จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 389 เปลี่ยนหน้าเร็วยิ่งกว่าพลิกหน้ากระดาษ
บทที่ 389 เปลี่ยนหน้าเร็วยิ่งกว่าพลิกหน้ากระดาษ
บริเวณหน้าวังมังกรเพลิง ขวดหยกสีขาว 20 กว่าขวดตั้งเรียงรายอยู่บนพื้นดิน
“นี่คือของทั้งหมดที่วังมังกรเพลิงมี” เหยียนชงพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 และบริวารของมันเดินเข้ามาตรวจสอบ
มนุษย์ปักษาคนหนึ่งเดินนำหน้าสุด มันเปิดขวดหยก หยิบหญ้าจิตวิญญาณออกมา เมื่อฝ่ามือเปล่งลมปราณสีขาว หญ้าจิตวิญญาณก็ละลายกลายเป็นเถ้าถ่านไปอย่างรวดเร็ว
ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 มีสีหน้าราบเรียบ พูดด้วยน้ำเสียงหยิ่งผยองว่า “มีเท่านี้เองรึ?”
เหยียนชงพยักหน้า ตอบว่า “วังมังกรเพลิงของเรามีเพียงเท่านี้ แม้แต่ของลูกศิษย์เราก็เก็บเอามาหมด ไม่เหลือติดตัวอยู่เลยสักคนเดียว ถ้าหากนายไม่เชื่อล่ะก็ ส่งลูกน้องมาตรวจค้นวังดูก็ได้”
ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 พยักหน้า พูดว่า “ไม่เป็นไร ดีแล้วที่พวกแกไม่ได้เล่นตุกติก”
มันถลาลงมาบนพื้น โบกมือวูบเดียวขวดหยกทั้ง 20 กว่าขวดนั้น ก็ถูกเก็บเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติของมัน
เหยียนชง เหลยเป้าและหลงอ๋าวแสดงสีหน้าเจ็บแค้นใจ ในเมื่อหญ้าจิตวิญญาณจำนวนมากถูกแย่งชิงไปแบบนั้น แล้วจะให้พวกเขามีความสุขได้อย่างไร?
ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 และกลุ่มมนุษย์ปักษาบริวารของมันระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความชอบใจก่อนจะโผบินขึ้นท้องฟ้า และก้มหน้ามองมายังพวกของเหยียนชงขณะพูดว่า “อย่าลืมประกาศให้คนทั้งโลกรู้ด้วยล่ะว่า พวกแกยอมแพ้ต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษาแล้ว”
“วางใจได้ หลังจากนี้เราจะรีบเตรียมตัวกันทันที ต้องประกาศให้คนรู้กันทั้งโลกแน่นอน” เหยียนชงตอบ
“ดีมาก ถือว่ายังมีสมองอยู่บ้าง” ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 มีสีหน้าภูมิใจในตัวเองเป็นอย่างยิ่ง เรียบร้อยจึงออกคำสั่งว่า “พวกเรากลับกันเถอะ”
“แต่พวกของผู้อาวุโส 10 ยังไม่มาเลยนะครับ” ลูกน้องคนหนึ่งของมันรายงาน
ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 ได้ยินข่าวนี้ก็ขมวดคิ้วยุ่ง พูดว่า “พวกเรากลับกันก่อน ถึงที่หมายแล้วค่อยยิงลูกศรทองคำ”
พวกของเหยียนชงได้แต่ร้องตะโกนอยู่ในใจว่า รีบ ๆ ไปกันสักทีสิวะ
ขณะนี้กลุ่มลูกศิษย์ของวังมังกรเพลิงได้เก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว หญ้าจิตวิญญาณและของวิเศษทั้งหลายที่ส่งมอบให้กับบรรดามนุษย์ปักษาเป็นของปลอมหมดทั้งสิ้น ในอีกไม่ช้าก็เร็ว พวกมันจะต้องรู้เรื่องนี้ ดังนั้นทุกคนจึงวางแผนเตรียมอพยพไปยังเมืองกูเจียง เพื่อผนึกกำลังกับวังหยานซ่ง
กองทัพมนุษย์ปักษาเป็นหน่วยรบที่ฝึกฝนมาอย่างดี แม้แต่การบินบนท้องฟ้าก็ยังเป็นระบบระเบียบ
พวกมันหันหน้ากลับมาจ้องมองพวกของเหยียนชงด้วยสายตาเหยียดหยามเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นจึงกระพือปีกเร่งความเร็วและเตรียมออกเดินทางเต็มรูปแบบ
แต่ในทันใดนั้นเอง กลุ่มมนุษย์ปักษาก็พบเห็นเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์หลายสิบคน กำลังบินมาจากระยะไกลด้วยความตื่นกลัวบางอย่าง
“ผู้อาวุโส 9 ดูนั่นสิครับ” ลูกน้องข้างกายของมันกล่าว
ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 มีแววตาเคร่งขรึม ถึงไม่ต้องบอกมันก็เห็นอยู่แล้ว
ในไม่ช้า มนุษย์ปักษากลุ่มนั้นก็บินมาอยู่ตรงหน้าพวกมัน
“ทำไมถึงบินมาทางนี้ล่ะ?” ผู้อาวุโสคนหนึ่งถามออกไป
มนุษย์ปักษาสิบกว่าคนนั้นมีสีหน้าอับอาย ขนปีกของมันร่วงกราวเหมือนกับนกที่เป็นโรคผิวหนัง
“ผู้อาวุโส 10 อยู่ที่ไหน?” ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 ถาม
“เขา…กับพวกที่เหลือตายหมดแล้วครับ” มนุษย์ปักษาคนหนึ่งตอบออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ว่าไงนะ?”
ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 กับบริวารของมันแทบไม่อยากเชื่อหู
“นายว่าไงนะ พูดใหม่อีกครั้งซิ?” ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 ถามออกมาเสียงดัง
“ผู้อาวุโสทั้ง 8 คนถูกฆ่าตายหมดแล้วครับ วอนท่านแก้แค้นให้พวกเขาด้วย” มนุษย์ปักษาคนที่หนีรอดมาได้ร้องไห้ด้วยความเสียใจ
“บอกเล่าให้ชัดเจน เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 ขึ้นเสียง
แล้วกลุ่มมนุษย์ปักษาสิบกว่าคนนั้นก็บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมด
เมื่อได้ยินว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษาถูกมนุษย์ธรรมดาใช้ปืนยิงตาย และเรื่องทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นด้วยฝีมือของคนเพียงคนเดียว บรรดามนุษย์ปักษาที่รับฟังก็รู้สึกโกรธแค้นขึ้นมาแล้ว
“นายบอกว่าผู้อาวุโส 10 ถูกมนุษย์ฆ่าตายใช่ไหม?” ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 ถามออกมาด้วยความตกตะลึง
“ผมว่ามันไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาแน่ครับ แต่มันเป็นปีศาจ เป็นสัตว์ร้ายกระหายเลือด ขนาดเอาเขี้ยวปักษายักษ์ออกมาก็ยังฆ่ามันไม่ได้ แถมยังถูกมันขโมยเลือดของเขี้ยวปักษายักษ์ไปอีก”
“แผนที่ทะลุมิติของผู้อาวุโสโม่ก็ถูกมันขโมยไปเหมือนกัน”
กลุ่มมนุษย์ปักษาใต้อาณัติของผู้อาวุโสลำดับที่ 9 ถึงกับตกตะลึงกันหมดสมบัติสวรรค์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษาที่อยู่ในมือของโม่กันและผู้อาวุโส 10 ถูกชายหนุ่มปริศนาคนนั้นขโมยไปหมดเลยหรือนี่
ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 รู้สึกโกรธแค้น แผนที่ทะลุมิติในมือของโม่เฉียนเก็บงำความลับในเคล็ดวิชาของบรรดาผู้อาวุโสมนุษย์ปักษาคนอื่น ๆ เอาไว้ด้วย มันเป็นสิ่งที่จะทำให้สูญหายไม่ได้ นอกจากนี้ ยังมีเลือดของเขี้ยวปักษายักษ์ ซึ่งถือว่าเป็นของล้ำค่ายากหาสิ่งใดเปรียบ
“นำทางไป” ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 คำราม
ไม่มีทางที่พวกมันจะปล่อยให้แผนที่ทะลุมิติตกอยู่ในมือของฝ่ายตรงข้ามเด็ดขาด
พวกของเหยียนชงเห็นดังนั้นก็รีบหันมองหน้ากัน ลังเลเล็กน้อยว่าตนเองได้ยินมาถูกต้องหรือไม่ มนุษย์ปักษาจำนวนมากโดนนายทหารคนหนึ่งใช้ปืนยิงตาย นี่คือเรื่องตลกใดกันแน่?
นอกจากนี้ มนุษย์ปักษาเป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งมากแค่ไหนทุกคนก็ทราบดี มันมีปีกสามารถบินได้ บนร่างกายสวมชุดเกราะทองคำ ทรงพลังและสง่างาม แต่กลับต้องมาตายด้วยฝีมือของมนุษย์ธรรมดาจริงๆ หรือ?
ผู้อาวุโสลำดับที่ 10 ไม่ได้มีฝีมือกระจอกงอกง่อย เรียกได้ว่าในเขตแดนนี้ ไม่มีใครที่สามารถเป็นคู่ต่อกรของมันได้เลย
หรือว่าสวรรค์จะประทานเทพเจ้าลงมาช่วยเหลือพวกเรากันนะ? พวกของเหยียนชงแอบคิดอยู่ในใจด้วยความปิติยินดี
กลุ่มมนุษย์ปักษาที่เพิ่งบินมาถึงหันหน้ากลับเตรียมนำทาง แต่แล้วพวกมันกลับร่ำร้องออกมาด้วยความตื่นกลัว ก่อนบินหนีไปคนละทิศละทาง
“ไอ้พวกใช้การไม่ได้” ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 คำรามออกมาด้วยความหัวเสีย ยิงพลังลมปราณไล่หลังไป ส่งผลให้มนุษย์ปักษาเหล่านั้นร่วงหล่นลงจากกลางอากาศไปบางส่วน
ทุกสายตาจ้องมองไปข้างหน้า จุดสีขาวเล็กๆ ที่ขอบฟ้าชัดเจนมากยิ่งขึ้น
พวกของเหยียนชงมีแววตาเปลี่ยนไป
จุดสีขาว ๆ นั่นคือร่างของมนุษย์ปักษาคนหนึ่งที่มีชายหนุ่มผู้หนึ่งยืนอยู่บนแผ่นหลังของมัน เขาคนนั้นกำลังใช้มนุษย์ปักษาเป็นพาหนะในการเดินทาง
กลุ่มมนุษย์ปักษาที่เหลืออยู่ดวงตาแดงก่ำด้วยความโกรธแค้น มนุษย์ปักษาผู้สูงส่งกำลังถูกมนุษย์ผู้ต่ำต้อยเหยียบย่ำศักดิ์ศรีไม่เหลือชิ้นดีแล้ว
มนุษย์ปักษาคนที่เป็นพาหนะอยู่ใต้เท้าของชายหนุ่มเห็นแววตาโกรธแค้นของเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ที่จ้องมองมา แต่มันหวาดกลัวฉู่ชวิ๋นที่อยู่บนแผ่นหลังมากกว่า จึงทำได้แต่บินผ่านหน้าทุกคนไปพร้อมกับรู้สึกชายิบที่หนังหัว
“แกมันไม่ได้เรื่อง!” ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 โกรธแค้นจนผมตั้ง ยกมือขึ้นและยิงลมปราณลมปราณสีขาวพุ่งออกมา
เขาไม่ได้ต้องการจะฆ่าแค่เพียงฉู่ชวิ๋นเท่านั้น แต่ยังหมายฆ่ามนุษย์ปักษาที่ลดตัวลงไปเป็นพาหนะให้ชายหนุ่มอีกด้วย เมื่อมนุษย์ปักษาคนนี้ยอมเชื่อฟังคำสั่งของมนุษย์ มันก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะอยู่ในสำนักเทวามรณะอีกต่อไป
มนุษย์ปักษาคนที่เป็นพาหนะให้ฉู่ชวิ๋นมีใบหน้าขาวซีด ไม่คิดเลยว่าเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์มีความคิดอยากจะฆ่ามันแบบนี้
ฉู่ชวิ๋นไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย ลมปราณสีม่วงพวยพุ่งออกไปปะทะเข้ากับลมปราณสีขาวอย่างจัง เกิดเป็นแรงสะท้อนย้อนกลับไปเข้าหาผู้อาวุโสลำดับที่ 9
ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 มีสีหน้าแปรเปลี่ยน มันซัดพลังออกไปอีกหนึ่งสายเพื่อต้านทานลมปราณสีม่วงจากฝ่ายตรงข้าม แต่แล้วตัวเองกลับถูกแรงกระแทกผลักกระเด็นออกมาหลายสิบเมตร
“ไอ้หมอนี่แหละครับที่ฆ่าผู้อาวุโส 10” บรรดามนุษย์ปักษาที่บินหนีมา พากันส่งเสียงร่ำร้องด้วยความตื่นกลัว
ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 หันมาจ้องมองชายหนุ่มซึ่งเป็นคนธรรมดาคนนั้น เพียงได้ปะทะกันแค่กระบวนท่าเดียว ก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายหนึ่งเป็นจอมยุทธ์ผู้แข็งแกร่งและน่าจะเป็นมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่มันเคยเจอ
พวกเหยียนชงจ้องมองด้วยความประหลาดใจ นอกจากฉู่ชวิ๋นแล้ว พวกเขาก็ไม่เคยพบเห็นมนุษย์คนไหนแข็งแกร่งขนาดนี้มาก่อน
แต่จะอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นมนุษย์แปลกหน้าคนหนึ่งเท่านั้น
ฉู่ชวิ๋นส่งสัญญาณให้มนุษย์ปักษาร่อนลงไปจอด
มนุษย์ปักษาคนนั้นไม่กล้าปฏิเสธ มันรีบร่อนลงจอดบนพื้นดินตามคำสั่งทันที
เหล่าเพื่อนรวมเผ่าพันธุ์ของมันโกรธแค้นสุดขีด มนุษย์ปักษาคนที่เป็นพาหนะนอนหมอบคลานอยู่บนพื้น ปล่อยให้มนุษย์กระโดดลงมาจากแผ่นหลังอย่างสบายใจ
“ไอ้บัดซบ แกไม่สมควรเรียกตัวเองว่ามนุษย์ปักษาอีกต่อไป”
“แกทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษาของเราต้องอับอาย พวกเรารู้สึกขายหน้าเหลือเกินที่อยู่สำนักเดียวกับแก”
“ฆ่าตัวตายไปซะ แบบนี้แกจะอยู่สู้หน้าคนอื่นได้ยังไง เผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษาต้องอับอายขายหน้าก็เพราะแกคนเดียว”
สมาชิกของสำนักเทวามรณะพร้อมใจกันส่งเสียงตะโกนด้วยความโกรธแค้น
มนุษย์ปักษาคนที่เป็นพาหนะของฉู่ชวิ๋นได้แต่ก้มหน้า ไม่กล้าพูดอะไร
“หุบปากเดี๋ยวนี้ ใครกล้าพูดอะไรอีก ฉันจะฆ่าให้หมด” ฉู่ชวิ๋นหันขวับกลับไปพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เสียงของเขาไม่ดัง แต่ก็หนักแน่น ดังนั้น บรรดามนุษย์ปักษาจึงเงียบเสียงกันไปในพริบตา
ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 มีใบหน้าเครียดคล้ำ ดวงตาปรากฏแววอำมหิตจ้องมองฉู่ชวิ๋นด้วยความอาฆาต แต่ในขณะเดียวกันนั้น มันก็เป็นแววตาที่แฝงความหวาดกลัวอยู่หลายส่วน
ฉู่ชวิ๋นยิ้มกว้าง ก่อนจะหันหน้ามองไปทางพวกของเหยียนชง
เหยียนชงกับคนอื่น ๆ รู้สึกหนังหัวชายิบ ได้แต่แอบร่ำร้องอยู่ในใจว่า หรือชายหนุ่มผู้นี้จะเล่นงานพวกเขาด้วยเหมือนกัน? ซึ่งนั่นก็เพราะว่าฉู่ชวิ๋นมีศัตรูอยู่มากมายหลายฝ่ายเหลือเกิน
“ใช้ได้นี่นา ดูเหมือนว่าตอนที่ฉันไม่อยู่ พวกนายก็ไม่ได้ขี้เกียจเกินไปนัก” ฉู่ชวิ๋นพูดพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย
ว่าไงนะ?
เหยียนชง เหลยเป้าและหลงอ๋าวยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ ดวงตาของพวกเขาเป็นประกายแวววาว จ้องมองฉู่ชวิ๋นด้วยความตื่นเต้น
“นายท่านเหรอครับ?” เหยียนชงถามออกมาด้วยความไม่อยากเชื่อ
ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า หลังจากนั้น กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ เต้นกระตุก แล้วพริบต่อมา ชายหนุ่มก็กลับมามีโฉมหน้าเดิมอีกครั้ง
“นายท่านจริง ๆ ด้วย” ชายทั้งสามคนอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น
ตอนนี้ ไม่มีเหตุจำเป็นใดให้ต้องปิดบังตัวตนอีกแล้ว เนื่องจากก่อนหน้านี้ ฉู่ชวิ๋นกลัวว่าจะทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษาแตกตื่น เขาจึงเปลี่ยนโฉมใบหน้าตัวเองให้กลายเป็นคนธรรมดาไม่โดดเด่นเตะตาใคร
เพราะฉู่ชวิ๋นยืนหันหลังให้กับกลุ่มมนุษย์ปักษา พวกมันจึงไม่เข้าใจว่าทำไมพวกของเหยียนชงถึงต้องตื่นเต้นขนาดนั้น? หรือว่าบุรุษหนุ่มผู้นี้เคยมีความสัมพันธ์อันดีงามกับวังมังกรเพลิงมาก่อน?
“มองอะไรวะ? ประเดี๋ยวพ่อก็ควักลูกกะตาออกมาซะเลยนี่” เหลยเป้าตะโกนเสียงดังลั่น
บรรดาเผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษาสีหน้าแปรเปลี่ยนไป เนื่องจากลักษณะคำพูดของเหลยเป้าแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
“ไอ้พวกนกกระจอก ดื้อด้านมาปิดล้อมพวกเราสิบกว่าวัน วันนี้แหละฉันจะฆ่าพวกแกเอง” หลงอ๋าวยิ้มกริ่ม
ที่แท้บุรุษผู้สังหารมนุษย์ปักษาเหล่านั้นก็คือฉู่ชวิ๋น ในเมื่อนายท่านกลับมาแล้ว ยังมีอะไรที่วังมังกรเพลิงต้องหวาดกลัวอีก?
ฉู่ชวิ๋นหันหน้ากลับมาจ้องมองพวกมนุษย์ปักษา
ผลที่ได้ก็คือ พวกมันตกตะลึงไปด้วยความเหลือเชื่อ ทำไมชายหนุ่มคนนี้ถึงเปลี่ยนหน้าได้รวดเร็วขนาดนี้? เขาไม่ได้เป็นคนธรรมดาอีกแล้ว เพียงพริบตาเดียว ก็กลายเป็นคนที่หล่อเหลายิ่งกว่าพวกมนุษย์ปักษาเสียอีก
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมจึงมีคำกล่าวที่ว่า มนุษย์สามารถเปลี่ยนหน้าได้เร็วยิ่งกว่าพลิกหน้ากระดาษเสียอีก
“จอมมารฉู่ชวิ๋น” ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
ฉู่ชวิ๋นยกมุมปากเป็นรอยยิ้ม ก่อนพูดว่า “ถือได้ว่าพวกแกความจำดีและตายังไม่บอด”
ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 มีสีหน้าเคร่งขรึม เหตุผลที่มันจดจำฉู่ชวิ๋นได้ก็คือ เมื่อรู้ว่าจะต้องมาโจมตีวังมังกรเพลิง มันจึงทำการค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับทุกอย่างของที่นี่ โดยเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับฉู่ชวิ๋น
แต่เท่าที่พวกมันรู้ ฉู่ชวิ๋นหายสาบสูญไปได้สามปีแล้ว อยู่ดีๆ กลับปรากฏตัวขึ้นมาได้อย่างไร?
ไม่ต้องสงสัยอีกแล้วว่าทำไมพวกของเหยียนชงที่ก่อนหน้านี้ยังเคารพนอบน้อมต่อพวกมันเป็นอย่างดี ในขณะนี้ กลับไม่เห็นมนุษย์ปักษาอยู่ในสายตาอีกแล้ว
พวกมันรู้สึกลำบากใจเป็นอย่างยิ่ง ถึงมนุษย์ปักษาเพิ่งจะสร้างชื่อเสียงขึ้นมาได้ไม่นาน แต่พวกมันก็คุ้นเคยกับชื่อของจอมมารฉู่ชวิ๋นเป็นอย่างดี บุรุษหนุ่มผู้นี้ไม่ต่างอะไรจากเทพเจ้าแห่งความตาย
แต่ที่คิดไม่ถึงเลยก็คือ ฉู่ชวิ๋นกลับปลอมตัวมาสังหารมนุษย์ปักษาไปจำนวนนับไม่ถ้วน
“จอมมารฉู่ชวิ๋น ได้พบตัวคุณจริง ๆ แล้ว ช่างโชคดีอะไรอย่างนี้!” ดวงตาของผู้อาวุโสลำดับที่ 9 เป็นประกายระยิบ ระดับพลังของฉู่ชวิ๋นแข็งแกร่งมากกว่าที่มันคิดเอาไว้
มันได้ยินชื่อเสียงของจอมมารฉู่ชวิ๋นมาตลอด และรู้สึกสงสัยมาเสมอว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นมนุษย์จริง ๆ หรือ? มีใครบ้างที่สามารถกวาดล้างสำนักใหญ่ ๆ ในยุทธภพได้ โดยยังมีชีวิตอยู่อย่างสบายใจเช่นนี้ได้อีก
ด้วยเหตุนี้ สำนักเทวามรณะจึงดูหมิ่นฉู่ชวิ๋นมาโดยตลอด พวกมันต่างคิดว่าฉู่ชวิ๋นโชคดีเหลือเกินที่ไม่ได้เรืองอำนาจในยุคสมัยของพวกมัน ไม่เช่นนั้นแล้ว มนุษย์ปักษาจะสอนให้เขาได้รู้ว่าใครกันแน่ที่สมควรเป็นนายใหญ่
แต่ดูเหมือนพวกมันจะเข้าใจผิดไปโดยสิ้นเชิง ฉายาจอมมารฉู่ชวิ๋นไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วยจริง ๆ
ฉู่ชวิ๋นขมวดคิ้วนิ่วหน้าจ้องมองกลุ่มมนุษย์ปักษา “มาพังประตูบ้านคนอื่นแบบนี้ไม่ต้องอ้อมค้อมแล้วล่ะ มีอะไรลงมาคุยกันข้างล่างดีกว่า”
ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 มีสีหน้าลังเล เมื่อสักครู่นี้ มันเพิ่งประมือกับฉู่ชวิ๋นไปหนึ่งกระบวนท่า และนั่นทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งแข็งแกร่งจนน่าหวาดกลัว
ผู้อาวุโสลำดับที่ 9 ส่งสัญญาณมือบอกให้บริวารทุกคนบินลงไปด้านล่าง
สีหน้าของบรรดามนุษย์ปักษาเต็มไปด้วยความอึดอัดขัดใจ การลงสู่พื้นดินสำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษาถือเป็นลางร้าย พวกมันเก่งกาจด้านการโจมตีจากอากาศ การอยู่บนพื้นดินไม่ใช่สิ่งที่พวกมันชื่นชอบสักเท่าไหร่
แต่เนื่องจากนี่เป็นคำสั่งของผู้อาวุโสลำดับที่ 9 พวกมันจึงต้องร่อนลงมาบนพื้นดินอย่างไม่เต็มใจนัก