความงงงัน
บนชั้นดาดฟ้าของตึกใหญ่ หยานหวูซวงรำพึงออกมา “เธอคนนี้จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตเหมือนพี่จริง ๆ”
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะ ก่อนตอบ “นายไม่สมควรดูถูกผู้หญิง”
หยานหวูซวงทำปากยื่น “ผมไม่ได้เปรียบเทียบระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงสักหน่อย”
ฉู่ชวิ๋นสีหน้าระอาใจ การสนทนาของพวกเขาจบลงเพียงเท่านั้น ชายหนุ่มทอดสายตามองไปที่ถนนด้านล่าง กำลังเสริมของกลุ่มเด็กหนุ่มที่มาถึงก็คือเฟิงจื่อเจี้ยน มู่เทียน และหลิงชิงเฟิง
“คุณชายไม่เป็นไรนะครับ?” เฟิงจื่อเจี้ยนขยับออกมาข้างหน้า
เด็กหนุ่มสั่นศีรษะ กำมือเป็นหมัดมองไปทางจิงหงพร้อมกับพูดว่า “ขอบคุณแม่นางที่ช่วยเหลือ”
จิงหงชำเลืองมองมาทางเขาและพยักหน้าอย่างเย็นชา
เด็กหนุ่มเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้พวกของเฟิงจื่อเจี้ยนได้รับฟัง
หลังจากฟังจบแล้ว พวกของเฟิงจื่อเจี้ยนก็มีสีหน้าตกตะลึง ฝ่ายตรงข้ามเป็นผีดิบที่มีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 8 แสดงว่าพลังของหญิงสาวคนนี้ต้องสูงส่งมากกว่านั้น!
“ขอบคุณแม่นางที่เข้ามาช่วยเหลือ” เฟิงจื่อเจี้ยนเอ่ยปากขอบคุณอีกครั้ง
เขารู้สึกนึกครั่นคร้ามอยู่ในใจ เมื่อไหร่บรรดาผู้อาวุโสของปราสาทจตุรเทพจะเดินทางมาถึงกันนะ? หญิงสาวคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน พวกเขาต้องมีผู้อาวุโสมาคอยคุมเชิง
จิงหงพยักหน้าอย่างเย็นชา ไม่พูดอะไร
“ผมขอถามได้ไหมว่าแม่นางมาจากสำนักใดกัน?” เฟิงจื่อเจี้ยนตัดสินใจถามออกไป ดูจากฝีมือของเธอแล้ว น่าแข็งแกร่งเท่ากับท่านเยวี่ยฟ๋านเตี๋ยเลยทีเดียว
“ไม่มีสำนัก” จิงหงตอบ
เฟิงจื่อเจี้ยนทำหน้านิ่ว แต่ดวงตาของเด็กหนุ่มก็เป็นประกายแวววาวขึ้นมา
“แม่นาง พวกเรามาจากปราสาทจตุรเทพ ถ้าท่านยังไม่มีที่พัก มาพักที่ปราสาทของผมก่อนดีไหม?” เด็กหนุ่มออกปากเชิญ
“คุณชายสี่” เฟิงจื่อเจี้ยนรีบพูดอย่างรวดเร็ว ที่มาที่ไปของหญิงสาวคนนี้ยังเป็นปริศนาและน่าสงสัย จะอนุญาตให้เข้าปราสาทจตุรเทพง่ายๆ ได้อย่างไรกัน?
แต่เด็กหนุ่มกลับไม่เห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร “ผู้อาวุโสเฟิง ผมว่าแม่นางท่านนี้น่าจะช่วยเหลือเราได้นะ อีกอย่างเธอคงไม่ใช่ผู้ร้ายหรอก”
เฟิงจื่อเจี้ยนลังเลเล็กน้อย “คุณชายแจ้งนายท่านก่อนดีไหมครับ?”
“ไม่ต้อง เรื่องนี้ฉันจัดการเอง” เด็กหนุ่มว่า
เฟิงจื่อเจี้ยนถอนหายใจ เขารู้โดยทันทีว่าคุณชายสี่ตกหลุมรักเทพธิดาผู้นี้เข้าให้แล้ว
เฟิงจื่อเจี้ยนเข้าใจดีว่าคนอื่นๆ ก็มองออกเช่นกัน
มู่เทียน หลิงชิงเฟิง และคนที่เหลืออยู่แอบพยักหน้าให้กัน หญิงสาวที่หน้าตาสวยงามขนาดนี้ ซ้ำยังมีฝีมือแข็งแกร่งถึงปานนี้ นับว่าหาได้ยากยิ่ง
“เยวี่ยฟ๋านเตี๋ย ทำตามที่คุณชายสี่บอกเถอะ” มู่เทียนพูด ถ้าหญิงสาวผู้นี้รับคำเชิญของคุณชายสี่ มันก็จะเป็นผลดีต่อตัวของคุณชายสี่เองในอนาคต เมื่อดูจากพลังฝีมือของเธอแล้ว ประโยชน์สูงสุดก็จะตกอยู่กับปราสาทจตุรเทพนั่นเอง
เด็กหนุ่มหันหน้าค้อมศีรษะให้แก่มู่เทียน แอบคิดอยู่ในใจว่า “ยังคงเป็นผู้เฒ่าท่านนี้ที่เข้าใจฉันเสมอ”
ถึงอย่างนั้น เฟิงจื่อเจี้ยนก็ยังคงลังเลอยู่ดี ประเด็นสำคัญก็คือระดับพลังของแม่นางท่านนี้น่ากลัวมากเกินไป พวกเขาไม่ทราบได้เลยว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น
“แม่นาง คุณยินดีจะมาเป็นแขกที่ปราสาทจตุรเทพของพวกผมไหม?” เด็กหนุ่มเดินเข้าไปหา พูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ
บนยอดตึกหลังใหญ่ หยานหวูซวงหัวเราะด้วยความชอบใจ “มีคนกำลังจะตีท้ายครัวพี่แล้วแฮะ ถึงฝีมือไอ้เด็กนี่มันจะไม่เอาไหนไปหน่อย แต่อย่างน้อยหน้าตาก็หล่อเหลากว่าพี่หลายเท่า”
ฉู่ชวิ๋นตัวค้างก่อนที่จะยกเท้าถีบหยานหวูซวงร่วงตกลงไปจากดาดฟ้า
“เหวอ…” หยานหวูซวงร้องลั่นด้วยความตกใจ ก่อนที่จะกัดฟันตะกายอากาศ พยายามรักษาสมดุลร่างกาย
พวกของเฟิงจื่อเจี้ยนถูกรบกวนด้วยเสียงร้องของหยานหวูซวง ทุกคนหันขวับไปมอง แล้วก็เห็นร่างของใครบางคนร่วงหล่นลงมาจากดาดฟ้าตึกใหญ่
โครม!
ร่างของคนผู้นั้นตกลงมากระแทกพื้นดินอย่างแรง เศษดินเศษหินปลิวกระจาย
“นั่นมันตัวอะไรเนี่ย?” เด็กหนุ่มตะโกนออกมาโดยไม่รู้ตัว
พวกของเฟิงจื่อเจี้ยนสืบเท้าเข้าไปดูอย่างเชื่องช้าและระมัดระวัง
“ดูเหมือนจะเป็นคน” ใครคนหนึ่งกระซิบเสียงแผ่วเบา
“ไม่ใช่ สงสัยจะเป็นผีดิบมากกว่า” ใครอีกคนชักดาบออกมาแล้ว
เฟิงจื่อเจี้ยนโคจรพลังลมปราณทั่วร่างกาย ร้องเตือนทุกคนว่า “พวกเราระวังตัว”
“โอ๊ย…เจ้าบ้าเอ๊ย อยากจะฆ่าฉันให้ตายเลยหรือไง” หยานหวูซวงคลานขึ้นมาจากหลุมบนพื้นดิน สิ่งแรกที่ทำคือยกมือสำรวจใบหน้า โชคดีที่ใบหน้าของเขาไม่เสียโฉม เนื่องจากเมื่อสักครู่นี้หน้าเกือบจะกระแทกพื้นเสียแล้ว
“คุณชายหยาน” เฟิงจื่อเจี้ยนรู้จักหยานหวูซวง เขาตกตะลึงไปไม่น้อยเมื่อเห็นหยานหวูซวงเงยหน้ามองขึ้นมา
หยานหวูซวงรู้สึกอับอายเล็กน้อย เวลาขยับร่างกายแต่ละที กระดูกก็ส่งเสียงดังกร๊อบกร๊อบพร้อมที่จะแตกหักได้ตลอดเวลา
“ผู้อาวุโสเฟิง พื้นถนนของเมืองนี้ยุบตัวง่ายเกินไปแล้วนะ ถ้าเจอทีมงานก่อสร้างเมื่อไหร่ ผมฝากจัดการด้วย”
หา!
ทุกคนได้แต่จ้องมองหยานหวูซวงด้วยความไม่เข้าใจ คุณชายหนุ่มผู้นี้กระโดดลงมาจากตึกสูง เพียงเพราะอยากจะทดสอบว่าพื้นถนนยุบตัวง่ายหรือไม่เนี่ยนะ?
“ผู้อาวุโสเฟิง คนนี้ใครกัน?” เด็กหนุ่มเดินออกมาข้างหน้าถามด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจเลยว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้ใด และปรากฏตัวขึ้นมามีเจตนาใดกันแน่
“นี่คือคุณชายหยานหวูซวง เป็นบุตรชายของท่านหยาน…”
เฟิงจื่อเจี้ยนยังพูดไม่จบ หยานหวูซวงก็พูดแทรกเสียก่อนในขณะที่จ้องมองไปยังเด็กหนุ่ม “น้องชาย นายนี่มันโชคไม่ดีจริงๆ”
“…” เด็กหนุ่มไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องราวใด หรือว่าคุณชายหนุ่มผู้นี้จะมีปัญหาทางสมอง?
เมื่อเห็นเด็กหนุ่มทำสีหน้าสงสัย หยานหวูซวงก็ชี้มือไปที่จิงหง ถามเด็กหนุ่มว่า “นายชอบเธอไม่ใช่หรือไง?”
“…” เด็กหนุ่มอ้าปากค้าง “พี่ชาย สงสัยสมงสมองคุณคงไปหมดแล้วสินะ”
“ไอ้เด็กนี่ แกว่าอะไรนะ?” หยานหวูซวงทำหน้าบึ้ง แต่แล้วดวงตากลับเป็นประกาย ยิ้มออกมาอีกครั้งตอนที่พูดว่า “ฉันเชียร์นายนะ จะบอกให้ แม่นางท่านนี้มีนามว่าจิงหง ฉายาของเธอคือเทพธิดาจิงหง”
ดวงตาของเด็กหนุ่มเป็นประกายสดใส เขาหันกลับมามองคุณชายหนุ่มผู้ไม่น่าไว้ใจที่ยืนอยู่ห่างออกไป และถามเสียงราบเรียบว่า “พี่ชายรู้จักแม่นางท่านนี้หรือ?”
หยานหวูซวงพยักหน้า “เรียกได้ว่าสนิทสนม นายสามารถถามฉันได้ทุกอย่าง”
“เธอเป็นคนของสำนักไหน?” เด็กหนุ่มถาม
“เธอไม่มีสำนักหรอก เรื่องนี้ฉันรับประกันได้” หยานหวูซวงตอบ
เด็กหนุ่มยังคงไม่อยากเชื่อ บรรดาผู้ติดตามของเขาก็เช่นกัน เป็นไปได้อย่างไรที่คนฝีมือดีระดับนี้จะไม่มีสำนักสังกัดอยู่?
เฟิงจื่อเจี้ยนที่ไม่ไว้ใจมาตลอด รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ปกติ “คุณชายหยาน คุณรู้จักแม่นางท่านนี้จริงๆ หรือครับ?”
“ก็รู้จักน่ะสิ” หยานหวูซวงกลอกตามองบน รู้ได้เลยว่าชายชราคนนี้ไม่เชื่อที่เขาพูดเลยสักนิด
“คุณชายหยานอย่าเพิ่งโกรธผู้เฒ่า กระผมแค่สงสัยก็เพียงเท่านั้น เนื่องจากมันดูเป็นไปไม่ได้เลยที่แม่นางมีฝีมือแข็งแกร่งขนาดนี้ แต่กลับไม่ได้สังกัดสำนักใด” เฟิงจื่อเจี้ยนอธิบาย
“มีอะไรแปลกตรงไหน? เดี๋ยวนี้เกิดเรื่องผิดปกติขึ้นเยอะแยะไป” หยานหวูซวงพูดด้วยน้ำเสียงดุร้าย
“พี่ชาย ตกลงว่าคุณรู้จักแม่นางท่านนี้จริงๆ หรือเปล่า?” เด็กหนุ่มถามออกมาอีกครั้ง
หยานหวูซวงอดบ่นอยู่ในใจไม่ได้ เจ้าคนพวกนี้มันน่าเบื่อเสียจริง เขาเดินตรงเข้าไปจับไหล่ของเด็กหนุ่ม แล้วพูดว่า “น้องชาย นี่เป็นโอกาสดีที่หาได้ยากยิ่ง ได้โปรดอย่าลังเล ดูจากพรสวรรค์ของนายแล้ว นี่คือคู่กิ่งทองใบหยกที่สวรรค์สรรสร้างชัดๆ การที่ได้มาพบกันในคืนนี้ มีใครไม่เชื่อบ้างว่ามันคือพรหมลิขิต?”
เด็กหนุ่มพยักหน้าตามโดยไม่รู้ตัว
“คุณชายหยาน คุณจะทำอะไร…” เฟิงจื่อเจี้ยนเริ่มตื่นตระหนกขึ้นมาแล้ว แต่หยานหวูซวงก็พูดต่อไปทันทีว่า “หากนายมีคำถามอะไร เอาไว้ถามฉันทีหลังก็ได้ แต่ก่อนอื่นนายต้องสารภาพรักก่อน”
“น้องชาย ฉันขอบอกเลยนะว่ามีผู้ชายอื่นมาตามจีบแม่นางท่านนี้อยู่เหมือนกัน ชักช้าระวังจะเสียใจเอาได้ ไม่ต้องมาคิดมากอะไรอีก เมื่อนายกับเธอได้พบเจอกัน ถือว่าสวรรค์ส่งเธอมาให้นายได้คอยดูแลแล้ว” หยานหวูซวงดึงเด็กหนุ่มเข้ามากระซิบที่ข้างหู
กล่าวได้ว่าเด็กหนุ่มตกหลุมรักจิงหงเข้าจริงๆ แล้ว การได้พบหน้ากันครั้งแรกค่ำคืนนี้ เขาถือว่าเป็นสิ่งที่สวรรค์ดลบันดาล หยานหวูซวงเห็นว่าแผนการของตนเองดำเนินไปอย่างราบรื่น เลือดลมในร่างกายของเขาก็สูบฉีดด้วยความคึกคะนอง
“แล้วถ้าเธอไม่รับรักผมล่ะ?” เด็กหนุ่มยังคงไม่มั่นใจ จิงหงมีฉายาเป็นถึงเทพธิดา การสารภาพรักต่อนางฟ้าไม่ใช่เรื่องง่าย
“นายนี่มันไม่เอาไหนจริงๆ ถ้าฉันเป็นนายนะ ฉันจะรีบสารภาพรักตั้งแต่ตอนนี้ ลูกผู้ชายตัวจริงต้องกล้าเปิดเผยความรู้สึกของตัวเอง คนเราจะมีลูกหลานได้ยังไงถ้าไม่กล้าสารภาพรัก? แบบนี้จะเรียกตัวเองว่าเป็นจอมยุทธ์ผู้เกรียงไกรในอนาคตได้หรือ?” หยานหวูซวงพูดด้วยน้ำเสียงแข็งขันเอาใจช่วย
ดวงตาของเด็กหนุ่มเป็นประกายมั่นใจมากยิ่งขึ้น เขากัดฟันกรอด รู้สึกได้ว่าหยานหวูซวงกล่าวได้ถูกต้อง ถ้าเขาไม่กล้าสารภาพความรู้สึกของตัวเอง แล้วชีวิตนี้จะทำอะไรได้อีก
“เอาเลย! ฉันจะคอยสนับสนุน” หยานหวูซวงยังคงพูดไม่หยุดปาก
เจ้าบ้าฉู่ชวิ๋น กล้าถีบฉันตกลงมาจากดาดฟ้าใช่ไหม? ค่อยดูแล้วกัน!
“คุณชายสี่” เฟิงจื่อเจี้ยนเดินเข้าไปขวางหน้าเด็กหนุ่ม
“ผู้อาวุโสเฟิง คุณทำผิดแล้ว เด็กมันรักกันคุณจะไปขัดขวางทำไม?” หยานหวูซวงเดินเข้าไปตบไหล่เฟิงจื่อเจี้ยน
เฟิงจื่อเจี้ยนได้แต่กัดฟันหันไปมองหน้าคุณชายหนุ่ม หยานหวูซวงยังคงมีสีหน้าเป็นปกติ แต่ชายชรามั่นใจเลยว่าเรื่องนี้ต้องมีอะไรแอบแฝงอยู่แน่นอน
“เอาเลย สารภาพรักเลย!” หยานหวูซวงส่งเสียงเชียร์เด็กหนุ่ม
“คุณชายสี่ ไม่นะครับ…” เฟิงจื่อเจี้ยนเพิ่งจะอ้าปากพูด ก็โดนคุณชายหนุ่มสะกัดจุดบนร่างกาย ทำให้ไม่สามารถพูดออกมาได้ชั่วคราว
เด็กหนุ่มจัดแจงเสื้อผ้า รวบรวมความกล้า ก้าวปราดตรงเข้าไปหาจิงหง
หยานหวูซวงแอบยิ้มอยู่ในใจ แต่บนใบหน้าก็ฉีกยิ้มจนปากแทบถึงรูหู ไม่ต้องเงยหน้ากลับไปมอง ก็รู้ว่าตอนนี้ฉู่ชวิ๋นจะมีสีหน้าเดือดดาลขนาดไหน