จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 387 กวาดล้างมนุษย์ปักษา
บทที่ 387 กวาดล้างมนุษย์ปักษา
ดวงตาของฉู่ชวิ๋นสีแดงก่ำ ร่างกายของเขามีพลังลมปราณพวยพุงในขณะที่ขี่อยู่บนแผ่นหลังของมนุษย์ปักษาคนหนึ่ง
มนุษย์ปักษาคนนั้นกระพือปีก ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
ฉู่ชวิ๋นกระชากเส้นผมของมันใช้เป็นคันบังคับทิศทางซ้ายขวา เมื่อกระชากหัวของมนุษย์ปักษาไปทางขวา มนุษย์ปักษาก็จะบินไปทางขวาจริง ๆ
ควับ!
มนุษย์ปักษาอีกคนหนึ่งลอบเข้ามาโจมตีทางด้านหลัง แต่ฉู่ชวิ๋นก็โน้มคนมาข้างหน้าและตวัดขาขวาเตะกลับหลังไป
เคล้ง!
ดาบในมือของมนุษย์ปักษาแตกกระจายเป็นเสี่ยง เลือดสาดกระจายออกจากปากในขณะที่คนลอยกระเด็นออกไป เพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ของมันอีกหลายคนที่อยู่ด้านหลังหลบไม่ทัน จึงถูกกระแทกเข้าไปเต็มแรง กระดูกแตกหัก และพากันร่วงดิ่งลงสู่พื้นโลกไปทั้งกลุ่ม
ฉู่ชวิ๋นลุกขึ้นยืนบนแผ่นหลังของมนุษย์ปักษา กระทืบเท้าด้วยความโกรธแค้น มนุษย์ปักษาคนที่อยู่ใต้เท้าของเขาส่งเสียงร้องโหยหวน กระดูกสันหลังของมันแตกละเอียด ร่วงละลิ่วลงสู่พื้นดินไปอีกคน
แต่จังหวะนั้น ฉู่ชวิ๋นกระโดดไปบนแผ่นหลังมนุษย์ปักษาอีกคนหนึ่ง ส่งผลให้ปีกของมันแตกหัก เลือดสาดกระจาย หมุนควงสว่านลงสู่พื้นโลกเป็นคนต่อมา
ฉู่ชวิ๋นกระโดดครั้งแล้วครั้งเล่า มนุษย์ปักษาจำนวนนับไม่ถ้วนหลังหัก และต้องร่วงหล่นจากท้องฟ้า
ฉู่ชวิ๋นกระโดดจากแผ่นหลังของมนุษย์ปักษาคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง ไม่ต่างจากใช้เท้าบดขยี้แมลงเลยแม้แต่น้อย
บรรดามนุษย์ปักษาร่วงหล่นจากท้องฟ้าราวกับใบไม้ร่วง
โครม…!
มนุษย์ปักษาเหล่านั้นที่ร่วงลงมาจากกลางอากาศ ตกกระแทกพื้นดิน กองรวมกันอยู่ในหลุมขนาดใหญ่คนแล้วคนเล่า
ตราบใดที่ฉู่ชวิ๋นยังคงอยู่ พวกมันก็ไม่สามารถโงหัวขึ้นมาได้เลย บางคนเมื่อตกกระแทกพื้น ก็ถึงกับร่างกายแหลกสลายไม่เหลือชิ้นดี
ในขณะนี้ มนุษย์ปักษาที่ยังเหลืออยู่ พร้อมใจกันบินหลบหนีให้ห่างไกลจากฉู่ชวิ๋นเหมือนฝูงนกแตกรัง เนื่องจากภายในเวลาเพียงไม่กี่นาทีมนุษย์ปักษามากกว่า 20 คนถูกเหยียบย่ำและสังหาร
เส้นไหมวิญญาณปรากฏขึ้นในมือของฉู่ชวิ๋นเป็นแส้ เขาตวัดแส้ข้ามอากาศออกไป สายแส้รัดพันข้อเท้าของมนุษย์ปักษาคนหนึ่งที่กำลังจะบินหลบหนี และเพียงแค่เขาสะบัดมือ มนุษย์ปักษาคนนั้นก็หมุนตีลังกา
ฉู่ชวิ๋นเหวี่ยงมันลงไปบนพื้นดิน ก่อนที่จะกระโดดไปบนแผ่นหลังของมนุษย์ปักษาคนใหม่
แส้สะบัดออกไปอีกครั้ง รัดพันมนุษย์ปักษาได้อีกคนหนึ่งฉู่ชวิ๋นกระชากอีกฝ่ายให้เข้ามาใกล้
เปรี้ยง!
มนุษย์ปักษาคนที่ฉู่ชวิ๋นยืนอยู่บนแผ่นหลังกระดูกสันหลังหักขาดครึ่ง ชายหนุ่มกระโดดขึ้นไปบนแผ่นหลังของมนุษย์ปักษาคนที่เขาใช้แส้กระชากให้เข้ามาใกล้ด้วยความว่องไว
ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ มนุษย์ปักษาคนนั้นคนสั่นด้วยความตื่นกลัว ดวงตากลอกจนเห็นแต่ตาขาว จนเป็นลมหมดสติ ร่วงหล่นลงจากกลางอากาศเสียอย่างนั้น
ฉู่ชวิ๋นไม่มีคนไหนให้ขี่หลังได้อีกแล้ว ร่างของเขาจึงค่อย ๆ ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าเช่นกัน
ดวงตาของบรรดามนุษย์ปักษาระดับผู้อาวุโสกลายเป็นสีแดงก่ำด้วยความเคียดแค้นเหมือสัตว์ร้ายผู้บาดเจ็บ แต่อาการบาดเจ็บของพวกมันหนักหนามากเกินไป จึงทำได้แต่เพียงเฝ้าดูฉู่ชวิ๋นกระทืบบริวารของพวกมันร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าทีละคนๆ
“เลิกแกล้งทำเป็นสุภาพชนได้แล้ว พวกแกดูถูกมนุษย์มากนักไม่ใช่หรือไง ทีนี้รู้หรือยังล่ะว่ามนุษย์กับไก่แจ้อย่างพวกแกแตกต่างกันมากแค่ไหน?”
ฉู่ชวิ๋นมีเส้นไหมวิญญาณรองรับอยู่ใต้ฝ่าเท้า ร่างของเขาจึงมีจุดรับน้ำหนักในขณะที่ค่อย ๆ ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า
ฟรึบ!
แส้เส้นไหมวิญญาณตวัดออกไป เฆี่ยนตีลงไปบนแผ่นหลังของมนุษย์ปักษา ปีกของพวกมันขาดสะบั้น ทำได้แต่เพียงร้องโหยหวนอย่างหมดหวังเมื่อร่างร่วงดิ่งลงจากกลางอากาศ
ในขณะนี้ ทุกผู้คนต่างเฝ้าดูเหตุการณ์ด้วยความสะเทือนขวัญ เสียวสันหลังวาบ มือและเท้าเย็นเฉียบ
มนุษย์ปักษา เผ่าพันธุ์ที่ได้ชื่อว่ามีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง บัดนี้กลับถูกมนุษย์สังหาร จนต้องร่ำร้องหาพ่อหาแม่เสียแล้ว
ในท้องฟ้าเต็มไปด้วยเสียงร้องโหยหวนด้วยความตื่นกลัวของมนุษย์ปักษา ปีกของพวกมันขาดกระจุยในขณะที่พยายามประคองคนลงสู่พื้นดินด้วยความยากลำบาก
สุดท้ายแล้ว กองทัพมนุษย์ปักษานับร้อยคนก็สามารถหนีรอดไปได้เพียงไม่กี่สิบคนเท่านั้น และไม่ใช่เพราะว่าพวกมันสามารถบินได้รวดเร็ว แต่เป็นเพราะว่าฉู่ชวิ๋นเลือกที่จะไม่ติดตาม ไม่เช่นนั้นแล้ว พวกมันคงไม่อาจหนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว
ฉู่ชวิ๋นกระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนแผ่นหลังของมนุษย์ปักษาคนหนึ่ง ซึ่งมันกำลังตื่นกลัวคนสั่น กระพือปีกบินอย่างอึดอัดใจ น้ำตาไหลนองใบหน้า
มันกำลังหวาดกลัวว่าคนเองจะไม่มีโอกาสได้โผบินอีก มันกำลังหวาดกลัวว่าจะโดนฉู่ชวิ๋นกระทืบแผ่นหลังและส่งมันลงไปกองเป็นเศษเนื้ออยู่บนพื้นดิน
“บินกลับลงไป” ฉู่ชวิ๋นออกคำสั่ง
ถึงแม้ว่ามนุษย์ปักษาคนนี้จะกำลังหวาดกลัวจนคนสั่นระริก แต่มันก็ยังสามารถรักษาการทรงตัวได้อย่างดีเยี่ยม มันรีบปฏิบัติตามคำสั่งทันที ด้วยกลัวว่าถ้าทำให้ฉู่ชวิ๋นรู้สึกขุ่นเคืองใจและความตายอาจจะมาถึงในพริบตาต่อมา
ปกติแล้ว เวลาที่มนุษย์ปักษาร่อนลงมาบนพื้นดิน มันจะใช้เท้าสัมผัสพื้นเป็นสิ่งแรก แต่ครั้งนี้มันนอนหมอบอยู่กับพื้น รอคอยให้ฉู่ชวิ๋นกระโดดลงไปจากแผ่นหลัง
“เชื่อฟังดีมาก” ฉู่ชวิ๋นกล่าวชมเชย
มนุษย์ปักษาคนนี้ยังคงหมอบคลานอยู่บนพื้น ไม่ขยับเขยื้อน
ผู้คนที่อยู่รอบบริเวณไม่กล้าหายใจ ได้แต่จ้องมองฉู่ชวิ๋นด้วยดวงตาเบิกโต บุรุษหนุ่มผู้นี้ยังคงเป็นมนุษย์อยู่จริง ๆ หรือ? เขามีความดุร้ายมากยิ่งกว่าพวกสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์หลายร้อยเท่า แถมยังแข็งแกร่งมากด้วย
เพียงพริบตาเดียว มนุษย์ปักษาก็ถูกกกวาดล้างไปเกือบหมดสิ้นแล้ว
บรรดาสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์ ได้แต่เฝ้าชมการถ่ายทอดสดอยู่ในความเงียบ
“ขอถามหน่อยสิ ตอนนี้พวกแกมนุษย์ปักษามีกันอยู่กี่คน?” ฉู่ชวิ๋นถามมนุษย์นกกลายพันธุ์ที่หมอบอยู่ข้างคน
“มี 300 คนครับ ผู้เป็นหัวหน้าใหญ่คือผู้อาวุโสเก้า”
“พวกแกซ่อนคนอยู่ที่ไหน?”
มนุษย์ปักษาคนนี้ชำเลืองมองไปยังผู้อาวุโสลำดับที่ 10 ซึ่งกำลังกรีดร้องและพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากระยะไกล หลังจากนั้น มันก็รีบก้มหน้าก้มตาพูด “ซ่อนคนอยู่ทางตอนเหนือของเทือกเขาครับ แต่ม่านพลังแข็งแกร่งมาก มีแต่ขั้นจักรพรรดิระดับ 9 ขึ้นไปเท่านั้นถึงจะเข้าออกได้”
“ไอ้ปากสว่างเอ๊ย” ผู้อาวุโสลำดับที่ 10 คำรามด้วยความเจ็บใจ
มนุษย์ปักษาคนนั้นคนสั่นหนักมากกว่าเดิม
ฉู่ชวิ๋นหันขวับมายิงพลังลมปราณสีม่วงออกไป
เปรี้ยง!
ศีรษะของผู้อาวุโสลำดับที่ 10 พลันระเบิดกระจุย ไม่สามารถตายได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว
ฉู่ชวิ๋นหันกลับมาก้มหน้ามองมนุษย์ปักษาที่นอนหมอบอยู่ข้างเท้าของเขา ถามว่า “แล้วตอนนี้พวกแกคนที่เหลืออยู่ไหน?”
“ปิดล้อมวังมังกรเพลิงอยู่ครับ” มนุษย์ปักษาตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ฉู่ชวิ๋นชะงักไปเล็กน้อย ก่อนกระโดดขึ้นหลังมันอีกครั้ง และพูดว่า “รีบพาฉันไปที่วังมังกรเพลิงเดี๋ยวนี้”
มนุษย์ปักษาคนนั้นจะกล้าพูดอะไรได้ มันทำได้แต่เพียงกระพือปีกและพาฉู่ชวิ๋นบินขึ้นไปบนท้องฟ้าเท่านั้น
ฉู่ชวิ๋นก้มหน้าลงมองไปยังบรรดาจอมยุทธ์ที่กำลังทำการถ่ายทอดสด เสียงพูดของเขาดังกึกก้องไปทั่วแผ่นฟ้าว่า “สำหรับพวกมนุษย์กลายพันธุ์ที่นิสัยดี ๆ ทั้งหลาย พวกแกจงจำเอาไว้ซะว่าโลกนี้เป็นของมนุษย์ ถ้าอยากอยู่ด้วยกัน ก็จงปฏิบัติตามกฎของมนุษย์ ไม่เช่นนั้นแล้ว พวกแกจะต้องถูกกวาดล้างไปให้หมด”
คำพูดเหล่านี้นอกจากจะทำให้บรรดาจอมยุทธ์ที่อยู่รอบบริเวณรู้สึกตื่นกลัวแล้ว ก็ยังทำให้เหล่าคนประหลาดมนุษย์กลายพันธุ์ที่รับชมการถ่ายทอดสดอยู่ทางบ้าน รู้สึกหนังหัวชายิบขึ้นมาทันที
เมื่อเห็นว่ามนุษย์ปักษาคนนั้นพาฉู่ชวิ๋นบินจากไปแล้ว ทุกคนก็พร้อมใจกันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเป็นอย่างยิ่ง
“เดินทางปลอดภัยนะครับ ท่านนายพล”
เจี่ยงเทานำลูกน้องออกมายืนทำความเคารพไปยังทิศทางที่ฉู่ชวิ๋นบินหายไป
“ดูแลอย่าให้ใครมายุ่งกับศพ พวกเราต้องเก็บทุกศพกลับไปวิจัยต่อ” เจี่ยงเทาออกคำสั่ง
มนุษย์ปักษาเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์กลายพันธุ์ชนิดหนึ่ง ถือว่ามีข้อมูลด้านงานวิจัยที่ล้ำค่า
“อย่าขยับดีกว่านะ” เจี่ยงเทาพลันตะโกนออกมา
ในขณะนี้ มีจอมยุทธ์จำนวนไม่น้อยกำลังจ้องมองดาบทองคำของมนุษย์ปักษาด้วยดวงตาแวววาว ดาบทองคำเหล่านี้ตีขึ้นมาจากทองคำศักดิ์สิทธิ์ มีคุณภาพเทียบเคียงได้กับอาวุธลึกลับ ซึ่งทำให้ใครหลายคนรู้สึกอยากได้มาครอบครองเป็นอย่างยิ่ง
เจี่ยงเทาตะโกนออกมาแบบนั้น ทำให้พวกมันได้สติขึ้นมาทันที
“พี่ชาย มีดาบทองคำมากมายขนาดนี้ ผมขอแค่เล่มเดียวเท่านั้น ส่วนที่เหลือคุณก็เอากลับไปเถอะ” จอมยุทธ์คนหนึ่งที่อยากได้ดาบทองคำมากจนหน้ามืดตามัว ยังพยายามหาทางเจรจาด้วยความหวังลม ๆ แล้ง ๆ
“ถ้าอยากได้ ก็ต้องข้ามศพพวกเราไปก่อน” เจี่ยงเทาตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง
การต่อสู้ของฉู่ชวิ๋นช่วยยกระดับสถานะให้กับมวลมนุษยชาติ เจี่ยงเทาไม่รู้สึกเกรงกลัวอีกฝ่ายที่เป็นจอมยุทธ์อีกแล้ว
“ถึงพี่ชายไม่บอก พวกเราก็ตั้งใจจะทำแบบนี้อยู่แล้ว” จอมยุทธ์อีกคนหนึ่งระเบิดเสียงหัวเราะ
เนื่องจากมันเข้าใจดีว่าด้วยความเร็วที่ยอดเยี่ยมของมนุษย์ปักษาคนนั้น ฉู่ชวิ๋นคงถูกนำคนพาไปไกลจากที่นี่มากแล้ว ถ้าพวกมันขโมยดาบทองคำแล้วหลบหนีออกไปจากปักกิ่ง จะมีใครตามจับพวกมันได้ทันเล่า?
“พวกแกก็รู้ว่าท่านนายพลมีฝีมือระดับไหน ถ้าไม่กลัวตายก็ลองดู” เจี่ยงเทาพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“อาวุธถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่มนุษย์ พวกเราก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน ทำไมถึงจะเอาไปไม่ได้ล่ะ” จอมยุทธ์อีกคนหนึ่งระเบิดเสียงหัวเราะ มันเป็นขั้นจักรพรรดิระดับ 5 เดินเข้ามาก้มหยิบดาบทองคำ พร้อมกับเงยหน้ามองเจี่ยงเทาด้วยสายตาท้าทาย “ฉันจะเอาไปแล้วนะ แกมีปัญญาทำอะไรฉันได้บ้างล่ะ?”
ปัง!
เจี่ยงเทาเหนี่ยวไกยิงอย่างไม่ลังเล ลูกกระสุนพุ่งตรงเข้าไปหาฝ่ายตรงข้าม
จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 5 เดือดดาลมาก ดาบทองคำในมือของเขาเป็นประกายสว่างไสว เขาตวัดดาบปัดลูกกระสุนออกไปได้สำเร็จ
แต่เขาก็ไม่มีเวลาได้ภาคภูมิใจมากนัก เมื่อปรากฏลำแสงสีม่วงพุ่งออกมาจากลูกกระสุนที่แตกกระจาย
วูบ!
รูเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นเหนือหว่างคิ้ว ใบหน้าของเขาแข็งค้างก่อนที่ร่างจะล้มคว่ำลงอย่างปราศจากลมหายใจ
จอมยุทธ์คนอื่น ๆ ที่อยากจะได้ดาบทองคำเห็นดังนั้นก็รีบล่าถอยออกไปด้วยความตื่นกลัว
“ใครกล้าเข้ามาอีก ฆ่าทิ้งให้หมด” เจี่ยงเทาออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“ฆ่าทิ้งให้หมด!”
นายทหารผู้เป็นลูกน้องทั้ง 8 คนประสานเสียงรับคำสั่ง ลูกกระสุนถูกบรรจุเต็มอัตราศึก ปลายกระบอกปืนเล็งตรงไปยังกลุ่มคนพร้อมยิงตลอดเวลา
จอมยุทธ์เหล่านั้นหัวใจกระตุกวูบและรีบล่าถอยหนีไปโดยไม่เหลียวมองกลับมาอีก
เมื่อเห็นว่าบรรดาคนที่อยากขโมยดาบทองคำล่าถอยกันไปหมดแล้ว นายทหารทั้ง 8 คนก็โห่ร้องด้วยความสะใจ
“ผู้กองครับ ท่านนายพลเป็นเทพเจ้าปลอมเป็นคนมาหรือเปล่า? ทำไมถึงได้มีฝีมือน่ามหัศจรรย์อย่างนี้”
“กระสุนทุกนัดที่เขาสัมผัส สามารถฆ่าศัตรูได้หมดเลยนะครับ ผมว่าเขาต้องเป็นเทพเจ้าปลอมเป็นคนลงมาช่วยเหลือพวกเราแน่ ๆ”
“ปกติจอมยุทธ์พวกนี้เคยเห็นเราอยู่ในสายตาซะที่ไหน พวกมันไม่เคยเห็นเรามีคนตนด้วยซ้ำ แต่ดูตอนนี้สิครับ พวกมันกลัวจนหางจุกตูดกันหมดแล้ว ท่านนายพลช่างน่ากลัวจริง ๆ”
เจี่ยงเทาเองก็กำลังหัวเราะอยู่เช่นกัน สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาในวันนี้เหมือนเป็นความฝันไม่มีผิด
“ผู้กองครับ ตกลงว่าท่านนายพลเป็นใครกันแน่? ผู้กองรู้หรือเปล่าครับ?” นายทหารซึ่งฉลาดเฉลียวที่สุดในกลุ่ม เดินออกมาถามด้วยความสงสัย
เจี่ยงเทากวาดสายตามองรอบคน ในขณะนี้เหลือคนอยู่ไม่มากแล้ว เขาจึงยกมือส่งสัญญาณให้ลูกน้องทั้งแปดมารวมคนกัน
“ฉันจะบอกให้รู้ก็ได้ แต่พวกนายต้องช่วยกันเก็บศพพวกนี้ให้เสร็จก่อนมืด ไม่งั้นไม่ต้องกลับ”
นายทหารทั้ง 8 คนยังคงอดไม่ได้ที่จะเซ้าซี้ถามถึงคนตนจริงของท่านนายพลผู้ลึกลับ
“พอ ๆ รีบกลับไปทำงานกันได้แล้ว” เจี่ยงเทาทำเสียงดุ
ฉู่ชวิ๋นสั่งเอาไว้ว่าห้ามเปิดเผยคนตนจริงของเขาเด็ดขาด เจี่ยงเทาจะกล้าพูดได้อย่างไร เขามีแต่ต้องปิดปากเงียบเท่านั้น
ในจังหวะนี้เอง ใครบางคนก็มาปรากฏคนขึ้นด้วยความรวดเร็ว
“นั่นใครน่ะ?” เจี่ยงเทามีปฏิกิริยาตอบรับไม่เชื่องช้า ปืนในมือยกเล็งไปยังคนที่เพิ่งปรากฏทันที
ลูกน้องของเขาทั้ง 8 คนก็รวดเร็วไม่แพ้กัน ปลายกระบอกปืนยกเล็งตรงไปที่จอมยุทธ์ผู้มาใหม่เป็นจุดเดียว
“ไอ้หัวขโมย ถ้าก้าวออกมาข้างหน้าอีกแค่ก้าวเดียว ฉันยิงแกแน่” เจี่ยงเทามองออกว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นจอมยุทธ์ และคงจะมาที่นี่เพื่อขโมยดาบทองคำเป็นแน่แท้ ผู้กองหนุ่มรู้สึกหัวใจฮึกเหิมอยู่แล้ว จอมยุทธ์เหล่านี้ไม่สำนึกบุญคุณเลยว่าพวกเขาช่วยปกป้องพวกมันไว้จากกลุ่มมนุษย์ปักษาแท้ ๆ แต่ตอนนี้กลับจะเข้ามาขโมยของได้หน้าตาเฉย
จงเหรินเชิดหน้าขึ้น เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจที่ถูกเล็งปืนใส่ ไอ้พวกนี้มันกล้าเล็งปืนมาที่เขาเชียว? แต่เขาก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม เนื่องจากทราบดีว่าปืนเหล่านี้เป็นอาวุธที่ใช้ฆ่ามนุษย์ปักษา งั้นมันก็สามารถสังหารเขาได้เช่นกัน
“ฉันมาที่นี่ตามคำสั่งของหัวหน้าหมายเลข 1” ชายชราพูด
เจี่ยงเทาชะงักไปเล็กน้อย หันหน้ากลับไปมองลูกน้องทั้ง 8 คน ก่อนจะพร้อมใจกันระเบิดเสียงหัวเราะก๊ากใหญ่
“ฉันจะบอกให้นะ เล่นลูกไม้นี้มันน่าตลกเกินไป อย่ามาโกหกเรื่องหัวหน้าหมายเลข 1 กับฉัน แกมาที่นี่เพื่อหาโอกาสขโมยดาบทองคำใช่ไหมล่ะ?” เจี่ยงเทาพูดด้วยสีหน้าดูถูก
จงเหรินขมวดคิ้ว นี่เขากลายเป็นหัวขโมยตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
“พวกนายรู้ไหมว่ากำลังพูดอยู่กับใคร?”
เจี่ยงเทาส่งเสียงหัวเราะดังมากขึ้น
“ผมจะบอกให้นะลุง เห็นลุงอายุเยอะขนาดนี้แล้ว วันนี้ผมจะปล่อยลุงไปก็แล้วกัน รีบไสหัวหนีไปซะก่อนที่ผมจะเปลี่ยนใจ” เจี่ยงเทายังคงพูดไปหัวเราะไป
รีบไสหัวหนีไปซะ? จงเหรินเบิกตาโตด้วยความโกรธแค้นที่ถูกนายทหารหนุ่มหักหน้า เขาคำรามสวนกลับไปทันทีว่า “ไอ้พวกเด็กเมื่อวานซืน วันนี้ฉันจะเตะตูดพวกแก”
“นี่ลุง ผมว่าลุงอยู่เฉย ๆ ดีกว่านะ พวกเราฆ่าพวกมนุษย์ปักษาหมดแล้ว ตอนนี้มีแต่ลุงนี่แหละที่มาก่อกวนหาเรื่องพวกเรา รีบไสหัวไปเถอะนะ ไม่งั้นเดี๋ยวลุงได้ตายอยู่ตรงนี้แน่” เจี่ยงเทายกปืนขึ้นเล็ง พร้อมเหนี่ยวไกยิงได้ตลอดเวลา เมื่อมีปืนกลกระบอกนี้อยู่ในมือ เขาก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวใครในโลกนี้อีกแล้ว
จงเหรินเดือดดาลจนหนวดเคราสะบัด หยิบบัตรประจำคนออกมาโยนให้ผู้กองหนุ่มดู
เจี่ยงเทากับลูกน้องระวังระไวเต็มที่ เขารับบัตรประจำคนมาชำเลืองตาดูอย่างไม่ได้สนใจนัก ในขณะเดียวกันก็พูดว่า “ทำของปลอมได้เนียนเชียวนะลุง อย่างกับบัตรประจำตัวทหารจริง ๆ แนะ แต่ลุงคิดว่าฉันจะหลงกลของปลอมแบบนี้…”
ทันใดนั้น เสียงของเจี่ยงเทาก็ขาดหายไปกลางคัน ดวงตาของเขามองตรงไปข้างหน้า ก่อนที่จะยืนตัวตรง และยกมือทำความเคารพตามแบบฉบับทหาร พร้อมกับตะโกนว่า “ทำความเคารพท่านผู้การครับ!”
“ไอ้พวกเด็กเมื่อวานซืน คุกเข่าลงให้หมด!” จงเหรินจ้องมองด้วยความโกรธแค้น เจี่ยงเทากับลูกน้องไม่รู้คนเลยว่าตนเองกำลังมีเรื่องอยู่กับใคร พวกเขาไม่คิดเลยว่าชายชราจะมีคนตนยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้
เจี่ยงเทากับลูกน้องของเขาหันหลังกลับ เอามือไขว้หลังและยืนตัวตรง แล้วจงเหรินก็เดินเข้ามาเตะตูดพวกเขาจนหน้าคว่ำไปทีละคน ๆ