จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 42 ฆ่าล้างองค์กร![รีไรท์]
บทที่ 42 ฆ่าล้างองค์กร![รีไรท์]
สมาชิกขององค์กรแมงป่องต่างเป็นผู้มีฝีมือเก่งกาจเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องความโหดเหี้ยม! เรื่องชั่ว ๆ ที่พวกเขาทำ ตำรวจไม่เคยจับได้นับเป็นอาชญากรรมสุดชั่วร้าย
แต่ในเวลานี้สมาชิกองค์กรตายหมดแล้ว เหลือเพียงหัวหน้ากลุ่มที่ยังรอด แต่ก็ตกใจจนขี้มูกไหลน้ำตาไหลย้อย หัวหน้ากลุ่มพยายามร้องขอชีวิตอย่างยากลำบาก เพราะความตายกำลังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
“ช้าก่อน จิ่วโยว!”
ฉู่ชวิ๋นสั่งให้จิ่วโยวหยุดมือก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนตัวพญาอสรพิษ นั่งยองๆ มองไปที่หัวหน้ากลุ่มแมงป่องพิษ หัวหน้ากลุ่มที่กำลังร้องขอชีวิต คิดว่าฉู่ชวิ๋นจะปล่อยตัวเขาไป เขารู้สึกดีใจมากแต่ ฉู่ชวิ๋นกลับเอามือไปแตะที่หัวของเขา
“ทักษะดูดจิตวิญญาณ”
หัวหน้ากลุ่มเหมือนตกอยู่ในคำสาป ดวงตาเหลือกอย่างน่ากลัวตกอยู่ในสภาวะขาดสติ ฉู่ชวิ๋นอยู่ในขั้นหลอมรวมลมปราณขั้นปลาย สามารถใช้ทักษะดูดวิญญาณ เพื่อเพิ่มพลังให้กับตนเองได้
หลังจากนั้นไม่นานฉู่ชวิ๋นก็เก็บมือกลับและกระโดดลงไปที่พื้น เอามือไพล่ไว้ด้านหลังทั้งสองข้างก่อนจะพูดขึ้นมา “ฆ่ามันซะ”
พญาอสรพิษพยักหัวแล้วเริ่มรัดแน่นขึ้น หัวหน้ากลุ่มราวกับตื่นจากฝันร้ายเขาตะโกนด้วยความตกใจกลัว “ไว้ชีวิตฉันเถอะ……”
“ปัง!”
เสียงหยุดลง หัวหน้ากลุ่มถูกพญาอสรพิษรัดจนกลายเป็นเนื้อบด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผู้อาวุโสและคนที่ติดตามมา ต่างมีอาการเหงื่อท่วมตัว ขนลุกพองกลืนน้ำลายลงไปแล้วไม่รู้กี่อึก
“ฝ่อ…!” พญาอสรพิษส่งเสียงคำรามอีกครั้งก่อนจะหลังจากนั้นก็ทุบรถที่องค์กรแมงป่องพิษขับมาให้กลายเป็นแค่เศษเหล็ก เมื่อมันได้ฆ่าคนแล้ว มันก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
“นายท่าน แล้วคนที่อยู่เบื้องหลังพวกนั้นล่ะ…..”
“ฆ่า!”
ผู้อาวุโสตัวสั่นเทาแล้วรีบขานรับ “ครับ”
“วันนี้นายทำได้ดีมาก” ฉู่ชวิ๋นหยิบหยกขึ้นมาชิ้นหนึ่งและโยนให้ผู้อาวุโส เมื่อหยกถึงมือ ความอบอุ่นก็ได้แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายผู้อาวุโส
“ขอบคุณครับนายท่าน!”
ผู้อาวุโสแสดงความพึงพอใจออกมาก่อนจะรีบขอบคุณ เนื่องจากเป็นของที่ฉู่ชวิ๋นให้มันต้องไม่ใช่ของธรรมดาอย่างแน่นอน ฉู่ชวิ๋นพยักหน้าแล้วพูดว่า
“จิ่วโยว พวกเราควรไปได้แล้ว” พญาอสรพิษที่กำลังเล่นอย่างมีความสุข เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่ชวิ๋น ก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียง
“ฝ่อ” ออกมาอย่างเซ็งๆ
ฉู่ชวิ๋นเข้าใจว่ามันไม่อยากกลับไปตัวเล็กอีกครั้ง ฉู่ชวิ๋นได้แต่ส่ายหน้า ก่อนจะยื่นมือออกไปแล้วร่ายมนตร์แปลงร่าง จากนั้นฉู่ชวิ๋นจับไปที่หางยักษ์ของมันก่อนจะเหวี่ยงร่างอันมหึมาของพญาอสรพิษเข้าไปในค่ายกล ผู้อาวุโสมองพญาอสรพิษด้วยสายตาที่แปลกใจ
นั่นทำให้ พญาอสรพิษส่งเสียง “ฝ่อ”
เพื่อแสดงความไม่พอใจออกมา ไม่นานร่างของจิ่วโยวก็เปล่งแสงออกมาแล้วพญาอสรพิษก็กลายร่างเป็นงูตัวเล็ก ๆ เช่นเดิม
“ฝ่อ…”
พญาอสรพิษส่งเสียงร้องอย่างไม่พอใจสุดท้าย แต่ก็ยอมเลื้อยขึ้นไปบนแขนของฉู่ชวิ๋น ด้วยความเศร้าก่อนจะใช้หัวถู ๆ
“เป็นเด็กดีเถอะ เมื่อเสร็จเรื่องแล้วฉันจะสอนเธอให้เป็นเซียน” ฉู่ชวิ๋นพูดแล้วหยิบหยกก้อนหนึ่งออกมา พญาอสรพิษชูหัวเล็กเล็กยื่นออกไป
“แกรกแกรก” แล้วกัดไปที่หยกหนึ่งก้อน มันกัดไม่กี่คำก็กลืนลงคอ
ผู้อาวุโสขณะที่เตรียมกลับก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองพวกเขา ผู้อาวุโสพึ่งเคยเห็นงูกินหยกเป็นอาหาร เขาไม่รู้ว่าหยกที่ได้รับมาทำอะไรได้บ้าง ถ้าเปลี่ยนเป็นเฉินฮั่นหลงละก็คงดีใจจนร้องไห้ออกมาแล้ว
เมื่อกินอิ่มแล้ว พญาอสรพิษก็กลับไปบนแขนของฉู่ชวิ๋นและขดตัวกลายเป็นกำไลข้อมือเจ็ดสี ฉู่ชวิ๋นมองผู้อาวุโสครู่หนึ่งก่อนเดินจากไปในทันที
“นายท่าน ผมขอลาด้วยความเคารพ!” ผู้อาวุโสพูดขึ้นเสียงดัง เมื่อรอให้ ฉู่ชวิ๋นจากไปแล้ว เขาจึงคิดว่าคงกลับได้แล้ว เขาหันไปมองคนที่ติดตามมาแล้วพูดแบบเข้มงวด
“วันนี้สิ่งที่ได้เห็นสิ่งที่ได้ยินเก็บไว้เป็นความลับห้ามพูดออกไปเด็ดขาด ไม่อย่างนั้น ใครก็ช่วยพวกนายไม่ได้ เข้าใจใช่ไหม?”
“ครับ!”
ผู้ที่อยู่ตรงนั้นต่างรีบขานรับทันที ถึงแม้ว่าผู้อาวุโสจะไม่เตือน พวกเขาก็ไม่กล้าพูดมากอยู่ดี แถมแม้จะพูดออกไป ก็ไม่มีใครเชื่ออยู่ดีว่างูตัวเล็ก ๆ สามารถกลายร่างเป็นพญาอสรพิษใหญ่ยักษ์ได้ มันช่างเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อซะจริง แต่พวกเขาไม่รู้ชีวิตนี้จะได้เห็นอะไรที่น่ามหัศจรรย์กว่านี้อีกมาก
……
……
ในคืนอันมืดมิด พระจันทร์สีเงินอันกลมโต เมืองกู่เจียงห่างออกไปทางเหนืออีก 50 กิโลเมตร มีหมู่บ้านชนบทที่ยังมีแสงไฟเปิดสว่างเจิดจ้า ลานเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่กำลังล้อมอยู่รอบกองไฟและขับร้องเพลง
“ฮูลา ฮูลา” เสียงร้องดังขึ้น มีการเผาแกะทั้งตัวบนกองไฟ น้ำมันหยดสีเหลืองทองลงในกองไฟ เปลวไฟลุกโชติช่วง ทั้งลานเต็มไปด้วยกลิ่นของเหล้าและแกะย่าง
ขณะที่ชายกำยำกำลังตะโกนร้องพร้อมดื่มเหล้า เสียงฮัมเพลงของหญิงสาวก็เลื่อนลอยอย่างแผ่วเบา แต่จู่ ๆ ก็มีเงาดำเหมือนภูตผีผ่านไปมาทั่วหมูบ้านรอบหนึ่ง จากนั้นหยุดลงที่ประตูใหญ่
“ปัง!”
ประตูใหญ่ระเบิดกลายเป็นเศษซาก ผู้คนภายในต่างตกใจกันถ้วนหน้า พร้อมกับยืนขึ้นและมองไปที่ประตู ฝุ่นควันจางหายไปเหลือเพียงวัยรุ่นคนหนึ่งยืนอยู่ที่ประตู ไม่ใช่ฉู่ชวิ๋นแล้วจะเป็นใครไปได้ล่ะ?
ฉู่ชวิ๋นได้ใช้วิชาดูดจิตวิญญาณกับหัวหน้ากลุ่มแมงป่องพิษเพื่อตามหาฐานของกลุ่มและจะฆ่าล้างบางให้หมด! คนพวกนี้กล้าแตะต้องถางโร้วไม่สมควรมีชีวิตอยู่อีกต่อไป!
“ไอ้หนู แกเป็นใคร?” ชายร่างกำยำทิ้งแก้วเหล้าในมือก่อนจะเดินไปข้างหน้าสองก้าวและถามขึ้นมา
“คนที่มาเอาชีวิตพวกแกไง”
เสียงอันเยือกเย็นพูดราวกับเป็นเรื่องธรรมดา ทุกคนจ้องมองชายหนุ่มอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะขึ้นมา
“ไอ้เด็กโง่นี้มันมาจากไหนกันเนี่ย?”
“นี่แกคิดว่าตัวเองเป็นจู่ล่ง*เหรอ? ถึงแม้ว่าแกจะเป็นจู่ล่งกลับชาติมาเกิดก็เหอะ พวกเราก็ไม่ใช่ไอ้โง่ให้มาฆ่าง่าย ๆ หรอกนะ เล่นบ้าอะไรของแก!” (จูล่ง ได้รับฉายาว่าเป็น “สุภาพบุรุษจากเสียงสาน” เป็นยอดขุนพลในยุคสามก๊ก หนึ่งในห้าขุนพลพยัคฆ์ของ จ๊กก๊ก)
“แหม ไอ้เพื่อนยาก นี่แกรู้จักบทกวีจีนด้วยเหรอวะ?”
“พอดีเลย ทุกคนกำลังเบื่ออยู่พอดี ไอ้หนูนี่มาถึงที่นี่งั้นจับมาเป็นเป้าซ้อมมีดแทงมันจนกว่าจะตาย เพื่อความสนุกสนานของทุกคน ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า….”
กลุ่มคนพูดหยอกล้ออย่างสนุกสนาน พวกเขาไม่สนใจฉู่ชวิ๋นเลยแม้แต่น้อย
“มา ฉันเอง…ทุกคนรอดูเรื่องสนุก ๆ ได้เลย” ชายกำยำหัวล้านคนหนึ่งยิ้ม แล้วเดินไปทางฉู่ชวิ๋น เมื่อเดินถึงมาถึงหน้าฉู่ชวิ๋น เขาก็ยื่นมือออกไปจะคว้าคอของฉู่ชวิ๋นเอาไว้
ทันใดนั้น ฉู่ชวิ๋นก็ยกมือขึ้นตวัดด้วยสายตาเย็นชา ปรากฏเป็นแสงสีขาวสว่างวาบ ชายกำยำหัวล้านตกใจจนรูม่านตาขยายกว้าง มือที่ง้างออกมาไร้เรี่ยวแรงก่อนจะห้อยตกลงมา
“เฮ้ย หัวล้าน เป็นอะไรไป? ไม่ใช่ว่ามองเด็กคนนี้ผิวเนียนน่าสัมผัสแล้วเกิดอารมณ์แปลกๆ ขึ้นหรอกนะ วางใจได้ พวกพี่น้องทั้งหลายรู้เรื่องความชื่นชอบของนายดี พวกเราไม่แย่งแกหรอก….” ชายกำยำอีกคนพูดก่อนเดินเข้ามา
แต่เขายังไม่ทันได้พูดจบ ก็ได้ยินเสียง “พรึบ” ชายกำยำหัวล้านหัวหลุดจากบ่าหล่นลงไปอยู่ที่เท้าของเขา สายตาทุกคนตกใจและหวาดกลัวก่อนจ้องมองไปที่ฉู่ชวิ๋น
“อ๊ากก……” คนที่เดินเข้ามาตกใจกลัวจนต้องคลานกลับไปหาพวก
“ตุ้บ!”
ร่างของชายหัวล้านล้มลงกับพื้น คอเหมือนกับโดนมีดตัดขาดเลือดพุ่งกระจายออกมา ทุกคนในนั้นตกใจจนเงียบกริบ
“พวกแก คนของแมงป่องพิษอยู่ที่นี่กันหมดแล้วใช่ไหม?” ฉู่ชวิ๋นกระตุก มุมปากแล้วถามขึ้นมา
คนในองค์กรแมงป่องพิษทุกคนยากที่จะหลุดจากภวังค์เรื่องการตายของชายหัวล้านเมื่อครู่ พวกเขาทำได้เพียงจ้องมองฉู่ชวิ๋นด้วยความตกใจกลัว
“เพล้ง!” ทันใดนั้นประตูหน้าต่างของห้องห้องหนึ่งก็มีเลือดสาดกระเด็นออกมา
ต่อจากนั้นประตูห้องก็เปิดออก มีร่างกายเหมือนคนป่วยในตาขุ่นมัว ถือกางเกงเดินออกมา
หลังจากที่ออกมาแล้ว เขาก็ใส่กางเกง ดวงตาอันขุ่นมัวเหลือบมองไปทางฉู่ชวิ๋นแวบหนึ่ง จิตวิญญาณของฉู่ชวิ๋นแผ่ขยาย หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็ถอนหายใจออกมาอย่างช้าๆ เพราะในนั้นมีหญิงสาวพึ่งถูกกระทำชำเราก่อนจะโดนฆ่าตายด้วยน้ำมือของชายตรงหน้า
“พ่อหนุ่มฝีมือไม่เลวนี่ ไม่รู้ว่านายหาที่นี่เจอได้ยังไง?” คนที่เหมือนคนป่วยถามขึ้นอย่างลอย ๆ
“คนของพวกแกบอกฉันมา” ฉู่ชวิ๋นพูดยิ้มเยาะ คาดไม่ถึงว่าชายเหมือนคนป่วยคนนี้จะส่ายหน้าและพูดอย่างมั่นใจว่า
“เป็นไปไม่ได้สมาชิกของกลุ่มเรา ทุกคนล้วนเป็นลูกผู้ชายสุดแกร่ง ต่อให้ตายก็ไม่มีทางขายพี่น้องตัวเอง”
คนขององค์กรแมงป่องพิษ เมื่อได้ยินคำพูดของชายป่วยก็ฮึกเหิมขึ้นมา ก่อนจะยืดหน้าอกขึ้น ความหวาดกลัวก่อนหน้านี้ได้หายไปจนหมดสิ้น
ฉู่ชวิ๋นหรี่ตาลง เขาดูถูกชายป่วยคนนี้ไปหน่อย คาดไม่ถึงว่าเขาจะมีความสามารถดึงแรงฮึกเหิมของลูกน้องขึ้นมาได้
“เชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่แก แต่ฉันบอกแกได้อย่างหนึ่ง พวกมันตายอย่างน่าอนาถเชียวละ!” คำพูดของฉู่ชวิ๋น ทำให้สมาชิกแมงป่องพิษแสดงท่าทีตกใจจนแรงฮึกเหิมเมื่อครู่หายไปในทันที
“ฮ่าๆ…พ่อหนุ่มจะเล่นสงครามทางจิตงั้นเหรอ ยังขาดประสบการณ์อยู่นะ ฉันช่วยพี่น้องของฉันแบบสละเลือดเนื้อ ก่อนหน้านี้ผ่านความตายด้วยกันมามาก นายหลอกให้พวกเขาตกใจไม่ได้หรอก ฉันไม่รู้ว่านายรู้จักที่นี่ได้ยังไง แต่ฉันชื่นชมในฝีมือของนาย ฉันให้นายเลือก หนึ่งคือเข้าเป็นพวกกับพวกเรา สองก็คือให้ฉันฆ่านายทิ้งซะ”
ฉู่ชวิ๋นยิ้มเยาะ บังอาจคิดจะให้เขาไปเป็นลูกน้องเลยงั้นเหรอ
“ฉันอยากรู้ ถ้าฉันเข้าร่วมกลุ่มของพวกแก ตำแหน่งผู้ช่วยที่แกเป็นอยู่ ถอยให้ฉันเป็นได้ไหมล่ะ?”
ดวงตาของคนป่วยเปลี่ยนไป “แกรู้อะไรมากัน?”
ฉู่ชวิ๋นแสยะยิ้ม “ฉันรู้มากกว่าที่พวกแกคิดเยอะ เช่นรหัสประจำตัวแกคือ ผีป่วย ทั้งหมดนี่เป็นสิ่งที่ลูกน้องแกบอกฉันมา”
สีหน้าผีป่วยเปลี่ยนไปเขาครุ่นคิดและถามขึ้นมา “ฉันดูถูกแกเกินไปจริงๆแกเป็นคนของตำรวจ?” ฉู่ชวิ๋นส่ายหน้า
“ไม่ใช่ฝั่งของตำรวจ ถ้างั้นแกเป็นคนของหนามแดง?” หนามแดงก็เป็นกลุ่มลึกลับกลุ่มหนึ่ง ผีป่วยเลยถามขึ้นมา
“ไม่ต้องทายแล้ว ฉันไม่พรรคมีพวกอะไรทั้งนั้น ฉันอยากรู้เงื่อนไขที่ฉันขอไป แกให้ฉันได้ไหม” ฉู่ชวิ๋นถาม ผีป่วยสายตาครุ่นคิด ก่อนยิ้มอย่างฉับพลัน
“อยากได้ตำแหน่งฉันไม่มีปัญหา แต่กลุ่มของพวกเรานับถือความแข็งแกร่ง ถ้าแกเอาชนะฉันได้ตำแหน่งของฉันก็เอาไปเลย”
“งั้นก็เข้ามาสิ!” ฉู่ชวิ๋นกวักมือ
ผีป่วยตกใจและถามขึ้นมาอย่างประหลาดใจ “แกอยากจะสู้กับฉันจริงๆ เหรอ?”
ฉู่ชวิ๋นยิ้มขำขันแล้วพูดขึ้นมา “ฉันอยากได้ตำแหน่งแก แน่นอนว่าต้องล้มแกก่อน”
ผีป่วย แววตาปรากฏเจตนาฆ่าออกมาหลังจากนั้นก็พูดอย่างผ่อนคลายว่า
“ในเมื่อแกเป็นคนท้าสู้ ฉันก็ควรให้โอกาสกับเด็กรุ่นใหม่อย่างแก แต่ทุกบ้านก็ต้องมีกฎเกณฑ์ แกเข้ามาใหม่นับเป็นระดับหนึ่งปะทะระดับหนึ่งด้วยกันก่อนไหม? ลองฝีมือกับลูกน้องฉันก่อนเป็นไง”
ผีป่วยไม่เพียงแต่โหดร้ายแต่เขายังฉลาด ในกลุ่มเขาอยู่ระดับหก ไม่มีอะไรให้กลัว เขาลองตรวจสอบไอ้หนุ่มตรงหน้าแล้ว เขาสัมผัสไม่ได้ถึงความแข็งแกร่งของฉู่ชวิ๋นเลยแม้แต่น้อย แบบนี้มีความเป็นไปได้ 2 อย่างเท่านั้น
หนึ่ง คือ ฉู่ชวิ๋นมีฝีมือแต่ไม่เท่าไร เขาเลยไม่รู้สึกอะไร
สอง คือ ฝีมือของฉู่ชวิ๋นสูงกว่าเขามากจนเขาสัมผัสพลังของอีกฝ่ายไม่ได้
แต่ว่า มันจะเป็นไปได้ยังไง ความแข็งแกร่งต้องใช้เวลาและผ่านความยากลำบากถึงจะได้มา ฉู่ชวิ๋นยังหนุ่มยังแน่น จะแข็งแกร่งกว่าผีป่วยได้ยังไง!
แต่ไม่รู้ทำไม ภายในใจของเขารู้สึกไม่เป็นสุข โดยเฉพาะฉู่ชวิ๋นที่มาถึงที่นี่ดูท่าทางสบาย ๆ ทำให้เขาเกิดความลังเลภายในใจ
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะออกมาก่อนพูดท้าทาย “ผีป่วย แกยืดเวลามานานมากแล้ว คงไม่ได้กลัวฉันหรอกใช่ไหม?”
ฉู่ชวิ๋นพูดประโยคนี้ทำให้สมาชิกของแมงป่องพิษมองไปที่ผีป่วยโดยไม่ได้นัดหมาย ผีป่วย จ้องมองฉู่ชวิ๋นอย่างโกรธแค้น
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันจะลดตัวสู้กับแกเอง แกคงไม่โทษว่าผู้ใหญ่รังแกเด็กหรอกนะ”
“ลดตัวลงมา?” ฉู่ชวิ๋นไม่รู้จะขำยังไงดี
“แกมันถือดีเกินไป ไอ้หนุ่มคิดว่าแกเก่งมาจากไหนกัน!!”
“ปัง!”
ผีป่วยไม่พูดอะไรมาก ร่างกายปลดปล่อยความน่ากลัวออกมาอากาศเริ่มบิดตัวลง สมาชิกรอบข้างถอยหลบออกมา เพราะกลัวว่าจะโดนลูกหลง ดวงตาอันขุ่นมัวของชายป่วยเปลี่ยนไป เขามองไปที่ฉู่ชวิ๋นอย่างรวดเร็ว สัญชาตญาณนักฆ่าเริ่มปรากฏ
“ไอ้หนู แกรนหาที่ตายเองนะ โทษฉันไม่ได้…”
คำพูดผีป่วยจุกอยู่ที่ลำคอ ใบหน้าบิดเบี้ยว เป็นตอนนี้ฉู่ชวิ๋นกำลังยืนอยู่ตรงหน้าของเขา และมองชายป่วยด้วยสายตาเยาะเย้ย
“ทำไมถึงเร็วขนาดนี้?” ผีป่วยรู้สึกหวาดกลัว
“แกพูดไร้สาระมากไปแล้ว” ฉู่ชวิ๋นพูดขึ้นหลังจากนั้นก็ยกมือขึ้นสูง ก่อนจะตบไปทางผีป่วยเบาๆ
“ตายซะเถอะแก !”
ผีป่วยตะโกนร้องด้วยความผวา มือทั้งคู่ตบออกไปอย่างเร็วและรุนแรง
“โผะ เพี๊ยะ..”
ฉู่ชวิ๋นใช้มือเดียวสู้กับสองมือของผีป่วย เสื้อผ้าของผีป่วยขาดรุ่งริ่ง ไม่นานก็ได้ยินเสียงกระดูกแตกร้าวดังขึ้น แขนของผีป่วยบิดจนเกือบจะเป็นเกลียว
“ไปลงนรกแล้วก็สารภาพความเลวทรามของแก กับยมบาลด้วยละ”
ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นก่อนซัดฝ่ามือออกมาเต็มแรง
“ตู้ม!”
มือทั้งสองของผีป่วยระเบิด ทรวงอกราวกับถูกรถไฟชน กระดูกทั่วร่างแตกสลายทรวงอกแทบจะแนบติดกับแผ่นหลัง ผีป่วยกระเด็นปลิวไปไกล เสื้อผ้าขาดหลุดลุ่ย
เมื่อมองผ่านรูขนาดใหญ่ที่ผีป่วยพุ่งชนทะลุกำแพงไปนั้น จะมองเห็นซากศพของหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง เธอโดนฆ่าข่มขืนด้วยฝีมือของผีป่วย ผีป่วยในตอนนี้กำลังคุกเข่าอยู่ข้างเตียง ไร้ซึ่งแขนทั้งสองข้าง
เขากำลังเอาหัวโขกลงบนพื้น ราวกับเขากำลังขอขมาต่อซากศพหญิงสาว ที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือ ศพหญิงสาวที่พึ่งตาย หางตามีน้ำตาไหลออกมา ดวงตาที่เบิกกว้างจนน่ากลัว บัดนี้ได้ปิดลงอย่างช้า ๆ
ฉู่ชวิ๋นได้แต่ถอนหายใจ เขามาช้าเกินไป