จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 385 ดูถูกตัวเอง
บทที่ 385 ดูถูกตัวเอง
“ไม่สำคัญหรอกว่าฉันเป็นใคร” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเยาะแล้วจ้องมองมนุษย์ปักษาชราด้วยความเกลียดชัง “สิ่งสำคัญคือหลังจากนี้ไป พวกแกอย่าลืมว่าโลกนี้เป็นของมนุษย์”
มนุษย์ปักษาชราพูดอะไรไม่ออก มันเจ็บแค้นใจเป็นที่สุด มันถูกบังคับให้ต้องยอมก้มหัวต่อหน้ามนุษย์ ทำให้รู้สึกอยากจะบ้าตาย
มนุษย์ปักษาเป็นเผ่าพันธุ์ที่เชื่อมั่นในตัวเองสูง แล้วเหตุการณ์บัดซบเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
“ฉันเคารพคุณในฐานะผู้ที่แข็งแกร่ง แต่ฉันพูดแทนคนทั้งสำนักไม่ได้” มนุษย์ปักษาชราตอบในขณะที่ดวงตาเป็นประกายเย็นชา หากแผนที่ทะลุมิติยังคงอยู่ในมือของฉู่ชวิ๋น มันจะลงมือทำอะไรบุ่มบ่ามไม่ได้ สิ่งที่มนุษย์ปักษาชราทำได้ในตอนนี้ก็คือรอคอยโอกาสที่เหมาะสมเท่านั้น
“มาแต่ไหนแต่ไร มนุษย์เราเป็นมิตรกับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ยกเว้นแต่เผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษาเท่านั้น พวกแกเป็นฝ่ายที่ดูถูกเหยียดหยามมนุษย์ก่อน ไม่รู้เหมือนกันนะว่าพวกแกไปเอาความมั่นใจมาจากไหน?” ฉู่ชวิ๋นกำลังพูดถึงเรื่องที่สำนักเทวามรณะสั่งให้คนของวังมังกรเพลิงถอนกำลังออกไปจากหุบเขาเฟิงหลิน ซึ่งถือว่าเป็นการหยามหน้าฉู่ชวิ๋นมาก
ยิ่งกว่านั้น ฉู่ชวิ๋นได้ยินมาว่าพวกหยานชงบาดเจ็บ ถ้าจักรพรรดิอ๋าวหวงไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ วังมังกรเพลิงคงหลงเหลือเพียงแต่ชื่อไปนานแล้ว
จุดประสงค์ที่ชายหนุ่มเดินทางมาปักกิ่งในครั้งนี้ ก็เพื่อขับไล่เผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษาไปให้พ้นจากเมืองหลวง นี่คือการเผชิญหน้าที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นกกลายพันธุ์พวกนี้มันจองหองมากเกินไปแล้ว
ฉู่ชวิ๋นได้ยินเรื่องความเหิมเกริมของพวกมันมานับไม่ถ้วน
“ไอ้พวกมนุษย์ไก่แจ้ฟังให้ดี ฉันขอสั่งให้พวกแกอพยพออกจากเมืองหลวงก่อนมืด ฉันไม่สนใจว่าพวกแกจะกลับไปอยู่ในป่าหรือที่ไหนก็ตาม แต่ถ้าพวกแกกล้าเข้ามายุ่มย่ามกับเมืองหลวงอีก รับรองว่าได้เจอดีแน่”
บรรดามนุษย์ปักษาโกรธแค้นหัวฟัดหัวเหวี่ยง ฉู่ชวิ๋นดูถูกพวกมันมากเกินไปแล้ว
“โม่กัน แกมันไร้ความสามารถจริงๆ ปล่อยให้มนุษย์ชั้นต่ำแบบนี้ดูถูกขนาดนี้ได้ยังไง!” เสียงที่ก้องกังวานเสียงหนึ่งดังขึ้นจากระยะไกล
จุดสีขาวๆ หลายจุดปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว
“คารวะท่านผู้อาวุโสสิบ!!” เหล่ามนุษย์ปักษารีบหันกลับไปแสดงความเคารพต่อมนุษย์ปักษาผู้มาใหม่
มนุษย์ปักษาตัวนี้บินเข้ามาอย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่อึดใจก็ปรากฏอยู่ในคลองสายตาของทุกคน มันเป็นมนุษย์ปักษาวัยกลางคน แต่กลับได้รับความเคารพจากมนุษย์ปักษาที่เป็นผู้อาวุโสสูงอายุ ยิ่งไปกว่านั้น ปีกของมันยังมีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร เนื่องจากเป็นปีกที่มีประกายเป็นสีทองคำ
มนุษย์ปักษาทุกตัวแสดงความเคารพอย่างพร้อมเพรียง
“ผู้น้อยไร้ความสามารถยิ่งนัก” มนุษย์ปักษาชราก้มหน้าก้มตาด้วยความอับอายและทำให้คนอื่นได้รู้ชื่อของชายชราคนนี้เสียที ‘โม่กัน’ คือชื่อของชายชราคนนี้
หรือว่ามนุษย์ปักษาทุกตัวจะใช้สกุลโม่เหมือนกันหมด? หลายคนพากันคิดด้วยความประหลาดใจ
นอกจากผู้อาวุโสสิบแล้วก็ยังมีผู้อาวุโสของมนุษย์ปักษามาด้วยอีก 2 คน ซึ่งมีลมปราณแข็งกร้าวไม่น้อยไปกว่าโม่กันเลย
“โม่กัน แกรักษาแผนที่ทะลุมิติไว้ไม่ได้ จะกลับไปบอกพวกฉันว่ายังไง?” หนึ่งในผู้ติดตามของผู้อาวุโสสิบพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
ดวงตาของโม่กันมืดมน “ฉันจะสารภาพผิดกับผู้อาวุโสเก้าเอง เรื่องนี้ไม่ต้องรบกวนพวกคุณหรอก”
เหล่าผู้อาวุโสของเผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษาส่งเสียงหัวเราะเยาะและไม่มีใครพูดอะไรอีก
“พ่อหนุ่ม คืนแผนที่ทะลุมิติและยอมคุกเข่าคำนับเผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษาซะเถอะ แล้วฉันจะไว้ชีวิตเจ้าเอง” มนุษย์ปักษาที่เป็นผู้อาวุโสลำดับที่ 10 ออกคำสั่งให้ฉู่ชวิ๋นคืนแผนที่กลับมาเดี๋ยวนี้
เสียงมันดังกังวานไปทั่วท้องฟ้า คลื่นเสียงที่มองไม่เห็นทำให้บรรดาคนที่อยู่รอบตัวรู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันใด
“อยากได้คืนใช่ไหม? ก็มาเอาไปเองสิ” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ผู้อาวุโสลำดับที่ 10 ของสำนักเทวามรณะมีสีหน้าเย็นเชียบ พูดว่า “ฆ่ามันซะ”
พรึบ! พรึบ!
ผู้ติดตามของมันทั้งสองตัวพุ่งเข้ามาไปฉู่ชวิ๋นด้วยความเร็วปานสายฟ้าฟาด ชั่วพริบตาก็มาอยู่ตรงหน้าฉู่ชวิ๋นเรียบร้อยแล้ว พวกมันพร้อมใจกันซัดพลังลมปราณใส่ฉู่ชวิ๋นอย่างไม่ทันให้เขาได้ตั้งตัว
ฉู่ชวิ๋นยังคงมีสีหน้าเยือกเย็นอยู่เช่นเดิม ริมฝีปากของเขาบิดตัวเป็นรอยยิ้ม ในขณะที่โคจรพลังลมปราณไปทั่วร่างกาย
เปรี้ยง!
สองกำปั้นปล่อยออกไปกระแทกใส่มนุษย์ปักษาทั้งสองตัวนั้นอย่างไร้ความปราณี ลมปราณสีม่วงแผ่กระจายในวงกว้าง
สีหน้าของมนุษย์ปักษาทั้งสองตัวแปรเปลี่ยนไปแล้ว ลมปราณที่พวกมันซัดออกไปสามารถบดขยี้ก้อนหินยักษ์ให้แหลกสลายเป็นผุยผงได้อย่างง่ายดาย แต่หมัดของคู่ต่อสู้ที่ต่อยออกมามีอานุภาพร้ายแรงกว่ามาก แรงกระแทกจากหมัดทำให้พวกมันถึงกับลอยกระเด็นออกมาเลยทีเดียว
ทั้งสองตัวตื่นตระหนกแล้ว พวกมันได้ยินเสียงกระดูกของตัวเองแตกหักดังกร๊อบ ท่อนแขนบิดงอผิดรูปผิดร่าง ฟันในปากแตกหัก เลือดไหลทะลักจำนวนมาก
ผู้อาวุโสลำดับที่ 10 จ้องมองด้วยความประหลาดใจ
บรรดาผู้ที่รับชมเหตุการณ์อยู่ตกตะลึงจนเผลอกัดลิ้นตัวเอง นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว ผู้อาวุโสของพวกมนุษย์ปักษารุมเล่นงานชายหนุ่มถึงสองตัว แต่ก็ยังต้องลอยกระเด็นกลับออกมาอย่างหมดท่า
เปรี้ยง!
พื้นดินใต้เท้าฉู่ชวิ๋นพลันระเบิดตัว เศษหินเศษทรายฟุ้งกระจาย ตัวคนกระโดดออกมาข้างหน้าหลายสิบเมตร ในเวลาเดียวกัน ก็ต่อยหมัดยิงพลังเข้าหามนุษย์ปักษาทั้งสองตัวด้วยความรุนแรง
เมื่อมนุษย์ปักษาผู้เป็นเป้าหมายทั้งสองตัวเห็นดังนั้น พวกมันก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรีบล่าถอย สมรภูมิที่พวกมันถนัดที่สุดคือการโจมตีบนท้องฟ้า ทั้งสองตัวกระพือปีก ยิงขนนกเหล็กเข้าใส่ฉู่ชวิ๋น
ขนนกเหล็กที่พวกมันทั้งสองตัวยิงออกมา มีอานุภาพมากกว่าขนนกเหล็กที่ฉู่ชวิ๋นเคยเจอมาก่อนหน้านี้อย่างเทียบไม่ติด มวลพลังของมันมีความแข็งแกร่งมากกว่ากันหลายสิบเท่า สามารถเจาะทะลุเหล็กหนา ๆ ได้อย่างง่ายดาย
ฉู่ชวิ๋นสะบัดมือ เส้นไหมวิญญาณพลันปรากฏออกมา ตวัดฟาดใส่ขนนกเหล็กที่กำลังพุ่งเข้ามา
ควับ…!
บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยขนนกเหล็กที่กำลังเป็นประกายระยิบระยับ เนื่องจากถูกเส้นไหมวิญญาณฟาดสะบัดทำลายล้างจนสลายหายไป
มนุษย์ปักษาทั้งสองตัวตื่นกลัวขึ้นมาจริง ๆ แล้ว การโจมตีด้วยขนนกเหล็กเป็นอาวุธประจำเผ่าพันธุ์ของพวกมัน แต่กลับถูกฝ่ายตรงข้ามสามารถกำจัดทิ้งได้อย่างง่ายดายเหลือเชื่อ
เส้นไหมวิญญาณเลื้อยวนอยู่บริเวณแทบเท้าของฉู่ชวิ๋น ชายหนุ่มขยับปลายเท้าเพียงเล็กน้อย เส้นไหมเหล่านั้นก็ลอยตัวขึ้น และในเวลาเดียวกับที่เขาร่ายรำหมัดใส่อากาศธาตุ พลัน บังเกิดลมปราณที่ประกายสว่างไสวพุ่งออกมาจากหมัดของเขา
ลมปราณสองสายพุ่งออกไป มนุษย์ปักษาทั้งสองตัวตื่นตระหนก รู้สึกได้ถึงพลังอันหนักหน่วงจากลมปราณที่กำลังพุ่งตรงเข้ามา
พวกมันร้องคำราม พร้อมกับชักดาบทองคำออกมาจากข้างเอว
เปรี้ยง! เปรี้ยง!
เกิดการระเบิดขึ้นสองครั้ง ดาบทองคําฟาดฟันใส่ลมปราณที่พุ่งเข้ามาหาตัว มันสามารถสลายลมปราณได้ก็จริง แต่พวกมันก็ยังต้องเจอกับแรงกระแทกที่ทำให้ตัวหมุนคว้าง ดาบทองคําหลุดออกจากมือร่วงหล่นลงไปสู่พื้นดิน
มนุษย์ปักษาทั้งสองตัวตกใจมาก ควบคุมการทรงตัวไม่ได้ ร่วงละลิ่วตามดาบของตนเองไป
วูบ!
ผู้อาวุโสลำดับที่ 10 เคลื่อนไหวแล้ว มันกระพือปีกบินโฉบลงไปยังพื้นดิน รัศมีสีขาวแผ่ออกไปเป็นเกลียวคลื่น ช่วยประคองผู้ติดตามของมันทั้งสองตัวที่กำลังจะหล่นลงกระแทกถนนคอนกรีตเอาไว้ได้อย่างทันท่วงที
“ขอบคุณมากครับ ท่านผู้อาวุโสสิบ!” มนุษย์ปักษาทั้งสองตัวกล่าวด้วยความละอาย
แต่หลังจากที่พูดคำนี้ออกไปแล้ว สีหน้าของพวกมันก็แปรเปลี่ยนไป เมื่อเงยหน้าขึ้นมองด้านบน ก็พบว่ามีนิ้วมือขนาดยักษ์กำลังร่วงหล่นลงมาเหนือหัวของพวกมันกับผู้อาวุโสลำดับ 10 ที่มาช่วยชีวิตพวกมันเอาไว้
ผู้อาวุโสลำดับที่ 10 ตอบสนองอย่างรวดเร็ว ดาบทองคำปรากฏอยู่ในมือ ตวัดฟาดฟันออกไปอย่างรุนแรง ประกายดาบสีทองพุ่งขึ้นไปปะทะกับนิ้วมือขนาดยักษ์
เปรี้ยง!
พลังของทั้งสองฝ่ายปะทะกัน ดาบทองคำสามารถทิ้งรอยแผลไว้บนนิ้วมือขนาดยักษ์ได้สำเร็จ แต่นิ้วมือขนาดยักษ์ก็ยังคงร่วงหล่นลงมาเรื่อยๆ
โครม!
นิ้วมือขนาดยักษ์ร่วงลงมากระแทกพื้นดิน ทำให้พื้นถนนสั่นสะเทือนเหมือนเกิดแผ่นดินไหว แรงสั่นสะเทือนนั้นทำให้ผิวถนนเกิดรอยแตกร้าวกินบริเวณกว้าง
สิ่งที่ทุกคนกำลังเห็นได้อย่างชัดเจนในตอนนี้ก็คือ มนุษย์ปักษาทั้งสามตัวถูกนิ้วมือขนาดใหญ่ยักษ์บดขยี้ไปแล้ว
เปรี้ยง!
มันเป็นพลังที่รุนแรงระดับมหันตภัยจากธรรมชาติ ตึกอาคารพาณิชย์ที่อยู่โดยรอบถึงกับสั่นสะเทือน กระจกแก้วแตกกระจาย โดยเฉพาะรอยแตกร้าวบนพื้นถนนซึ่งกินพื้นที่กว้างราว 3 ถึง 4 เมตรที่ปรากฏขึ้นหลายสิบจุด มองไปแล้วเหมือนเปลือกไข่ขนาดใหญ่ที่ใกล้จะแตกเต็มที
เศษฝุ่นเศษดินฟุ้งตลบในอากาศ
ทุกสายตาพากันจ้องมองด้วยความลุ้นระทึก
มนุษย์ปักษาทั้งสามตัวนั้น นอกจากผู้อาวุโสระดับที่ 10 ที่มีเหงื่อท่วมใบหน้าราวกับคนที่เพิ่งขึ้นจากน้ำแล้ว ผู้ติดตามมันอีกสองตัวอยู่ในสภาพที่เสื้อผ้าขาดวิ่น นอนหมอบอยู่กับพื้น ปีกสองข้างเปียกโชกด้วยเลือดสีแดงสด เช่นเดียวกับปากที่มีเลือดไหลทะลัก ถ้าไม่มีผู้เป็นเจ้านายคอยคุ้มครองอยู่ พวกมันก็คงร่างกายแหลกสลายไม่เหลือชิ้นดี
บรรยากาศอยู่ในความเงียบ ได้ยินแม้แต่เสียงเข็มตก
น่ากลัวที่สุด บุรุษหนุ่มผู้นี้เป็นมนุษย์จริงๆ หรือ? ทำไมเขาถึงได้มีความน่ากลัวยิ่งกว่าบรรดาสัตว์ร้ายกลายพันธุ์เสียอีก
โม่กันกระพือปีกบินกลับขึ้นไปรวมกลุ่มเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์บนท้องฟ้า ดวงตาของมันเป็นประกายคมกริบ หัวใจเต้นระรัว โชคดีที่ก่อนหน้านี้มันระวังตัวไว้อยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นคงได้พบจุดจบน่าอนาถ
ทำไมชายหนุ่มมีฝีมือแข็งแกร่งถึงเพียงนี้? ปีกซ้ายและขวาของมันแทบจะขยับไม่ไหวแล้ว
ในขณะนี้ แม้แต่บรรดาสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์ที่รับชมการถ่ายทอดสดอยู่ทางบ้าน ก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออกเช่นกัน นี่คือการต่อสู้อันน่าสะเทือนขวัญ พวกมันอดถามไม่ได้ว่าถ้าเปลี่ยนเป็นตนเอง พวกมันจะมีโอกาสชนะมากน้อยสักแค่ไหน?
รูปแบบการต่อสู้ของฉู่ชวิ๋นตรงไปตรงมาและเด็ดขาดรุนแรง ไม่มียั้งมือแม้ฝ่ายตรงข้ามจะบาดเจ็บ ศัตรูก็คือศัตรู ใจอ่อนกับศัตรูก็มีแต่จะเป็นเภทภัยกับตัวเองเท่านั้น
วูบ!
ฉู่ชวิ๋นลอยตัวเข้าใส่มนุษย์ปักษาทั้งสองตัวที่นอนหมอบอยู่บนพื้น ก่อนที่เขาจะต่อยใส่พวกมันตรง ๆ
ผู้อาวุโสลำดับที่ 10 ของสำนักเทวามรณะกระพือปีก ใช้สายลมพัดพาร่างของบริวารให้ไถลออกไป หลังจากนั้น ตัวมันจึงตวัดดาบในมือฟาดฟันใส่ลมปราณจากกำปั้นของฉู่ชวิ๋น
เปรี้ยง! เปรี้ยง!
เสียงระเบิดดังสนั่น พลังจากกำปั้นปะทะเข้ากับพลังจากดาบทองคำ เสียงระเบิดแผดดังจนทุกคนหูอื้อ ผู้อาวุโสลำดับที่ 10 ถึงกับลอยกระเด็นไปข้างหลังหลายสิบเมตร ร่างร่วงดิ่งกระแทกพื้นดินเกิดเป็นรอยแตกร้าวขนาดใหญ่
ทุกคนโห่ร้องด้วยความตกตะลึง แม้แต่ผู้อาวุโสลำดับที่ 10 ของสำนักเทวามรณะ ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของบุรุษหนุ่มผู้นี้
ผู้อาวุโสลำดับที่ 10 ใบหน้าซีดขาว มันถูกฝ่ายตรงข้ามเล่นงานต่อหน้าต่อตาทุกคน นอกจากทำให้ตกตะลึงแล้ว ใบหน้าของมันยังร้อนผ่าวด้วยความอับอายอีกด้วย
ในเวลาเดียวกันนี้เอง มันถึงได้รู้ซึ้งแล้วว่าคู่ต่อสู้แข็งแกร่งมากขนาดไหน แม้แต่มันก็ไม่ใช่คู่ต่อกร
ฉู่ชวิ๋นยังคงมีแววตาเย็นชา และเดินหน้าสู้ต่อไป
ผู้อาวุโสลำดับที่ 10 เห็นว่าฉู่ชวิ๋นกำลังโคจรพลังลมปราณ มันขยับปีกบินกลับขึ้นไปบนท้องฟ้า พร้อมกันนั้นก็ควงดาบตวัดฟาดฟันออกไป
ฉู่ชวิ๋นโคจรพลังลมปราณไม่หยุด เห็นแล้วว่าประกายดาบสองสายกำลังพุ่งเข้ามาหาตัว เขาจึงยกมือขึ้นยิงพลังสวนกลับไป
เปรี้ยง!
พื้นดินระเบิด ฉู่ชวิ๋นดีดตัวขึ้นกลางอากาศ ถลาร่อนเข้าไปหากลุ่มผู้อาวุโสของมนุษย์ปักษา
ลมปราณสองสายพวยพุ่งออกมาจากกำปั้นของฉู่ชวิ๋น ส่งเสียงดังแสบหูในขณะที่มวลพลังแหวกอากาศ พุ่งตรงเข้าใส่ฝ่ายตรงข้ามอย่างหนักหน่วง
เมื่อเห็นดังนี้ ดวงตาของผู้อาวุโสลำดับที่ 10 ก็เป็นประกายเย็นเยียบ มันตวัดดาบในมือ สามารถปัดป้องลมปราณชุดแรกได้ แต่ในวินาทีที่มันเสียสมาธินั้นเอง ลมปราณอีกชุดหนึ่งก็ถูกยิงเข้าใส่ปีกบนแผ่นหลัง เกิดเป็นการระเบิดของลำแสงสีขาวเจิดจ้า
เปรี้ยง! เปรี้ยง!
ปีกสีขาวทั้งสองข้างของผู้อาวุโสลำดับที่ 10 ระเบิดตัวอย่างรุนแรง มันร้องเสียงโหยหวนในขณะที่ร่างกายหมุนควงสว่านพุ่งดิ่งลงสู่พื้นโลก
โครม!
ร่างของผู้อาวุโสลำดับที่ 10 ร่วงลงมากระแทกเข้ากับก้อนหินขนาดใหญ่น้ำหนักหลายพันปอนด์
ฉู่ชวิ๋นกระโดดกลับมายืนอยู่บนพื้นดิน ก่อนจะสับเท้าวิ่งเข้าใส่ฝ่ายตรงข้ามอีกครั้ง
ดวงตาของผู้คนที่รับชมอยู่รอบบริเวณเบิกโพลง เริ่มคิดอย่างจริงจังว่า หรือบุรุษหนุ่มผู้นี้จะเป็นทายาทของเทพเซียนบนสวรรค์?
เมื่อเทียบกับมนุษย์ปักษาพวกนี้ ฉู่ชวิ๋นยังดูมีความเป็นสัตว์ร้ายกลายพันธุ์มากกว่าเสียอีก
ก่อนหน้านี้ มนุษย์ปักษาจากสำนักเทวามรณะได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีความแข็งแกร่งที่สุด แต่ขณะนี้กลับถูกมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งย่ำยีครั้งแล้วครั้งเล่า นับว่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
เปรี้ยง!
ก้อนหินใหญ่แตกกระจาย ผู้อาวุโสลำดับที่ 10 ตะเกียกตะกายออกมาจากกองก้อนหิน บนปีกมีเลือดไหลซึม ขนนกจำนวนมากหลุดร่อนออกไป ดูน่าอับอายเป็นอย่างยิ่ง
มันจ้องมองฉู่ชวิ๋นที่กำลังพุ่งตรงเข้ามาหา พลัน ขยับปีกบินกลับขึ้นไปบนท้องฟ้า คราวนี้บินสูงขึ้นไปหลายพันกิโลเมตร เพื่อหนีให้ห่างจากฉู่ชวิ๋นให้มากที่สุด
ผู้อาวุโสลำดับที่ 10 จ้องมองฉู่ชวิ๋นด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยไอสังหาร พูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “เป็นแค่มนุษย์ต่ำต้อยอวดดีจริง ๆ เลยนะ กล้าดีอย่างไรมาดูหมิ่นพวกเราเผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษา วันนี้แหละฉันจะต้องฆ่าแกให้ได้”
“ฉันกลัวว่าแกจะเก่งแต่ปากน่ะสิ?” ฉู่ชวิ๋นกระทืบเท้าลงบนพื้น ดีดตัวขึ้นกลางอากาศ และยิงพลังลมปราณใส่ฝ่ายตรงข้าม
คราวนี้ ผู้อาวุโสลำดับที่ 10 ไม่ได้หลบหนีอีกต่อไปแล้ว ดวงตาของมันเย็นเยียบ เพียงแค่พลิกฝ่ามือหนึ่งครั้ง เขี้ยวสัตว์สีขาวราวหิมะขนาดใหญ่ที่มีความยาวหลายสิบเซนติเมตรเขี้ยวหนึ่ง ก็ปรากฏขึ้นในมือของมัน
พลังปีศาจลอยออกมาจากเขี้ยวสัตว์อย่างรุนแรงมาก ทำให้ทุกคนที่อยู่รอบบริเวณรู้สึกเสียวสันหลังวาบ เพียงแค่จ้องมองเขี้ยวสัตว์นี้ พวกเขาก็รู้สึกเหมือนหัวใจจะหยุดเต้นแล้ว
พลังลมปราณสีขาวที่แผ่ออกมาจากมือของผู้อาวุโสลำดับที่ 10 ถูกเขี้ยวสัตว์โบราณดูดซับไปจนหมดสิ้น หลังจากนั้น มันก็นำหยดเลือดของตัวเองหยดลงไปบนเขี้ยวใหญ่สีขาวนี้
บังเกิดรัศมีสีแดงแผ่ออกมาจากเขี้ยวสัตว์โบราณทันที พร้อมกับที่เขี้ยวสัตว์เขี้ยวนี้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
“เจ้ามนุษย์ต่ำต้อย นี่คือเขี้ยวนูเอะยักษ์ในตํานาน ต่อให้แกมีสามเศียรหกกร ก็อย่าหวังเลยว่าวันนี้จะรอดไปได้” เสียงของผู้อาวุโสลำดับที่ 10 คำรามออกมาด้วยความโกรธแค้นและมุ่งหมายมาดมั่น