จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 388 ของปลอมคือของจริง
บทที่ 388 ของปลอมคือของจริง
ณ วังมังกรเพลิง ประตูทางเข้าพังทลาย พื้นหินด้านหน้าปราสาทปรากฏหลุมลึกหลายพันหลุม ซึ่งเป็นฝีมือการโจมตีจากพวกเผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษา
ถ้าจักรพรรดิอ๋าวฮวงไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเอาไว้ ป่านนี้วังมังกรเพลิงคงเหลือเพียงแต่ชื่อไปนานแล้ว
เหล่ามนุษย์ปักษารู้ดีถึงความน่ากลัวของจักรพรรดิอ๋าวฮวง พวกมันจึงไม่กล้าบุกโจมตีโดยพละการและเลือกใช้กลยุทธ์ปิดล้อม
ในเมื่อฆ่าไม่ได้ ก็ต้องปิดล้อมปราสาทเอาไว้ เมื่อคนของวังมังกรเพลิงทนความหิวโหยไม่ไหว เดี๋ยวก็ต้องยอมถอนกำลังออกไปจากภูเขาเฟิงหลินเอง
ในขณะนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างไม่มีใครลงมือทำอะไรทั้งสิ้น
แต่คนของวังมังกรเพลิงยังคงใช้ชีวิตตามปกติ พวกเขาจะทำอะไรได้อีก? หลงอ๋าวคอยออกมาตรวจสอบข้างนอก บรรดาลูกศิษย์ของวังมังกรเพลิงก็จะใช้เวลาว่างออกมาซ่อมแซมประตูวังที่พังทลาย เช่นเดียวกับซ่อมแซมพื้นดินที่กลายเป็นรูโหว่
ไม่ไกลจากพวกเขานัก บรรดามนุษย์ปักษาคอยบินมาจ้องมองด้วยสายตาเย็นชา
เนื่องจากเมื่อวันก่อนจักรพรรดิอ๋าวฮวงส่งพลังคลื่นเสียงมังกรมาเล่นงานพวกมัน มนุษย์ปักษาบาดเจ็บล้มตายไปหลายคน พวกมันจึงไม่กล้าบุกเข้ามาโจมตีวังมังกรเพลิงอีกเลย
หลงอ๋าวรู้ว่าใครเป็นคนปล่อยพลังคลื่นเสียงมังกรออกมา แต่เขาไม่เข้าใจ ท่านบรรพบรุษแข็งแกร่งระดับนี้ โบกมือเพียงวูบเดียวก็สามารถกำจัดเผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษาได้แล้ว แต่ทำไมท่านผู้นั้นถึงไม่ยอมทำล่ะ?
ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษามีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 9 มันกระพือปีกโบยบินในอากาศ จ้องมองพวกหลงอ๋าวด้วยสายตาเย็นชา หัวใจของมันอัดแน่นไปด้วยความแค้นมากมาย
แต่มันก็ไม่กล้าเสี่ยง กลยุทธ์ปิดล้อมปราสาทยังดำเนินไปด้วยดี ถ้าหากบุกโจมตีโดยไม่พร้อม อาจจะทำให้สูญเสียกำลังพลแบบวันก่อนได้
มันรู้ว่าตราบใดที่ไม่โจมตีวังมังกรเพลิง ทางนั้นก็จะไม่มีการโจมตีโต้ตอบกลับมา ซึ่งพลังที่โจมตีกลับมานั้นพวกมันไม่สามารถต้านทานได้เลย แต่ถึงอย่างนั้นผู้อาวุโสลำดับที่ 9 ก็ไม่อยากหันหลังกลับเอาตอนนี้มันน่าเสียดายมากเกินไป และถ้าทำแบบนั้น พวกมันก็จะกลายเป็นตัวตลกในสายตาของผู้ร่วมสำนักจำนวนมาก
เส้นทางลำเลียงเสบียงของวังมังกรเพลิงถูกคนของสำนักเทวามรณะตัดขาดเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นน้ำหรืออาหารก็ไม่สามารถขนส่งเข้ามาได้ อยากรู้เหลือเกินว่าคนพวกนี้จะอดทนได้นานสักแค่ไหน?
เหยียนชงและเหลยเป้าเดินออกมาเงยหน้ามองผู้อาวุโสลำดับที่ 9 ก่อนที่จะละสายตาหันมองไปทางอื่น เหมือนกับว่าไม่สนใจมันเลยแม้แต่น้อย
ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 เจ็บใจมากที่เห็นมนุษย์ชั้นต่ำพวกนี้กล้าเมินเฉยเขาได้ลงคอ แบบนี้มันหยามกันเกินไปแล้ว
“เจ้าพวกมนุษย์ชั้นต่ำ ฉันขอแนะนำว่าอย่าทรมานตัวเองอีกต่อไปเลยนะ ในเมื่อไม่มีทั้งน้ำและอาหาร พวกแกจะอยู่กันได้สักกี่วัน?” ผู้อาวุโสคนหนึ่งของเผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษาอดพูดออกมาไม่ได้
พวกของเหยียนชงหันหน้ามายิ้มให้กัน การขาดน้ำและอาหารคงเป็นเรื่องสำคัญถึงตายสำหรับคนอื่น แต่เรื่องนี้ไม่มีวันเกิดขึ้นในวังมังกรเพลิง
ฉู่ชวิ๋นได้ค้นหาและรวบรวมหญ้าจิตวิญญาณกับสมุนไพรจิตวิญญาณ รวมถึงดอกไม้และผลไม้ประหลาดมากองเต็มเป็นภูเขาเลากา หญ้าจิตวิญญาณ 1 ต้นเพียงพอต่อการทำให้ลูกศิษย์ 1 คนอยู่รอดได้ประมาณ 10 วัน แถมยังช่วยเพิ่มพลังลมปราณให้อีกด้วย เมื่อดูจำนวนเสบียงที่พวกเขามีอยู่ในตอนนี้ ประมาณได้ว่าสามารถถูกปิดล้อมได้อย่างไม่มีปัญหาไปอีก 8 ถึง 10 ปี
เหลยเป้าแหงนหน้ามองผู้อาวุโสของมนุษย์ปักษาด้วยแววตาเย้ยหยัน จากนั้นจึงหยิบผลไม้ประหลาดสีแดงสดชุ่มฉ่ำออกมากัดกินอย่างเอร็ดอร่อย
“ดูนายกินแล้วฉันก็หิวเหมือนกันนะเนี่ย” เหยียนชงก็หยิบหญ้าจิตวิญญาณออกมาหักครึ่งเช่นกัน
เมื่อเห็นดังนั้น หลงอ๋าวก็โบกมือส่งสัญญาณให้ลูกศิษย์ที่กำลังซ่อมแซมประตูทางเข้าหยุดพัก
“ทุกคนคงเหนื่อยกันแล้วสินะ มาหาอะไรกินกันก่อนดีกว่า”
แล้วบรรดามนุษย์ปักษาก็เห็นลูกศิษย์ของวังมังกรเพลิงหยิบผลไม้ประหลาด หญ้าจิตวิญญาณและสมุนไพรจิตวิญญาณออกมากัดกินอย่างอิ่มหนำสำราญ
ดวงตาของพวกมนุษย์ปักษาจ้องตรงไปข้างหน้า ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าพวกมันกำลังหิวโหย คล้ายกับว่าอยากจะกินบ้างเหมือนกัน
“เอาแต่จ้องมองพวกเราแบบนี้ พวกแกไม่เหนื่อยบ้างหรือไง? เมื่อไหร่พวกแกจะกลับไปกินอาหารบ้างล่ะ?” หลงอ๋าวแหงนหน้าถามบรรดามนุษย์ปักษาด้วยสีหน้าจริงจัง
พวกมนุษย์ปักษาก็เหน็ดเหนื่อยแล้วจริง ๆ พวกมันเชิดหน้าขึ้น บางคนถึงกับลอบกลืนน้ำลาย
พวกมันหิวโหยไม่น้อย
“ดูเหมือนว่าจอมมารฉู่ชวิ๋นจะใช้เวลาหลายปีที่ผ่านมา เก็บเสบียงไว้ให้พวกแกเยอะเลยนะ?” ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 ชำเลืองมอง เผ่าพันธุ์ของพวกมันเพิ่งจะกลับมาเรืองอำนาจอีกครั้งในยุคหลัง จึงมีหญ้าจิตวิญญาณและยารักษาอาการบาดเจ็บไม่เพียงพอต่อความต้องการ
ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันไม่กล้าใช้ทรัพยากรที่มีอยู่โดยไม่จำเป็น การตั้งสำนักเทวามรณะขึ้นมาในดินแดนแห่งม่านพลัง พวกมันจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก และนี่เองก็เป็นเหตุผลที่พวกมันมาปิดล้อมวังมังกรเพลิง
พวกมันทราบดีว่าจอมมารฉู่ชวิ๋นมีชื่อเสียงโด่งดังตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่บุคคลผู้นั้นก็หายสาบสูญไปหลายปีเช่นกัน ถ้าพวกมันสามารถยึดครองวังมังกรเพลิงและนำทรัพยากรเหล่านั้นมาเป็นของตนเองได้ แค่นี้ก็เพียงพอต่อการขยายเผ่าพันธุ์แล้ว
เหยียนชงไม่มีปฏิกิริยาใดต่อคำพูดของผู้อาวุโสลำดับที่ 9 นอกจากกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า “ฉันจะบอกให้นะว่าตั้งแต่ที่โลกนี้เกิดความเปลี่ยนแปลง หญ้าจิตวิญญาณจำนวนมากก็ปรากฏออกมา มีทรัพยากรอยู่เพียงพอสำหรับทุกคน พวกแกไปหาเอาจากที่อื่นก็ได้ อย่างพวกสำนักสลายวิญญาณ หรือสำนักดาบพิฆาตอะไรพวกนั้น พวกมันต่างก็เป็นสำนักที่ก่อตั้งกันมาหลายพันปี ย่อมเก็บทรัพยากรล้ำค่าเอาไว้มากมายอยู่แล้ว”
เหตุผลที่พวกเขาใช้แผนนี้ก็เพื่อหวังว่าบรรดามนุษย์ปักษาจะกลับออกไปจากที่นี่โดยเร็ว แต่ก็เกรงว่าพวกมันจะกลับมาอีก เหยียนชงจึงตั้งใจยืมมือของมนุษย์ปักษาเหล่านี้กวาดล้างสำนักศัตรูไปด้วยเสียเลย
ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 มีดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ คนพวกนี้กล่าวได้ถูกต้อง พวกมันปิดล้อมวังมังกรเพลิงมาสิบกว่าวันแล้ว ไม่มีทีท่าว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะยอมถอนกำลังแต่อย่างใด และพวกมันก็ไม่กล้าลงมือโจมตี เนื่องจากกลัวพลังเสียงมังกรคำราม อยู่ที่นี่ต่อไปก็มีแต่เสียเวลาเปล่าเท่านั้น
แต่ถ้าพวกมันกลับไปจากที่นี่ พวกสำนักสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์อื่นๆ จะมองมนุษย์ปักษาเป็นตัวอะไรเล่า?
เพราะฉะนั้น ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 จึงรู้สึกปวดหัวเป็นอย่างยิ่ง นับว่าครั้งนี้พวกมันไม่ควรเลือกมาปิดล้อมวังมังกรเพลิงตั้งแต่แรกเลยจริง ๆ เพราะว่าฝ่ายตรงข้ามมีความแข็งแกร่งมากเกินไป
“โลกนี้เกิดการกลายพันธุ์ หญ้าจิตวิญญาณไม่ใช่ของหายากอีกต่อไป ฉันรู้ว่าพวกแกคิดว่าวังมังกรเพลิงเต็มไปด้วยทรัพยากรเหล่านั้น แต่พวกแกลองคิดดูนะ ตระกูลฉู่ไม่ได้ครอบครองแค่วังมังกรเพลิงเท่านั้น แต่ยังมีสำนักสวรรค์ฟ้า ปสำนักภูผาทมิฬ และคฤหาสน์บนภูเขาเฉียนหลง นายท่านของพวกเราใช้เวลาเก็บรวบรวมของเหล่านี้แค่ไม่กี่ปี จะไปเทียบกับสำนักที่ก่อตั้งมาหลายพันปีได้อย่างไร?” เหยียนชงยังคงโน้มน้าวต่อไปด้วยความอดทน
“เรื่องนี้จริงแท้แน่นอน ยิ่งสำนักใหญ่แค่ไหน ก็ยิ่งมีทรัพยากรมากแค่นั้น ที่ว่าวังของพวกเราเป็นขุมทรัพย์นั่นไม่จริงเลยแม้แต่น้อย พวกเราเทียบไม่ได้เลยกับสำนักที่ก่อตั้งมาหลายพันปี แล้วทำไมพวกแกถึงต้องมาเล่นงานเราด้วย? ไปยึดครองสำนักพวกนั้นไม่ดีกว่าหรือ?” หลงอ๋าวช่วยให้คำแนะนำอีกคน
ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 เริ่มหวั่นไหว คิดสงสัยในใจว่าพวกมันเดินหมากผิดพลาดจริง ๆ ด้วย
ที่พวกมันเลือกโจมตีวังมังกรเพลิง เหตุผลแรกก็คือสนใจเรื่องทรัพยากรสิ่งของวิเศษ เหตุผลที่สองคือหุบเขาเฟิงหลินมีที่ตั้งที่วิเศษมาก และเหตุผลข้อสุดท้ายซึ่งเป็นข้อที่สำคัญที่สุดก็คือ ที่นี่เคยอยู่ภายใต้การครอบครองของจอมมารฉู่ชวิ๋น พวกมันคิดอยากจะใช้ชื่อเสียงของฉู่ชวิ๋นเป็นขั้นบันไดในการยกระดับภาพลักษณ์เผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษาให้สูงส่งมากกว่านี้
แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่านี่จะเป็นแผนการที่ผิดพลาดแล้วจริง ๆ
“ลองคิดดูให้ดีนะ นอกจากสำนักเทวามรณะของพวกแกแล้ว ก็ยังมีสำนักวานรยักษ์ สำนักนกยูงปีศาจ และอีกหลายสำนักมากมาย ถ้าเรามีทรัพยากรมากมายอย่างที่พวกแกเข้าใจจริง ๆ แล้วทำไมสำนักเหล่านั้นถึงไม่มาบุกโจมตีก่อนหน้านี้ล่ะ?” เหยียนชงกล่าวอย่างจริงใจ
บรรดามนุษย์ปักษาต่างก็ขบคิดอย่างตั้งอกตั้งใจ
ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 พลันระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ดวงตาของมันเป็นประกายคมกริบเหมือนคมดาบ พูดว่า “คิดหรือว่าพวกเราจะหลงกลวาจาที่เจ้าเล่ห์ของแก? อ่อนหัดจริง ๆ”
เหยียนชง เหลยเป้า กับหลงอ๋าวหันมองหน้ากัน รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย อีกฝ่ายอ่านแผนการของพวกเขาออกด้วยหรือนี่?
“เราอยู่ที่นี่มา 10 กว่าวันแล้ว อยู่นานอีกหน่อยจะเป็นไรไป?” ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 หัวเราะเยาะ
เมื่อเหยียนชงได้ยินอย่างนี้ เขาก็ไม่ประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย
“ถ้าอย่างนั้น พวกเราจะยอมยกทรัพยากรทุกอย่างที่มีอยู่ให้กับพวกแก แล้วก็ยังจะประกาศให้ทั่วโลกได้รู้ว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษาแข็งแกร่งมากจนพวกเราเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เอาแบบนี้ดีไหม?” เหยียนชงยื่นข้อเสนอ
ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 มีดวงตาเป็นประกายระยิบ บริวารของมันหลายคนบินเข้ามาสมทบเพื่อปรึกษากันอย่างเคร่งเครียด
หนึ่งในกลุ่มมนุษย์ปักษาหันหน้ามาจ้องมองเหยียนชง พูดว่า “ตกลง พวกเรารับข้อเสนอ”
“โอเค งั้นฉันจะไปเก็บรวบรวมหญ้าจิตวิญญาณที่เรามีอยู่มาให้พวกแกก็แล้วกัน” เหยียนชงโบกมือและเดินกลับไปทางตัววังมังกรเพลิงพร้อมกับกลุ่มลูกศิษย์
“เร็วเข้า ใครพกหญ้าจิตวิญญาณอยู่บ้าง เอาออกมาให้หมด” เหยียนชงออกคำสั่งในขณะที่ก้าวเดิน
“ฉันจะไปเก็บรวบรวมมาจากพวกลูกศิษย์นะ” เหลยเป้ารีบเดินออกไป
“ฉันจะไปเก็บรวบรวมสมบัติ” หลงอ๋าวก็แยกย้ายไปเช่นกัน
พวกมนุษย์ปักษามีประสาทการรับเสียงที่ไวมาก
พวกมันจ้องมองแผ่นหลังของพวกเหยียนชงยืนปรึกษาหารือกัน สีหน้าของกลุ่มมนุษย์ปักษาเต็มไปด้วยความเหยียดหยามดูถูก
“พวกมนุษย์นี่ต่ำต้อยจริง ๆ สมแล้วกับที่เคยเป็นทาสรับใช้มาตลอด” ผู้อาวุโสคนหนึ่งของพวกมันหัวเราะเยาะ
“ถ้าก่อนหน้านี้ไม่มีเสียงมังกรคำรามนะ ฉันได้บดขยี้พวกมันไปแล้ว” อีกคนหนึ่งร่วมวงหัวเราะด้วย
“พวกมนุษย์ชั้นต่ำแบบนี้ ขนาดมองฉันยังไม่อยากมองเลย”
“ลืมไปซะ ยังมีพลังเสียงมังกรที่น่ากลัวอยู่อีก เมื่อเราได้ของมาแล้วก็รีบไปกันดีกว่า อย่าเสียเวลาอยู่ที่นี่อีกเลย เอาไว้เจอกันครั้งหน้าเมื่อไหร่ ค่อยฆ่าพวกมันทิ้งก็ยังไม่สาย” ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 ระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความชอบใจ
เหยียนชงกลับเข้ามาถึงด้านในตัววังมังกรเพลิง แต่เขาไม่ได้มาเก็บรวบรวมหญ้าจิตวิญญาณแต่อย่างใด ทว่ากลับมาสมทบกับพวกของเหลยเป้าและหลงอ๋าวอีกครั้ง ทั้งสามคนแอบเดินเข้าไปในทางลับที่นำไปสู่พื้นที่โล่งกว้างด้านหลังตัววังมังกรเพลิง
จักรพรรดิยาที่ไม่เคยปรากฏตัวมาก่อนหน้านี้ กำลังรอคอยพวกเขาอยู่ เบื้องหน้าตั้งเรียงรายไว้ด้วยขวดหยกยี่สิบกว่าขวด ทุกขวดบรรจุเต็มไปด้วยหญ้าจิตวิญญาณและดอกไม้เวทมนต์ รวมถึงทรัพยากรของวิเศษชนิดอื่นๆ
เหยียนชง เหลยเป้า และหลงอ๋าวเดินเข้าไปหา
“เรียบร้อยแล้วใช่ไหม?” เหยียนชงถาม
จักรพรรดิยาพยักหน้า
เหลยเป้ามองขวดหยกที่ใส่หญ้าจิตวิญญาณและกระซิบว่า “พวกมันจะรู้หรือเปล่า?”
“นายลองตรวจสอบดูก่อนก็ได้” จักรพรรดิยายิ้มกว้างด้วยความมั่นใจ
เหยียนชงหยิบขวดยกขวดหนึ่งมาเปิดออก นำหญ้าจิตวิญญาณที่บรรจุอยู่ด้านในออกมาจ้องมองด้วยสายตาพึงพอใจ
“ถ้าตอนหลังนายตกงาน ไปประกอบอาชีพขายยาปลอมได้เลยนะเนี่ย แต่นี่มันใช่ของปลอมจริง ๆ เหรอ” เหลยเป้านำหญ้าจิตวิญญาณมาวางไว้บนฝามือ เมื่อลองโคจรพลังลมปราณ หญ้าจิตวิญญาณนั้นก็กลายเป็นเถ้าถ่าน เหลยเป้าอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ “เหมือนของจริงไม่มีผิด”
จักรพรรดิยาขมวดคิ้วใส่เหลยเป้า และพูดด้วยความหงุดหงิดว่า “เจ้าโง่ ไอ้ที่อยู่ในมือแกน่ะมันของจริง”
“อ้าว?” เหลยเป้ามีสีหน้าสับสน
“ฉันต้องใส่ของจริงผสมลงไปด้วย ไม่งั้นถ้าพวกมันลองหยิบไปตรวจสอบก็โดนจับได้หมดสิ” จักรพรรดิยาพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
เหยียนชงและหลงอ๋าวรู้สึกอับอายเล็กน้อยเมื่อรู้ตัวว่าพวกเขาเพิ่งจะตรวจสอบหญ้าจิตวิญญาณที่เป็นของจริง
“ของปลอมอยู่ข้างล่าง” จักรพรรดิยาว่า
เหยียนชงหยิบหญ้าจิตวิญญาณที่อยู่ด้านล่างขึ้นมาดู แล้วก็ต้องพูดด้วยความประหลาดใจเหมือนเดิมว่า “อันนี้ก็ดูเหมือนของจริงอยู่นะ แม้แต่แสงสว่างเรืองรองก็ทำได้เหมือนมาก”
“ลองดูดซับพลังดูสิ” จักรพรรดิยากล่าว
ฝ่ามือของเหยียนชงปรากฏลำแสงสีขาวเรืองรองเล็กน้อย หลังจากนั้น หญ้าจิตวิญญาณก็สลายกลายเป็นเถ้าถ่าน เขาพูดด้วยความมหัศจรรย์ใจว่า “มันมีแต่แสงสว่าง ข้างในไม่มีพลังงานอะไรอยู่เลย นี่เป็นเพียงแค่ต้นหญ้าธรรมดาเท่านั้น”
“มันเหมือนของจริงทุกกระเบียดนิ้ว ถ้าไม่หยิบขึ้นมาดูดซับพลังงาน ก็มองไม่ออกเลยว่าเป็นของปลอม” หลงอ๋าวก็หยิบขึ้นมาดูเช่นกัน
“พูดอะไรไร้สาระ นี่ฉันอุตส่าห์อดหลับอดนอนถึง 10 วัน 10 คืน เพื่อเปลี่ยนหญ้าป่าธรรมดาให้กลายเป็นหญ้าจิตวิญญาณ แล้วก็ต้องนำไปต้มในน้ำศักดิ์สิทธิ์อีก 3 วัน 3 คืน ถ้าไม่เหมือนของจริงก็แปลกแล้ว” จักรพรรดิยาบ่นอุบ เมื่อลองมองดูเข้าไปในดวงตาของเขา ก็จะพบว่าในดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีแดง ดูเหมือนว่าเขาจะอดหลับอดนอนมา 10 วัน 10 คืนจริง ๆ
“จักรพรรดิยา คราวนี้พวกเราต้องขอบคุณจริง ๆ” เหยียนชงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
จักรพรรดิยาหันหน้ากลับมาจ้องมอง ตอบว่า “แบบนี้มันหมายความว่าไงกัน? ฉันก็เป็นสมาชิกของตระกูลฉู่เหมือนกันนะ นี่คือหน้าที่ของฉัน ไม่เห็นต้องขอบคุณอะไรเลย”
เหยียนชงชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะส่ายศีรษะพูดยิ้ม ๆ ว่า “ขอโทษ ฉันมองนายเป็นคนนอกอีกแล้ว”
“รีบเอาของพวกนี้ไปส่งให้ไอ้มนุษย์นกพวกนั้นได้แล้ว ฉันเหนื่อยเหลือเกิน สงสัยหลังจากนี้คงต้องขอเวลานอนอีกหลายวันกว่าจะตื่น” จักรพรรดิยาพูดไปหัวเราะไป