จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 408 สู้ตายไม่ไหวหวั่น
บทที่ 408 สู้ตายไม่ไหวหวั่น
จอมมารฉู่ชวิ๋น ชื่อนี้มีความน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีผู้ใดกล้าเมินเฉยเด็ดขาด
เผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษาพ่ายแพ้ ประตูวิญญาณสลายถูกทำลาย แม้แต่บรรดานักรบยุโรปก็สู้เขาไม่ได้ ผลงานที่ผ่านมาเหล่านี้ ทำให้หนังหัวของผู้คนชายิบ
ถ้ามีใครสักคนจัดรายชื่อผู้คนที่ไม่มีใครอยากไปตอแยด้วย จอมมารฉู่ชวิ๋นจะต้องอยู่อันดับหนึ่งอย่างแน่นอน
“จอมมารฉู่ชวิ๋นเป็นตัวอะไร?”
สีหน้าของจังเฟิงหลิงแปรเปลี่ยนไปทันที ผู้ที่คำรามออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา คือจินจ้งจากสำนักวัชระ
“แกกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าจอมมารฉู่ชวิ๋นไหมล่ะ?” เหยาไป๋เยวี่ยมองหน้าจินจ้งเขม็ง “ถ้าแกกล้า ฉันจะก้มหัวคาราวะให้เลย”
“ทำไมจะไม่กล้า?” จินจ้งระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น “เพียงแค่จอมมารฉู่ชวิ๋นเอาชนะมนุษย์ปักษาได้กลุ่มเดียว มันก็คิดว่าตัวเองเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพีเสียแล้ว แต่ฉันจะบอกให้นะ ที่มันชนะได้ก็เพราะว่ามันเจอมนุษย์ปักษากลุ่มที่อ่อนแอที่สุดต่างหาก ถ้ากลุ่มมนุษย์ปักษาที่แข็งแกร่งกว่านี้ตื่นขึ้นมาจากการจำศีล มันจะมีปัญญาทำอะไรได้?”
“ตลอดเวลากว่า 30 ปีมานี้ ไม่มีใครเคยเอาชนะจอมมารฉู่ชวิ๋นได้มาก่อน? ต่อให้พวกมนุษย์ปักษาที่แข็งแกร่งกว่านี้ฟื้นขึ้นมา แกแน่ใจหรือว่าพวกมันจะรับมือกับจอมมารได้?” เหยาไป๋เยวี่ยยกมือปิดปากหัวเราะเยาะเย้ยหยัน
“ไม่สำคัญหรอกว่าจอมมารฉู่ชวิ๋นจะเก่งกาจมากแค่ไหน ยังไงฉันก็ไม่กลัวมันหรอก ฉันไม่ได้อ่อนแอเหมือนพวกมนุษย์ปักษากลุ่มนั้น” จินจ้งพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก
เหยาไป๋เยวี่ยอยากจะหัวเราะ แต่ก็เป็นตอนที่ปี๋เค่อหยุนเดินออกมาพร้อมกับกลุ่มผู้อาวุโสพอดี
“นั้นคือคนที่เป็นเจ้าสำนักใช่ไหม?” จินจ้งมองหน้าปี๋เค่อหยุน พร้อมกับเลียริมฝีปากและยิงฟันยิ้ม
“สำนักวัชระงั้นเหรอ?” ปี๋เค่อหยุนใช้แววตาเย็นชาจ้องมองไปที่จินจ้ง “ไม่คิดนะว่าเจ้าจะมาในรูปทรงของมนุษย์ แต่เพียงแค่เปิดปากออกมา เจ้าก็เผยให้เห็นถึงธาตุแท้ของสัตว์เดรัจฉานที่อยู่ภายในตัวเจ้าแล้ว”
จินจ้งมีดวงตาสีแดงก่ำเป็นประกาย ปากของมันกระตุกเล็กน้อย “อย่าได้พูดดีไป วันนี้ฉันจะจับแกมาดูดเลือดให้หมด อยากรู้จริงว่าพลังลมปราณของขั้นจักรพรรดิระดับ 9 จะอร่อยขนาดไหน”
“นายพูดอะไรเนี่ย? ดูกลุ่มลูกศิษย์สาว ๆ พวกนี้สิ หากได้กินเลือดของพวกหล่อนสักหน่อย ดีไม่ดีฉันอาจจะเลื่อนขึ้นเป็นขั้นจักรพรรดิระดับ 9 ด้วยก็ได้” ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งจากสำนักวัชระยิ้มกริ่ม
“เจ้าสำนักปี๋ เสียใจไหมล่ะที่ทำกับผมแบบนั้นเมื่อตอนเช้า?” จังเฟิงหลิงหัวเราะเยาะ
“สิ่งเดียวที่ข้าเสียใจคือไม่ได้ฆ่าเจ้าเสียตั้งแต่ตอนนั้น” ปี๋เค่อหยุนพูดออกมาด้วยความเกลียดชัง นางควรจะฆ่ามันทิ้งเสียตั้งแต่เมื่อเช้าให้หมดเรื่องหมดราวไป
“ฮะ…นี่เหรอความเสียใจของคุณ? แต่โชคร้ายที่โลกนี้ไม่มียาบรรเทาความเสียใจชนิดนี้ได้เลย” จังเฟิงหลิงพูดออกไปพร้อมกับยิ้มกว้าง ก่อนที่จะเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นตะโกนด้วยความเฉียบขาด “จับตัวพวกเธอมาให้ได้ จับคนไหนได้ คนนั้นเป็นของพวกแก”
เปลวไฟแห่งโทสะในดวงตาของปี๋เค่อหยุนลุกโชน ยกมือขึ้นยิงพลังลมปราณใส่จังเฟิงหลิง แต่ก็ถูกจินจ้งเข้ามาขัดขวางเอาไว้
“เจ้าสำนักปี๋ เธอต้องเจอกับฉัน” จินจ้งเหมือนวัวกระทิงบ้าคลั่ง พุ่งทะยานเข้าหาปี๋เค่อหยุน ฝีเท้าของมันทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน
“พวกเราสู้ตายเพื่อหอกระจกนิรันดร์ ฆ่าพวกมันซะ!” ปี๋เค่อหยุนร้องตะโกน
“พวกเราสู้ตายเพื่อหอกระจกนิรันดร์”
กลุ่มลูกศิษย์ของหอกระจกนิรันดร์ร้องคำรามเป็นเสียงเดียวกัน เสียงคำรามนั้นดังกึกก้องไปทั่วหุบเขา
“จังเฟิงหลิง ตายซะเถอะ” เหยาไป๋เยวี่ยกระโดดเข้าไปหาจังเฟิงหลิง
“เหยาไป๋เยวี่ย ยอมมาเป็นผู้หญิงของฉันซะดี ๆ” จังเฟิงหลิงเองก็พุ่งเข้าไปหาเหยาไป๋เยวี่ยเช่นกัน
การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น
ผู้อาวุโสและลูกศิษย์ของตระกูลจังเตรียมตัวมาดีมาก ในขณะนี้ ลูกศิษย์ของหอกระจกนิรันดร์กำลังมีจิตใจที่โกรธแค้น จึงเข้าร่วมวงการต่อสู้โดยไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย
ในทันใดนั้นเอง เลือดสาดกระจายเต็มท้องฟ้า
ตู้ม!
คลื่นพลังลมปราณแผ่กระจาย คนของตระกูลจังและลูกศิษย์ของหอกระจกนิรันดร์ที่อยู่โดยรอบ ถูกคลื่นพลังลมปราณกระแทกจนลอยกระเด็นไป
นี่คือผลจากการปะทะฝีมือกันระหว่างจินจ้งกับปี๋เค่อหยุน
“คนสวย อาการบาดเจ็บของเธอดีขึ้นแล้วเหรอ แบบนี้ฉันก็สามารถสนุกกับเธอได้แล้วสิ” ผู้อาวุโสจากตระกูลจังมีสีหน้าชั่วร้าย ใช้สายตาหยาบช้าจ้องมองไป๋ม่านหรู และเลือกโจมตีจุดที่เปราะบางที่สุดของผู้หญิง
“ตายซะเถอะ” ไป๋ม่านหรูทั้งอับอายทั้งโกรธแค้น นางโคจรพลังเต็มอัตรา ก่อนที่จะโถมตัวเข้าไปต่อสู้กับอีกฝ่าย
“จังเฟิงหลิง นายมีฝีมือแค่นี้เองหรือ” เหยาไป๋เยวี่ยกับจังเฟิงหลิงซัดพลังลมปราณใส่กัน แล้วจังเฟิงหลิงก็ต้องเซถอยหลังไปหลายก้าว
คุณชายจังมีสีหน้าเจ็บแค้นใจ เมื่อเช้านี้มันได้รับบาดเจ็บจากฝีมือของปี๋เค่อหยุน อาการบาดเจ็บของมันยังไม่ทุเลา แน่นอนว่ามันย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหยาไป๋เยวี่ยในชั่วโมงนี้
“นังสารเลว กล้าทำร้ายฉันได้ยังไง” คนของตระกูลจังผู้หนึ่งตะโกนด้วยความโกรธแค้น หน้าอกของมันมีเลือดไหลโชก ปรากฏบาดแผลจากคมดาบให้เห็นเหวอะหวะ
ฟู่!
โดยพื้นเพ มันมีพลังแข็งแกร่งมากกว่าลูกศิษย์ของหอกระจกนิรันดร์อยู่แล้ว ก่อนหน้านี้มันแค่อยากจับเป็นพวกเธอ แต่ผลที่ได้ก็คือมันประมาทมากเกินไป จึงเกือบถูกคู่ต่อสู้ฟันร่างขาดเป็นสองท่อนเสียแล้ว
คนของตระกูลจังส่งเสียงคำรามพร้อมกับเงื้อดาบขึ้น ประกายดาบเย็นวาบปะทะเข้ากับดาบในมือของลูกศิษย์จากหอกระจกนิรันดร์ แล้วทั้งสองฝ่ายก็โคจรพลังลมปราณเข้าไปที่ตัวดาบ
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ไอ้พวกสัตว์นรก” ลูกศิษย์ของหอกระจกนิรันดร์อีกคนหนึ่งกำลังดิ้นรนเต็มกำลัง เมื่อถูกคนของตระกูลจังสองคนเข้าจับตัวทีเผลอ ชายฉกรรจ์สองคนนั้นระเบิดเสียงหัวเราะและเริ่มต้นลูบไล้เรือนร่างของหญิงสาวด้วยความหยาบช้า ลูกศิษย์สาวไม่มีทางยอมรับชะตากรรมนี้ได้เด็ดขาด
ร่างแทงตัวเอง ฆ่าตัวตายล้มลงนอนแน่นิ่งกับพื้น เธอยอมตายดีกว่าตกอยู่ในกำมือของคนตระกูลจัง
คนของตระกูลจังก็ถูกสังหารตายไม่น้อยเช่นกัน มีเลือดไหลนองเต็มพื้นดิน
“ฆ่ามัน!”
บรรดาลูกศิษย์สาวของหอกระจกนิรันดร์ร่วมมือร่วมใจกันสู้ตายไม่ไหวหวั่น หากพวกเธอตกอยู่ในกำมือของฝ่ายตรงข้ามเมื่อไหร่ ลูกศิษย์สาวคนนั้นก็จะทำการฆ่าตัวตายทันที
“พี่เยวี่ย ช่วยฉันด้วย”
หญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่งถูกคนของตระกูลจังจับตัวเอาไว้ มันกลัวว่าเธอจะฆ่าตัวตายเหมือนคนอื่น ๆ อีก จึงได้ทำการง้างกระดูกขากรรไกร และพยายามจะลากตัวเธอเข้าไปในสำนัก
ในขณะนี้ ชุดกระโปรงสีขาวของเหยาไป๋เยวี่ยเต็มไปด้วยเลือดสีแดงเหมือนดอกไม้ที่เบ่งบานกลางฤดูหนาว เธอผละออกจากจังเฟิงหลิง และกระโดดเข้าไปตวัดดาบหมายตัดศีรษะของคนตระกูลจังที่จับตัวเพื่อนร่วมสำนักของเธอเอาไว้
แต่ผู้อาวุโสของตระกูลจังคนนั้นมีพลังสูงกว่าเหยาไป๋เยวี่ย มันจึงสามารถหลบหลีกคมดาบของหญิงสาวได้ทันท่วงที ซ้ำยังสามารถซัดพลังโต้กลับ ส่งร่างของเหยาไป๋เยวี่ยลอยกระเด็นกลับมา
จังเฟิงหลิงหัวเราะด้วยความชอบใจ “ดี ๆ ทำได้ดีมาก”
มันได้รับบาดเจ็บ ก่อนหน้านี้จึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหยาไป๋เยวี่ย แต่ตอนนี้เห็นว่าเหยาไป๋เยวี่ยก็ได้รับบาดเจ็บบ้างแล้ว คุณชายจังจึงอดหัวเราะออกมาไม่ได้
“เหยาไป๋เยวี่ย เตรียมตัวยอมรับความเป็นผัวจากฉันเสียดี ๆ” มันโถมตัวเข้าไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ เริ่มต้นต่อสู้กับเหยาไป๋เยวี่ยอีกครั้ง
เปรี้ยง!
หอกระจกนิรันดร์สั่นสะเทือนเหมือนเกิดแผ่นดินไหว
เงาร่างสองสายแยกออกจากกัน และนั่นก็คือปี๋เค่อหยุนกับจินจ้ง
ปี๋เค่อหยุนมีใบหน้าซีดขาว มุมปากมีเลือดไหลซึมออกมา เห็นได้ชัดว่านางสู้จินจ้งไม่ได้
จินจ้งยิ้มอย่างน่าเกลียดน่ากลัว “เจ้าสำนักปี๋ เธอเป็นจอมยุทธ์หญิงที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอ ฉันละเสียดายจริง ๆ ที่ต้องฆ่าเธอในวันนี้”
สีหน้าของปี๋เค่อหยุนเย็นชาปานน้ำแข็ง แต่ในหัวใจอัดแน่นไปด้วยความเศร้าหมอง หากนางพ่ายแพ้ หอกระจกนิรันดร์คงต้องพบกับจุดจบแล้วจริง ๆ
“เจ้าสัตว์เดรัจฉาจ หากเจ้าอยากจะฆ่าข้า เจ้าก็ต้องชดใช้เสียบ้าง” ปี๋เค่อหยุนพูดด้วยความโกรธแค้นและพุ่งเข้าไปหาจินจ้งด้วยรังสีอำมหิต
อาคารของหอกระจกนิรันดร์สั่นสะเทือน ผู้คนล้มตาย เลือดไหลนองเต็มพื้นเหมือนลำธารขนาดย่อม กลิ่นคาวเลือดฟุ้งเต็มอากาศน่าสะอิดสะเอียนยิ่งนัก
ฟู่!
ร่างของผู้อาวุโสจากหอกระจกนิรันดร์ นางถูกผู้อาวุโสของสำนักวัชระฉีกกระชากจนขาดครึ่งท่อน
ผู้อาวุโสคนนั้นจากสำนักวัชระหัวเราะด้วยความบ้าคลั่ง มันยกร่างกายครึ่งท่อนบนของผู้อาวุโสหญิงขึ้นมา เปิดปากของนางออก และเริ่มต้นดูดพลังลมปราณอย่างน่าขนลุก
“อร่อยเหลือเกิน” มันยิ้มด้วยความวิปริต
ลูกศิษย์ของหอกระจกนิรันดร์ไม่กลัวความตาย แต่ถึงอย่างนั้น ดวงตาของพวกเธอก็เบิกค้าง ตกตะลึงจนไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้ชั่วคราว
ขณะนี้ ข่าวที่ตระกูลจังบุกโจมตีหอกระจกนิรันดร์ได้ถูกรายงานไปถึงหูของหยานกุยล๋ายเรียบร้อยแล้ว
……
……
บนถนนสายหลักที่ทอดตรงไปสู่เมืองหยานเซวี่ย พวกของฉู่ชวิ๋นทั้งสามคนเดินกินลมชมวิวอย่างสบายอกสบายใจ
รถยนต์ของพวกเขาพังยับเยินด้วยฝีมือของหลงอี้ ดังนั้น ตอนนี้ถึงไม่อยากเดินก็ต้องเดินแล้ว
โลกนี้เกิดความเปลี่ยนแปลง ทุกหนทุกแห่งเต็มไปด้วยภูเขาสูงและป่าลึก
พวกฉู่ชวิ๋นไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวอะไรอยู่แล้ว อีกอย่างพวกเขาก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร ดังนั้น ฉู่ชวิ๋นจึงถือโอกาสเดินกินลมชมวิว รับชมทัศนียภาพของธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์
บางครั้งก็เดินมาพบกับสัตว์ร้ายขั้นจักรพรรดิบนท้องถนน แต่ฉู่ชวิ๋นไม่ต้องลงมือ หลงอี้กับหลงเอ้อร์ก็จัดการฆ่าพวกมันให้เขาหมดสิ้น
สุดท้ายแล้ว พวกเขาก็ไม่เจอกับสัตว์ร้ายขั้นจักรพรรดิอีกเลย ฉู่ชวิ๋นโทษว่าเป็นความผิดของหลงอี้กับหลงเอ้อร์ที่ลงมือด้วยความโหดร้ายเกินไป พวกเขาจึงทำได้เพียงเดินเข้าไปในป่าที่ลึกมากขึ้นเท่านั้น
พรึบ!
อินทรีเงินตัวหนึ่งมีปีกที่ยาวกว่า 20 เมตร ก่อให้เกิดเงาขนาดใหญ่บนพื้นดิน ปิดบังแสงอาทิตย์ไปชั่วคราว
มันบินวนอยู่บนท้องฟ้า คำรามใส่พวกของฉู่ชวิ๋นทั้งสามคนอย่างท้าทาย นี่คือราชานกอินทรีที่มีพลังไม่ใช่เล่น
หลงอี้เห็นดังนั้นก็น้าวธนูเตรียมยิงลูกศรขึ้นไป
ฉู่ชวิ๋นยกมือห้ามเอาไว้ ก่อนที่จะสะบัดเส้นไหมวิญญาณออกไปกระชากตัวอินทรีเงินลงมาจากกลางอากาศ แรงกระแทกของมันที่ร่วงลงมาบนพื้นทำให้ยอดเขาเกือบถล่มเลยทีเดียว
ฉู่ชวิ๋นใช้เส้นไหมรัดพันลำคอของมันเอาไว้เป็นสายจูง ก่อนที่จะลากมันมาตามทางเดิน
สิ่งมีชีวิตชนิดนี้มีความฉลาดเฉลียวไม่แตกต่างไปจากมนุษย์ ดวงตาของมันทอประกายความหวาดกลัว
“ถ้าแกยอมเป็นพาหนะให้พวกฉันแต่โดยดี เสร็จงานแล้วฉันก็จะปล่อยแกไป แต่ถ้าขัดขืน แกโดนฉันจับย่างกินแน่” ฉู่ชวิ๋นเริ่มต้นข่มขู่
นกอินทรีเงินจึงรีบพยักหน้าเข้าอกเข้าใจทันที
ฉู่ชวิ๋นกระโดดขึ้นไปบนหลังของมัน อินทรีเงินตัวนี้มีความพิเศษไม่เหมือนใครอย่างแท้จริง ขนบนลำตัวของมันแข็งเหมือนแผ่นเหล็ก มีความแหลมคมที่สามารถแทงทะลุเหล็กกล้าได้อย่างง่ายดาย
แต่นั่นกลายเป็นสิ่งที่น่ากลัวในตอนนี้ เนื่องจากฉู่ชวิ๋นข่มขู่มันเอาไว้ก่อนหน้า ขนบนร่างกายของมันจึงลุกชันโดยไม่รู้ตัว คอยทิ่มแทงพวกเขาบ้างเป็นระยะอย่างไม่ได้เจตนา
นกอินทรีเงินมีความเร็วที่ยอดเยี่ยม ปีกของมันกระพือต้านแรงลมได้เป็นอย่างดี
“นายท่านครับ ดูนั่นสิ มีคนสองกลุ่มกำลังต่อสู้กันดุเดือดมาก” หลงอี้พลันอุทานออกมา
ฉู่ชวิ๋นได้ยินแล้วแต่ไม่ได้สนใจ ไม่แม้แต่จะชำเลืองตามอง หลังจากที่โลกนี้เกิดความเปลี่ยนแปลงก็เกิดการต่อสู้อยู่ทุกหนทุกแห่ง เขาไม่ใช่นักบุญผู้พิทักษ์ เขาไม่ได้ชอบการฆ่าคนอะไรขนาดนั้น ไม่ให้เขาพักมือบ้างหรือไง?
หลงอี้กับหลงเอ้อร์เห็นว่าฉู่ชวิ๋นไม่สนใจ พวกมันสองคนจึงดูกันเองด้วยความสนุกสนาน
“ฝ่ายหนึ่งมีแต่ผู้หญิงทั้งนั้น ทำไมพวกนางถึงดุร้ายขนาดนี้ ในมือของพวกนางถือดาบ ฟาดฟันคู่ต่อสู้อย่างไม่กลัวเกรงเลย” หลงอี้มองลงไปที่ข้างทาง
“โห ผู้หญิงที่ถูกฆ่าตายนางนั้นน่าสงสารจัง” หลงเอ้อร์พูดออกมาเสียงเศร้า
“ผู้หญิงควรจะต้องอยู่บ้านเลี้ยงลูกสิ ทำไมถึงให้ออกมาหยิบจับอาวุธแบบนี้” หลงอี้ถอนหายใจ
“หลงอี้ ดูผู้หญิงชุดขาวนางนั้นสิ หน้าตาสวยงามที่สุด สวยยิ่งกว่าน้องสองในหมู่บ้านของเราตั้งเยอะ แต่โชคร้ายที่นางกลับถูกฆ่าตายแล้ว”
“ข้าว่าน้องสองของพวกเราสวยกว่านะ ผู้หญิงนางนี้ผอมมากเกินไปแบบนี้จะไปสู้อะไรเขาได้”
“ดูนั่นสิ ผู้ชายกำลังรังแกผู้หญิง เห็นที่มันแต่งกายสีแดงไหม อุบาทว์จริง ๆ”
“ข้าได้ยินท่านหมอยาเคยพูดว่าในโลกนี้มีคนที่เรียกว่าพวกหน้าตัวเมีย ไม่ว่าเป็นผู้หญิง คนแก่หรือเด็ก มันก็สามารถตบตีได้ทั้งนั้น”
“…”
ฉู่ชวิ๋นตอนแรกนอนสบายใจ แต่เมื่อรับฟังลูกน้องทั้งสองคนพูดคุยอย่างออกรสออกชาติขนาดนี้ ฉู่ชวิ๋นก็เริ่มสงสัยต้องหันไปมองข้างทางบ้างแล้ว
เมื่อเขาได้เห็นหญิงงามในชุดขาวที่ถูกพลังลมปราณซัดเข้าใส่จนลอยกระเด็นไป สีหน้าของชายหนุ่มก็แปรเปลี่ยนไปทันที
เหยาไป๋เยวี่ย! ฉู่ชวิ๋นกระโดดลงจากหลังนกอินทรีเงินไปโดยไม่พูดไม่จา
เห็นดังนั้น หลงอี้กับหลงเอ้อร์ก็รีบกระโดดลงจากแผ่นหลังของนกอินทรีเงินเช่นกัน
ปี๋เค่อหยุนถูกพลังลมปราณจากฝ่ามือของจินจ้งเล่นงานจนกระอักเลือดออกมาคำใหญ่
เปรี้ยง!
ทันใดนั้นเอง ร่างของใครบางคนก็ลอยลงมาจากท้องฟ้า พื้นดินสั่นสะเทือนเกิดรอยแตกร้าวขนาดใหญ่
พลัน ฝุ่นผงบนพื้นดินคลุ้งตลบเต็มท้องฟ้า คนของตระกูลจังกับลูกศิษย์ของหอกระจกนิรันดร์ที่กำลังต่อสู้กันอยู่ ต่างก็ถูกคลื่นแรงสั่นสะเทือนเข้าปะทะจนร่างลอยกระเด็น พากันล้มระเนระนาด