จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 372 ปะทะเดือดเลือดสาด
บทที่ 372 ปะทะเดือดเลือดสาด
หมอกควันสีดำลอยตลบอบอวลเต็มท้องฟ้า
เมื่อหัวหน้าฝูงผีดิบออกคำสั่ง บริวารของมันหลายร้อยตัวก็กระโจนออกมาข้างหน้าทันที
“ฆ่ามัน!” เยวี่ยฟ๋านเตี๋ยร้องตะโกน
จิงหงกระโดดนำหน้า สะบัดสายแส้สีขาวออกไป
ควับ! ควับ!
แส้ขาวตวัดรัดพันตัดหัวของผีดิบสองตัวลอยกระเด็นขึ้นท้องฟ้า แส้ขาวสะบัดตัวอีกครั้ง แล้วหัวผีดิบก็ระเบิด “ตู้ม”
“หญิงมนุษย์ที่น่ารังเกียจ!” หัวหน้าผีดิบร้องคำราม และโถมตัวเข้าใส่จิงหง
“เยวี่ยฟ๋านเตี๋ย วันก่อนเจ้าตัดแขนข้า วันนี้ข้าจะให้เจ้าชดใช้ด้วยชีวิต” ผีดิบที่มีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 8 ตัวหนึ่งที่เหลือแขนซ้ายเพียงข้างเดียวจากฝีมือของเยวี่ยฟ๋านเตี๋ย ตะโกนด้วยความโกรธแค้น
“วันนั้นแกหนีรอดไปได้ แต่วันนี้แกไม่รอดแน่” เยวี่ยฟ๋านเตี๋ยพุ่งเข้าหาฝ่ายตรงข้าม
“เจ้าพวกหน้าตายด้าน เข้ามาเลย ป๊ะป๋าหยานหวูซวงรอพวกแกอยู่ตรงนี้แล้ว” หยานหวูซวงคำรามขณะที่ดาบในมือของเขาเปล่งแสงเป็นประกาย ก่อนที่จะตวัดตัดเอวผีดิบตัวหนึ่งจนร่างขาดเป็นสองท่อน
“หยานหวูซวง เจ้าจะอวดดีเกินไปแล้ว!” ผีดิบขั้นจักรพรรดิระดับ 8 ตัวหนึ่งพลันกระโดดเข้ามาต่อสู้กับหยานหวูซวง
บรรดาผู้อาวุโสของปราสาทจตุรเทพก็เข้าร่วมวงต่อสู้ด้วยเช่นกัน
เลือดสาดกระจาย แขนขาขาดกระเด็น
ทันทีที่การปะทะเดือดเริ่มขึ้น ทุก ๆ ห้าก้าว ถ้าไม่มีคนหลั่งเลือด ก็ต้องมีคนล้มตาย
เปรี้ยง!
แรงระเบิดแผ่กระจายในวงกว้าง ทั้งผีดิบและจิงหงต่างคนต่างก็ถูกแรงระเบิดกระแทกลอยกระเด็นแยกจากกัน
วูบ!
แส้ขาวตวัดออกไปรัดพันลำคอผีดิบตัวหนึ่ง จิงหงอาศัยจังหวะได้เปรียบนี้รั้งตัวเองให้หยุดอยู่กับที่
เมื่อแส้ขาวกระชับแน่น หัวของผีดิบตัวนั้นก็ขาดกระเด็น
“เจ้ามนุษย์ผู้หญิงโสโครก” หัวหน้าผีดิบขั้นจักรพรรดิระดับ 9 ลอยตัวเข้ามาควักหัวใจของผู้อาวุโสปราสาทจตุรเทพด้วยมือเพียงข้างเดียว มันแก้แค้นแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน
ใบหน้าที่สวยงามของจิงหงเย็นชาปราศจากความรู้สึก ดวงตาของเธอเย็นเยียบ หญิงสาวร่ายวิชา แส้ขาวสะบัดตัวพุ่งเข้าใส่ฝ่ายตรงข้าม
ผีดิบรีบยกมือขึ้นยิงพลังลมปราณสีดำเข้าปะทะกับแส้สีขาว
เปรี้ยง! แรงระเบิดแผ่กระจาย ทั้งคนทั้งผีดิบลอยกระเด็นไปไกล
ควับ! หัวผีดิบตัวหนึ่งลอยขึ้นกลางอากาศ เยวี่ยฟ๋านเตี๋ยสามารถตัดหัวของผีดิบแขนเดียวได้สำเร็จ
ในเวลาเดียวกันนี้ หัวของผีดิบอีกตัวหนึ่งก็ลอยกระเด็น เลือดสีเขียวสาดกระจายสูงหลายเมตร หยานหวูซวงมีบาดแผลฉกรรจ์อยู่บนหน้าอก ผิวหนังฉีกขาดเหวอะหวะ แต่คุณชายหนุ่มก็เสี่ยงยอมโดนฟันหน้าท้อง แลกกับการตัดหัวคู่ต่อสู้ได้สำเร็จ
“ไอ้พวกผีเร่ร่อนข้างถนนเอ๊ย” หยานหวูซวงระเบิดเสียงหัวเราะ หันขวับกลับมาตวัดดาบฟันใส่ผีดิบชั้นปลายแถวที่อยู่ด้านข้าง ตัวขาดเป็นสองท่อนไปอีกหนึ่ง
เปรี้ยง! พลัน ผีดิบขั้นจักรพรรดิระดับ 8 ตัวหนึ่งลอบโจมตีคุณชายหยานจากด้านหลัง หยานหวูซวงกระอักเลือดออกมาจากปากคำใหญ่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองโดนอะไรเข้าไป
ฟู่! เลือดจากปากของหยานหวูซวงไหลทะลักราดรดดาบคู่กาย
“หยานหวูซวง หัวของเจ้าต้องเป็นของข้า” เมื่อเห็นดังนั้น ผีดิบขั้นจักรพรรดิระดับ 8 ก็ระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความชอบใจมันจะใช้โอกาสนี้สังหารหยานหวูซวงให้ดับดิ้น
“คุณชายหยาน” เฟิงจื่อเจี้ยนยืนอยู่ใกล้หยานหวูซวงมากที่สุด จึงรีบรุดเข้ามาช่วยเหลือทันที
ผีดิบขั้นจักรพรรดิระดับ 8 หัวเราะเยาะหยัน มันยกมือขึ้นซัดพลังลมปราณออกไปแล้วพริบตาต่อมาเสียงสวบก็ดังขึ้น ท่อนแขนที่เหยียดยาวของมันแทงทะลุหน้าอกของเฟิงจื่อเจี้ยนเลือดพุ่งกระฉูด
“ผู้อาวุโสเฟิง” ดวงตาของหยานหวูซวงเบิกค้าง คำรามเสียงดัง ตวัดดาบในมือตัดแขนของผีดิบขาดสะบั้น
ผีดิบขั้นจักรพรรดิระดับ 8 ร้องโหยหวน คิดไม่ถึงเลยว่าหยานหวูซวงจะยังคงหลงเหลือพลังเข้ามาแทรกแซงได้ มันใช้แขนอีกข้างหนึ่งที่เหลืออยู่โจมตีใส่ หยานหวูซวง
ดวงตาของหยานหวูซวงบ้าคลั่งไปแล้ว เขาไม่คิดหลบหนี
กร๊อบ!
เสียงกระดูกแตกหัก กระดูกหัวไหล่ของหยานหวูซวงแตกละเอียดไม่มีชิ้นดี คุณชายหนุ่มกัดฟันกรอด ดาบในมือของเขาส่องแสงเป็นประกายสว่างจ้า ก่อนที่จะคำรามกู่ร้องพลางแทงดาบสวนเข้าใส่หน้าอกของผีดิบเต็มแรง
“ผู้อาวุโสเฟิง” หยานหวูซวงรีบถลาเข้าไปหาชายชรา
ดวงตาของเฟิงจื่อเจี้ยนเกือบจะหรี่ปิดลงแล้ว เลือดไหลทะลักออกมาจากปากอย่างต่อเนื่อง
“ผะ…ผมไม่เสียใจเลย” ชายชราพูดออกมาได้เพียงเท่านั้น ลมหายใจก็ขาดหายไปตลอดกาล
“บ้าเอ้ย พวกแกต้องตาย!” หยานหวูซวงร้องคำราม ดวงตาแดงก่ำ
ฟู่!
เลือดสาดกระจาย เยวี่ยฟ๋านเตี๋ยซวนเซถอยหลัง บนหน้าอกมีบาดแผลเหวอะหวะ เลือดไหลทะลักเปียกชุ่ม เสื้อผ้าที่สวมใส่ถูกย้อมเป็นสีแดงฉาน ชายชราถูกผีดิบขั้นจักรพรรดิระดับ 8 สองตัวรุมเล่นงานจนตกอยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัส
เปรี้ยง!
จิงหงกับผีดิบขั้นจักรพรรดิระดับ 9 ปะทะกันอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง ทั้งสองฝ่ายต่างลอยกระเด็นไปไกลนับร้อยเมตร เลือดสีแดงไหลซึมออกมาจากมุมปาก
หัวหน้าผีดิบเดือดดาลมาก เนื่องจากบนหน้าอกของมันเกิดบาดแผลขนาดใหญ่ เลือดสีเขียวไหลทะลัก ล้วนเป็นผลงานของแส้ขาวจากจิงหงทั้งสิ้น
“ฆ่าพวกมันให้หมด!” หัวหน้าผีดิบคำรามออกคำสั่ง
ผู้อาวุโสของปราสาทจตุรเทพล้มตายคนแล้วคนเล่า บนพื้นเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสดสาดกระจาย
ฝ่ายผีดิบยกกำลังพลมาที่นี่คราวนี้ พวกมันมาพร้อมกับผีดิบขั้นจักรพรรดิระดับฝีมือสูงส่ง จำนวนไพร่พลที่ตกตายจึงน้อยกว่าฝ่ายปราสาทจตุรเทพ
“วันนี้พวกเจ้าจะต้องตายไปให้หมด ไม่มีใครมาช่วยเจ้าได้อีกแล้ว” หัวหน้าผีดิบผู้มีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 9 จ้องมองจิงหง พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอำมหิต
เปรี้ยง!
ร่างของเยวี่ยฟ๋านเตี๋ยหมุนคว้างกระอักเลือด การถูกผีดิบขั้นจักรพรรดิระดับ 8 รุมเล่นงานถึงสองตัว ทำให้ชายชราตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่มากแล้ว
แค่ก ๆ! เยวี่ยหงโป๋สังหารผีดิบตัวหนึ่งได้ ก็ถูกอีกตัวถลันเข้ามาเล่นงาน จนเกือบจะถูกควักไส้ออกมาสดๆ
บุตรชายทั้งสี่คนของนายใหญ่แห่งปราสาทจตุรเทพ ต่างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งสิ้น
กระดูกไหล่ซ้ายของหยานหวูซวงแตกละเอียด ตอนนี้คุณชายหนุ่มต่อสู้ด้วยแขนเพียงข้างเดียว แถมตอนนี้ยังไม่สามารถใช้พลังลมปราณได้อีกแล้วเขาต่อสู้ติดกันมายาวนานจนพลังลมปราณหมดลง หลังจากถูกพวกผีดิบซัดพลังลมปราณใส่ไปหลายรอบ เขาก็แทบไม่เหลือเลือดให้ไหลทะลักออกมาอีก
เปรี้ยง!
ฝุ่นผงตลบฟุ้งในอากาศ จิงหงกับหัวหน้าฝูงผีดิบเซถอยหลังไปคนละหลายก้าว ต่างฝ่ายต่างมีเลือดไหลออกมาจากริมฝีปาก ก่อนที่ร่างกายของหญิงสาวจะทรุดลงกับพื้น
“เฮอะ… ถ้ายอมแพ้เสียตั้งแต่แรก พวกเจ้าก็สบายไปแล้ว ทำไมต้องหาเรื่องเจ็บตัวกันด้วย?” หัวหน้าผีดิบเหยียดยิ้มเย้ยหยัน
เยวี่ยฟ๋านเตี๋ยกวาดสายตามองรอบตัว ดวงตาของเขาเป็นประกายเศร้าหมอง ผู้อาวุโสของปราสาทจตุรเทพถ้าไม่ตกตายไปแล้วก็อยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัส ตัวเขาเอง หยานหวูซวง จิงหง และคนอื่นๆ ที่เหลืออยู่ ก็ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้ได้อีกแล้ว
“วันนี้เยวี่ยฟ๋านเตี๋ย ทำให้บรรพบุรุษของปราสาทจตุรเทพต้องผิดหวังแล้ว” เยวี่ยฟ๋านเตี๋ยเงยหน้าคำรามใส่ท้องฟ้าด้วยความเจ็บใจ ดวงตาของเขาปรากฏความคับแค้นใจสุดขีด
“ฮ่าฮ่าฮ่า…ฆ่าพวกมันให้หมด อย่าให้เหลือคนของปราสาทจตุรเทพอยู่ในแดนพายัพอีกต่อไป ที่นี่จะต้องมีแต่เผ่าพันธุ์ผีดิบเท่านั้น” หัวหน้าฝูงผีดิบระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความบ้าคลั่ง
แปะ แปะ แปะ…!
ทันใดนั้น เสียงปรบมือดังขึ้น ตามมาด้วยการปรากฏตัวของคนสามคน
“ช่างเป็นภาพที่น่าชมดูอะไรเช่นนี้ ถือว่าการเดินทางครั้งนี้คุ้มค่าแล้ว”
เมื่อทั้งสามคนนั้นเดินเข้ามาถึง ทุกคนจึงได้รู้ว่าพวกมันเป็นชายหนุ่มหนึ่งคนและชายชราอีกสองคน บุรุษหนุ่มเดินนำหน้า เขาใส่เสื้อคลุมสีเขียวมรกต หน้าตาหล่อเหลาเป็นอย่างยิ่ง
ที่นี่กำลังเกิดการปะทะนองเลือด ทั้งสามคนปรากฏตัวอย่างกะทันหัน ทำให้การต่อสู้หยุดชะงักลงไปโดยปริยาย
“เจ้าเป็นใคร?” หัวหน้าผีดิบถาม เตรียมพร้อมรับมือฝ่ายตรงข้าม
มันไม่ได้สนใจชายหนุ่มเลย ชายหนุ่มมีระดับพลังเพียงแค่ขั้นจักรพรรดิระดับ 8 แต่ชายชราที่ติดตามมาทั้งสองคนนั้นต่างหาก ที่มีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 9 ซึ่งสร้างความลำบากใจให้แก่มันไม่น้อย
“ฉันเป็นตัวแทนของสำนักนกยูงปีศาจ คงอี้หมิง” บุรุษหนุ่มกล่าวตอบพร้อมกับค้อมตัวด้วยความนอบน้อม
หัวหน้าผีดิบจ้องมองคงอี้หมิง พูดว่า “ว่ากันว่าสำนักนกยูงปีศาจหากินอยู่แดนใต้ พวกท่านมาสนใจเรื่องราวของแดนพายัพตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“ได้โปรดอย่าเข้าใจผิด สหายผีดิบ ฉันได้ยินเรื่องราวของจอมมารฉู่ชวิ๋น
ผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือระบือไกลมาช้านาน ได้ข่าวว่าครั้งล่าสุดเขามาพำนักพักอยู่ที่ปราสาทจตุรเทพแห่งแดนพายัพ” คงอี้หมิงกล่าวตอบ
หลังจากพูดจบแล้ว บุรุษหนุ่มก็หันมาจ้องมองหยานหวูซวง ถามว่า “หรือว่านายคือจอมมารฉู่ชวิ๋น?”
“คุณชายคงถามผิดคนแล้ว มันผู้นี้ไม่ใช่จอมมารฉู่ชวิ๋น” หัวหน้าผีดิบพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “จอมมารฉู่ชวิ๋นไม่ปรากฏตัวให้ใครเห็นมา 3 ปีแล้ว ข้าคิดว่าเขาคงหวาดกลัวจนหนีเปิดเปิงไปแล้วมากกว่า”
“ดูเหมือนว่าฉันคงไม่ได้เจอจอมมารฉู่ชวิ๋นแล้วสินะ” คงอี้หมิงส่ายศีรษะด้วยความผิดหวัง
“คุณชาย ผู้เฒ่าว่าภาพลักษณ์ของจอมมารผู้นี้ก็เป็นเพียงแค่ข่าวลือเท่านั้นยังไม่ทันจะเจอพวกเราเขาก็หลบหนีไปแล้ว คราวนี้คุณชายคงต้องเดินทางเสียเที่ยวเปล่าแล้วจริงๆ” ชายชราที่ยืนอยู่ด้านหลังคงอี้หมิงพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามฉู่ชวิ๋น
คงอี้หมิงพยักหน้า ตอบว่า “นั่นน่ะสิ เมื่อเสือไม่อยู่ในป่า ลิงกังจึงถูกยกย่องให้เป็นเจ้าป่า ว่ากันว่าจอมมารฉู่ชวิ๋นกับปราสาทจตุรเทพเป็นมิตรกัน บัดนี้ปราสาทจตุรเทพกำลังพบภัยใหญ่หลวง เขาก็ยังไม่ปรากฏตัว เห็นทีคงหวาดกลัวจนไม่กล้าโผล่หัวออกมาแล้ว”
“เหลวไหล แกน่ะเก่งกล้ามาจากไหน แบบนี้สมควรโดนฉู่ชวิ๋นฆ่าตายที่สุด” หยานหวูซวงพูดด้วยความโกรธแค้น “พวกแกก็ไม่ต่างจากพวกผีดิบนั่นแหละ ถ้าฉู่ชวิ๋นอยู่ที่นี่ อย่าหวังเลยว่าจะหนีรอดจากความตายได้พ้น”
ดวงตาของคงอี้หมิงเป็นประกายดุร้าย จับจ้องมองหยานหวูซวงด้วยแววตาเย็นชา กล่าวว่า “ในเมื่อเขาเก่งกล้าขนาดนั้น แล้วตอนนี้ทำไมเขายังไม่มาช่วยนายอีกล่ะ?”
“พวกแกไม่เจอเขาก็ดีแล้ว ไม่งั้นฉันขอพนันเลยว่าพวกแกได้เสียใจแน่ๆ”
หยานหวูซวงหัวเราะเยาะ
“น่ารำคาญ!” ชายชราอีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังคงอี้หมิงตวาดลั่น ยกมือขึ้นทำท่าจะยิงพลังลมปราณออกมา
คงอี้หมิงยกมือห้ามปรามเอาไว้และยิ้มอย่างดูถูก “พวกมันใกล้ตายเต็มที อย่าเปลืองแรงของพวกเราเลย”
“สหายผีดิบ ฉันมีอะไรจะถามหน่อย” คงอี้หมิงหันขวับจ้องมองไปยังผีดิบขั้นจักรพรรดิระดับ 9
“คุณชายคง ว่ามาได้เลย” สำนักนกยูงปีศาจมีความยิ่งใหญ่เกรียงไกร แม้แต่หัวหน้าฝูงผีดิบก็ยังต้องกล่าวรับคำด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“แม่นางท่านนี้ ฉันขอได้ไหม” คงอี้หมิงชี้มือไปยังจิงหง
จิงหงมีสง่าราศีโดดเด่น รูปร่างหน้าตางดงามสะดุดตา แต่สำหรับบรรดาผีดิบแล้ว สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่พวกมันสนใจเลย
ผีดิบขั้นจักรพรรดิระดับ 9 ถามด้วยความประหลาดใจว่า “คุณชายอยากได้ตัวนางไปทำไมกัน? เท่าที่ข้าได้ยินมานางเป็นผู้หญิงของจอมมารฉู่ชวิ๋น”
“พูดจริงสิ?” ดวงตาของคงอี้หมิงเป็นประกายระยิบระยับด้วยความตกตะลึง ไม่คิดเลยว่าหญิงสาวนางนี้จะเป็นคนรักของฉู่ชวิ๋น แบบนี้ก็ยิ่งยอดเยี่ยมเข้าไปใหญ่ ถ้ามีคนทราบว่าผู้หญิงของจอมมารฉู่ชวิ๋น เปลี่ยนใจพลีกายมาติดตามเขา คงอี้หมิงคนนี้ก็คงโด่งดังไปทั่วโลกอย่างแน่นอน
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอถามอีกครั้ง สหายผีดิบจะยินยอมทำตามข้อเรียกร้องของฉันหรือไม่?” คงอี้หมิงตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าอย่างไร เขาก็จะต้องพาตัวจิงหงกลับไปด้วยให้ได้อยู่ดี
“มนุษย์สตรีทุกชีวิตล้วนแล้วแต่เป็นสมบัติของสำนักนกยูงปีศาจ ไม่มีใครสามารถขัดขวางได้อยู่แล้ว” ผีดิบขั้นจักรพรรดิระดับ 9 ระเบิดเสียงหัวเราะ พูดต่อว่า “คุณชายคง หญิงสาวนางนี้เป็นของท่านแล้ว”
สีหน้าของคงอี้หมิงแข็งกระด้างไปเล็กน้อย เจ้าศพเดินได้พวกนี้ฉลาดไม่ใช่เล่น พวกมันรู้ดีว่าความต้องการของคงอี้หมิงก็คือความต้องการของสำนักนกยูงปีศาจ ถึงแม้ว่าถ้อยคำที่หัวหน้าผีดิบพูดออกมาจะแฝงด้วยความเหน็บแนมเจ็บแสบอยู่หลายส่วน แต่เขาก็ต้องข่มใจขอบคุณมันตามมารยาท
คงอี้หมิงสลัดสีหน้าแข็งกระด้างทิ้งไป ปรับเปลี่ยนใบหน้าหล่อเหลาให้ดูมีเสน่ห์ ก่อนจะพูดออกมาในที่สุดว่า “นับจากนี้ไป เธอคือผู้หญิงของคงอี้หมิง เข้าใจไหม?”
ดวงตาจิงหงเย็นชาปานน้ำแข็ง เธอมองหน้าคงอี้หมิงด้วยความรังเกียจ
“ทำไมล่ะ ไม่อยากเป็นผู้หญิงของฉันหรือไง?” คงอี้หมิงสับสนไม่เข้าใจ ด้วยว่าเชื่อมั่นในความหล่อเหลาของตัวเองมาตลอดชีวิต ร่างมนุษย์ของเขาหล่อเหลามากพอๆ กับความงดงามในร่างนกยูง ตามความคิดของเขาแล้ว เมื่อเขายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือจิงหงจากพวกผีดิบน่าเกลียดน่ากลัว เธอต้องขอบคุณเขาสิถึงจะถูก แต่ปฏิกิริยาตอบรับของหญิงสาว แตกต่างจากสิ่งที่เขาคิดเอาไว้โดยสิ้นเชิง
หยานหวูซวงพลันเปล่งเสียงออกมาว่า “แกไปเอาความมั่นใจผิดๆ แบบนี้มาจากไหน? กล้าดียังไงยกตัวเองมาเทียบเคียงกับฉู่ชวิ๋น แถมยังกล้าตอแยเทพธิดาจิงหง ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเอาเสียเลย”
คงอี้หมิงหันหน้ากลับมาจ้องมองด้วยสายตาเย็นเยียบ ถามว่า “แกอยากตายมากใช่ไหม?”
หยานหวูซวงจ้องมองตอบกลับไปด้วยความเหยียดหยาม “ยังไงวันนี้ฉันก็ต้องตายอยู่ดี ถ้าอยากฆ่าฉันนัก ก็เข้ามาเลย”
“ฆ่าแกไปก็มีแต่ทำให้มือฉันสกปรกเท่านั้น” คงอี้หมิงแสยะยิ้ม “วันนี้ ฉันจะให้แกได้เห็นด้วยสองตาของตัวเอง เมื่อฉันแย่งชิงผู้หญิงของจอมมารฉู่ชวิ๋น ดูซิว่าจะมีใครช่วยเหลือเธอได้บ้าง?”
คงอี้หมิงหันหน้ากลับไปจ้องมองจิงหง ดวงตาเต็มเปี่ยมไปด้วยไฟราคะขณะถามว่า “ฉันจะให้โอกาสเธออีกครั้ง จะยอมมาเป็นผู้หญิงของฉันซะดีๆ หรือเธอจะยอมตายอยู่ที่นี่”
จิงหงมีสีหน้าราบเรียบ ดวงตาที่เย็นเยียบของเธอจ้องมองคงอี้หมิงด้วยความขยะแขยง แม้ไม่ต้องพูดอะไรออกมาสักคำ ก็สามารถทำลายความภาคภูมิใจของคงอี้หมิงได้อย่างราบคาบ
ดวงตาของคงอี้หมิงพลันฉายชัดด้วยความโกรธแค้น นี่คือครั้งแรกที่มีผู้หญิงกล้าทำกับมันเช่นนี้ คงอี้หมิงคำรามออกมาด้วยความเดือดดาลว่า
“จับตัวเธอมาให้ฉันเดี๋ยวนี้”
แล้วชายชราทั้งสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา ก็เดินตรงเข้ามาหาจิงหงทันที