จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 416 ดวลเดือด
บทที่ 416 ดวลเดือด
กำปั้นอันหนักหน่วง พลังลมปราณสว่างไสว
ถึงแม้ว่าฉู่ชวิ๋นจะมารัวกำปั้นอยู่ตรงหน้า แต่บรรพบุรุษตระกูลจังก็ไม่ได้ตื่นกลัวแม้แต่น้อย สีหน้าของมันไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยด้วยซ้ำ
ชายชราสะบัดฝ่ามือ แล้วคลื่นพลังลมปราณก็พุ่งออกมาจากมืออันเหี่ยวย่น
เปรี้ยง!
พลังจากกำปั้นปะทะเข้ากับพลังจากฝ่ามือ เกิดเป็นแรงระเบิดกระจายไปรอบบริเวณ
ฉู่ชวิ๋นเซถอยหลังไปหลายก้าว พื้นดินใต้เท้าของเขาเกิดรอยแตกร้าวขึ้นมา
บรรพบุรุษตระกูลจังตัวสั่นเทา พลังลมปราณที่ไหลเวียนลงไปใต้เท้าทำให้พื้นดินเกิดรอยแตกแยกเป็นใยแมงมุม
มันมองหน้าฉู่ชวิ๋นด้วยความประหลาดใจ
ฉู่ชวิ๋นเองก็รู้สึกตกใจไม่น้อยเช่นกัน ถึงแม้ว่าหมัดที่เขาปล่อยออกไปจะไม่ได้เอาจริงเต็มกำลัง แต่ก็พอจะบอกได้ว่าพลังของบรรพบุรุษตระกูลจังไม่ธรรมดาเลย
แน่นอน ฉู่ชวิ๋นรู้ดีว่าฝ่ายตรงข้ามก็ยังไม่ได้เอาจริงเช่นกัน
ฉู่ชวิ๋นรวบรวมพลังลมปราณจากภายในร่างกายอีกครั้ง โครงกระดูกในร่างกายของเขาเปล่งแสงเป็นประกายสีทองอร่าม
ฉู่ชวิ๋นกำหมัด พลังลมปราณสีม่วงไหลเวียนมาห่อหุ้มที่กำปั้น
บรรพบุรุษตระกูลจังส่งเสียงคำราม พลังลมปราณห้อมล้อมรอบตัว ก่อนที่จะต่อยหมัดออกมาเช่นกัน
ครืน!
พื้นดินสั่นสะเทือน แรงระเบิดทำให้เม็ดทรายและก้อนหินปลิวกระจาย ทั้งสองฝ่ายต่างซัดพลังใส่กันอย่างบ้าคลั่ง
ในขณะนี้ ฉู่ชวิ๋นถอยหลังพลางยิงพลังไปพลาง เขาร่ายวิชาด้วยพลังจิตวิญญาณ มวลอากาศปั่นป่วน แล้วนิ้วมือขนาดใหญ่ยักษ์ก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของบรรพบุรุษตระกูลจัง
จังหวะนั้น บรรพบุรุษตระกูลจังมองเห็นแล้วว่านิ้วมือขนาดยักษ์กำลังจะหล่นลงมาทับตนเอง
มันหมุนวนมือเป็นสัญลักษณ์แปลกประหลาด มวลอากาศสั่นสะเทือน มือหนึ่งยิงพลังลมปราณเข้าใส่ฉู่ชวิ๋น ในขณะที่อีกมือก็ยิงพลังลมปราณขึ้นไปยังนิ้วมือขนาดยักษ์ที่ลอยอยู่ในอากาศ
เปรี้ยง…!
เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง พลังลมปราณของบรรพบุรุษตระกูลจังปะทะเข้ากับนิ้วมือขนาดยักษ์ ซึ่งทำให้นิ้วมือเกิดรอยแตกร้าวอย่างเห็นได้ชัด การร่วงดิ่งลงมาเชื่องช้าลง และเมื่อถูกพลังลมปราณยิงซ้ำเข้าไปอีกรอบ นิ้วมือยักษ์นั้นก็แตกสลายไปกับตา
ชายชราหันมามองหน้าฉู่ชวิ๋น สะบัดข้อมือแล้วดาบเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้น มวลอากาศระเบิดตัวด้วยความปั่นป่วน เงาดำปรากฏตัวออกมาจากใบดาบ กำลังจะพุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มโดยตั้งใจเล่นงานฉู่ชวิ๋นให้ถึงตาย
ฉู่ชวิ๋นยิ้มออกมาเล็กน้อย บรรพบุรุษตระกูลจังมีสีหน้าดุร้ายและเคร่งเครียดทันทีเมื่อเห็นว่านิ้วมือยักษ์นิ้วใหม่ปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้าอีกครั้ง และนิ้วมือนั้นกำลังร่วงดิ่งลงมาอีกแล้ว
ตู้ม!
ร่างของบรรพบุรุษตระกูลจังถูกนิ้วมือขนาดใหญ่ยักษ์ทับลงไปต่อหน้าต่อตาทุกคน พื้นดินสั่นสะเทือนเกิดรอยแตกร้าว หมอกควันและเศษฝุ่นดินตลบคลุ้งในอากาศ
ฉู่ชวิ๋นดีดกายขึ้นจากพื้น ก่อนที่จะชกหมัดลมปราณซ้ำเข้าไปอีกชุดใหญ่
เปรี้ยง!
หมัดแรกทำให้ใบดาบสั่นสะเทือน เงาดำที่พุ่งออกมาจากตัวดาบหยุดชะงักไปทันที
เปรี้ยง!
หมัดที่สองทำให้ใบดาบเกิดรอยแตกร้าวขึ้นมาแล้ว
เปรี้ยง!
หมัดที่สามทำให้เงาดำที่ลอยออกมาจากตัวดาบระเบิดกระจุย กลายเป็นดวงดาวสีขาวเปล่งประกายระยิบระยับ ก่อนที่จะจางหายไปในอากาศ
สายลมโชยพัด หมอกควันและฝุ่นผงกระจายหายไป เงาร่างของบรรพบุรุษตระกูลจังปรากฏขึ้นในสายตาอีกครั้ง เสื้อผ้าของมันขาดหลุดลุ่ย แต่แววตาที่จ้องมองมายังฉู่ชวิ๋นนั้นยังคงเย็นเยียบเป็นอย่างยิ่ง
“เจ้าหนู ข้าชักสนใจตำราความลับฟ้าที่เจ้าครอบครองอยู่มากขึ้นกว่าเดิมแล้วสิ” บรรพบุรุษตระกูลจังกล่าว
ฉู่ชวิ๋นเหยียดยิ้มเล็กน้อย พลังลมปราณรอบตัวเขาหมุนวนอย่างรุนแรง ก่อนที่ชายหนุ่มจะโจนทะยานพุ่งเข้าใส่ฝ่ายตรงข้ามพร้อมกับรังสีอำมหิต
บรรพบุรุษตระกูลจังกระชับด้ามดาบในมือแน่น พลังลมปราณพวยพุ่ง ดาบยาวตวัดเป็นรูปทรงตัวอักษรพิฆาต ตัวดาบแผ่บรรยากาศที่กดดันและมืดมนเป็นอย่างยิ่ง
เปรี้ยง!
ถึงแม้ว่าตัวอักษรที่ดาบตวัดออกมาจะมีลำแสงสว่างไสว แต่เมื่อถูกพลังลมปราณของฉู่ชวิ๋นเข้าปะทะโดยตรง ตัวอักษรลมปราณนั้นก็ระเบิดตู้มไปทันที ซ้ำยังทำให้ตัวดาบสะเทือน ไม่สามารถป้องกันพลังลมปราณของฝ่ายตรงข้ามที่พุ่งเข้ามาได้
แววตาของบรรพบุรุษตระกูลจังดูเคียดแค้นมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งหมายความว่ามันรู้ตัวดี ตนเองมีพลังด้อยกว่าฉู่ชวิ๋น
ชายชราตวัดดาบปัดป้องพลังลมปราณด้วยความเกรี้ยวกราด มวลอากาศสั่นไหว สีหน้าของมันเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย เมื่อพบว่ามีกําปั้นเหล็กพร้อมด้วยพลังลมปราณสายหนึ่ง กำลังพุ่งเข้ามาถึงตัวแล้ว
ผลั่ก!
กำปั้นกระแทกเข้าเต็มหน้าอก แต่ไม่มีเสียงกระดูกแตกหัก เนื่องจากร่างกายของบรรพบุรุษตระกูลจังแข็งแกร่งพอที่จะรับหมัดของฉู่ชวิ๋นได้อย่างไม่มีปัญหา
ในโลกใบนี้ เกรงว่ามีแค่เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะรับหมัดของฉู่ชวิ๋นได้แบบนี้
บรรพบุรุษตระกูลจังไม่ได้ตกใจ พื้นดินใต้เท้าระเบิดตู้มจากพลังลมปราณในหมัดของฉู่ชวิ๋นที่ไหลผ่านลงไป
จังหวะนั้น ฉู่ชวิ๋นกระโดดตีลังกาถอยหลัง บรรพบุรุษตระกูลจังอดคำรามในลำคอออกมาไม่ได้
ฉู่ชวิ๋นถอยไปตั้งหลักไกลหลายร้อยเมตร ดวงตาเป็นประกายแวววาว มือซ้ายของเขากำลังกำหนวดเคราสีขาวที่โบกไสวไปตามสายลมกระจุกหนึ่ง
บรรพบุรุษตระกูลจังใบหน้ากระตุก หนวดเคราใต้คางของมันแหว่งไปส่วนหนึ่งแล้ว มีเลือดกำลังไหลซึมออกมาจากใต้คางไม่หยุด
ถึงแม้ว่าในขณะนี้ทุกคนกำลังต่อสู้กันอยู่ก็จริง แต่การดวลเดือดกันระหว่างฉู่ชวิ๋นกับบรรพบุรุษตระกูลจังเป็นสิ่งที่ยากจะละความสนใจได้ เนื่องจากทุกคนรู้ดีว่ามีแต่สองคนนี้เท่านั้น ที่จะกำหนดผลแพ้ชนะของการต่อสู้ครั้งนี้
เมื่อเห็นว่าบรรพบุรุษถูกกระชากหนวดเคราไปแบบนั้น บรรดาคนของตระกูลจังก็อดตกตะลึงไม่ได้ และจังหวะนี้เอง ก็เปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้ของพวกมันได้บุกโจมตี
ทันใดนั้น ในลานต่อสู้ก้องกังวานไปด้วยเสียงกรีดร้องอีกครั้ง คนของตระกูลจังจำนวนไม่น้อยต้องตกตายภายใต้น้ำมือของคู่ต่อสู้
บรรพบุรุษตระกูลจังกวาดสายตามองรอบตัวและคำรามออกมาเสียงดัง
“มีสมาธิอยู่กับการต่อสู้ซะ”
คนของตระกูลจังมีสมาธิอยู่กับการต่อสู้เต็มที่อยู่แล้ว เมื่อได้ยินบรรพบุรุษสั่งออกมาเช่นนี้ จึงรู้สึกว่าไร้สาระเป็นอย่างยิ่ง
“หัวหน้าตระกูลจัง บรรพบุรุษของแกโดนดึงหนวดออกไปแบบนั้น ยังไม่รีบคุกเข่ายอมแพ้อีก” หยานกุยล๋ายพูดถากถางเสียงดังลั่น ในเวลาเดียวกันนั้น ก็ซัดพลังฝ่ามือใส่จังหยวนจื่อ เมื่อพลังของทั้งสองฝ่ายปะทะกัน ชายชราทั้งสองคนต่างก็เซถอยหลังมาคนละหลายก้าว
ดวงตาของจังหยวนจื่อเป็นประกายเย็นชา จ้องมองหยานกุยล๋ายไม่พูดอะไร ก่อนที่จะเริ่มต้นปะทะฝีมือกันอีกครั้ง
ผู้ที่น่าเวทนาที่สุดเป็นใครไปไม่ได้นอกจากจินเว่ยกับจินเฉิง ด้วยว่าจังเฟิงหลิงไม่เคยกล่าวถึงการมีตัวตนของหลงอี้กับหลงเอ้อร์ ทำให้พวกมันในบัดนี้ต้องพบเจอสถานการณ์คับขันเข้าแล้ว
ฟ้าว!
เสียงลูกศรแหวกอากาศ จินเฉิงกระโดดหลบ ลูกศรทั้งสองดอกนั้นจึงไปปักเข้าใส่คนของตระกูลจังที่อยู่ด้านหลังทั้งสองคนแทน
ฟ้าว!
ลูกศรอีกสองดอกที่ตามติดมานี้เหมือนกับมีดวงตา จินเว่ยคือเป้าหมาย มันยกกำปั้นขึ้นยิงพลังสวนกลับไป แต่แรงปะทะของลูกธนูกลับทำให้มันต้องเซไปหลายก้าว
“บัดซบ!”
จินเว่ยคำรามออกมาด้วยความเดือดดาล มันเงยหน้าส่งเสียงกู่ร้อง ทันใดนั้นร่างกายก็ขยายใหญ่ขึ้น เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็คับแน่นขึ้นทันที
เปรี๊ยะ!
ทันใดนั้นเอง เสื้อผ้าของมนุษย์คิงคองก็ขาดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ลำแสงสีทองคำห่อหุ้มร่างกายของมันไว้และแล้วจินเว่ยก็เปลี่ยนร่างเป็นคิงคองปีศาจที่ขนบนร่างกายเป็นสีแดง ตัวมันมีความสูงนับสิบเมตร ดวงตาเป็นสีแดงฉาน เขี้ยวยาวออกมาจากปากกว้าง ขนบนร่างกายยาวสลวยเหมือนกับผ้าไหมเป็นประกายสดใสกระจ่างตา
โฮก!
มันเงยหน้าส่งเสียงคำราม เสียงดังกังวานเหมือนฟ้าร้องฟ้าผ่า แล้วมนุษย์คิงคองก็ยกมือทุบหน้าอกตัวเอง ก่อนที่จะหันมาคำรามใส่หลงอี้
เปรี้ยง!
จังหวะนั้น จินเฉิงก็เปลี่ยนร่างเป็นคิงคองยักษ์ และกำลังทุบหน้าอกแหกปากร้องคำรามอยู่เช่นกัน
เปรี้ยง!
กำปั้นที่มีขนาดเท่ากับเครื่องบดเนื้อพลันทุบลงมา ทำให้คนของตระกูลหยานจำนวนหนึ่งร่างกายแหลกสลาย พื้นดินเกิดรอยแตกร้าว
จินเว่ยกับจินเฉิงเมื่อเปลี่ยนร่างแล้ว ก็มีพลังการโจมตีเพิ่มมากขึ้น แต่ที่โดดเด่นที่สุดคือความเร็วและความสามารถในการป้องกันตัวเองที่จัดอยู่ในระดับมหัศจรรย์
พวกมันกระโจนเข้าใส่หลงอี้กับหลงเอ้อร์ด้วยความดุร้าย แต่ละครั้งที่เท้าสัมผัสพื้นดินจะเกิดแรงสั่นสะเทือนเหมือนมีภูเขาสองลูกเคลื่อนที่ผ่าน
ธนูแผลงศรออกมา ลูกศรแม่นยำเหมือนจับวาง ปักเข้าใส่ลำตัวของจินเว่ยกับจินเฉิงก่อนระเบิดตู้ม
ครืน…!
แรงระเบิดของลูกธนูทำให้พวกมันตัวสั่นเซถอยหลัง พื้นดินรอบตัวเกิดรอยแตกร้าวในบริเวณกว้าง
หลงอี้กับหลงเอ้อร์หันมองหน้ากันด้วยความพิศวง ถึงแม้ลูกศรของพวกมันจะไม่พลาดเป้า แต่ตรงจุดที่ลูกศรระเบิดตัวกลับไม่มีเลือดออกมาเลยสักหยดเดียว นับเป็นพลังป้องกันที่น่ากลัวไม่ใช่น้อย
โฮก!
สองคิงคองยักษ์ยกมือทุบหน้าอกและร้องคำราม ทำให้ผู้คนที่กำลังต่อสู้กันอยู่โดยรอบหวาดกลัวจนต้องถอยหนีไป
หลงอี้กับหลงเอ้อร์น้าวธนูในมือ ยิงลูกศรยิงใส่คู่ต่อสู้ที่เป็นสัตว์ประหลาด แล้วลูกศรก็ระเบิดตัวอย่างรุนแรง
จินเว่ยกับจินเฉิงเมื่อเปลี่ยนร่างเป็นคิงคองยักษ์ ก็สามารถรับมือกับลูกธนูได้อย่างไม่มีปัญหา เผ่าพันธุ์มนุษย์คิงคองแห่งสำนักวัชระของพวกมันภูมิใจเป็นนักหนากับตำแหน่งที่ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้ที่มีร่างกายแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาเผ่าพันธุ์มนุษย์กลายพันธุ์ เมื่อเผชิญหน้าคู่ต่อสู้ที่มีระดับพลังไล่เลี่ยกัน อีกฝ่ายก็ได้แต่ปวดเศียรเวียนเกล้า
วูบ!
ลำแสงสว่างไสวพุ่งเข้าใส่จินเว่ยกับจินเฉิงอีกครั้ง เมื่อพวกมันยกมือขึ้น ก็ซัดพลังลมปราณสองสายสวนกลับไป
ที่แท้พลังลมปราณที่มีลำแสงสว่างไสวนี้ก็เป็นของปี๋เค่อหยุน นางก็เป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 9 เช่นกัน และมีประสบการณ์ด้านการต่อสู้ไม่น้อย
เปรี้ยง! เปรี้ยง!
พลังลมปราณของทั้งสองฝ่ายปะทะกันเป็นสีสันสวยงามอย่างน่าประหลาดและในจังหวะนั้น หลงอี้กับหลงเอ้อร์ก็ยิงลูกศรใส่จินเว่ยกับจินเฉิงอีกครั้งและอีกครั้ง
ในเวลาเดียวกันนี้ หยานกุยล๋ายระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “หัวหน้าตระกูลจัง ไหนว่าสนิทกับสำนักวัชระนักหนาไงล่ะ ทำไมพวกมันถึงส่งคนมาช่วยแกแค่สองคนเองละ?”
จังหยวนจื่อแทบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว ไม่ใช่ว่าสำนักวัชระไม่ส่งคนมาช่วย แต่เป็นเพราะลูกชายของมันพาคนพวกนั้นตกตายไปหมดแล้วต่างหาก ให้ตายเถอะ!
ทางด้านการต่อสู้ของฉู่ชวิ๋นกับบรรพบุรุษตระกูลจังก็ยังคงดำเนินไปด้วยความดุเดือด การปะทะกันของพลังลมปราณแต่ละครั้ง ทำให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดย่อมเสมอ
คราวนี้บรรพบุรุษตระกูลจังจะชะล่าใจไม่ได้แล้ว มันรู้ตัวแล้วว่าฉู่ชวิ๋นมีฝีมือแข็งแกร่งมากเกินไป
ฉู่ชวิ๋นมีแววตาดุร้าย กำหมัดแน่น พุ่งทะยานออกไป
เปรี้ยง!
ทั้งสองฝ่ายปะทะกันอีกครั้ง แรงระเบิดแผ่กระจายในวงกว้าง ก้อนหินขนาดใหญ่แตกตัวกระจุยกระจาย พื้นดินถึงกับยุบตัวลงไปหลายฟุต
เมื่อการต่อสู้ดำเนินมาถึงจุดนี้ แม้แต่ฉู่ชวิ๋นก็ยังต้องยอมรับว่าบรรพบุรุษตระกูลจังแข็งแกร่งมาก ประเมินดูน่าจะมีเป็นขั้นจักรพรรดิระดับ 9 ระดับสูงสุดแต่ยังไม่บรรลุถึงขั้นเซียนอย่างแน่นอน
“เจ้าหนู เจ้ามีฝีมือไม่เบาเลยนะ” บรรพบุรุษตระกูลจังจ้องมองฉู่ชวิ๋นด้วยดวงตาเป็นประกาย “ข้าชักสนใจตำราที่เจ้าใช้ฝึกวิชามากขึ้นทุกทีแล้วสิ”
ฉู่ชวิ๋นเลิกคิ้วขึ้นสูง ดวงตาเป็นประกายแวววาว ขยับออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว แล้วต่อยหมัดออกไป
ผลั่ก…!
ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันด้วยความรวดเร็วรุนแรง มองเห็นได้ไม่ชัดเจนเลยว่าผู้ใดเป็นผู้ใด? พื้นดินยุบตัวลงอย่างต่อเนื่อง เศษทรายและเศษก้อนหินฟุ้งกระจายในอากาศ
เปรี้ยง!
ตอนนั้นเอง มีฝ่ายหนึ่งถูกกำปั้นกระแทกเข้าใส่อย่างจัง ตัวคนลอยกระเด็นไปไกล
ที่แท้ก็เป็นบรรพบุรุษตระกูลจัง
ทุกคนจ้องมองด้วยความตกตะลึง โดยเฉพาะคนตระกูลจัง พวกมันเริ่มมีสีหน้าเป็นกังวล เหมือนไม่อยากเชื่อสายตาว่าแม้แต่บรรพบุรุษประจำตระกูล ก็ยังไม่สามารถต่อกรกับจอมมารฉู่ชวิ๋นได้เลยหรือนี่?
บรรพบุรุษตระกูลจังลุกขึ้นมามองหน้าฉู่ชวิ๋นด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว บุรุษหนุ่มคนนี้มีพลังที่แข็งแกร่งเกินกว่าที่มันคิดเอาไว้หลายเท่า
“เจ้าหนู ข้าขอยอมรับว่าเจ้าแข็งแกร่งมาก แต่การต่อสู้ครั้งนี้ยังไม่จบ” บรรพบุรุษตระกูลจังพูดไม่ทันขาดคำ ระฆังทองคำใบหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือ
เหง่งหง่าง!
ระฆังทองคำแผ่รัศมีสีทองออกมาสว่างไสว คลื่นเสียงที่ดังออกมาจากตัวระฆัง ทำให้มวลอากาศรอบกายปั่นป่วนไปในพริบตา ราวกับว่าแม้แต่ฟ้าดินก็ยังต้องสั่นสะเทือนให้กับเสียงของระฆังใบนี้
นี่คือสุดยอดอาวุธลึกลับที่ใกล้เคียงกับอาวุธสวรรค์เลยทีเดียว
ฉู่ชวิ๋นตกตะลึงอยู่ไม่น้อย ตาแก่คนนี้นอกจากมีฝีมือแข็งแกร่ง ยังครอบครองระฆังทองคำอีกด้วย
เหง่งหง่าง!
ระฆังทองคำสั่นไหวจากฝีมือของบรรพบุรุษตระกูลจัง แล้วพลังลมปราณสีทองคำ ก็กระจายไปรอบบริเวณเหมือนเกลียวคลื่น
“นี่มันอะไรกัน…”
บรรดาคนที่ต่อสู้อยู่โดยรอบถูกคลื่นพลังสีทองคำเหล่านี้กระแทกเข้าไปเต็มแรง ใบหน้าของทุกคนขาวซีดและบิดเบี้ยว ศีรษะห้อยพับลงมาเหมือนใกล้หมดสติเต็มที่
โผละ…!
ไม่ว่าเป็นคนของตระกูลจังหรือตระกูลหยาน ผู้ใดมีพลังต่ำต้อยร่างกายก็จะระเบิดกระจายกลายเป็นม่านหมอกเลือดไปทันที โชคดีที่กลุ่มลูกศิษย์ของหอกระจกนิรันดร์ยืนอยู่ไกล พวกเธอจึงไม่ได้รับลูกหลงไปด้วย
“ท่านบรรพบุรุษขอรับ!” จังหยวนจื่อร้องตะโกน เมื่อเห็นว่าบรรดาคนที่ตกตายกลายเป็นคนของตระกูลจังเสียส่วนใหญ่
“ชีวิตของมดแมลงเกิดมาก็ต้องตายอยู่แล้ว ปล่อยให้พวกมันตายไปซะ” บรรพบุรุษตระกูลจังตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เมื่อฝึกตนมาได้ถึงจุดหนึ่ง จิตใจก็จะเรียบเฉยต่อทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีความรู้สึกต่อชีวิตของผู้อื่นอีกแล้ว เช่นเดียวกับจักรพรรดิในยุคโบราณ ที่มีอำนาจสามารถสั่งการฆ่าคนอยู่ในมืออย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ไม่ว่าทหารของทั้งสองฝ่ายจะบาดเจ็บล้มตายสักเท่าไหร่ก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญ เพราะสิ่งสำคัญคือผลแพ้ชนะในสงครามต่างหาก
“เจ้าหนู เตรียมตัวตายเอาไว้แล้วใช่ไหม?” บรรพบุรุษตระกูลจังมองหน้าฉู่ชวิ๋น ระฆังทองคำลอยอยู่เหนือศีรษะของมัน และแผ่ม่านพลังสีทองคำออกมาห่อหุ้มร่างกายเอาไว้ เป็นเสมือนเกราะป้องกันชั้นดี
ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเป็นประกายเย็นชา หลังจากนั้น ดาบเกล็ดทองคำก็มาปรากฏอยู่ในมือของเขา ลำแสงสีทองส่องประกายแวววาวออกมาจากตัวดาบ ดูสดใสและสง่างามเป็นอย่างยิ่ง
วูบ!
เมื่อตวัดดาบฟาดฟันออกไป เงาร่างของสัตว์ร้ายที่ดุร้ายและทรงพลังทองคำตัวหนึ่งก็พุ่งออกมาจากปลายดาบ อ้าปากคำรามใส่บรรพบุรุษตระกูลจังด้วยความดุร้าย!