จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 406 นางฟ้าแห่งหอกระจกนิรันดร์
บทที่ 406 นางฟ้าแห่งหอกระจกนิรันดร์
เมืองหยานเซวี่ยมีอยู่ 4 ฤดูบวกด้วยกับหนึ่งฤดูหนาวตลอดกาล แม้แต่ในช่วงฤดูร้อน ก็ยังมีหิมะโปรยปรายลงมาบ้างตามโอกาส
หยานกุยล๋ายคือชายชราที่ฉู่ชวิ๋นกับนักรบมังกรเงินทั้งสองกำลังจะเดินเท้าไปหา ในขณะนี้ เขามีสีหน้าเคร่งเครียดเป็นอย่างยิ่ง
บรรดาผู้อาวุโสของตระกูลหยานก็มีสีหน้าเคร่งเครียดเช่นเดียวกัน
“นายท่านครับ อยากให้ลองติดต่อนายน้อยอีกครั้งไหมครับ?” ผู้อาวุโสประจำตระกูลหยานขอรับคำแนะนำ ตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเขาได้ลองติดต่อไปหาหยานหวูซวงมาแล้วหลายครั้ง
หยานกุยล๋ายมีสีหน้าสับสนเล็กน้อย ก่อนที่จะถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา “ไม่ต้องกลับมานั่นแหละดีแล้ว อย่างน้อยอยู่ที่นั่นก็มีจอมมารฉู่ชวิ๋นคอยดูแล กลับมาที่นี่มีแต่อันตรายทั้งนั้น”
“นายท่านครับ นายท่านแน่ใจนะว่าให้นายน้อยไปติดตามจอมมารฉู่ชวิ๋นแบบนั้นจะไม่เกิดอันตรายขึ้นเหรอครับ?”
อย่างที่ทราบกันดีว่า ในโลกยุทธภพไม่มีใครโหดร้ายมากไปกว่าจอมมารฉู่ชวิ๋นอีกแล้ว เขาผู้นั้นมีศัตรูอยู่ทุกหนทุกแห่ง ดังนั้นว่ากันตามความจริง การที่หยานหวูซวงติดตามจอมมารฉู่ชวิ๋นอาจจะเป็นการเพิ่มอันตรายให้ตนเองก็เป็นได้
หยานกุยล๋ายนิ่งคิดเล็กน้อย แล้วก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“เขาแข็งแกร่งขนาดนั้นจะห่วงไปทำไม แม้แต่ประตูวิญญาณสลายก็โดนถล่มไปเรียบร้อยแล้ว” หยานกุยล๋ายกล่าว
กลุ่มผู้อาวุโสสีหน้าแปรเปลี่ยนไปทันที ดวงตาของพวกเขาปรากฏว่าพรั่นพรึง ตอนที่ทุกคนได้อ่านข่าว พวกเขาก็ตกตะลึงเช่นกัน
ประตูวิญญาณสลาย สำนักที่ยืนยงคงกระพันมาหลายพันปี แต่กลับถูกทำลายล้างในพริบตาเดียวด้วยฝีมือของฉู่ชวิ๋น ช่างเป็นเรื่องที่น่าตลกยิ่งนัก
“นายท่านครับ ชิงเฉิงอยู่ไม่ไกลจากเมืองหยานเซวี่ย หรือว่าเราจะเชิญจอมมารฉู่ชวิ๋นมาแก้ปัญหาให้เราดีครับ พวกตระกูลจังมันจะได้รามือลงบ้าง” ผู้อาวุโสคนหนึ่งแนะนำ
หยานกุยล๋ายโบกไม้โบกมือปฏิเสธ ริมฝีปากกระตุกด้วยความเจ็บใจ จะมีใครล่วงรู้บ้างว่าถ้าจอมมารฉู่ชวิ๋นมาที่นี่จริง ๆ จะเกิดอะไรขึ้น? เป็นไปได้ว่าศัตรูยังไม่ทันจะโจมตีด้วยซ้ำ ข้าวของในห้องเก็บสมบัติของตระกูลหยานก็คงถูกฉู่ชวิ๋นขโมยไปหมดสิ้น
“อย่าเลย ตระกูลหยานสุขสบายมานานเกินไปแล้ว คงถึงเวลาที่ได้ยืดเส้นยืดสายกันบ้างเสียที” หยานกุยล๋ายตอบ
“จะว่าแบบนั้นก็ถูกนะครับ แต่เกรงว่าบัดนี้ตระกูลหยานอาจจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบก็เป็นได้ ศึกในครั้งนี้อันตรายเป็นอย่างยิ่ง” ผู้อาวุโสคนเดิมกล่าว
“ตอนนี้ตระกูลจังเป็นพันธมิตรกับสำนักวัชระ ซึ่งพวกมันมีชื่อเสียงมากในยุทธภพ” ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งพูดแทรกขึ้น
ทุกคนรู้ดีว่าคราวนี้ตระกูลจังมีกำลังพลที่แข็งแกร่งมากเกินไป เมื่อได้รับการช่วยเหลือจากสำนักวัชระ ซึ่งเป็นสำนักของเผ่าพันธุ์มนุษย์คิงคอง จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรับมือ
ในขณะนี้ ลูกศิษย์คนหนึ่งของตระกูลหยานเข้ามารายงานข่าว
“นายท่านครับ พวกตระกูลจังมันพาคนไปที่หอกระจกนิรันดร์แล้วครับ”
ในยามทำศึกสงคราม ข้อมูลของศัตรูเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด ตระกูลหยานได้ส่งคนไปจับตามองการเคลื่อนไหวของตระกูลจังมาตลอด
“พวกมันจะไปที่หอกระจกนิรันดร์ทำไม?” ผู้อาวุโสคนหนึ่งถามด้วยความสงสัย
“จังเฟิงหลิงจะไปขอเหยาไป๋เยวี่ยแต่งงานครับ” ลูกศิษย์ผู้เป็นสายข่าวรายงาน
“เหยาไป๋เยวี่ย?” หยานกุยล๋ายตบโต๊ะด้วยความโกรธแค้น กล่าวว่า “ไอ้หมอนี่มันตั้งใจเหยียดหยามหยานเอ๋อร์ของข้าชัด ๆ”
ทุกคนรู้ดีว่าเหยาไป๋เยวี่ยจากหอกระจกนิรันดร์เป็นคนรักของหยานหวูซวง ที่จังเฟิงหลิงทำแบบนี้ ย่อมมีเจตนาแอบแฝงแน่นอน
“เจ้าสำนักหอกระจกนิรันดร์มีกฎที่รู้จักกันดีทั่วยุทธภพ ลูกศิษย์ของหอกระจกนิรันดร์ไม่มีทางแต่งงานกับคนนอกเด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้น เหยาไป๋เยวี่ยถูกวางตัวให้เป็นเจ้าสำนักคนต่อไป เรื่องนี้เธอต้องปฏิเสธแน่นอน อีกอย่าง เธอสนิทสนมกับนายน้อยมานับสิบปี จะไปตอบรับคำขอแต่งงานของคนอื่นได้อย่างไร”
“ถูกต้อง เห็นทีคราวนี้จังเฟิงหลิงคงต้องกินแห้วแน่ ๆ”
หยานกุยล๋ายมีสีหน้าโกรธแค้นสุดขีด พูดออกมาด้วยความเดือดดาลว่า “ไปสืบข้อมูลมาเพิ่มเติม”
“รับทราบครับ” ลูกศิษย์ของตระกูลหยานรับคำแล้วหันหลังกลับไป
ในขณะนี้ ณ หอกระจกนิรันดร์ จังเฟิงหลิงกำลังจ้องมองปี๋เค่อหยุนเจ้าสำนักหญิงและพูดเสียงดังว่า “เจ้าสำนักปี๋คงเข้าใจทุกอย่างดีแล้วนะครับ ผมไม่เห็นเหตุผลที่คุณจะปฏิเสธการแต่งงานครั้งนี้เลย”
ปี๋เค่อหยุนเจ้าหอกระจกนิรันดร์ เป็นหญิงสาวหน้าตางดงาม รูปลักษณ์ภายนอกเหมือนอายุแค่ 30 กว่าปี แต่ความจริงนางมีอายุได้ 300 กว่าปีแล้ว
“ตระกูลจังไม่ทราบกฎของหอกระจกนิรันดร์หรืออย่างไร?” ใบหน้าที่สวยงามของปี๋เค่อหยุนปรากฏความไม่พอใจขึ้นเล็กน้อย
“กฎของหอกระจกนิรันดร์เป็นที่เลื่องลือไปทั่วยุทธภพ” จังเฟิงหลิงแต่งกายด้วยชุดแดง แสดงถึงเจตนามุ่งมั่น กล่าวว่า “แต่โลกนี้เปลี่ยนไปแล้ว กาลเวลาเปลี่ยนไป เจ้าสำนักปี๋ไม่จำเป็นต้องยึดติดในกฎเกณฑ์คร่ำครึอีกต่อไปแล้วละครับ ยิ่งไปกว่านั้น กฏเป็นสิ่งที่มนุษย์เขียนขึ้นมาเอง ก็ย่อมเป็นสิ่งที่มนุษย์สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้”
“สามหาวนัก”
ลูกศิษย์คนหนึ่งของหอกระจกนิรันดร์จ้องมองคุณชายจังด้วยแววตาโกรธแค้น
หอกระจกนิรันดร์มีลูกศิษย์เป็นผู้หญิงทั้งหมด และเนื่องจากได้รับการฝึกตนเป็นอย่างดี หน้าตาและผิวพรรณของพวกเธอจึงงดงามเป็นอย่างยิ่ง
ดวงตาของจังเฟิงหลิงจ้องมองไปยังส่วนสำคัญของลูกศิษย์สาวคนนั้น แล้วหัวเราะลั่น “น้องสาว ฉันจะพูดกับเธอดี ๆ นะ พวกเธองดงามยิ่งกว่ามวลหมู่ดอกไม้เสียอีก อยากจะมีชีวิตรอดต่อไปไหมล่ะ? จงบอกให้เจ้าสำนักของเธออนุมัติการแต่งงานครั้งนี้ซะ กฎเกณฑ์โบราณอย่างนี้ ทำไมจะยกเลิกไม่ได้ ไม่เช่นนั้นแล้ว ฉันจะหาลูกน้องกลัดมันสักคนหนึ่ง แล้วให้เธอได้รู้ว่าความสุขของการเสพสมมันเป็นยังไง”
ลูกศิษย์สาวของหอกระจกนิรันดร์ ถึงกับสะท้านในถ้อยคำที่หยาบคายของจังเฟิงหลิง ใบหน้าของเธอแดงก่ำ ดวงตาลุกโชนไปด้วยเปลวไฟแห่งโทสะ
“จังเฟิงหลิง ข้าเห็นว่าเจ้ายังอายุน้อย ไม่อยากจะถือสาหาความ” ปี๋เค่อหยุนพูดด้วยความไม่พอใจ “แต่ถ้าเจ้ายังพูดจาไม่เหมาะสมแบบนี้อีก อย่าหาว่าข้าลงมือด้วยความโหดร้ายเกินไปก็แล้วกัน”
จังเฟิงหลิงหัวเราะในลำคอ ตอบว่า “เจ้าสำนักปี๋โกรธเสียแล้วสิ ผมอุตส่าห์มาคุยด้วยดี ๆ นะเนี่ย ถ้าเหยาไป๋เยวี่ยยอมแต่งงานกับผม ตระกูลจังกับหอกระจกนิรันดร์ก็จะถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน ขณะนี้โลกกำลังเกิดความโกลาหล ตระกูลจังจะช่วยคุ้มครองให้หอกระจกนิรันดร์ปลอดภัยเอง”
“อวดดีนักนะ หอกระจกนิรันดร์มีความจำเป็นใดที่ต้องขอรับความคุ้มครองจากตระกูลจังด้วย?” ปี๋เค่อหยุนหัวเราะเยาะ “ข้าขอแนะนำให้เจ้ารีบกลับไปซะ ก่อนที่ข้าจะโมโห”
ดวงตาของจังเฟิงหลิงเป็นประกายวาวโรจน์ แต่มันก็ยังกลบเกลื่อนอาการ โดยตอบกลับไปยิ้ม ๆ ว่า “เจ้าสำนักปี๋ลองคิดดูให้ดีอีกรอบก่อนดีไหมครับ? คุณก็รู้ว่าตอนนี้ตระกูลจังของผมเป็นพันธมิตรกับสำนักวัชระ ผมขอพูดเอาไว้ตรงนี้เลยว่า ตระกูลแรกที่เราจะทำลายล้างก็คือตระกูลหยาน แล้วเจ้าสำนักปี๋คิดว่าตัวเองจะอยู่รอดได้นานแค่ไหน ถ้าไม่มีการคุ้มครองจากพวกเรา?”
ปี๋เค่อหยุนมีสีหน้าแข็งกระด้าง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “นี่เจ้ากล้าขู่ข้า? เจ้าเด็กเมื่อวานซืน หอกระจกนิรันดร์ของข้ายืนยงมาหลายร้อยปี เด็กรุ่นใหม่อย่างเจ้ากล้าดีอย่างไรมาพูดจาเช่นนี้? คิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้าหรือไง?”
จังเฟิงหลิงหน้าสลดลงเล็กน้อย ก่อนที่จะฝืนหัวเราะ “เจ้าสำนักปี๋ช่างกล้าหาญจริง ๆ แต่เสียดายที่ลูกศิษย์ของคุณไม่ได้มีฝีมือเก่งกล้าเหมือนกับคุณ ลองคิดถึงพวกเธอบ้างไหมครับ? ถ้าพวกคุณมาสู้กับตระกูลจังและสำนักวัชระ คิดว่ามีโอกาสชนะมากน้อยแค่ไหนกัน? ถ้าคุณเป็นฝ่ายแพ้ ลูกศิษย์ของคุณ คงต้องพบกับชะตากรรมน่าอนาจอย่างยิ่ง”
พรึบ!
ปี๋เค่อหยุนระเบิดพลังลมปราณออกมารอบกาย โต๊ะและเก้าอี้ในห้องโถงใหญ่แตกกระจาย พลังลมหมุนปรากฏขึ้นในอากาศ
“เจ้าสำนักปี๋ คุณคิดดีแล้วใช่ไหม?” จังเฟิงหลิงพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ปี๋เค่อหยุนมีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 9 มันไม่สามารถรับมือด้วยได้เลย
เปรี้ยง!
ปี๋เค่อหยุนสะบัดฝ่ามือออกมาข้างหน้า พลังลมปราณแหวกอากาศพุ่งเข้าใส่จังเฟิงหลิงเสียงดังสนั่น คุณชายจังกระอักเลือดออกมาในขณะที่ตัวลอยกระเด็นออกไป
กลุ่มผู้อาวุโสจากตระกูลจังที่ติดตามจังเฟิงหลิงมาด้วยก็ถูกปี๋เค่อหยุนยิงพลังลมปราณเข้าใส่ไปตาม ๆ กัน
กลุ่มลูกศิษย์ของหอกระจกนิรันดร์ช่วยกันลากร่างของคนตระกูลจัง ไปกองกันอยู่หน้าประตูสำนัก
“ท่านเจ้าสำนักฝากบอกมาว่าครั้งนี้เป็นแค่คำเตือน หากพวกนายกล้ากลับมาที่หอกระจกนิรันดร์อีก จะไม่มีชีวิตรอดกลับออกไปเด็ดขาด”
หญิงสาวจ้องมองจังเฟิงหลิงด้วยความขยะแขยง และพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ก่อนจะหันหลังกลับ แล้วปิดประตูสำนักดังปัง
“นายน้อยไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?” ผู้อาวุโสในตระกูลจังรีบเข้ามาช่วยประคองจังเฟิงหลิง
จังเฟิงหลิงผลักชายชราออกไป สีหน้าเต็มไปด้วยความแค้นเคืองเดือดดาล แววตาเป็นประกายดุร้าย แต่น้ำเสียงพูดออกมาด้วยความดุร้ายยิ่งกว่า “นังแพศยาพวกนี้ แกล้งทำตัวสูงส่ง คอยดูเถอะ ฉันจะจับพวกแกมาให้ลูกน้องรุมยำเสียให้เข็ด”
เหตุการณ์นี้ถูกรายงานมาที่ตระกูลหยานอย่างรวดเร็ว
“คิดอยู่แล้วว่าจังเฟิงหลิงมันจะต้องโดนแบบนี้” ผู้อาวุโสคนหนึ่งของตระกูลหยานพูดด้วยน้ำเสียงมีความสุข
แต่หยานกุยล๋ายกลับหน้านิ่วคิ้วขมวด
“เท่าที่ฉันรู้นะ จังเฟิงหลิงไม่ใช่พวกที่จะล้มเลิกอะไรง่าย ๆ คราวนี้มันคงเจ็บแค้นหอกระจกนิรันดร์ไม่น้อย ประเมินได้ว่าเดี๋ยวมันต้องกลับมาอีกแน่นอน”
“นายท่านเกรงว่าพวกมันจะมาแก้แค้นหอกระจกนิรันดร์หรือครับ?”
“หอกระจกนิรันดร์มีแต่ผู้หญิงทั้งนั้น นอกจากเจ้าสำนักปี๋เค่อหยุนกับบรรดาผู้อาวุโสแล้ว คนอื่นล้วนมีพลังแค่ขั้นปรมาจารย์ แถมพื้นฐานยังอ่อนแอ ถ้าตระกูลจังร่วมมือกับสำนักวัชระ หอกระจกนิรันดร์คงยากที่จะต้านทาน”
“นายท่านครับ หรือว่าเราควรไปช่วยเหลือพวกเธอ?”
หยานกุยล๋ายนิ่งคิดอยู่เล็กน้อย ก่อนพูดว่า “ศัตรูของศัตรูเท่ากับเป็นมิตรของเรา ส่งคนไปติดต่อปี๋เค่อหยุน บอกว่าถ้าเกิดเหตุการณ์คับขัน ตระกูลหยานของเรายินดีช่วยเหลือ”
แต่คำตอบที่ตระกูลหยานได้รับกลับมาก็คือ หอกระจกนิรันดร์ปฏิเสธความช่วยเหลือ
“ถ้าอย่างนั้นจะทำยังไงดีล่ะ พวกเธอกำลังจะต้องสู้กับตระกูลจังแล้วก็พวกสำนักวัชระ ยังไงก็ไม่มีทางชนะเด็ดขาด”
“พวกเธอเป็นผู้หญิง มีกฎในสำนักหยุมหยิมเต็มไปหมด ย่อมต้องระแวงคนนอกเป็นธรรมดา” หยานกุยล๋ายกล่าว ชายชรานิ่งคิดอีกพักใหญ่ แล้วก็พูดออกมาว่า “เอาละ ส่งคนไปจับตาดูอยู่ตลอดเวลา ถ้าเกิดวิกฤตขึ้นกับหอกระจกนิรันดร์จริง ๆ เราจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือทันที”
“นายท่านทำแบบนี้เพราะนายน้อยใช่ไหมครับ?” ผู้อาวุโสคนหนึ่งถาม
หยานกุยล๋ายพยักหน้าตอบว่า “หยานเอ๋อร์เป็นคนดื้อรั้นมาตั้งแต่เด็ก เห็นได้ชัดจากความสัมพันธ์ของมันกับเหยาไป๋เยวี่ยที่คบกันมานานนับ 10 ปี ถ้าเกิดเหตุร้ายขึ้นกับหอกระจกนิรันดร์ เหยาไป๋เยวี่ยก็คงไม่รอดพ้นชะตากรรมอันเลวร้าย ถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงหูหยานเอ๋อร์ พวกนายคิดว่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะทนรับไหวอย่างนั้นหรือ?”
ผู้อาวุโสพากันพยักหน้าด้วยความเห็นด้วย และรู้สึกว่าจะต้องปกป้องหอกระจกนิรันดร์ให้จงได้
“หยานเอ๋อร์ พ่อช่วยลูกได้เพียงเท่านี้จริง ๆ ขอโทษนะ” หยานกุยล๋ายรำพึงกับตัวเอง
หลังจากที่จังเฟิงหลิงถูกจับโยนออกมาจากหอกระจกนิรันดร์ในตอนเช้า ตอนบ่ายคุณชายจังก็ยกพวกมาแก้แค้นจริง ๆ
มันพาลูกน้องมาไม่ต่ำกว่า 150 คน
นอกจากลูกศิษย์และผู้อาวุโสของตระกูลจังแล้ว ขณะนี้ จังเฟิงหลิงยังได้เชิญผู้อาวุโสของสำนักวัชระมาด้วย
คิงคองเหล่านี้เปลี่ยนร่างมาเป็นมนุษย์เรียบร้อยแล้ว ถึงแม้รูปร่างภายนอกจะเปลี่ยนไป แต่สันดานภายในก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลง ดวงตาของพวกมันแดงก่ำ ร่างกายอุดมไปด้วยมัดกล้ามเนื้อที่แข็งเหมือนหิน แต่ละคนมีความสูงไม่ต่ำกว่า 2 เมตรครึ่ง
เผ่าพันธุ์มนุษย์คิงคองส่งคนมาด้วยกัน 5 คน หนึ่งในนั้นมีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 9 เพื่อมารับมือกับปี๋เค่อหยุนโดยเฉพาะ ส่วนอีก 4 คนที่เหลือมีพลังระดับ 8
และเพื่อพิสูจน์ถึงความร่วมมือกับตระกูลจัง เผ่าพันธุ์มนุษย์คิงคองจึงส่งผู้อาวุโสฝีมือดีมาทั้งสิ้น กำลังพลนี้รวมเข้ากับผู้อาวุโสของตระกูลจังอีก 10 กว่าคน แต่ละคนมีพลังขั้นจักรพรรดิทั้งสิ้น
นี่คือขุมกำลังที่แข็งแกร่งมาก จังเฟิงหลิงตั้งใจมากวาดล้างหอกระจกนิรันดร์โดยเฉพาะ
“ทุกคนฟังให้ดี ลูกศิษย์ของหอกระจกนิรันดร์แต่ละคนงดงามยิ่งกว่านางฟ้า ถ้าพวกแกจับตัวใครได้ คนผู้นั้นก็จะเป็นของแกทันที ยกเว้นแต่เพียงเหยาไป๋เยวี่ยคนเดียวเท่านั้น เพราะว่าฉันจองไว้แล้ว” จังเฟิงหลิงคำรามเสียงดัง
แววตาของลูกศิษย์ตระกูลจังเป็นประกายวาวโรจน์ขึ้นมาทันที พวกมันได้ยินชื่อเสียงความงามของหอกระจกนิรันดร์มาเนิ่นนาน เห็นว่าลูกศิษย์แต่ละคนมีความงามระดับที่เป็นสมบัติของชาติทั้งนั้น
แม้แต่บรรดาผู้อาวุโส 10 กว่าคนของตระกูลจังก็หายใจฟืดฟาดออกมาแล้ว ถึงจะเป็นจอมยุทธ์ก็จริง แต่ความเป็นมนุษย์ก็ยังคงอยู่ หญิงสาวผู้งดงามยังคงกระตุ้นราคะได้เสมอ โดยเฉพาะหญิงงามที่เป็นจอมยุทธ์
“ผู้อาวุโสครับ ผมขอยกปี๋เค่อหยุนให้คุณก็แล้วกัน” จังเฟิงหลิงพูดกับมนุษย์คิงคองที่มีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 9 ด้วยความเคารพ
มนุษย์คิงคองผู้นี้มีนามว่าจินจ้ง มันบิดริมฝีปากเป็นรอยยิ้มน่าเกลียดน่ากลัว พูดว่า “วางใจได้ ฉันอยากจะลองชิมรสชาติของจอมยุทธ์หญิงมานานแล้ว”
จังเฟิงหลิงตัวสั่นโดยไม่รู้ตัว สิ่งที่จินจ้งพูดออกมาไม่ได้หมายถึงเรือนร่างของปี๋เค่อหยุน แต่มันหมายถึงการได้ดูดซับเลือดและพลังลมปราณของปี๋เค่อหยุนต่างหาก ซึ่งนั่นเป็นความสามารถพิเศษของคนจากสำนักวัชระ