จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 421 จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน
บทที่ 421 จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน
หยานกุยล๋ายกำลังยืนรอคอยใครบางคน
บริวารคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น สีหน้าดูลำบากใจเป็นอย่างยิ่ง
“จอมมารฉู่ชวิ๋นเป็นยังไงบ้าง?”
หยานกุยล๋ายถามบริวารคนนั้นด้วยแววตาเคร่งเครียด
หลังจากได้รับคำตอบชัดเจนแล้ว ชายชราก็เดินตรงเข้าไปในห้องโถงใหญ่
“นายท่านหยาน กลับมาแล้วเหรอครับ?”
ฉู่ชวิ๋นทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“เจ้าตัวร้ายกาจ” ดวงตาของหยานกุยล๋ายเหมือนมีเปลวไฟลุกโชติช่วงด้วยความโกรธแค้น
ฉู่ชวิ๋นมีสีหน้าประหลาดใจ วางถ้วยน้ำชาในมือลง แล้วกล่าวว่า “นายท่านหยาน ผมมานั่งดื่มชาในบ้านคุณแค่นี้ ถึงกับต้องโมโหขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ไม่ต้องมาแกล้งโง่”
หยานกุยล๋ายมีอากัปกิริยาร้อนรน ด้วยว่าพวกเขาค้นหาทั่วบ้านตระกูลจังทุกซอกทุกมุม ในที่สุดก็พบตัวจังเฟิงหลิงและบังคับให้คุณชายจังนำทางไปสู่ห้องเก็บสมบัติ
แต่ประตูห้องเก็บสมบัติกลับเปิดทิ้งเอาไว้ ด้านในมีแต่เพียงความว่างเปล่า แม้แต่ผมสักเส้นก็ไม่มีร่วงหล่นอยู่บนพื้น ซึ่งชัดเจนแล้วว่าก่อนหน้านี้มีคนเข้ามากวาดของในห้องเก็บสมบัติไปหมดแล้ว
“ผมแกล้งโง่อะไรครับ?” ฉู่ชวิ๋นถามด้วยความไม่เข้าใจ “คุณลุงหยาน ผมไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย ช่วยพูดกับผมให้มันสุภาพกว่านี้หน่อยสิ อย่าคิดว่าคุณอยู่ในบ้านตระกูลหยาน แล้วผมจะไม่กล้าทำอะไรนะ”
หยานกุยล๋ายได้ยินดังนั้นก็โกรธจนควันออกหู “งั้นฉันจะขอถามตรงๆ ก็ได้ แกเป็นคนเอาของในห้องเก็บสมบัติตระกูลจังไปใช่ไหม?”
ฉู่ชวิ๋นตอบว่า “พูดอะไรอยู่ครับเนี่ย? ผมไม่เห็นเข้าใจเลย”
“อย่ามาตีหน้าซื่อ ฉันรู้จักแกดี ถ้าแกหมายตาอะไรเอาไว้ ของพวกนั้นยังไงก็หนีนายไม่รอด ไม่มีทางที่แกจะปล่อยให้สมบัติของตระกูลจัง ที่เก็บสะสมมาหลายพันปีหลุดมือไปแน่นอน”
“คุณลุงหยาน อย่ามากล่าวหาผู้คนแบบนี้สิครับ สมบัติของตระกูลจังอะไรกัน ผมไม่เห็นรู้เรื่อง” ฉู่ชวิ๋นตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเช่นกัน แล้วทันใดนั้น เขาก็หันไปมองหน้าหยานกุยล๋ายเหมือนกับนึกอะไรขึ้นมาได้
“อยากรู้เหมือนกันว่าคุณจะพูดยังไง จิงหงกับหลงอี้ถูกส่งตัวกลับมาที่บ้านตระกูลหยาน ตัวผมเองก็รีบถูกส่งมาที่บ้านตระกูลหยาน เพราะว่าคุณหมายตาห้องเก็บสมบัติบ้านตระกูลจังใช่ไหมล่ะ”
“ฉัน…”
“ทำไมครับ?” ฉู่ชวิ๋นทำหน้านิ่วคิ้วขมวด “คุณลุงหยาน แบบนี้มันไม่ไร้ยางอายเกินไปหน่อยหรือ เพียงแค่คุณมีจิตใจสกปรก ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นต้องมีจิตใจสกปรกแบบคุณด้วยสักหน่อย คุณหลอกส่งพวกเรากลับมาที่บ้านตระกูลหยาน เพื่อที่จะได้ครอบครองห้องเก็บสมบัติของตระกูลจังเพียงคนเดียว แต่คุณกลับคว้าน้ำเหลว แล้วยังมีหน้ามาโทษว่าเป็นความผิดของคนอื่นได้ยังไง?”
เฮือก!
พ่อลูกตระกูลหยาน เช่นเดียวกับบรรดาผู้อาวุโส มีสีหน้าเย็นชามากขึ้นกว่าเดิม
“ไม่ต้องมาทำพูดดีหรอก ฉันสงสัยว่าแกนี่แหละพบเจอห้องเก็บสมบัติของตระกูลจังก่อนพวกเรา ฉันควรจะรู้ตั้งแต่ที่เห็นหน้าแกแล้ว ว่าคงไม่มีอะไรเหลืออยู่ในห้องเก็บสมบัติของตระกูลจังอีกต่อไป จริงไหม?”
“หยานกุยล๋าย หยานกุยล๋าย แล้วก็พวกคุณทุกคน” ฉู่ชวิ๋นชี้หน้าคนของตระกูลหยานเรียงตัว พูดด้วยความเดือดดาล “ผมอุตส่าห์ฆ่าศัตรูแทบเป็นแทบตาย สุดท้ายกลับโดนกล่าวหาว่าใช้เวลาไปกับการค้นหาห้องเก็บสมบัติ ไม่คิดเลยว่าพวกคุณจะหน้าไม่อายขนาดนี้ ผมเจ็บปวดเลยนะเนี่ย”
“ผมฉู่ชวิ๋นเป็นคนใสซื่อ รักความยุติธรรม ปฏิบัติต่อมิตรสหายด้วยความจริงใจ แต่พวกคุณทำกับผมแบบนี้ ยังมีจิตสำนึกอยู่บ้างหรือไม่? หรือว่าไม่เหลือความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอยู่อีกแล้ว?”
“หยานหวูซวง ฉันกับนายเป็นเพื่อนกันมาหลายปี ฉันทำกับนายเหมือน น้องชายในสายเลือดแท้ๆ ฉันคอยปกป้องคนรักของนาย ฉันปกป้องตระกูลหยานของนาย คิดไม่ถึงเลยว่านายจะทำกับฉันแบบนี้ได้ลงคอ”
หยานหวูซวงคิดจะพูดอะไรบางอย่าง เนื่องจากรู้สึกว่าคำพูดของฉู่ชวิ๋นฟังดูแปลกหูไม่น้อย น้องในสายเลือดมันแปลว่าอะไรกัน?
ฉู่ชวิ๋นไม่เปิดโอกาสให้คุณชายหนุ่มได้ตอบโต้ ก็รีบพูดต่อทันทีว่า “ฉันอุตส่าห์ช่วยเหลือบ้านนายด้วยความจริงใจ แต่สิ่งที่ฉันได้รับตอบแทนกลับมา มีเพียงแค่การทรยศและความสงสัย แบบนี้นายจะให้ฉันทนได้ยังไง?”
“หยานกุยล๋าย ไม่มีผมสักคน ตระกูลหยานคงถูกตระกูลจังกับพวกสำนักวัชระทำลายล้างไปแล้ว แต่คุณกลับมาสงสัยว่าผมขโมยสมบัติในบ้านตระกูลจังไป คุณยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า?”
“แล้วนายนะ หยานหวูซวง ไม่มีฉัน หอกระจกนิรันดร์ก็ล่มสลายไปแล้ว เหยาไป๋เยวี่ยไม่พ้นคงต้องแต่งงานกับจังเฟิงหลิง ส่วนนายก็คงมุดหัวอยู่ในไหสุราตลอดไป แต่นายกล้าทำกับฉันแบบนี้ ไม่กลัวถูกคนในยุทธภพหัวเราะเยาะบ้างหรือไง?”
ฉู่ชวิ๋นพูดจาด้วยถ้อยคำเหน็บแนมเสียดแทงหัวใจ บรรดาคนตระกูลหยานต่างก็รู้สึกละอายใจจนต้องก้มหน้าก้มตา อยากจะมุดดินหนีไปให้รู้แล้วรู้รอด
ฉู่ชวิ๋นพูดได้ถูกต้อง ที่ผ่านมาเขาคอยช่วยเหลือตระกูลหยานทุกอย่าง แต่พวกเขากลับกล่าวหาฉู่ชวิ๋นว่าเป็นคนร้ายไปเสียได้
“ในเมื่อตระกูลของพวกนายสูงส่งเสียเหลือเกิน ฉู่ชวิ๋นผู้มีจิตใจสกปรกคนนี้คงอยู่ด้วยไม่ได้อีก ลาก่อนก็แล้วกัน!” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยความเจ็บใจ “พวกเราไปกันเถอะ”
“พี่ฉู่” หยานหวูซวงพูดออกมาด้วยความร้อนใจ
“นายไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ฉันเข้าใจดี” ฉู่ชวิ๋นมีน้ำเสียงเศร้าสร้อยเป็นอย่างยิ่ง
“เดี๋ยวก่อนสิ นายท่านฉู่ชวิ๋น พวกเราไม่ได้หมายความแบบนั้น” ผู้อาวุโสประจำตระกูลหยานรีบพูดออกมาอย่างร้อนรน
“ไม่ได้หมายความแบบนั้น แล้วหมายความแบบไหน?” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเยาะ “ผมอุตส่าห์ไล่ตามบรรพบุรุษตระกูลจังไปหลายร้อยกิโล กว่าจะกลับมาได้ก็เหนื่อยแทบตาย แต่พอหัวหน้าตระกูลคุณกลับมา ก็มากล่าวหาผมแบบนี้ พวกคุณคิดว่าฉู่ชวิ๋นคนนี้เป็นตัวอะไรกัน?”
หลังจากนั้น ฉู่ชวิ๋นกับจิงหงพร้อมด้วยหลงอี้กับหลงเอ้อร์ ก็เดินออกไปจากบ้านตระกูลหยาน ท่ามกลางการเฝ้ามองด้วยความเศร้าของทุกคน
หยานกุยล๋ายยืนนิ่งอยู่กับที่ด้วยความละอายใจ รู้สึกได้ทันทีว่าคราวนี้ตนเองทำเกินไปแล้ว
“ท่านพ่อ เดี๋ยวผมจะไปขอโทษพี่เขาเอง” หยานหวูซวงทราบว่าในสถานการณ์เช่นนี้ คงมีแต่เขาผู้เดียวที่แก้ไขได้
ถ้าเขาไม่เห็นดีเห็นงามกับความคิดของบิดาตั้งแต่แรก เหตุการณ์เช่นนี้ก็คงไม่เกิด
“นายท่านครับ ผมว่านายน้อยพูดถูกนะครับ เหตุการณ์นี้ถ้าเราไม่แก้ไขอะไรเลย ตระกูลหยานคงได้ถูกคนทั่วยุทธภพหัวเราะเยาะแน่นอน”
“นายท่านฉู่ชวิ๋นคอยช่วยเหลือเราตลอดเวลา ไม่มีเขาสักคน เราจะสู้ตระกูลจังกับพวกเผ่าพันธุ์มนุษย์คิงคองได้ยังไง”
“นายท่านฉู่ชวิ๋นมีความกล้าหาญเหนือมนุษย์ เราไม่ควรทำกับเขาแบบนี้เลย ไม่ว่าใครโดนกล่าวหาแบบนี้ ก็ต้องโกรธทั้งนั้น”
“ผมว่าพวกเราบรรดาผู้อาวุโสไปขอโทษเขากันให้หมดนี่แหละ แล้วก็เอาของขวัญติดไม้ติดมือไปสักหน่อย ฉู่ชวิ๋นเป็นคนใหญ่คนโตจิตใจกว้างขวาง แถมยังเคยมีน้ำมิตรไมตรีต่อกันมาก่อน เขาต้องให้อภัยพวกเราแน่”
เหล่าผู้อาวุโสประจำตระกูลหยานต่างก็เห็นด้วยกับความคิดนี้
หยานกุยล๋ายขมวดคิ้วนิ่งคิดในความเงียบ ความจริงรู้สึกไม่ชอบมาพากลบางอย่างอยู่ลึกๆ แต่เมื่อนึกถึงสีหน้าเศร้าหมองของฉู่ชวิ๋นขึ้นมา ชายชราก็รู้สึกว่าคราวนี้ตระกูลหยานทำเกินไปแล้วจริงๆ
“หยานเอ๋อร์ พรุ่งนี้เจ้าเข้าไปที่ห้องเก็บสมบัติ นำของบางส่วนออกมาเป็นของขวัญไปขอขมาฉู่ชวิ๋นซะ อย่าให้ชาวยุทธภพมาหัวเราะเยาะตระกูลของเราได้เด็ดขาด”
“ได้เลยครับท่านพ่อ!” หยานหวูซวงตอบรับด้วยความดีใจ
…
“นายท่านครับ ตอนนี้เราจะกลับฉิงเฉิงกันหรือเปล่า?” หลงอี้แอบมองหน้าฉู่ชวิ๋นและถามออกมาด้วยความระมัดระวัง
“ยังไม่ต้องกลับ หาโรงแรมพักกันก่อนดีกว่า”
“นายท่านไม่ต้องเสียใจไป ตระกูลหยานทำเกินไปแล้ว ขอเพียงนายท่านสั่งออกมา หลงเอ้อร์กับข้าจะไปทำลายล้างพวกมันเอง”
หลงเอ้อร์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“ทำไมต้องทำแบบนั้นด้วย?” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะในลำคอ “ฉันกับหยานหวูซวงเป็นเพื่อนรักกัน ฉันจะทำแบบนั้นได้ไง?”
“แต่พวกเขากล่าวหานายท่านนะครับ” หลงอี้พูดด้วยความโกรธแค้น
จิงหงกล่าวออกมาด้วยความตลกขบขัน “อย่าพูดเรื่องนี้อีกต่อไปเลย ยิ่งพูดเรื่องนี้ต่อไป นายท่านของพวกเจ้าคงต้องอายแทรกแผ่นดินหนีแล้ว”
หลงอี้กับหลงเอ้อร์มีสีหน้าไม่เข้าใจ
ฉู่ชวิ๋นหันไปมองค้อนจิงหง “นี่เธอเปลี่ยนข้างตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“เปล่าสักหน่อย ข้าก็แค่หัวเราะเพราะว่ามันตลกแค่นั้นเอง” จิงหงยกมือปิดปากหัวเราะคิกคัก
ฉู่ชวิ๋นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นเช่นกัน เมื่อหันไปมองสองนักรบมังกรเงิน ก็พบว่าพวกมันยังคงมีสีหน้างงงันอยู่เช่นเดิม
แม่นางจิงหงร่ายมนต์สะกดอะไรกัน? เวลาที่นางหัวเราะ ทำไมนายท่านต้องหัวเราะด้วย? พวกมันได้แต่แอบคิดด้วยความสงสัย
“เจ้าเป็นคนเอาสมบัติตระกูลจังมาใช่ไหม?” จิงหงถามพร้อมกับยิ้มกว้าง
ฉู่ชวิ๋นพยักหน้าตอบรับอย่างยิ้มแย้ม “คนรักของฉู่ชวิ๋นต้องฉลาดแบบนี้สิ”
เมื่อได้ยินผู้เป็นนายท่านสารภาพออกมาเอง หลงอี้กับหลงเอ้อร์ก็ยืนนิ่งด้วยความตกตะลึง
“คิดว่าการเลี้ยงพวกนายมันง่ายนักหรือไง? ตระกูลฉู่มีบริวารอยู่หลายพันคน ถ้าไม่ทำแบบนี้ฉันจะเอาของวิเศษมาจากไหน? อันนี้แค่ของพวกนายอย่างเดียวนะ ฉันยังไม่ได้ของฉันเลย” ฉู่ชวิ๋นถือโอกาสสอนสั่งนักรบมังกรเงินทั้งสองคน
หลงอี้กับหลงเอ้อร์พยักหน้าบอกว่าพวกมันเข้าใจ เมื่อลองคิดดูให้ดีแล้ว พวกมันก็ทราบว่าเกิดเป็นฉู่ชวิ๋นนั้นไม่ง่ายเลย ต้องหาทรัพยากรสำหรับฝึกวิชามาให้คนจำนวนมาก นับเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวเป็นอย่างยิ่ง
“นายท่าน นี่คือแหวนเก็บสมบัติของจางหยวนสือครับ” หลงอี้พูด
“ฮะ?” ฉู่ชวิ๋นมีสีหน้าแปลกใจ รับแหวนเก็บสมบัติมาเก็บเอาไว้ แล้วตบไหล่หลงอี้ “ทำได้ดีมาก”
จิงหงเห็นหลงอี้กับหลงเอ้อร์ตกตะลึงในตัวตนที่แท้จริงของฉู่ชวิ๋น ก็อดนึกขำไม่ได้
ในบรรดาผู้ที่ปล้น ฆ่า ชิงทรัพย์ผู้อื่นมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันแล้วได้ดิบได้ดี ก็คงมีแต่เพียงฉู่ชวิ๋นคนเดียวเท่านั้น
“ในเมื่อเจ้าก็ได้สมบัติของตระกูลจังมาแล้ว ทำไมถึงต้องแสดงละครใหญ่โตขนาดนี้ด้วย?” จิงหงถามออกมาด้วยความสงสัย
“นี่เรียกว่าหนามยอกเอาหนามบ่ง เดิมทีพวกเขาระแวงสงสัยในตัวฉันอยู่แล้ว ไม่งั้นหยานกุยล๋ายคงไม่ให้บรรพบุรุษประจำตระกูล คอยเฝ้าระวังห้องเก็บสมบัติเอาไว้แบบนั้นหรอก”
“เจ้าอาจจะทำให้พวกเขาเสียหน้าได้ก็จริง แต่มันจะมีประโยชน์อื่นใดอีกเล่า?”
ฉู่ชวิ๋นหันกลับมามองหน้าจิงหงด้วยแววตาจริงจัง “เมื่อกี้เธอยังเข้าใจทุกอย่างดีอยู่เลย มันก็เหตุผลเดียวกันนั่นแหละ”
หลังจากนั้นริมฝีปากของฉู่ชวิ๋นก็ยกตัวเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ จิงหงเห็นดังนั้นก็อดยิ้มตามไม่ได้
“ถ้าเป็นแบบนี้ ทำไมเราถึงไม่รีบหนี เกิดพวกเขารู้ความจริง หยานกุยล๋ายอาจจะกลับมาเอาเรื่องเจ้าก็ได้?”
“ไม่ต้องหนีหรอก ตอนนี้พวกเขามีแต่ความละอายใจเท่านั้น อย่างที่ผู้อาวุโสพวกนั้นพูดออกมานั่นแหละ” ฉู่ชวิ๋นพูดออกมาด้วยน้ำเสียงกระหยิ่มยิ้มย่อง “ตระกูลใหญ่แบบนี้ทนเสียหน้าไม่ได้เด็ดขาด รับรองได้เลยว่าอีกไม่นาน ต้องหอบของขวัญมาขอโทษขอโพยฉันแน่นอน”
“พวกเขาจะทำถึงขั้นนั้นจริงสิ?”
“ทำไมล่ะ?” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเล็กน้อย “พวกเขาคิดฮุบสมบัติของตระกูลจังไว้คนเดียวตั้งแต่แรก กะจะไม่ให้ฉันได้ค่าเสียเวลาเลยแม้แต่น้อย นี่แหละคือราคาที่สมเหตุสมผลแล้ว หรือพวกเขาคิดว่าฉู่ชวิ๋นเป็นคนที่ใครก็มารังแกได้ง่ายๆ? นอกจากนั้น ฉันเป็นคนช่วยเหลือตระกูลหยานกับหอกระจกนิรันดร์เอาไว้ ถึงยังไงพวกเขาก็ต้องมาแสดงน้ำใจตอบแทนบ้าง”
“นายท่านทำถูกต้องแล้วครับ”
หลงอี้กับหลงเอ้อร์พูดตามกัน พยายามสนับสนุนฉู่ชวิ๋นเต็มที่
ไม่นานต่อมา พวกเขาก็เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง
ที่ต้องทำหลังจากนี้ ก็แค่เพียงรอคอยของขวัญขอขมาจากตระกูลหยาน
แน่นอนว่าใช้เวลาไม่นาน หยานหวูซวงกับบรรดาผู้อาวุโสประจำตระกูลก็ปรากฏตัวขึ้น
นี่คือเมืองหยานเซวี่ย การที่ตระกูลหยานจะค้นหาตัวผู้ใด ถือเป็นเรื่องง่ายดายอย่างยิ่ง
“พี่ฉู่” หยานหวูซวงเดินนำทุกคนเข้าสู่ห้องพัก
ฉู่ชวิ๋นนั่งเอกเขนกอยู่บนโซฟา จ้องมองหยานหวูซวงด้วยแววตาเฉยชา พูดว่า “นายมาทำอะไรอีก? ฉันคิดว่าพูดไว้ชัดเจนแล้วนะ นับจากนี้ไป ฉันกับตระกูลหยานไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก”
หยานหวูซวงและบรรดาผู้อาวุโสมีสีหน้าสลดลงทันที
ผู้อาวุโสประจำตระกูลหยานคนหนึ่งขยับออกมาข้างหน้า หัวเราะแก้เก้อ หยิบขวดหยกหลายขวดออกมาวางบนโต๊ะกาแฟเบื้องหน้าฉู่ชวิ๋น
“นายท่านฉู่ชวิ๋น คุณเป็นเพื่อนที่ดีกับนายน้อยของพวกเราเสมอ อย่าให้ความสัมพันธ์อันดีงามของพวกคุณ ต้องมาแตกร้าวเพราะเรื่องเข้าใจผิดเล็กน้อยครั้งนี้เลย”
“ผมก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้หรอก แต่คราวนี้พวกคุณทำเกินไปแล้ว ผมรู้สึกเสียใจจริงๆ”
“ท่านหัวหน้าตระกูลของพวกเรารู้ตัวแล้วว่ากล่าวหาคุณโดยไม่มีเหตุผล ถือว่านี่เป็นการขอโทษจากพวกเราก็แล้วกันครับ นายท่านฉู่ชวิ๋น ถึงอย่างไรคุณก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว คงไม่คิดเล็กคิดน้อยหรอกกระมัง”
ฉู่ชวิ๋นชำเลืองมองบรรดาขวดหยกที่ตั้งเรียงรายอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาไร้อารมณ์ ริมฝีปากยกตัวเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน
หลงอี้ขยับออกมาข้างหน้าและพูดว่า “นายท่านบอกว่าไม่อยากเกี่ยวข้องกับตระกูลหยานอีกแล้ว เชิญกลับไปได้!”
หลงเอ้อร์ก็ขยับออกมาข้างหน้าเช่นกัน มันหยิบขวดหยกที่ตั้งอยู่บนโต๊ะกาแฟด้วยสีหน้าขยะแขยง แล้วเดินตรงไปที่หน้าต่าง หันหลังให้กับผู้คน ก่อนจะโยนขวดหยกเหล่านั้นออกไปนอกหน้าต่างหน้าตาเฉย
“ของไร้ค่าพวกนี้ ไม่คู่ควรกับนายท่านของฉัน”
สีหน้าที่เคร่งเครียดของผู้อาวุโสเปลี่ยนแปลงไปทันที สิ่งที่อยู่ในขวดหยกเหล่านี้เป็นของไร้ค่าเสียเมื่อไหร่กันเล่า พวกเขาอุตส่าห์คัดเลือกของแต่ละอย่างจากห้องเก็บสมบัติมาเป็นอย่างดี
หยานหวูซวงกับบรรดาผู้อาวุโสวิ่งชนไปหลงอี้กระเด็นในขณะที่พรวดพราดออกไปจากห้องด้วยความรีบร้อนเพื่อรีบไปเก็บขวดหยกคืนมา
ความจริง พวกเขาไม่ได้มีเจตนาวิ่งชนหลงอี้ หยานหวูซวงและบรรดาผู้อาวุโสของเขาเพียงแค่อยากวิ่งลงบันไดไปให้เร็วที่สุดเท่านั้นเอง