จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 405 อวสานประตูวิญญาณสลาย
บทที่ 405 อวสานประตูวิญญาณสลาย
หลี่คุนลอยกระเด็นออกไปไกลหลายร้อยเมตร ร่างกายของมันชักกระตุกอยู่หลายครั้งก่อนที่จะแน่นิ่งไม่เคลื่อนไหวอีก
บรรยากาศตกอยู่ภายใต้ความเงียบงัน กำปั้นของฉู่ชวิ๋นทำลายเส้นชีพจรหลี่คุนจนหมดสิ้น
หลี่คุนมีวิชาโลหิตคืนวิญญาณที่สามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้ครั้งแล้วครั้งเล่า มันมั่นใจมากเกินไปและคิดว่าฉู่ชวิ๋นไม่มีทางฆ่ามันได้และตอนนี้ มันจึงต้องนอนสิ้นลมหายใจอยู่ตรงนั้นเอง
ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเป็นประกายเย็นชา วิชาโลหิตคืนวิญญาณ ไม่เห็นจะน่ากลัวสักเท่าไหร่ มีดีก็แค่เพียงสามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้เท่านั้น
ชายหนุ่มเดินไปหยิบแหวนเก็บสมบัติมาจากมือของหลี่คุนและก็พบเคล็ดวิชาโลหิตคืนวิญญาณถูกบันทึกอยู่บนกระดาษหนังสัตว์แผ่นหนึ่ง
ทันใดนั้น เปลวไฟปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของฉู่ชวิ๋น เผาผลาญกระดาษหนังสัตว์กลายเป็นเถ้าถ่าน วิชาผีสางเช่นนี้อย่าให้ปรากฏขึ้นมาในโลกอีกเลยจะดีกว่า
บรรดาผู้อาวุโสและศิษย์ของประตูวิญญาณสลายรู้สึกละอายใจเป็นอย่างยิ่ง
หลี่คุน เจ้าสำนักของพวกมันถึงกับฆ่าผู้อาวุโสและเหล่าศิษย์เพื่อเอาตัวรอดอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต บัดนี้พวกมันไม่มีจิตใจที่จะต่อสู้อีกแล้ว
ฉู่ชวิ๋นคิดหนัก ความจริงเขาอยากจะฆ่าพวกมันให้หมดไม่ให้เหลือสักคนเดียว แต่พอเห็นเจ้าพวกนี้โดนเจ้าสำนักตัวเองหักหลังแล้วยังมาโดนเขาฆ่าล้างบางอีกมันก็น่าสงสารแปลก ๆ
“ไสหัวไปซะ!” แต่สุดท้าย ฉู่ชวิ๋นก็ถอนหายใจและปล่อยพวกมันไป
สมาชิกของประตูวิญญาณสลายเบิกตาโตอย่างเหลือเชื่อ ดูเหมือนจะไม่มีใครเชื่อว่าฉู่ชวิ๋นจะปล่อยตัวพวกมันไปจริง ๆ
“ไม่อยากไปกันหรือไง?” ฉู่ชวิ๋นหันมองหน้าพวกมัน
บรรดาสมาชิกของประตูวิญญาณสลายถึงกับตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม
“ขอบคุณนายท่านฉู่ชวิ๋นที่ไว้ชีวิต ขอบคุณนายท่านฉู่ชวิ๋นที่ไว้ชีวิต”
“ผู้น้อยขอสาบานว่าในชีวิตนี้จะไม่เป็นศัตรูกับนายท่านฉู่ชวิ๋นอีกต่อไป หากผู้น้อยผิดคำสาบาน ขอให้ฟ้าผ่าตาย”
เหล่าสมาชิกของประตูวิญญาณสลายต่างเตรียมใจรอรับความตายเอาไว้แล้ว ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเมื่อตกอยู่ในกำมือของจอมมารฉู่ชวิ๋น พวกมันยังสามารถรอดชีวิตได้อีก
ดังนั้นเมื่อจอมมารฉู่ชวิ๋นบอกว่าจะปล่อยพวกมันไป ทุกคนจึงรู้สึกสงสัยและไม่เชื่อหูตัวเอง
แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้จอมมารฉู่ชวิ๋นจะมีเจตนาละเว้นชีวิตพวกมันจริง ๆ
“สาบานก็สาบานไปเถอะ ต่อให้พวกแกผิดคำสาบาน สวรรค์ก็ไม่มีเวลามาสนใจพวกแกหรอก” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “แต่ถ้าพวกแกกลับมารวมกลุ่มก่อความวุ่นวายอีกครั้ง พวกแกตาย!”
สมาชิกประตูวิญญาณสลายตะลึงงัน พวกมันไม่สงสัยในคำพูดของฉู่ชวิ๋น เนื่องจากฉู่ชวิ๋นมีชื่อเสียงมานานปีเรื่อง การฆ่าสำนักยิ่ง
ไม่มีใครว่าฉู่ชวิ๋นจะต้องตามฆ่าพวกมันไหม เพราะถ้าไม่ทำนั้นสิเรื่องแปลก
“นายท่านฉู่ชวิ๋น ผู้น้อยขออำลา!”
บรรดาผู้อาวุโสของประตูวิญญาณสลายทราบดีว่าเปล่าประโยชน์ที่จะพูดอะไรต่อไปอีก ผู้ยิ่งใหญ่อย่างเช่นจอมมารฉู่ชวิ๋นจะเชื่อคำสาบานของพวกมันจริงหรือ?
สมาชิกของประตูวิญญาณสลายโค้งตัวทำความเคารพอำลาฉู่ชวิ๋น เรียบร้อยจึงหันหลังเดินจากไป สีหน้าดูเป็นปกติ แต่แผ่นหลังเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อเปียกชุ่มโชก
พวกมันสามารถรอดชีวิตกันมาได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่ง และส่วนใหญ่ก็ตกตายด้วยน้ำมือของหลี่คุน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้สมาชิกของประตูวิญญาณสลายรู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง
ถ้าไม่มีหลี่คุน ถ้าไม่มีประตูวิญญาณสลาย พวกมันก็คงไม่ไปตอแยฉู่ชวิ๋นตั้งแต่แรก
ฉับ!
เลือดสาดกระจาย หัวคนกลิ้งกระเด็น ฉู่ชวิ๋นตวัดดาบตัดศีรษะของหลี่คุน ขาดสะบั้น
ขณะนี้ ฉู่ชวิ๋นได้ทำตามสิ่งที่พูดเอาไว้กับหลี่คุนทุกประการ หลังจากผ่านวันนี้ไปแล้วจะไม่มีประตูวิญญาณสลายอยู่ในโลกนี้อีกต่อไป
ฉู่ชวิ๋นปล่อยคลื่นพลังจิตออกไปเพื่อระบุพิกัดห้องเก็บสมบัติของประตูวิญญาณสลาย ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาให้ความสนใจมากที่สุด
“พวกนายรอฉันอยู่ที่นี่ก่อน” พูดจบฉู่ชวิ๋นก็หายตัวไป
ใช้เวลาไม่นานนักฉู่ชวิ๋นก็กลับมาด้วยสีหน้าตื่นเต้น ด้วยว่าในห้องเก็บสมบัติของประตูวิญญาณสลายเต็มไปด้วยของมีค่าจำนวนมาก
แต่ตอนนี้สิ่งของทุกอย่างกลายเป็นของฉู่ชวิ๋นไปเรียบร้อยแล้ว
หลังจากนั้น ฉู่ชวิ๋นก็นำตัวพวกหลงอี้มายังม่านพลังที่เขาสร้างเป็นค่ายกลเอาไว้และลำเลียงผู้บาดเจ็บออกมาจากตัวปราสาท
ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางจากมา ฉู่ชวิ๋นได้จัดการเปลี่ยนสภาพของสำนักประตูวิญญาณสลายให้กลายเป็นทะเลเพลิง ก้อนหินใหญ่ที่สลักชื่อประตูวิญญาณสลายเอาไว้ที่ประตูหน้าแตกสลายกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย
ฉู่ชวิ๋นถ่ายภาพเอาไว้และนำมาโพสต์ในเว็บบอร์ดชุมนุมชาวยุทธ์ พร้อมกับเขียนข้อความว่า “อวสานประตูวิญญาณสลาย”
ตอนนี้กระแสในอินเทอร์เน็ตกำลังพูดถึงเรื่องราวการต่อสู้ระหว่างฉู่ชวิ๋น กับเผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษา แต่หลังจากที่รูปภาพนี้ถูกโพสต์ลงไป มันก็ถูกแชร์หลายแสนครั้งในพริบตาเดียว
โลกอินเทอร์เน็ตลุกเป็นไฟ
ทุกคนล้วนตื่นเต้นกับข่าวใหม่ที่ได้รับทราบ ไม่มีใครคิดเลยว่าฉู่ชวิ๋นจะสามารถทำลายประตูวิญญาณสลายได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนี้
“ให้ตายเถอะ ขนาดประตูวิญญาณสลายยังโดนจอมมารฉู่ชวิ๋นทำลายเสียสิ้นซาก แล้วในโลกนี้จะมีใครหยุดยั้งจอมมารฉู่ชวิ๋นได้อีก?”
“ว่าด้วยระดับพลังในยุคปัจจุบัน นายท่านฉู่ชวิ๋นถือว่าเป็นอันดับหนึ่งในยุทธภพจริง ๆ”
“พวกนายว่าเทพเจ้าฉู่ชวิ๋นขึ้นไปถึงระดับนั้นหรือยัง?”
มีการถกเถียงมากมายเกิดขึ้นในโลกออนไลน์
แต่ในขณะที่ทุกคนมีความสุข บรรดาสำนักดาบพิฆาต ปราสาทเทียนหลง และสำนักอื่น ๆ ที่อยู่ฝ่ายมารกลับเริ่มรู้สึกอึดอัดขึ้นมาแล้ว
ฉู่ชวิ๋นสามารถกำจัดประตูวิญญาณสลายได้ในพริบตาเดียว ข่าวนี้ทำให้พวกมันถึงกับมือเย็นเท้าเย็น หัวใจเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ รู้สึกปั่นป่วนมวนท้อง แล้วแบบนี้จอมมารฉู่ชวิ๋นจะมาทำลายสำนักของพวกมันเป็นรายต่อไปหรือไม่?
ฉู่ชวิ๋นลำเลียงผู้บาดเจ็บที่เขาช่วยมาลงมาจากภูเขา พอเห็นว่านายน้อยนกยูงปีศาจยังสลบไสล ฉู่ชวิ๋นจึงต้องเข้าไปปลุกให้ตื่นขึ้นมา
นายน้อยนกยูงปีศาจกระพือปีกบรรทุกพวกของฉู่ชวิ๋นเดินทางออกมาจากเมืองชิงเฉิง
ตอนขามา ฉู่ชวิ๋นมีกันแค่เพียง 11 คนเท่านั้น แต่ขากลับเพิ่มผู้โดยสารมาเป็น 20 กว่าคน ทำให้นายน้อยนกยูงปีศาจบินด้วยความยากลำบากและทุลักทุเลไม่น้อย
พวกของหวู่ปู้ซือได้รับบาดเจ็บสาหัส ถึงแม้ว่าฉู่ชวิ๋นจะช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้ได้ แต่ก็คงต้องเก็บตัวพักฟื้นไปอีกนาน
บนถนนสายหลักที่ทอดตรงสู่เมืองกู่เจียง คนสี่คนก้มหน้ามองหน้าจอโทรศัพท์และอ่านข่าวด้วยความตกตะลึง
“แม่เจ้า!” หนึ่งในนั้นอุทานออกมา
พวกมันเพิ่งบอกฉู่ชวิ๋นไปไม่นานนี้เองว่า ผู้ที่ทำลายสำนักสวรรค์ฟ้า ก็คือคนของประตูวิญญาณสลาย
พวกมันอยากจะเดินทางเข้าเมืองกู่เจียงเพื่อสมัครเป็นคนของตระกูลฉู่
ชายทั้งสี่คนหันมองหน้ากันด้วยความสยองขวัญ
“ทำไมนายท่านฉู่ชวิ๋นถึงได้ลงมือรวดเร็วอย่างนี้?” คนหนึ่งในกลุ่มพึมพำ
อีกสามคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย เหตุการณ์ทุกอย่างกินเวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ประตูวิญญาณสลายก็ถูกทำลายล้างหมดสิ้นแล้ว
“หรือว่านายท่านฉู่ชวิ๋นจะเป็นเทพเจ้าจริง ๆ?” อีกคนหนึ่งพูดออกมาด้วยความเหลือเชื่อ
“มันสำคัญด้วยหรือไงล่ะ? ไม่ว่ายังไงฉันก็จะสมัครเข้าตระกูลฉู่และติดตามนายท่านฉู่ชวิ๋นปราบปรามเหล่าร้ายอยู่ดี” คนแซ่โจวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“มีใครไม่อยากทำแบบนั้นบ้างล่ะ?” เพื่อนของมันพูดด้วยน้ำเสียงร้อนใจพร้อมกับเร่งฝีเท้าขึ้น
อีกสามคนที่เหลือระเบิดเสียงหัวเราะและเร่งความเร็วตามติดไป การลงมือในครั้งนี้ของฉู่ชวิ๋น ยิ่งกระตุ้นให้พวกมันอยากเข้าเป็นคนของตระกูลฉู่ให้ได้มากขึ้นกว่าเดิม
ณ ปราสาทจตุรเทพ เยวี่ยฟ๋านเตี๋ยกำลังอ่านข่าวที่ฉู่ชวิ๋นทำลายประตูวิญญาณสลายด้วยสีหน้าชอบอกชอบใจ
“สมแล้วที่เป็นน้องชายของฉัน เยวี่ยฟ๋านเตี๋ย” ชายชราหัวเราะร่วน
จิงหง หยานหวูซวง และบุตรชายตระกูลเยวี่ยทั้งสี่คนก็อยู่ที่นั่นด้วย
หยานหวูซวงรำพึงออกมาด้วยความไม่พอใจว่า “ไอ้หมอนี่ ไปทำเรื่องสนุกแบบนี้ทั้งที ไม่ชวนฉันไปด้วยได้ไง”
“เอานายไปด้วยก็มีแต่วุ่นวายมากขึ้นเท่านั้น” เยวี่ยจิ้งโฉว พึมพำ
หยานหวูซวงกลอกตามองบน เยวี่ยจิ้งโฉวเคยถูกเขาหลอกให้สารภาพรักกับจิงหง เมื่อกลับมาถึงปราสาท จึงถูกเยวี่ยฟ๋านเตี๋ยผู้เป็นบิดาสั่งลงโทษ ส่งผลให้เยวี่ยจิ้งโฉวยังคงแค้นฝังหุ่นหยานหวูซวงมาจนถึงตอนนี้
“ฉันจะบอกให้นะไอ้หลานชาย คนเรามันต้องรู้จักใจกว้างเข้าไว้ คนจิตใจคับแคบอย่างนาย อย่าว่าแต่นางฟ้าจิงหงจะไม่เหลือบตามองนายเลย แม้แต่ผู้หญิงธรรมดาก็ไม่มีวันมองนายด้วยซ้ำ”
เยวี่ยจิ้งโฉวหน้าแดงด้วยความโกรธแค้น จ้องมองหยานหวูซวงแววตาดุร้าย ที่น่าเจ็บปวดที่สุดก็คือจิงหงก็ยืนอยู่ในบริเวณนั้นด้วย ทำให้เด็กหนุ่มไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีกแล้ว
“คุณชายหยาน ข้าได้ยินมาว่าเจ้าตามจีบแม่นางเหยาไป๋เยวี่ยมา 10 ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่สำเร็จ ทำไมเจ้าไม่ลองหาหญิงสาวคนอื่นดูบ้างเล่า?” จิงหงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ แต่ทำให้หยานหวูซวงแทบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว เรื่องนี้ถือเป็นรอยแผลเป็นในจิตใจของเขามาตลอด จริง ๆ แล้วมันจะไม่มีปัญหาอะไรเลยถ้าเหยาไป๋เยวี่ยไม่ใช่ผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนัก
“โห จีบผู้หญิงคนเดียวมาเป็น 10 ปีแต่ก็ยังจีบไม่ติดเลยเหรอเนี่ย พี่หยานถือว่ามีความอดทนดีเยี่ยมจริง ๆ เหยาไป๋เยวี่ยแค่ฟังชื่อก็รู้แล้วว่างดงามขนาดไหน เอาไว้คราวหน้าผมจะลองจีบเธอมั่งดีกว่า” เยวี่ยจิ้งโฉวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
หยานหวูซวงโกรธจนตัวสั่น จิงหงเป็นคนเปิดบาดแผล เยวี่ยจิ้งโฉวเป็นคนเทเกลือราดรดลงไป
“ไอ้หลานชาย ถึงนายกับฉันจะอายุห่างกันไม่กี่ปี แต่ฉันก็เป็นอาสามของนายนะ” หยานหวูซวงถลึงตาจ้องมอง “นายเชื่อฟังฉันใช่ไหม?”
“ยังมีหน้ามาพูดอีก เลิกแอบอ้างสักทีได้ไหม ใครแต่งตั้งนายให้เป็นอาสามของฉันกัน?” เยวี่ยจิ้งโฉวพูดเสียงแข็งกระด้าง
“ไอ้หนู แกจะเชื่อฟังฉันไหม?”
“ไม่เชื่อโว้ย!”
……
……
ฉู่ชวิ๋น หวู่ปู้ซือและผู้บาดเจ็บคนอื่น ๆ ถูกนำมาพักรักษาตัวในโรงแรม
เมืองชิงเฉิงอยู่ห่างมาจากเมืองหยานเซวี่ยไม่มากนัก ฉู่ชวิ๋นวางแผนแล้วว่าจะแวะไปเยี่ยมตระกูลหยานที่กำลังมีปัญหาอยู่สักหน่อย หยานหวูซวงประจำการอยู่ในแดนพายัพคอยช่วยเหลือปราสาทจตุรเทพปราบปรามผีดิบ จึงไม่ได้กลับมาช่วยเหลือครอบครัวที่กำลังพบศึกหนัก
เมื่อไม่นานมานี้ ตระกูลจางได้ส่งคนลอบเข้าไปแฝงตัวในวังมังกรเพลิงและเกือบจะสังหารหยานหวูซวงได้สำเร็จ ซึ่งหมายความว่านี่คือเรื่องที่ผ่านการวางแผนมาเป็นอย่างดี
ขณะนี้ ฉู่ชวิ๋นนำบริวารติดตัวมาด้วยเพียงแค่สองคนคือหลงอี้กับหลงเอ้อร์ ส่วนคนที่เหลืออยู่ในโรงแรมคอยดูแลผู้บาดเจ็บ
คราวนี้ พวกเขาเลือกเดินทางโดยการนั่งเครื่องบิน
นั่นก็เป็นเพราะว่าเมื่อมาถึงเมืองชิงเฉิง ฉู่ชวิ๋นก็ปล่อยนายน้อยนกยูงปีศาจให้เป็นอิสระ
เมืองหยานเซวี่ยไม่มีสนามบิน พวกของฉู่ชวิ๋นจึงต้องลงที่เมืองข้างเคียงก่อน
หลังจากลงเครื่องบินแล้ว ฉู่ชวิ๋นก็เดินทางตรงไปที่ค่ายทหารประจำเมือง และขอยืมรถยนต์หนึ่งคันเพื่อใช้ขับไปยังเมืองหยานเซวี่ย
หลงอี้และหลงเอ้อร์ในตอนนี้ไม่ต่างจากบ้านนอกเข้ากรุง พวกเขายังคงตื่นเต้นกับการนั่งเครื่องบินอยู่ไม่หาย
แต่ขณะนี้ นักรบมังกรเงินทั้งสองกำลังจ้องมองฉู่ชวิ๋นขับรถด้วยความอัศจรรย์ใจ พวกเขาไม่เข้าใจเลยว่าพาหนะชนิดนี้สามารถวิ่งได้อย่างไร?
“อยากลองขับดูบ้างไหมล่ะ?” ฉู่ชวิ๋นหันมามองหน้าหลงอี้
หลงอี้รีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที “ไม่ดีกว่าครับ”
“ไม่เป็นไรหรอก เรื่องนี้ง่ายจะตาย นายแค่เหยียบคันเร่งและคุมพวงมาลัยให้ดี”
ฉู่ชวิ๋นสลับตำแหน่งที่นั่งกับหลงอี้ หลังจากนั้นก็สั่งให้หลงอี้ลองขับรถ
“เหยียบคันเร่งด้วยเท้าขวา” ฉู่ชวิ๋นว่า
“ผู้น้อยรับคำบัญชา” หลงอี้ตอบ
บรื้น!
เสียงเครื่องยนต์คำรามดังกระหึ่ม รถยนต์ของกองทัพมีประสิทธิภาพที่แรงมาก มันพุ่งออกไปข้างหน้าเหมือนวัวกระทิงผู้บ้าคลั่ง
“เหยียบเบรคเดี๋ยวนี้” ฉู่ชวิ๋นรีบพูดออกมาทันที
“ผู้น้อยรับคำบัญชา”
โครม!
รถยนต์พุ่งเข้าไปชนกับต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้างถนนเสียงดังสนั่น
แรงกระแทกที่เกิดขึ้น ทำให้ตัวของหลงอี้ลอยกระเด็นทะลุกระจกหน้ารถออกไปจากห้องโดยสาร
หลงเอ้อร์นั่งอยู่บนเบาะหลัง ศีรษะกระแทกเข้ากับพนักพิงด้านหลังของเบาะด้านหน้าอย่างแรง ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นในพริบตาเดียว มันไม่สามารถตั้งตัวรับอะไรได้ทันเลย ดังนั้น ใบหน้าของเขาจึงกระแทกกับเบาะจนจมูกบิดเบี้ยว ริมฝีปากแตก เลือดไหลเข้าปากให้รสชาติขมและเค็ม แล้วหลงเอ้อร์ก็ร้องไห้ออกมากระซิก ๆ
ต้นไม้ใหญ่ที่ถูกรถยนต์พุ่งเข้าชนล้มโค่นลงมา กิ่งก้านสาขาแตกหักกระจัดกระจาย
ฝากระโปรงรถยนต์บุบบู้บี้ ปรากฏควันสีดำลอยขึ้นมา เช่นเดียวกับประกายไฟที่แลบแปลบปลาบ
โชคดีที่ฉู่ชวิ๋นเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าแล้ว เขาโคจรม่านพลังมาห่อหุ้มร่างกาย ป้องกันตัวเองเอาไว้ตั้งแต่แรก
แต่เสียงของน้ำไหลทำให้สีหน้าของฉู่ชวิ๋นเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ความจริงมันไม่ใช่เสียงน้ำไหล แต่เป็นเสียงของน้ำมันที่กำลังรั่วซึมออกมาจากตัวถังรถต่างหาก
เปรี้ยง!
ฉู่ชวิ๋นยกมือขึ้นยิงพลังลมปราณใส่หลังคารถ เกิดเป็นรูขนาดใหญ่ ชายหนุ่มแบกร่างของหลงเอ้อร์กระโดดออกไปทางนั้น หลังออกมาจากรถได้เรียบร้อยแล้ว ฉู่ชวิ๋นก็เดินมาหยุดอยู่ข้างกายหลงอี้ ก่อนจะสร้างม่านพลังขึ้นมาห้อมล้อมพวกของตนเองทั้งสามคนเอาไว้
ตู้ม!
แล้วรถยนต์ก็ระเบิดกลายเป็นจุล เปลวไฟลุกโชน ควันลอยคลุ้งขึ้นสู่ท้องฟ้า ต้นไม้โบราณที่ถูกรถยนต์ชนล้มถูกเผาไหม้ไปในพริบตา พื้นดินสะเทือนเหมือนเกิดแผ่นดินไหวอยู่ชั่วครู่หนึ่ง
ฉู่ชวิ๋นยกมือขึ้น ซัดพลังลมปราณออกไปดับกองไฟ หลังจากนั้นจึงสลายม่านพลังลง
“ผู้น้อยขออภัย!” หลงอี้ก้มหัวด้วยความอับอาย
ฉู่ชวิ๋นยิ้มแล้วส่ายหน้าด้วยความขมขื่น ชายหนุ่มไม่คิดเลยว่าจอมยุทธ์ที่มีทักษะยอดเยี่ยมจนขึ้นสู่ขั้นจักรพรรดิระดับ 9 ได้สำเร็จจะขับรถได้ห่วยแตกมากขนาดนี้
“หลงอี้ ข้าติดตามนายท่านฉู่ชวิ๋นมาต่อสู้กับพวกคนเลว แต่เกือบจะต้องมาตายด้วยน้ำมือของเอ็งเสียแล้ว ไอ้บ้าเอ๊ย” หลงเอ้อร์ยกมือปิดจมูก และอยากจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
หลงอี้หน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย ได้แต่หันไปมองหน้าหลงเอ้อร์ด้วยแววตาโกรธเคือง