จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 44 เรื่องของถางโร้ว[รีไรท์]
บทที่ 44 เรื่องของถางโร้ว[รีไรท์]
“น้องเฉิน รีบลุกขึ้นมาเถอะ พวกเราคิดหาวิธีขอร้องให้นายท่านให้อภัยพวกเราด้วยกันเถอะ!” เจิ้งก่วงอี้ยิ้มเจื่อน ก่อนจะเดินไปพยุงเฉินฮั่นหลงให้ลุกขึ้น
เดิมทีเขายังหวังให้เฉินฮั่นหลง ช่วยพูดแก้หน้าให้เขา เมื่ออยู่ต่อหน้านายท่าน คิดไม่ถึงว่า เพียงชั่วพริบตาเดียว พวกเขาทั้งสองคน จะกลายเป็นคนหัวอกเดียวกันไปซะแล้ว
เฉินฮั่นหลง สีหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและกลัดกลุ้มใจ พยายามคิดไตร่ตรองว่า จะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร เพราะเรื่องนี้ หากว่าจัดการไม่ดีจะทำให้ฉู่ชวิ๋นหมดความไว้วางใจในตัวเขาไปเลย
“ไป ไปหานายท่านและยอมรับความผิดด้วยกัน” เฉินฮั่นหลงพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
เจิ้งก่วงอี้พยักหน้า อย่างน้อยที่สุดตอนนี้ เขาไม่ต้องยอมรับความโกรธของนายท่านคนเดียวอีกต่อไป เมื่อมีเพื่อนไปด้วยกัน ทำให้ความกังวลของเขาลดลงมาเยอะมาก
เวลานี้ พวกเขาทั้งสองคน เหมือนนักรบที่กำลังจะไปตายในสนามรบ อุตส่าห์วางแผนเตรียมความพร้อมเพื่อไปเจอฉู่ชวิ๋น สุดท้ายพอหันหลังกลับไป พวกเขาก็ยืนตัวแข็งค้าง เพราะพวกเขาเห็นฉู่ชวิ๋นที่มีสีหน้าเย็นชา กำลังยืนอยู่ตรงหน้าประตู
ชายหนุ่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เหตุใดพวกเขาจึงไม่รู้ตัวเลย เฉินฮั่นหลงคิดในใจอย่างหวาดหวั่น ก่อนจะวิ่งไปด้านหน้าสองสามก้าว
“ตุ้บ” เสียงคุกเข่าลงบนพื้น ต่อหน้าฉู่ชวิ๋น เจิ้งก่วงอี้เองก็แข้งขาอ่อน พยายามวิ่งเข้าไปหาและคุกเข่าลงเช่นกัน
“นายท่าน ผมรู้ว่าผมผิด นายท่านลงโทษผมเถอะ” เฉินฮั่นหลงก้มหน้าลงอย่างสำนึกผิด
“นายท่าน ผมก็ผิดไปแล้วเหมือนกัน ขอให้นายท่านได้โปรดกรุณาด้วย” เจิ้งก่วงอี้ ใจเต้นขึ้นมาอย่างฉับพลัน ขณะเดียวกันสมองก็เหมือนจะระเบิดแตกอยู่ด้วย
ทั้งสองพูดด้วยน้ำเสียงหวาดกลัวพร้อมร่างกายที่สั่นเทา ฉู่ชวิ๋นรับฟังและพูดอย่างเรียบเฉยว่า “พวกนายทั้งสองลุกขึ้นมาเถอะ”
“อ่า…….”
ทั้งสองคนมองไปยังฉู่ชวิ๋นอย่างโง่ๆ และไม่ได้ตอบสนองอะไร
“เป็นอะไร? ยังต้องให้ฉันเชิญพวกนายลุกขึ้นอีกเหรอ?” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉยอีกครั้งและเมื่อสิ้นเสียงทั้งสองคนก็รีบกระโดดลุกขึ้นยืนทันที
“ความผิดที่พวกนายทำผิดพลาดในครั้งนี้ก็จำไว้ซะ ครั้งหน้าจะทำอะไรก็ใช้สมองหน่อย” ฉู่ชวิ๋นพูดอย่างเย็นชา
“ครับ จะทำตามที่นายท่านสั่งสอน” เฉินฮั่นหลงรีบตอบกลับ
“ขอบคุณครับนายท่าน เจิ้งก่วงอี้จะจำไว้” เจิ้งก่วงอี้ก็รีบตอบเหมือนกัน
ทั้งสองคนรู้สึกโล่งใจขึ้นมาและสบตากันล้วนเห็นความปีติยินดีในสายตาของฝ่ายตรงข้าม
“นายท่านไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะให้พี่น้องของกลุ่มเหยี่ยวมังกรทั้งหมดตามล่าคนของแมงป่องพิษ เจอตัวที่ไหนฆ่าที่นั่นไม่ให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว” เฉินฮั่นหลงพูดด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยม
“ไม่ต้องแล้ว!” ฉู่ชวิ๋นปริปากพูด “บนโลกใบนี้ไม่มีองค์กรแมงป่องพิษอีกแล้ว”
เฉินฮั่นหลงอ้าปากค้างทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ เจิ้งก่วงอี้ ทำได้เพียงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกเหมือนแผ่นหลังชาไปหมด แม้แต่ผู้อาวุโสเอง ก็มีร่างกายสั่นเทาอย่างรุนแรงไปครู่หนึ่ง
พวกเขารู้ว่าประโยคที่ฉู่ชวิ๋นพูดหมายความว่ายังไง? องค์กรแมงป่องพิษไม่มีทางล้างวงการไปง่าย ๆ แน่ งั้นก็มีเพียงทางเดียวเท่านั้น ก็คือองค์กรแมงป่องพิษถูกฆ่าตายหมดแล้วและคนที่ลงมือจะเป็นใครไปได้ คำตอบมันก็ชัดเจนมากอยู่แล้ว
โดยเฉพาะผู้อาวุโสที่รู้ลึกรู้ดีที่สุด ระยะเวลาตั้งแต่เจอกันจนถึงเมื่อกี้มันพึ่งผ่านไปแค่ 2 ชั่วโมง แมงป่องพิษมีชื่อเสียงโฉดชั่ว แต่กลับถูกฆ่าทิ้งทั้งกลุ่มอย่างง่ายดาย เรื่องราวอลังการขนาดนี้ใครจะสามารถทำได้อีกล่ะ?
“พวกนายสองคนกลับไปเถอะ” ฉู่ชวิ๋นให้เฉินฮั่นหลงและเจิ้งก่วงอี้กลับไปก่อน
หลังจากที่ทั้งสองคนเดินจากไป เดิมทีฉู่ชวิ๋นคิดจะให้ผู้อาวุโสพาเขาไปพบกับฮวาชิงหวู่ ภัตตาคารป่าไผ่สีม่วงนั้นมีข่าวสารมากมายและทรงอิทธิพลบางทีเขาอาจจะหาข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับพ่อแม่ของเขาได้ แต่เมื่อดูเวลาก็พบว่ามันดึกมากแล้ว จึงละทิ้งความคิดนี้และจะกลับไปคนเดียว
……
……
รุ่งอรุณวันต่อมา เฉินฮั่นหลงที่กำลังนอนฝันอยู่ก็ถูกเสียงเคาะประตูทำให้ตกใจตื่นขึ้นมา
เมื่อวานหลังจากที่เขาออกมาจากภัตตาคารป่าไผ่สีม่วง เขาก็ไม่ได้กลับบ้านและลากเจิ้งก่วงอี้ไปเฉลิมฉลองด้วยกัน สุดท้ายดื่มเหล้าไปไม่น้อยกว่าจะได้หลับก็เช้าแล้วหลับได้ไม่นานก็มีคนมาปลุกอีก
“หวังว่าจะเป็นเรื่องสำคัญนะ” เฉินฮั่นหลงใช้ขอบตาดำ ๆ จ้องมองอยู่ประตู น้ำเสียงเขาหงุดหงิดมาก หากคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่คนสนิทของเขา เขาจะไล่มันคนนั้นไปทันที
“ประธานเฉิน คุณให้ผมจับตามองดูเรื่องของคุณถาง คุณดูนี่สิ…” คนสนิทคนนี้คือชายอายุสามสิบกว่าๆ พอได้ยินคำพูดนี้เฉินฮั่นหลงก็ตกใจจนตัวสั่นก่อนจะเอาแท็บเล็ตอีกฝ่ายมาดู
เฉินฮั่นหลงเพ่งมอง ก่อนจะดวงตาเบิกกว้าง พอดูชัดๆ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เขาเห็นข่าวของถางโร้วที่ดังไปทั่วพร้อมรูปภาพประกอบอีกมากมาย
《ถางโร้วนางฟ้าที่ใสซื่อบริสุทธิ์ตีสองหน้า》
ด้านล่างมีรูปติดมาด้วยคือรูปที่ถางโร้วควงแขนของฉู่ชวิ๋นอยู่และยังมีภาพที่ถางโร้วสบตากับหลินไค่
《นางฟ้าหรือพริตตี้ขายตัว? ถางโร้วและความสัมพันธ์ชายหญิงที่ไม่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม》
《ถางโร้วนางฟ้าแสนสวยใช้ร่างกายเข้าแลกกับเส้นทางในวงการ》
《รายงานข่าวบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิง ถางโร้วเคยขึ้นเตียงกับผู้กำกับมาหลายคนแล้ว》
……
……
เฉินฮั่นหลงยิ่งอ่านยิ่งตกใจ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผาก เขาคิดถึงปฏิกิริยาโต้ตอบ หากฉู่ชวิ๋นได้รู้เรื่องนี้ องค์กรแมงป่องพิษคือตัวอย่างที่ดีที่สุด เจ้าพวกสมองเหมือนขี้พวกนี้ไม่พอใจที่ตัวเองมีชีวิตอยู่นานเกินไปงั้นเหรอ เลยหาเรื่องตายกัน?
“เร็ว เตรียมรถให้ฉัน” เฉินฮั่นหลงตะโกนสั่งเสียงดัง แม้แต่จะอาบน้ำก็ยังไม่ได้อาบ ทำได้เพียงใส่เสื้อผ้าอย่างลวกๆ และออกจากห้องไป ก่อนจะโทรศัพท์ไปหาใครอีกคน
เฉินฮั่นหลงขึ้นรถและเหยียบคันเร่งเร็วปานลมกรด ตลอดทางจนไปถึงบ้านพักตากอากาศเฉียนหลงก็เห็นว่าเจิ้งก่วงอี้ รออยู่ด้านหน้าบ้านพักและหันมามองเขาด้วยความกระวนกระวายใจ บ้านพักมีพลังค่ายกลอยู่ เจิ้งก่วงอี้เลยเข้าไปไม่ได้
“น้องเฉิน” พอเห็นเฉินฮั่นหลง เจิ้งก่วงอี้ก็รีบเข้ามาต้อนรับ
“คุณก็รู้แล้วเหมือนกันเหรอ?” เฉินฮั่นหลงถาม เจิ้งก่วงอี้ฝืนยิ้มและพยักหน้า
“งั้นพี่เจิงตามฉันมา เข้าไปกันเถอะ” เฉินฮั่นหลงมีหยกเข้าค่ายกลที่ฉู่ชวิ๋นเคยมอบให้ จะว่าไปสถานที่แห่งนี้เขาก็มาบ่อยแล้วเหมือนกัน
เจิ้งก่วงอี้รู้ถึงความน่ากลัวของค่ายกล จึงรีบเดินตามหลังเฉินฮั่นหลงเข้าไป ทั้งสองคนมาถึงหน้าบ้านพักตากอากาศ เฉินฮั่นหลงไม่รู้สึกอะไร แต่กับ
เจิ้งก่วงอี้นั้นไม่เหมือนกัน เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะถอนหายใจเข้าออก เพื่อให้สบายใจความรู้สึกเมาค้างดีขึ้นมาเป็นกอง จริงๆแล้วเจิ้งก่วงอี้ไม่รู้ว่า พลังของที่นี่ถูกฉู่ชวิ๋นดูดไปไม่น้อยภายในคืนเดียว มิเช่นนั้นมันจะฟื้นฟูร่างกายได้ดีกว่านี้ซะอีก
ทั้งสองคนรีบผลักประตูบ้านเข้าไป พอมาถึงหน้าห้องของฉู่ชวิ๋นก็เตรียมเคาะประตู
เฉินฮั่นหลงพึ่งจะยกมือขึ้นมา ประตูกลับถูกเปิดออกมาจากด้านใน
“นายท่าน!” ทั้งสองคนรีบเข้ามาโค้งคำนับทักทาย
ฉู่ชวิ๋นขมวดคิ้ว สายตามองไปยังร่างกายของเฉินฮั่นหลงและพูดขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
“เฉินฮั่นหลง นี้บ้านฉันนะ นายวิ่งเข้าวิ่งออกบ่อยเกินไปหรือเปล่า?”
ตั้งแต่ที่เข้าออกที่นี่ได้ตามอิสระ ไอ้เฉินฮั่นหลงก็เข้าออกเป็นว่าเล่น เขากำลังคิดไตร่ตรองว่า เขาควรยกเลิกสิทธิ์การเข้าออกที่นี่ได้ตามอิสระของเฉินฮั่นหลงดีหรือเปล่า
เฉินฮั่นหลงตกใจและรีบคำนับแล้วพูดว่า “ผม…ผมมาหานายท่านเพราะมีเรื่องที่สำคัญมาก ต่อให้ผมมีความกล้าสักเท่าไหร่ ผมก็ไม่กล้าไร้เหตุผลมารบกวนนายท่านหรอก”
“เรื่องสำคัญมากเหรอ? ว่ามาสิ” เฉินฮั่นหลงใช้สายตาบอกเป็นนัยๆ ให้ทางเจิ้งก่วงอี้เป็นคนพูด แต่เจิ้งก่วงอี้กลับก้มหน้าทำเป็นมองไม่เห็น จนเฉินฮั่นหลงโกรธเคืองนิดๆ เจ้าคนเจ้าเล่ห์นี้
ก่อนเข้าประตูมายังพูดสาบานอย่างหนักแน่นจริงใจว่าจะร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน แต่พอจะพูดเรื่องสำคัญเช่นนี้กลับหวาดกลัว เมื่อการเผชิญหน้ากับสงสัยของฉู่ชวิ๋น เฉินฮั่นหลงจึงทำได้แค่เพียงกัดฟันพูด
“นายท่าน เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคุณถาง”
“เสี่ยวโร้ว เธอเป็นอะไรงั้นเหรอ?” ฉู่ชวิ๋นถาม
“นายท่านดูด้วยตัวเองเถอะ” เฉินฮั่นหลงยื่นแท็บเล็ตในมือไปให้ฉู่ชวิ๋นอย่างระมัดระวัง
ฉู่ชวิ๋นรับมาแล้วก็มองดู ทันใดนั้นเขาก็หรี่ตาลงแววตาเย็นยะเยือกขึ้นมาวูบหนึ่ง จิตสังหารปรากฏออกมาล้อมรอบร่างกายของฉู่ชวิ๋น แผ่นหลังของเฉินฮั่นหลงและเจิ้งก่วงอี้เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ไม่กล้าแม้แต่จนหายใจ
“เพล้ง!” แท็บเล็ตที่อยู่ในมือของฉู่ชวิ๋นอยู่ ๆ ก็แตกละเอียด
……
ฮ๋วนยวี่เอนเตอร์เทนเมนท์
ในบริษัทหน้าประตูห้องหัวหน้า คนกลุ่มหนึ่งกำลังหมอบอยู่ตรงประตูและใช้หูแอบฟัง หัวหน้าหลินฮงเทไวน์แดงมาสองแก้ว แก้วหนึ่งส่งให้หลินไค่ที่อยู่ด้านข้าง ทั้งสองคนชนแก้วกันอย่างแผ่วเบา
“เจ้าโง่ ดูสิว่าแกทำอะไรลงไป?” หลินฮงทันใดนั้น ก็หันไปที่ประตูและด่าอย่างสาดเสียเทเสีย น้ำเสียงนี้ทำให้คนที่แอบฟังอยู่ข้างนอกวิ่งหนีออกไปคนละทิศคนละทาง
หลินไค่เมื่อเห็นแบบนี้ก็ยกนิ้วโป้งให้ หลังจากนั้นเขาก็จิบไวน์ไปหนึ่งจิบและกระแอมเบาๆ ก่อนตะโกนออกมาอย่างโศกเศร้าให้คนข้างนอกได้ยิน
“หัวหน้าหลิน เรื่องนี้เป็นความผิดของผมเอง ไม่ว่าเรื่องของถางโร้วจะเป็นยังไง ถ้าคุณจะโทษก็โทษผมเถอะ ผมจะยอมรับผิดชอบเอง ขอร้องเพียงแค่พวกคุณอย่าทำให้ถางโร้วรู้สึกลำบากใจเลย”
“แกจะรับผิดชอบ แกจะรับผิดชอบไหวเหรอ? แกก็รู้ว่าเรื่องนี้ทำให้บริษัทเสียหายไปเยอะมาก?”
“เสียหายมากเท่าไหร่ผมก็จะรับผิดชอบ ขอร้องเพียงแค่พวกคุณอย่าทำให้ถางโร้วรู้สึกลำบากใจเลย”
“แกมันเจ้าคนโง่ แกเปิดตามองโลกให้มันกว้างๆ พวกเราถูกถางโร้วหลอกแล้ว เดิมทีเธอไม่เหมือนกับภาพลักษณ์ภายนอกที่สะอาดบริสุทธิ์……..”
“ผมไม่อนุญาตให้คุณพูดถึงเธอแบบนี้!”
……
……
“เหอะ ถางโร้วโสเภณีคนนี้ ทำให้ไค่ไค่ของฉันหลงเธอหัวปักหัวปำ”
“ก็ใช่ ไค่ไค่ของฉันก็รูปร่างหน้าตาดียังลุ่มหลงขนาดนี้ ถางโร้วหญิงสารเลวคนนี้คาดไม่ถึงว่าจะยังไม่พออีก”
“ไค่ไค่น่าสงสารมากเลย ถูกคนด่าจนน่าเวทนาขนาดนี้ยังปกป้องถางโร้ว นางโสเภณีคนนั้นอีก ไม่คุ้มค่าจริงๆ เลย”
คนที่ยืนอยู่ด้านนอกประตูได้ยินคนที่อยู่ข้างในทะเลาะสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วและยังมีเสียงของตกด้วย คนที่กำลังแอบฟังอยู่ข้างนอกส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและอดไม่ได้ที่จะเห็นใจ หลินไค่และดุด่าถางโร้ว แต่ใครจะไปรู้ หลินฮงและหลินไค่ที่อยู่ข้างในกำลังจิบไวน์แดงที่ล้ำค่าและแอบหัวเราะกันอย่างลำพองใจ
“เจ้าหลานชาย พูดตามจริงมา แกเคยขึ้นเตียงกับถางโร้วไหม?” หลินฮงถามด้วยน้ำเสียงต่ำและหน้าตาน่าเกลียด
จริงๆ แล้ว เขาเป็นลุงแท้ๆ ของหลินไค่ เรื่องนี้พวกเขาปิดบังมันอย่างดีมาโดยตลอด ในบริษัทไม่มีคนรู้
หลินไค่ส่ายหน้าและพูดอย่างหน้าซื่อใจเหี้ยม “ไม่นะ ดูสิว่าครั้งนี้เธอจะต่อต้านผมยังไง ที่ทำให้บริษัทเสียหายมากขนาดนี้ ผมจะรู้ดูว่าเธอจะเอาอะไรมาชดใช้ค่าเสียหาย? พอถึงตอนนั้นผมต้องให้เธอตะโกนร้องไห้ขอร้องขึ้นเตียงกับผมเอง ฮ่าฮ่าฮ่า”
“แผนการของเจ้าหลานชายนี่ไม่ธรรมดาจริง ๆ” หลินฮงยกนิ้วให้
“แต่ว่าอย่าลืมให้ลุงได้ลองด้วยนะ เรือนร่างของเด็กคนนั้น แค่คิดก็น้ำลายไหลแล้ว เฉินเชียนเชียนผู้หญิงที่เน่าเปื่อยคนนั้นก็เล่นจนเบื่อแล้ว”
“คุณลุงไม่ต้องเป็นห่วง พอถึงเวลานั้น คุณอยากจะเล่นยังไงก็ได้ทั้งนั้น”
“ฮ่าฮ่าฮ่า…..ดี ๆ…….” ทั้งสองคนก็หัวเราะออกมากันอย่างหน้าไม่อายและยกแก้วขึ้นมาเฉลิมฉลองกันอย่างลำพองใจ
ในเวลาเดียวกันตรงกลางห้องโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่ง
ผู้ชายที่มีรูปร่างอ้วนคนหนึ่งกับผู้หญิงที่มีรูปร่างสวยยั่วยวนกำลังมีอะไรกันอย่างดุเดือดบนเตียง ผู้ชายที่รูปร่างอ้วนกำลังพยายามโถมตัวอย่างสุดกำลังบนร่างกายของหญิงสาว ไม่ถึง 2 นาทีร่างกายของทั้งเขาก็กระตุกและมีน้ำขุ่นๆ ไหลออกมา
หญิงสาวสายตากระตุกวูบไปแวบหนึ่งอย่างเหยียดหยามแต่กลับแกล้งหอบอย่างรุนแรง และผู้ชายที่อยู่ด้านหลังก็นอนฟุบอยู่บนร่างกายของหญิงสาวและหอบหายใจอย่างรุนแรงและสุขสม
เขายิ้มและพูดอย่างน่ารัก “ที่รัก คุณเก่งจริงๆ ฉันเกือบตายเพราะที่รักแล้ว”
ผู้ชายรูปร่างอ้วนชอบการกระทำแบบนี้มาก พักผ่อนสักพักก็พลิกร่างกายอีกคนติดหัวเตียงและใช้มือข้างหนึ่งวนอยู่บนร่างกายของหญิงสาว
“ที่รัก ครั้งนี้คุณต้องช่วยฉัน ไม่ให้ปล่อยถางโร้วหญิง สารเลวคนนั้นไปนะ” หญิงสาวคนนี้ไม่ใช่คนอื่น เธอคือเฉินเชียนเชียน ส่วนผู้ชายที่มีรูปร่างอ้วนคนนี้คือประธานของฮ๋วนยวี่เอนเตอร์เทนเมนท์ หวงเฉินกวง
“ที่รักไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องของคุณก็คือเรื่องของผม” หวงเฉินกวงยิ้มอย่างลามกและใช้นิ้วบีบหัวนมอมชมพูบนหน้าอกของเฉินเชียนเชียน
“อ๊ายยย….คุณใช้นิ้วบีบจนทำให้ฉันเจ็บแล้วนะ” ถึงแม้ว่าจะพูดแบบนี้แต่เฉินเชียนเชียนกลับพยายามเอาหัวนมชมพูบนหน้าอกไปสัมผัสกับแขนของหวงเฉินกวง
หวงเฉินกวงยิ้มอย่างลามกและพูดเสียงดังว่า “แต่ว่าที่รักห้ามลืมเด็ดขาด หลังจากนี้ไปเธอต้องให้ผมเล่น….”
“ฉันเป็นของคุณแล้ว คุณอยากเล่นอะไรก็แล้วแต่คุณ……”