จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 378 กลุ่มคนจากสำนักเทวามรณะ
บทที่ 378 กลุ่มคนจากสำนักเทวามรณะ
ขนนกคมเหมือนใบมีด พุ่งลงมาไม่ต่างจากลูกกระสุน
กลุ่มขนนกเหล่านั้นพุ่งลงมากระทบถูกม่านพลัง ก่อนที่จะระเบิดหายไปกลางอากาศ
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ขนนกบนปีกจริงๆ แต่เป็นมวลพลังลมปราณในรูปทรงขนนกต่างหาก
เมื่อขนนกเหล่านั้นไม่สามารถทะลุม่านพลังเข้ามาได้ จึงไม่มีใครบาดเจ็บ
แต่สำหรับมนุษย์ปักษาที่ถูกฉู่ชวิ๋นสอยร่วงลงมาบนพื้นดิน ใบหน้าแสนหล่อเหลาของมันบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บแค้น ความอวดดีหยิ่งผยองหายวับไปกับตา
มันเป็นคนของสำนักเทวามรณะ หลังจากเข้าร่วมยุทธภพแล้ว สำนักของมันก็แข็งแกร่งยากจะหาผู้ต่อกร นอกจากสำนักนกยูงปีศาจ เผ่าพันธุ์ผีดิบกับกลุ่มอำนาจเก่าที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน มันก็ไม่เคยต้องเกรงกลัวผู้ใดบนโลกใบนี้อีกเลย
แต่วันนี้ ตัวมันเองกลับถูกนายทหารธรรมดาคนหนึ่ง ใช้ปืนยิงร่วงลงมาจากท้องฟ้า
“ไปตายซะ” มนุษย์ปักษาผู้บาดเจ็บถลึงตาจ้องมองฉู่ชวิ๋นด้วยความขมขื่น ขนนกบนปีกของมันร่วงหลุดไปเป็นจำนวนมาก ยิ่งเห็นสภาพของตัวเองก็ยิ่งน่าอับอาย
ปังๆๆ…!
ฉู่ชวิ๋นหันหน้ามาชำเลืองมอง ก่อนจะรัวกระสุนยิงเข้ามาอีกชุดใหญ่
มนุษย์ปักษาหัวเราะด้วยความเย้ยหยัน ก่อนหน้านี้มันไม่ทันระวังตัว จึงโดนสอยร่วงลงมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่พวกมนุษย์คิดจริงๆ หรือว่ากระสุนปืนเหล่านี้จะสามารถทำอันตรายตนได้?
มันกระพือปีกแล้วปล่อยขนนกจำนวนหนึ่งโต้ตอบกลับไป
แต่แล้วมันก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง แทนที่ขนนกของมันจะพุ่งออกไปเหมือนลูกกระสุน ขนนกเหล่านั้นกลับระเบิดตัวกลางอากาศกลายเป็นลมปราณสีขาวก่อนหายวับไป
หลังจากนั้น มนุษย์ปักษาผู้บาดเจ็บก็ต้องส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ลูกกระสุนจากฝ่ายตรงข้ามพุ่งทะลวงปีกของมัน ทิ้งรูโบ๋ไว้จำนวนมาก เลือดสีแดงไหลทะลักออกมาอย่างเชื่องช้า เหมือนกับเป็นตาน้ำที่ผุดขึ้นมาจากใต้ดิน
“โม่ยวี่!!” มนุษย์ปักษาอีกสองตัวที่บินอยู่บนท้องฟ้าตะโกนเรียก
“แกกล้าทำร้ายคนของสำนักเทวามรณะ จงเตรียมตัวตายซะเถอะ” มนุษย์ปักษาหญิงพูดด้วยน้ำเสียงอำมหิต
ฉู่ชวิ๋นยกปืนขึ้นกราดยิงสวนกลับไป แต่คราวนี้ลมใต้ปีกของมันไม่สามารถป้องปัดกระสุนได้อีกแล้ว มนุษย์ปักษาหญิงถูกลูกกระสุนจากฉู่ชวิ๋นทะลวงปีกสีขาวเข้าไปหลายจุด เลือดเป็นสายไหลทะลักออกมาจากรูจำนวนมากบนปีกสีขาวราวหิมะคู่นั้น
มนุษย์ปักษาหญิงส่งเสียงกรีดร้อง ปีกข้างหนึ่งใช้งานไม่ได้ ร่างจึงร่วงละลิ่วลงสู่พื้นดินเหมือนนกปีกหัก
มนุษย์ปักษาหนุ่มที่เหลืออยู่อีกตัวเห็นดังนั้น ก็รีบบินเข้ามาดึงเธอกลับขึ้นไปทันที
“เธอเป็นยังไงบ้าง?” มนุษย์ปักษาหนุ่มถามด้วยความร้อนใจ
“ผู้ชายคนนี้ไม่ชอบมาพากล พวกเรารีบกลับไปตามกำลังเสริมมาดีกว่า” มนุษย์ปักษาหญิงพูดอย่างเจ็บปวด
พวกมันหันมาจ้องมองฉู่ชวิ๋นด้วยแววตาดุร้าย ก่อนจะกระพือปีกบินหนีไป
เปรี้ยง! เปรี้ยง!
แส้สีม่วงสองเส้นพลันตวัดขึ้นจากพื้นดิน เกี่ยวพันรัดข้อเท้าของพวกมันเอาไว้
“นี่มันอะไรกันเนี่ย?” มนุษย์มีปีกทั้งสองตัวพยายามใช้ขนนกเหล็กตัดสายแส้ แต่ก็ไม่เป็นผลแต่อย่างใด
ฉู่ชวิ๋นเปลี่ยนซองบรรจุกระสุน รัวยิงออกไปอีกชุดใหญ่ คราวนี้ลูกกระสุนพุ่งทะลุปีกของมนุษย์ปักษาชายเข้าเต็มๆ
มนุษย์ปักษาชายร้องโหยหวน เกือบจะร่วงดิ่งลงมา โชคดีที่ตัวมันเองกับมนุษย์ปักษาหญิงยังใช้ปีกได้คนละข้าง จึงยังช่วยกันประคองตัวกลับขึ้นไปในอากาศได้อย่างทุลักทุเล
แต่ก็เป็นเรื่องที่ยากลำบากไม่น้อย ปีกเพียงสองข้าง ต้องรองรับน้ำหนักคนถึงสองคน
“เจี่ยงเทา ไปหากระสุนธรรมดาให้ฉันหน่อย” ถึงเจี่ยงเทาจะไม่เข้าใจคำสั่ง แต่เขาก็รีบไปค้นหากระสุนเปล่ามาให้ทันที
หลังจากนั้นเพียงครู่เดียว เจี่ยงเทาก็กลับมาพร้อมลังบรรจุลูกกระสุนเปล่าจำนวนมาก
“ทุกคนเปลี่ยนมาใช้ลูกกระสุนเปล่าให้หมด” ฉู่ชวิ๋นออกคำสั่ง
หน่วยลาดตระเวนรับคำสั่งเปลี่ยนลูกกระสุนโดยไม่ตั้งคำถาม
“เปิดฉากยิงได้”
เสียงปืนกัมปนาท ลูกกระสุนปลิวว่อนเต็มท้องฟ้า
มนุษย์ปักษาทั้งสองตัวที่ลอยอยู่ในอากาศ ถึงแม้อยากจะป้องกันแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ สายแส้สีม่วงที่รัดพันข้อเท้าของพวกมันอยู่ ตวัดรัดขึ้นมากดสกัดจุดลมปราณของพวกมันเอาไว้ ส่งผลให้ตอนนี้พวกมันไม่สามารถใช้พลังลมปราณได้อีก
“บ้าเอ้ย นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” มนุษย์ปักษาทั้งสองตัวร่ำร้องด้วยความตื่นกลัว เมื่อพบว่าตนเองไม่สามารถโคจรพลังป้องกันลูกกระสุน
จากนั้น ทั้งสองตัวก็ร้องโหยหวน ลูกกระสุนเปล่าจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าไปกระแทกร่างของพวกมัน มนุษย์ปักษาทั้งสองไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ ทำได้แต่เพียงยอมรับชะตากรรมด้วยความเจ็บปวด
กระสุนเปล่าที่ปกติใช้สำหรับการฝึกซ้อมไม่สามารถฆ่าคนได้ก็จริง แต่แรงกระแทกของมันก็ทำให้หัวใจ ตับ ม้าม ปอดและอวัยวะภายในอื่นๆ ถึงกับถูกกระทบกระเทือนไปไม่น้อย
ในขณะนี้ ขนนกสีขาวลอยฟุ้งเต็มท้องฟ้า มองดูราวกับเป็นขนนกผสมกับหิมะโปรยปราย ลูกกระสุนเปล่าอีกจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าไปกระแทกที่ใบหน้า ส่งผลให้มนุษย์ปักษาทั้งสองตัวต้องส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความทรมาน
“พวกแกกล้าทำกับเราแบบนี้ พวกแกจะต้องตายอย่างทุกข์ทรมาน อย่าหวังว่าจะรอดชีวิตไปได้” โม่ยวี่ที่นอนหมดสภาพอยู่บนพื้นดินคำรามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
ฉู่ชวิ๋นหันกระบอกปืนกลับมารัวยิงลูกกระสุนใส่ศีรษะของโม่ยวี่ไม่ยั้งมือ
บรรดากลุ่มคนที่อยู่รอบบริเวณนั้นจ้องมองฉู่ชวิ๋นด้วยความตกตะลึง แต่ตอนนี้ฉู่ชวิ๋นปลอมแปลงหน้าตาเป็นคนอื่น จึงไม่มีใครจดจำเขาได้ บรรดาจอมยุทธ์ที่เห็นชายหนุ่มกราดยิงคนของสำนักเทวามรณะอย่างไม่ลังเลได้แต่ส่ายศีรษะพลางถอนหายใจ ชายหนุ่มผู้นี้จะต้องจบเห่อย่างแน่นอน มันไม่รู้ตัวเลยว่าได้ก่อปัญหาใหญ่ให้กับประเทศชาติซะแล้ว
แต่ความรู้สึกของเจี่ยงเทาและลูกน้องใต้บังคับบัญชากลับเป็นตรงกันข้าม พวกเขากำลังฮึกเหิมเป็นอย่างยิ่ง พวกเขากำลังได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับท่านนายพลฉู่ชวิ๋น แม้แต่มนุษย์ปักษาก็สามารถสังหารได้อย่างไม่เกรงกลัว
มนุษย์ปักษาชายหญิงที่ลอยตัวอยู่ในอากาศหวาดกลัวขึ้นมาแล้ว เพราะรู้ว่านายทหารหนุ่มกลุ่มนี้กล้าเข่นฆ่าพวกเขาจริงๆ
“พวกแกจะทำอะไร?” มนุษย์ปักษาหนุ่มร้องคำราม
วินาทีต่อมา ลูกกระสุนเปล่าก็พุ่งเข้าไปในปากของมัน ริมฝีปากบิดเบี้ยว ฟันกระเด็นหลุดออกมานับไม่ถ้วน
ไม่มีใครทราบว่าผู้ใดอาศัยจังหวะนี้ยิงลูกกระสุนไปที่หว่างขาของมัน ทำให้มนุษย์ปักษาหนุ่มต้องร้องโหยหวนออกมาอย่างน่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง
ในขณะเดียวกันนี้ กลุ่มลูกกระสุนเปล่าได้พุ่งเข้าไปปะทะปีกของมนุษย์ปักษาหญิงอีกหลายสิบลูก แรงกระแทกถึงกับทำให้กระอักเลือดออกมาจำนวนมาก
“พวกเรา รีบจัดการมันเร็ว” เจี่ยงเทาโบกมือเรียกลูกน้องที่อยู่ข้างกายให้รีบเข้ามาช่วยรัวกระสุน
“ไม่ต้องรีบร้อนล่ะ ฉันขอพักหน่อยก็แล้วกัน” ฉู่ชวิ๋นพูดจบก็โยนปืนกลกลับไปให้เจี่ยงเทา แล้วจึงเดินขึ้นมานั่งบนฝากระโปรงรถลาดตระเวน กอดอกรับชมการต่อสู้ด้วยความสนใจ
ปังๆๆ…เสียงปืนคำรามไม่หยุดหย่อน มนุษย์ปักษาชายหญิงร้องโหยหวนไม่หยุดหย่อน ถึงแม้ว่ากระสุนเปล่าจะไม่ทำให้ถึงตายก็จริง แต่พวกมันก็ถูกยิงจนกระอักเลือด เจ็บปวดปานใจจะขาด
ยิ่งไปกว่านั้น ปีกของพวกมันบาดเจ็บ ไม่สามารถรับน้ำหนักของกันและกันได้อีก ขณะนี้ร่างจึงค่อยๆ ร่วงโรยลงมาจากท้องฟ้าอย่างแช่มช้า
“ท่านนายพลครับ เราจะเอาไงกับไอ้สองตัวนั้นดี?” เจี่ยงเทาเข้ามาถาม
ฉู่ชวิ๋นกวักมือเรียก เจี่ยงเทาเอียงหูเข้าไปหา
“เรียกคนมาจับตัวพวกมันกลับไป ทำการวิจัยอย่างละเอียดถี่ถ้วน ดูว่าพวกมันมีจุดอ่อนที่ตรงไหนบ้าง” ฉู่ชวิ๋นกระซิบออกคำสั่ง
เจี่ยงเทาตัวสั่นเทาเล็กน้อย รู้สึกได้อย่างแท้จริงว่าฉู่ชวิ๋นอำมหิตเลือดเย็น แต่เขาก็ทราบดีเช่นกันว่ากองทัพมีหน่วยวิจัยสัตว์ประหลาดเหล่านี้เตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว
ฉู่ชวิ๋นสั่งงานเจี่ยงเทาอีกสองสามคำ
เจี่ยงเทาเดินกลับไปกวาดตามองรอบตัว พูดเสียงดังกังวานว่า “ในกรุงปักกิ่ง ห้ามผู้ใดมาบินเล่นเด็ดขาด ใครกล้าขัดขืนคำสั่งจะต้องพบกับจุดจบแบบนี้”
บรรดาจอมยุทธ์ที่ยืนอยู่โดยรอบมีสีหน้าแปลกพิกลไปทันที พวกเขาเบิกตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ หยามหน้ากันถึงขนาดนี้ แล้วรัฐบาลจะรับมือกับสำนักเทวามรณะได้อย่างไร?
“เอาตัวพวกมันกลับไป ผู้ใดก็ตามที่กล้าบินในเมืองหลวง ต้องรับโทษจำคุก 8 ถึง 10 ปี มีใครสงสัยอะไรอีกไหม?” เจี่ยงเทาพูดด้วยสีหน้าขึงขัง
ห้ามบิน? บรรดาจอมยุทธ์ที่ยืนรับฟังอยู่ไม่รู้ว่าควรทำหน้าอย่างไรดี มนุษย์ปักษาชายหญิงคู่นี้ที่มาบินเล่นในเมืองหลวง จะต้องถูกจำคุกเกือบ 10 ปีเชียวหรือ? ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงเกินไปแล้ว
ทหารสี่นายเดินตรงเข้าไปหิ้วปีกมนุษย์ปักษาชายหญิง ควบคุมตัวออกไปต่อหน้าต่อตาทุกคน
“หยุดก่อน!” พลัน เสียงหนึ่งคำรามดังมาแต่ไกล
ลมปราณสีขาวเป็นประกายหลายสายบนท้องฟ้า
แล้วมนุษย์ปักษากลุ่มนั้นก็ปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าทุกคน
พวกมันคือมนุษย์ปักษาสี่ตัว ปีกบนแผ่นหลังมีขนาดใหญ่ สวมชุดเกราะสว่างไสว ดูสวยงามและทรงพลัง
ทั้งสี่ตัวจ้องมองศพของโม่ยวี่ด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะตวัดตามองมนุษย์ปักษาชายหญิงที่ถูกควบคุมตัวอยู่ด้านล่าง พลันดวงตาของพวกมันก็ปรากฏความอำมหิตขึ้นมาแล้ว
“พวกเราถือกำเนิดมาหลายปี ยังไม่เคยมีผู้ใดในเผ่าพันธุ์เสียชีวิตมาก่อน แกกล้าฆ่าคนของฉัน ถือว่ามีความกล้าหาญอยู่ไม่น้อย” หนึ่งในมนุษย์ปักษาผู้มาใหม่กระพือปีกพูดเสียงดัง ร่างกายของมันมีรัศมีแผ่ออกมาเล็กน้อย ชวนให้เกิดความรู้สึกน่าเลื่อมใส
ฉู่ชวิ๋นพูดออกไปก่อนที่เจี่ยงเทาจะทันได้ตั้งตัว “คนของแกฝ่าฝืนกฎของเมืองหลวง ฉันขอแนะนำ จงทำตามกฎหมายไม่อย่างนั้นก็ต้องถูกลงโทษ”
“กฎหมาย? ใครเป็นคนออกกฎหมาย?” มนุษย์ปักษาอีกตัวหนึ่งคำรามด้วยความโกรธแค้น “อีกไม่นาน เมืองหลวงแห่งนี้จะต้องตกเป็นของสำนักเทวามรณะ เราจะเป็นผู้ออกกฎหมาย ไม่ใช่มนุษย์อย่างพวกแก”
เจี่ยงเทาคำรามสวนกลับไปว่า “อย่าคิดว่าแค่พวกแกมีปีกก็จะทำตัวเป็นเทวดาได้ พวกแกมันก็แค่กลุ่มสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์เท่านั้นเอง อย่าเพ้อฝันคิดจะครอบครองเมืองหลวง พวกแกรู้ไหมว่าที่นี่ใครคุม? ฉันบอกให้ก็ได้ว่าคนที่ดูแลเมืองหลวงอยู่ ก็คือท่านนายพลฉู่ชวิ๋น”
“นายพลฉู่ชวิ๋น? หรือว่าแกกำลังพูดถึงจอมมารฉู่ชวิ๋น?” หนึ่งในมนุษย์ปักษาถามออกมา
“ใช่ ท่านนายพลฉู่ชวิ๋นได้รับคำบัญชาจากกองทัพ เขาคือผู้ที่ดูแลเมืองหลวงแห่งนี้ทุกตารางนิ้ว” เจี่ยงเทาพูดออกไปแม้จะรู้สึกหวั่นใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็ปลอบใจตัวเองว่ามนุษย์ปักษาเหล่านี้คงไม่มีทางรู้ความจริง และตราบใดที่เขาอ้างชื่อฉู่ชวิ๋น ทุกอย่างก็น่าจะเรียบร้อยดี
“โลกนี้เปลี่ยนแปลงไปถึงไหนต่อไหน จอมมารฉู่ชวิ๋นหายตัวไปนาน วังมังกรเพลิงของเขาเกือบจะตกเป็นของพวกฉันอยู่แล้ว เขาจะไปเอาอำนาจที่ไหนมาดูแลเมืองหลวงได้”
“พวกแกอย่าพูดจาเหลวไหล วังมังกรเพลิงเป็นของตระกูลฉู่ หัวหน้าตระกูลฉู่ก็คือท่านนายพลฉู่ของพวกเรา พวกแกกล้าบุกรุกเมืองหลวง ได้ขออนุญาตจากเขาหรือยัง?”
มนุษย์ปักษาที่หนุ่มแน่นที่สุดในกลุ่มจ้องมองเจี่ยงเทาด้วยแววตาเหยียดหยาม “แกว่านายพลฉู่ชวิ๋นของแกเก่งนักเก่งหนา แล้วตอนนี้นายพลฉู่ไปมุดหัวอยู่ที่ไหนเสียล่ะ? ตอนนี้สำนักเทวามรณะเป็นเจ้าของเมืองหลวงแห่งนี้แล้ว ฉันขอออกคำสั่งว่าใครก็ตามที่ฆ่าคนของเรา มันผู้นั้นจะต้องตาย”
“ไร้สาระ!” เจี่ยงเทามีฉู่ชวิ๋นคอยหนุนหลัง จึงสามารถคำรามตอบกลับไปด้วยความมั่นใจ “นับจากนี้ไป ห้ามคนของสำนักเทวามรณะมาบินในเมืองหลวงอีก พวกแกจงรีบไสหัวกลับไปเดี๋ยวนี้”
“เจ้าพวกมนุษย์ต่ำต้อย อยากมีเรื่องกับฉันนักใช่ไหม” รัศมีสีขาวเปล่งประกายออกมาจากตัวของมนุษย์ปักษาผู้นั้น ในขณะที่มันกล่าวด้วยความเดือดดาล “วันนี้ฉันจะฆ่าแก มาดูกันเถอะว่าใครจะช่วยชีวิตแกได้บ้าง? อยากรู้จริงๆ ว่าท่านนายพลฉู่จะมาแก้แค้นฉันหรือเปล่า?”
ขาดคำ รัศมีสีขาวก็สว่างเจิดจ้า ขนนกเหล็กหลายร้อยเส้นลอยวนอยู่เบื้องหน้าของมัน
“แกคิดจะฆ่าคนของฉัน ฉันก็จะฆ่าแก!”
เปรี้ยง!
แต่ในวินาทีนั้น ลมปราณสีม่วงพุ่งขึ้นจากพื้นดินปะทะกับขนนกเหล็กจนระเบิดกระจายไม่เหลือชิ้นดี แล้วแส้สีม่วงเส้นหนึ่งก็ตวัดรัดลำคอของมันเล็กน้อย ก่อนที่จะกระตุกดึงร่วงลงมาจากกลางอากาศ
“นี่มันอะไรกัน…”
มนุษย์ปักษาร่ำร้องด้วยความไม่อยากเชื่อ มันพบว่าจุดลมปราณของตนเองถูกสกัด ทำให้ไม่สามารถใช้งานพลังลมปราณได้ชั่วคราว
โครม!
พื้นถนนสั่นสะเทือน แผ่นดินยุบตัว หัวของมนุษย์ปักษาตัวนั้นจมลงไปใต้พื้นดินที่เป็นหลุมลึกขนาดใหญ่
นี่มัน…บรรดาผู้รับชมเหตุการณ์โดยรอบมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาแล้ว พวกเขาต่างก็หันไปมองฉู่ชวิ๋นที่นั่งอยู่บนฝากระโปรงรถด้วยความไม่อยากเชื่อ
มนุษย์ปักษาอีกสามตัวจ้องมองเขาอยู่เช่นกัน แม้พวกมันจะไม่รู้ว่าฉู่ชวิ๋นเป็นใคร – แต่ก็รู้ว่าเขาคือคนที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์เหล่านี้แน่นอน
“โม่หลิน!” หนึ่งในมนุษย์ปักษาร้องตะโกน บินโฉบลงมาพยายามจะยกร่างเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์กลับขึ้นไป
พลัน แส้สีม่วงพุ่งออกไปตวัดรัดเข้ากับลำคอของมัน สกัดจุดลมปราณ แล้วกระชากลงมาจากกลางอากาศไม่ทันให้ตั้งตัว
โครม!
พื้นถนนคอนกรีตแตกกระจาย ขนนกปลิวว่อน มนุษย์ปักษาตัวนี้กลับต้องพบชะตากรรมที่น่าอนาถกว่าตัวก่อน ลำตัวครึ่งหนึ่งของมันจมหายลงไปใต้ผิวดิน เหลือเพียงร่างกายท่อนล่างเท่านั้นที่ชี้ท้องฟ้าโด่เด่อุจาดตา
ทุกคนจ้องมองด้วยความตกตะลึง ชายหนุ่มคนนี้อยากรนหาที่ตายนักใช่ไหม? เขาจัดการกำราบสมาชิกของสำนักเทวามรณะตัวแล้วตัวเล่า ไม่กลัวว่าจะถูกล้างแค้นบ้างหรืออย่างไร?
มนุษย์ปักษาที่เหลืออยู่อีกสองตัวสีหน้าแปรเปลี่ยนไปแล้ว พวกมันกระพือปีก ล่าถอยกลับไป
เจี่ยงเทาหัวเราะเยาะ จ้องมองมนุษย์ปักษาทั้งสองตัวที่หมดสภาพบนพื้นถนน พูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันว่า “พวกแกจะฆ่าฉันไม่ใช่เหรอ?”
เขาพูด ก่อนที่จะยกปืนขึ้นกราดยิงพวกมันด้วยความสะใจ
มนุษย์ปักษาทั้งสองตัวนั้น ตัวแรกหัวปักพื้นดิน ตัวที่สองร่างกายท่อนบนจมหายไปใต้พื้นดินทั้งหมด มีแต่ขาชี้โด่เด่ขึ้นมาเท่านั้น จุดลมปราณของพวกมันถูกสกัดกั้น หลังจากที่เจี่ยงเทารัวยิงจนหนำใจแล้ว เขาก็เดินเข้าไปเตะหว่างขาของพวกมันสุดแรงเกิด