จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 409 พลังสังหาร
บทที่ 409 พลังสังหาร
ทันใดนั้น ร่างของคนผู้หนึ่งก็ลอยลงมาจากท้องฟ้าเหมือนเทพเจ้า พื้นดินสั่นสะเทือนแตกร้าวราวกับเกิดเหตุแผ่นดินไหว
จังเฟิงหลิงเซถลาเพราะแรงสั่นสะเทือน ต้องคว้าตัวบริวารคนหนึ่งเกาะเอาไว้เป็นหลักยึดโดยไม่รู้ตัว
จินจ้งที่กำลังจะลงมือสังหารปี๋เค่อหยุน ต้องหยุดชะงักอย่างช่วยไม่ได้
ทุกสายตาหันไปจ้องมองยังม่านฝุ่นที่ฟุ้งตลบ
มีนกอินทรีเงินตัวหนึ่งบินวนอยู่บนท้องฟ้า ทุกคนเงยหน้ามองขึ้นไป รู้สึกคล้ายว่าเหมือนจะมีคนอยู่บนหลังนกอินทรี
โดยที่ไม่ต้องรอให้นกอินทรีร่อนลงมาสู่พื้นดิน หลงอี้กับหลงเอ้อร์กระโดดลงมาจากหลังของมันกลางอากาศ เจ้านกอินทรีจึงอาศัยจังหวะนั้นกางปีกกว้างบินหนีไปทันที
“แกเป็นใคร? รู้ตัวหรือไม่ว่าที่นี่คือที่ไหน? กล้าดีอย่างไรมาก่อกวนผู้อื่นแบบนี้?” ผู้อาวุโสจากตระกูลจังคำรามเสียงเข้ม มันเกือบจะจับตัวลูกศิษย์สาวแสนสวยของหอกระจกนิรันดร์ได้อยู่แล้ว แต่กลับถูกขัดจังหวะกลางคันเสียอย่างนี้ ส่งผลให้มันรู้สึกโกรธแค้นเป็นอย่างมาก
“ลงมือได้!”
น้ำเสียงเย็นชาดังออกมาจากจุดศูนย์กลางของม่านฝุ่นที่ฟุ้งตลบ
ฟ้าว!
เลือดสาดกระจาย ผู้อาวุโสจากตระกูลจังไม่มีโอกาสแม้แต่จะกรีดร้องก็ถูกลูกธนูพุ่งเข้าใส่ร่าง พรากชีวิตไปอย่างรวดเร็ว
บรรยากาศตกอยู่ภายใต้ความเงียบ ได้ยินแม้แต่เสียงเข็มหล่น
ผู้อาวุโสที่ถูกลูกธนูดอกเดียวยิงตายเมื่อสักครู่นี้ มีพลังถึงขั้นจักรพรรดิระดับ 8
บัดนี้ ม่านฝุ่นเริ่มจังลงแล้ว ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ร่างของชายคนหนึ่งเดินออกมา พลังลมปราณสีม่วงแผ่ออกมาจากร่างกายของเขารุนแรงมาก
ฟู่…!
เลือดสาดกระจาย ลูกศิษย์ของตระกูลจังร้องโหยหวน พลังลมปราณที่แผ่ออกมานั้นกระแทกเข้าใส่ลำตัว หัวใจและลำคอของพวกมัน
ผู้คนตกตายราวใบไม้ร่วง
ลูกศิษย์สาวของหอกระจกนิรันดร์ใบหน้าซีดขาว ร่างกายสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ บรรดาคนของตระกูลจังที่ลงมือด้วยความโหดเหี้ยม กลับถูกฆ่าตายไม่ต่างไปจากเป็ดไก่ตัวหนึ่ง
หลงอี้และหลงเอ้อร์เป็นผู้สังหารเสียส่วนใหญ่ พวกเธอเห็นว่าทุกครั้งที่ชายสองคนนี้น้าวคันธนูจะมีลูกศรพุ่งออกมา แล้วคนของตระกูลจังก็จะตกตายราวกับเป็นเป้านิ่ง
ชายหนุ่มที่มีพลังลมปราณสีม่วงยกมือขึ้นอีกครั้ง พลังลมปราณสีม่วงหมุนวนปั่นป่วนในอากาศ คนของตระกูลจังจำนวนมากทรุดกายล้มลงกับพื้น ทั่วตัวเต็มไปด้วยโลหิตไหลทะลัก
ลูกศรสีขาวพุ่งผ่านอากาศด้วยความรุนแรงที่น่ากลัว คนของตระกูลจังไม่มีทางต้านทานลูกธนูเหล่านี้ได้เลย
ไม่กี่อึดใจต่อมา ลูกศิษย์ของสกุลจังส่วนใหญ่ก็ตกตายไปหมดแล้ว เลือดไหลนองเต็มพื้น แขนขาคนที่ขาดสะบั้นกองรวมกันสูงเป็นภูเขาเลากา
ทุกคนได้แต่ยืนนิ่งเหมือนเป็นรูปปั้นแกะสลัก
บุรุษสามคนนี้เป็นใครมาจากไหน? เมื่อปรากฏตัวก็เอาแต่ฆ่าคน ไม่พูดอะไรสักคำ ตกลงพวกมันเป็นผีสางมาจากที่ใดกันแน่?
“หยุดก่อน” จังเฟิงหลิงมีดวงตาสีแดงก่ำ คำรามด้วยความโกรธแค้นและตื่นกลัว “แกเป็นใคร? ทำไมต้องมาฆ่าคนตระกูลจังของฉันด้วย”
ฉู่ชวิ๋นหันหน้าชำเลืองมองมันอย่างเชื่องช้า
“แก…” จังเฟิงหลิงทำหน้าเหมือนเห็นผี ผงะถอยหลังในขณะที่ตะโกนด้วยความสยองขวัญว่า “จอมมารฉู่ชวิ๋น!!”
จอมมารฉู่ชวิ๋น!
คนของสกุลจังที่ยังเหลืออยู่หวาดกลัวจนผงะถอยหลัง แม้แต่ลูกศิษย์สาวของหอกระจกนิรันดร์ก็ต้องผงะถอยหลังไปเช่นกัน
ชื่อเสียงของจอมมารฉู่ชวิ๋นน่ากลัวมากเกินไป เพียงแค่เขาปรากฏกาย คนของตระกูลจังมากมายก็ตกตายสิ้นชีวิต มีใครบ้างที่จะไม่กลัวเทพสังหาร?
ฉู่ชวิ๋นมองหน้าจังเฟิงหลิงด้วยสายตาเฉยชา ก่อนที่จะหันหน้ามองไปทางอื่น ราวกับว่าจังเฟิงหลิงเป็นเหมือนสิ่งของที่ไม่ควรค่าให้ลูกตาของเขาจ้องมอง
เหยาไป๋เยวี่ยขยับออกมาข้างหน้าสองก้าว กล่าวด้วยความดีใจว่า “พี่ฉู่ พี่ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”
ปี๋เค่อหยุนเดินออกมาขวางหน้าเหยาไป๋เยวี่ยเอาไว้ จอมมารฉู่ชวิ๋นอยู่ดี ๆ ก็มาปรากฏตัวฆ่าฟันคนของตระกูลจังโดยไม่มีเหตุผล ไม่แน่จอมมารอาจจะมีเจตนาแอบแฝงอยู่ก็เป็นได้
“ท่านเจ้าสำนักเจ้าคะ พี่ฉู่กับผู้น้อยเคยรู้จักกันมาก่อน เขาไม่ใช่อันตรายสำหรับพวกเราหรอกค่ะ” เหยาไป๋เยวี่ยพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“เคยรู้จักกันมาก่อนเหรอ?” ปี๋เค่อหยุนประหลาดใจมากแล้ว นางไม่เคยรู้เลยว่าศิษย์เอกของตนเองไปรู้จักกับจอมมารฉู่ชวิ๋นตั้งแต่เมื่อไหร่
“เหยาไป๋เยวี่ย ไม่เจอกันนานเลยนะ!” ฉู่ชวิ๋นยิ้มแย้ม
เมื่อปี๋เค่อหยุนเห็นดังนั้น ก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจมากกว่าเก่า ศิษย์เอกของนางไปสนิทสนมกับจอมมารฉู่ชวิ๋นได้อย่างไรกันนะ?
“ดูเหมือนเธอกำลังมีปัญหาอยู่ใช่ไหม?” ฉู่ชวิ๋นถาม
เหยาไป๋เยวี่ยพยักหน้า ตอบว่า “ขอบคุณพี่ฉู่ที่มาช่วยเหลือ”
“ไม่เป็นไร ไม่ว่าเป็นคนรู้จักหรือไม่รู้จัก ฉันก็ต้องช่วยอยู่แล้ว” ฉู่ชวิ๋นพูด
เหยาไป๋เยวี่ยหน้าแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย เธอเข้าใจดีว่าตนเองเป็นคนรู้จักของจอมมารฉู่ชวิ๋น และเหตุผลเดียวที่เขายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือพวกเธอ ก็เป็นเพราะเห็นแก่หยานหวูซวงโดยแท้
“นายท่านฉู่ชวิ๋นมาถึงที่นี่แล้ว คงต้องเดินทางมาไกลโข ขออภัยที่ไม่ได้ต้อนรับอย่างสมเกียรติ”
ในขณะนี้ ปี๋เค่อหยุนสลัดความมึนงงทิ้งไปได้ คำพูดของนางเต็มไปด้วยความเคารพนบนอบ หลังจากนั้นจึงได้เหลือบตามองหน้าจอมมารผู้โด่งดัง
“แม่นางท่านนี้เป็นใครกัน?” ฉู่ชวิ๋นไม่รู้จักปี๋เค่อหยุน ต้องหันไปถามเหยาไป๋เยวี่ยโดยไม่รู้ตัว
ปี๋เค่อหยุนแนะนำตัวเองว่า “ข้าคือเจ้าหอกระจกนิรันดร์ ปี๋เค่อหยุน”
“ที่แท้ก็เจ้าสำนักปี๋นี่เอง ผมเป็นเพื่อนกับเหยาไป๋เยวี่ย พูดแบบเป็นกันเองก็ได้ครับ”
ปี๋เค่อหยุนกำลังจะพูด ก็ได้ยินเสียงตวาดแทรกเข้ามาว่า
“แกใช่ไหมจอมมารฉู่ชวิ๋น?” เสียงนั้นดังมาจากจินจ้ง
ฉู่ชวิ๋นตวัดสายตาหันไปมองจินจ้ง สีหน้าของเขากลับมาราบเรียบเฉยชาเหมือนเดิม
“จอมมารฉู่ชวิ๋น นับว่าหล่อเหลาเอาการอยู่ไม่น้อย” จินจ้งว่า
ริมฝีปากของฉู่ชวิ๋นบิดตัวเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย แต่ก็ยังพูดออกไปด้วยสีหน้าเย็นชา “ฉันเคยบอกเอาไว้แล้วนะว่าโลกนี้เป็นของมนุษย์ ให้พวกเผ่าพันธุ์สัตว์ประหลาดอย่างพวกแกใช้ชีวิตอยู่อย่างเจียมตัวเจียมตน หรือว่าพวกแกไม่เข้าใจภาษาคน?”
จินจ้งยังคงมีสีหน้าเยือกเย็น “จอมมารฉู่ชวิ๋น ฉันรู้ว่าแกเก่งกล้ามากฝีมือ แต่เผ่าพันธุ์มนุษย์คิงคองไม่ใช่เผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษา กรุณาใช้คำพูดที่มันสุภาพกว่านี้หน่อย”
“ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์คิงคอง หรือเผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษามันแตกต่างกันตรงไหน? ในสายตาของฉัน พวกแกก็เป็นได้แค่เพียงสัตว์ประหลาด ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่พวกแกมีฝีมือต่ำกว่าพวกมนุษย์ปักษาเลย ยิ่งไปกว่านั้น มนุษย์ปักษายังใกล้เคียงมนุษย์ปกติมากยิ่งกว่าพวกแก เพราะเผ่าพันธุ์มนุษย์คิงคองเป็นได้อย่างมากก็แค่เพียงสัตว์ประหลาดบ้าพลัง ถ้าฉันอยากจะทำ ฉันสามารถทำลายเผ่าพันธุ์ของพวกแกได้ทุกเมื่อ” ฉู่ชวิ๋นพูดอย่างเยือกเย็น
“จอมมารฉู่ชวิ๋น กำแหงมากเกินไปแล้ว!” จินจ้งคำรามลั่น
“ฉันไม่ได้เพิ่งมากำแหงแค่วันหรือสองวันนี้สักหน่อย เมื่ออยู่ตรงหน้าฉัน พวกแกมันก็ไม่ได้มีค่าอะไรเลย”
ฉู่ชวิ๋นพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ยังพูดไม่ทันจบ เสียงวัตถุแหลมคมก็ดังเหวกอากาศสั่นสะเทือนจิตใจผู้คน ลูกศรสีขาวสองดอกถูกยิงเข้าใส่จินจ้งด้วยความรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด
จินจ้งเดือดดาลมาก หมุนมือเหมือนกังหันลม สร้างม่านพลังขึ้นมาห้อมล้อมรอบกาย ก่อนที่จะสะบัดมือยิงลำแสงเข้าใส่ลูกธนูทั้งสองดอกนั้น
เปรี้ยง! เปรี้ยง!
เกิดการระเบิดขึ้นสองครั้ง ลูกศรดอกแรกถูกมันยิงทิ้งได้สำเร็จ แต่การระเบิดของลูกดอกดอกที่สอง ทำให้จินจ้งตัวลอยกระเด็นไปไกล
จินจ้งลอยกระเด็นมาประมาณ 100 เมตร เมื่อร่างลงถึงพื้นแล้วมันก็รีบตีลังกาลุกขึ้นยืนทันที พื้นดินใต้เท้าของมันเกิดเป็นรอยแตกร้าวชัดเจน
ผู้อาวุโสจากเผ่าพันธุ์มนุษย์คิงคอง ซึ่งมีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 8 เห็นจินจ้งโดนเล่นงานก็ตะลึงลาน อดไม่ได้ต้องแหกปากคำรามออกมาด้วยความโกรธแค้น
ฉู่ชวิ๋นสะบัดมือยิงพลังลมปราณออกไป
เปรี้ยง!
พื้นดินสะเทือนเหมือนเกิดแผ่นดินไหว ผู้อาวุโสขั้นจักรพรรดิระดับ 8 ของสำนักวัชระถูกพลังจากฝ่ามือของฉู่ชวิ๋นซัดใส่เข้าอย่างจัง เลือดเป็นสายไหลทะลักออกมาจากปาก กระดูกหน้าอกแตกร้าว ผิวหนังเปิดออกกลายเป็นบาดแผลเหวอะหวะน่าหวาดกลัว
ทุกคนหวาดกลัวจนตัวสั่นเทา
เพียงฝ่ามือเดียว สัตว์ร้ายขั้นจักรพรรดิระดับ 8 จากสำนักวัชระก็ตกอยู่ในสภาพครึ่งเป็นครึ่งตายแล้ว
“ฉันไม่ชอบได้ยินเสียงสัตว์ร้อง แกเงียบ ๆ หน่อยจะดีกว่า” ฉู่ชวิ๋นพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ทุกคนถึงกับตัวสั่นเทาอีกครั้ง นี่คือจอมมารฉู่ชวิ๋นผู้ทรงพลังอย่างแท้จริง
“แก…”
หนึ่งในมนุษย์คิงคองคำรามด้วยความโกรธแค้น เผ่าพันธุ์ของพวกมันได้รับการยกย่องให้เป็นผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงที่สุดในยุทธภพ เป็นหนึ่งในยอดสำนักอันดับต้น ๆ
น่าสงสารที่ความกล้าหาญของมันกลับก่อให้เกิดโศกนาฏกรรม
เปรี้ยง!
ผู้อาวุโสจากเผ่าพันธุ์มนุษย์คิงคองที่มีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 8 รู้ตัวดีว่าพวกมันแข็งแรงมากขนาดไหน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับจอมมารฉู่ชวิ๋นก็ต้องมีอันตกตายร่างกายแหลกสลายเป็นม่านหมอกเลือดไปแล้ว
บรรยากาศตกอยู่ภายในความเงียบ ไม่มีผู้ใดกล้าพูดอะไรออกมา นี่คือพลังแห่งการฆ่าของยอดฝีมือที่ชื่อว่าจอมมารฉู่ชวิ๋น แม้แต่เผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งอย่างมนุษย์คิงคอง ก็สามารถถูกสังหารทิ้งได้ในพริบตาเดียว
“เหยาไป๋เยวี่ย ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ฉู่ชวิ๋นถาม
เห็นได้ชัดว่าตระกูลจังกับสำนักวัชระร่วมมือกัน แต่นอกเหนือจากนั้น ฉู่ชวิ๋นยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูก
เหยาไป๋เยวี่ยจึงต้องสรุปเรื่องราวทุกอย่างให้ฟังสั้น ๆ
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะในขณะที่หันไปมองหน้าจังเฟิงหลิง “เจ้าคนต่ำช้า อวดดีเหลือเกินนะ ตอนแรกก็ส่งคนแทรกซึมเข้าไปในวังมังกรเพลิงของฉัน เกือบจะฆ่าคนของฉันตาย มาวันนี้ ยังคิดจะหยามหน้าน้องชายของฉันอีก แกคิดว่าจอมมารฉู่ชวิ๋นเป็นคนที่มีความอดทนสูงมากนักหรือไง?”
จังเฟิงหลิงขาแข็งก้าวไม่ออก มันรู้ดีว่าตนเองไม่มีทางต่อกรกับฉู่ชวิ๋นได้เลย แม้แต่ผู้อาวุโสขั้นจักรพรรดิระดับ 8 ของสำนักวัชระยังถูกฆ่าตายไปแล้ว นับประสาอะไรกับตัวเอง
ไม่รอให้จังเฟิงหลิงตอบรับคำใด ฉู่ชวิ๋นก็หันมามองหน้าจินจ้ง แล้วหัวเราะพร้อมกับพูดออกมา “ก่อนหน้านี้แกเคยถามว่าฉันเป็นตัวอะไรใช่ไหม?”
จินจ้งสีหน้าแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนตอบ “จอมมารฉู่ชวิ๋น คิดดีแล้วหรือที่จะมาเป็นศัตรูกับเผ่าพันธุ์มนุษย์คิงคอง?”
ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเต็มไปด้วยประกายเย้ยหยัน “แกเคยถามใช่ไหมว่าจอมมารฉู่ชวิ๋นเป็นตัวอะไร? อย่างนั้นฉันขอถามกลับบ้างก็แล้วกันว่า พวกมนุษย์คิงคองเป็นตัวอะไร?”
จินจ้งใบหน้าบิดเบี้ยว ดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์ “จอมมารฉู่ชวิ๋น เผ่าพันธุ์มนุษย์คิงคองของฉันไม่ได้อ่อนแอเหมือนพวกมนุษย์ปักษา ฉันขอแนะนำ จงคิดให้ดีก่อนพูดอะไรออกมา”
พรึบ!
ฉู่ชวิ๋นกระโดดหนึ่งครั้งก็ลอยไกลหลายร้อยเมตร มาถึงตรงหน้าจินจ้งแล้ว
จินจ้งตกตะลึง แขนของมันบาดเจ็บ ร่างกายอยู่ในสภาพบอบช้ำ
เปรี้ยง!
คลื่นลมปราณพุ่งออกมาจากกำปั้นของฉู่ชวิ๋น พุ่งเข้าใส่แขนข้างที่บาดเจ็บของจินจ้ง
กร๊อบ!
เสียงกระดูกแตกหัก จินจ้งส่งเสียงร้องโหยหวน ร้องไห้เหมือนเห็นผี แขนของมันบิดงอผิดรูปผิดร่างจากแรงปะทะของกำปั้นฉู่ชวิ๋น กระดูกของมันแตกละเอียด ตัวคนลอยกระเด็นไปไกล
เปรี้ยง!
ร่างของจินจ้งลอยกระเด็นไปไกลหลายร้อยเมตร เมื่อร่วงหล่นกระแทกพื้น จึงเกิดเป็นหลุมดินขนาดใหญ่
จินจ้งร้องโหยหวน แขนมันหักแล้ว กระดูกทิ่มแทงทะลุผิวหนังขึ้นมา โลหิตไหลทะลัก ความเจ็บปวดถึงกับทำให้มันส่งเสียงครวญครางเหมือนสัตว์ป่า
วูบ!
ฉู่ชวิ๋นหมุนตัวซัดลมปราณไปทางด้านหลัง ฝ่ามือของเขากระแทกเข้าใส่ผู้อาวุโสขั้นจักรพรรดิระดับ 8 ของสำนักวัชระอีกคนหนึ่ง แล้วพลังลมปราณสีม่วงก็ระเบิดสว่างไสว
เปรี้ยง!
เลือดสาดกระจาย เศษเนื้อปลิวว่อน สัตว์ร้ายขั้นจักรพรรดิระดับ 8 ผู้นั้นร่างระเบิดกระจายด้วยฝีมือของฉู่ชวิ๋น
เปรี้ยง!
มวลอากาศปั่นป่วน นิ้วมือขนาดใหญ่ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า แรงกดดันที่แผ่ออกมาทำให้ผู้คนถึงกับตัวสั่นเทา
เสียงกรีดร้องที่ดังไม่หยุดหย่อนทำให้ผู้คนขนลุกซู่ ผู้อาวุโสจากสำนักวัชระอีกคนหนึ่งถูกนิ้วมือขนาดใหญ่ยักษ์บดขยี้ จนกลายเป็นเพียงเศษเนื้อกองหนึ่งไปเรียบร้อยแล้ว
ฉู่ชวิ๋นวนมือเล็กน้อย พลังลมปราณก็รวมตัวกลายเป็นรูปทรงดาบเล่มหนึ่ง ตวัดฟาดฟันออกไป
ฟู่!
เลือดพุ่งกระฉูดสูงหลายเมตร หัวคนขาดกระเด็น ผู้อาวุโสขั้นจักรพรรดิระดับ 8 อีกคนหนึ่งล้มลงไปกลายเป็นศพหัวขาด
สำนักวัชระส่งผู้อาวุโสมาด้วยกันทั้งหมดห้าคน บัดนี้ จินจ้งตกอยู่ในสภาพแขนหักร่ำร้องด้วยความเจ็บปวดน่าเวทนา ส่วนอีกสามคนถูกฉู่ชวิ๋นตัดหัวทิ้งไปหมดแล้ว จึงหลงเหลือผู้อาวุโสอีกเพียงคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ตรงหน้า
วูบ!
เมื่อเห็นว่าฉู่ชวิ๋นกำลังจ้องมองมาที่ตนเอง ผู้อาวุโสขั้นจักรพรรดิระดับ 8 คนนั้นก็หันหลังกลับด้วยความตื่นกลัวและเผ่นหนีไปด้วยความรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ
มันว่าเร็วแล้ว แต่ฉู่ชวิ๋นมีเร็วกว่า พริบตาเดียวชายหนุ่มก็มาปรากฏกายอยู่ตรงหน้า ต่อยหมัดใส่ใบหน้าของมัน พลังลมปราณสีม่วงเปล่งประกายเจิดจ้า ม่านโลหิตสาดกระจายในอากาศราวกับบุปผาโปรยปรายกลางสายลม ผู้อาวุโสของสำนักวัชระไม่มีโอกาสได้กรีดร้องด้วยซ้ำ หัวของมันก็ถูกคลื่นลมปราณสีม่วงตัดขาดกระเด็นลอยออกไป