จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 451 แย่งชิงพื้นที่
บทที่ 451 แย่งชิงพื้นที่
ค่ายกลสังหาร!
พลังลมปราณของทุกคนสามารถถ่ายเทเข้าใส่ให้คนใดคนหนึ่ง หลังจากนั้น รากฐานพลังของคนผู้นั้นก็จะเพิ่มสูงขึ้น และสามารถถ่ายทอดพลังกลับไปให้คนอื่นๆ ได้เช่นกัน
ด้วยความช่วยเหลือจากพวกของช้างเผือก ระดับพลังของเสือใหญ่จึงเลื่อนขึ้นจากระดับ 8 สู่ระดับ 9 มีกันอยู่แค่เพียง 5 คน ค่ายกลสังหารยังมีอานุภาพขนาดนี้ ถ้าเต็มรูปแบบครบ 12 คนจะน่ากลัวขนาดไหน?
คงเป็นพลังที่เกินจินตนาการอย่างแน่แท้
เรือเหาะลำใหญ่ลอยลำผ่านกลุ่มก้อนเมฆอย่างเงียบงัน แต่มันเดินทางด้วยความเร็ว ทำให้ภายในหนึ่งวันสามารถเดินทางได้หลายพันกิโลเมตร
พวกของช้างเผือกใช้เวลาทั้งหมดระหว่างเดินทางไปกับการนั่งโคจรพลัง
…
วันต่อมา
พวกของฉู่ชวิ๋นเดินทางมาถึงเขาหลู่ซานแล้ว
ภูเขาหลู่ซานมีขนาดใหญ่โต ทอดตัวยาวไกลหลายสิบกิโลเมตร มียอดเขาอยู่ทั้งหมด 90 กว่ายอด ทั้งยิ่งใหญ่และสวยงามเกินพรรณนา
ซากโบราณสถานถูกค้นพบบนยอดเขาหลัก ซึ่งมีนามว่ายอดเขาฮั่นหยาง
ภูเขาหลู่ซานมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร มียอดเขามากมายนับไม่ถ้วน รวมถึงยังมีซอกหลืบและถ้ำเล็กถ้ำน้อย แถมยังมีน้ำตกอยู่อีกด้วย
ยอดเขาฮั่นหยางแทงตัวสูงเสียดฟ้าทะลุก้อนเมฆ เหมือนเป็นเสาเอกจากแดนสวรรค์ ปกคลุมด้วยม่านหมอกวิเศษตลอดเวลา
ม่านหมอกวิเศษก่อตัวหนาแน่น แต่ก็ยังไม่สามารถบดบังแสงสีทองคำที่เปล่งประกายออกมาจากยอดเขาฮั่นหยางได้เลย
บริเวณที่มีแสงทองคำเจิดจ้าก็คือซากโบราณสถานนั่นเอง แต่ถึงจะไม่ได้ถูกปิดกั้นเอาไว้ ทว่าก็เป็นเรื่องยากที่มนุษย์และสัตว์ร้ายจะเดินทางขึ้นไปได้
ก่อนหน้านี้เคยมีสัตว์ร้ายระดับจักรพรรดิระดับ 9 พยายามฝืนตัวขึ้นไปถึงยอดเขา แต่เมื่อขึ้นไปถึงแล้ว ก็ถูกม่านพลังสีทองบีบรัดจนตกตายในพริบตาเดียว
แต่อย่างไรก็ตาม ได้มีการค้นพบว่าม่านพลังทองคำนั้นจะอ่อนกำลังลงเมื่อเข้าถึงยามเย็น ถ้าหากว่าผู้มีพลังยุทธ์ระดับเซียนเข้าร่วมกลุ่มด้วยอีกหลายคน การทำลายม่านพลังสีทองคำเหล่านี้ ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ฉู่ชวิ๋นยืนดูทุกอย่างจากบนเรือเหาะ ด้านล่างมีคนยืนจับกลุ่มกันอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ที่เปลี่ยนร่างเป็นผู้คน พวกมันต่างก็มายืนห้อมล้อมกันอยู่บริเวณด้านล่างยอดเขาฮั่นหยางจนแน่นขนัด
แน่นอนว่ากลุ่มมนุษย์และสัตว์ร้ายย่อมไม่ถูกกัน เกิดการเขม่นขึ้นเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็ยังไม่เกิดปัญหาใหญ่โตร้ายแรง
ฉู่ชวิ๋นปล่อยจิตวิญญาณออกไปสำรวจดูพลังของผู้คนด้านล่าง และเขาก็พบว่ามีผู้มีพลังขั้นเซียนอยู่ประมาณ 2-3 คน ซึ่งน่าจะมาจากฝั่งของสัตว์ร้ายกลายพันธุ์เสียมากกว่า
ผู้มีพลังขั้นเซียนจะมีความรู้สึกอันรวดเร็ว พวกมันรู้ตัวว่ามีคนแอบตรวจสอบพลังของตนเอง แต่ก็ไม่ทราบว่าคนผู้นั้นเป็นใคร
บนเนินเขาใหญ่ใกล้กับยอดเขาฮั่นหยาง เป็นพื้นที่สำหรับกางเต็นท์ที่พัก
ในกลุ่มคนเหล่านี้ ชายชราสองคนที่กำลังพูดคุยกันอยู่ พลันมีสีหน้าแปรเปลี่ยนไป
“ผู้ใดอวดดีแอบสำรวจพลังของพวกข้า?” ชายชราหน้าตาเคร่งขรึม มีเส้นผมและหนวดเคราสีเหลืองร้องคำรามเสียงดังกังวานปานฟ้าผ่า แทบจะทำให้ภูเขาสั่นสะเทือนไปทั้งลูก
ฉู่ชวิ๋นรีบสลายกระแสจิตของตนเองทันที เขามีสีหน้างงงวย ผู้มีพลังขั้นเซียนไม่ธรรมดาจริงๆ สามารถตรวจจับคลื่นจิตวิญญาณของเขาได้ง่ายดายถึงเพียงนี้
“นายท่านครับ เราต้องลงไปข้างล่างหรือเปล่า?” ช้างเผือกเดินเข้ามารอรับคำสั่ง
ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า เรือเหาะลำยักษ์ร่อนลงไปจอดบนยอดเขา เมื่อทุกคนลงจากเรือเหาะเรียบร้อยแล้ว ฉู่ชวิ๋นก็ยกมือโบกสะบัดเล็กน้อย
วูบ!
เมื่อเกิดม่านพลังวูบวาบ เรือเหาะก็ย่อขนาดลงมามีขนาดเท่ากับฝ่ามือของฉู่ชวิ๋นเท่านั้น
หน่วยรบมังกรฟ้าได้แต่ยืนอึ้งตะลึงงันกันหมดแล้ว
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะในลำคอ สิ่งประดิษฐ์วิเศษ ย่อมสามารถใช้เวทมนต์แบบนี้ได้เป็นธรรมดา
จึงกล่าวได้แล้วว่าเมล็ดพืชในภูเขาซูมีไม่ใช่ของปลอมแต่อย่างใด
“พวกนายจำเอาไว้ จากนี้ไป ฉันมีชื่อว่าหลุนหุย” ฉู่ชวิ๋นอดไม่ได้ต้องย้ำเตือนอีกรอบ
พวกของช้างเผือกพยักหน้ารับคำว่าจำได้ไม่มีปัญหา
ฉู่ชวิ๋นเดินนำทุกคนตัดผ่านภูเขาและมุ่งหน้าตรงไปสู่ยอดเขาฮั่นหยาง
ทุกอณูพื้นที่ของยอดเขาฮั่นหยางเต็มไปด้วยมนุษย์และสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ ทำเลดีๆ สำหรับการกางเต็นท์ถูกผู้คนยึดครองไปหมดแล้ว
ในขณะนี้ แว่วเสียงการต่อสู้ลอยมาตามสายลม
มันเป็นการต่อสู้ระหว่างคนสองกลุ่มเพื่อแย่งชิงพื้นที่กางเต็นท์ ยิ่งพื้นที่นั้นอยู่ใกล้ซากโบราณสถานเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นพื้นที่ที่มีคนอยากจับจองมากเท่านั้น
ตำแหน่งที่พวกมันกำลังแย่งชิงกันนี้เป็นที่ราบบนเนินเขา นอกจากตั้งอยู่ในทำเลทองคำแล้ว ยังเป็นตำแหน่งที่ดึงดูดความสนใจจากผู้คนทั้งสองฝ่ายอีกด้วย
มนุษย์เต็มไปด้วยความโลภ เห็นแก่ตัวและอิจฉาริษยา ต่อให้ตำแหน่งนี้ไม่ใช่ทำเลทองคำ แต่ถ้าทำให้พวกมันสามารถเข้าใกล้ยอดเขาฮั่นหยางได้มากกว่าคนอื่นๆ การเข้าร่วมวงแย่งชิงก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใด
“นายท่านหลุนหุยครับ เราเข้าไปแย่งพื้นที่นั้นด้วยดีไหม?” ช้างเผือกไม่ลืมที่จะเปลี่ยนชื่อของฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นส่ายหน้า ตำแหน่งแบบนี้ไม่ได้อยู่ในสายตาเขาเลย
ตำแหน่งที่อยู่ในสายตาของเขา คือพื้นที่ของเผ่าพันธุ์หมาป่าปีศาจที่อยู่ใกล้กับยอดเขาฮั่นหยางมากที่สุดต่างหาก มันอยู่ใกล้เพียงแค่กระโดดลอยตัวนิดเดียว ก็สามารถปีนขึ้นสู่ยอดเขาฮั่นหยางได้แล้ว
เมื่อได้ยินว่ากลุ่มหมาป่าปีศาจมีผู้มีพลังขั้นเซียนตื่นจากการจำศีลมาแล้ว ฉู่ชวิ๋นก็รู้สึกคันไม้คันมือ อยากจะปะทะฝีมือกับผู้มีพลังยุทธ์ขั้นเซียนดูสักหน่อย
“พวกเราขึ้นเขา” ฉู่ชวิ๋นออกคำสั่ง
หน่วยรบมังกรฟ้าเดินขึ้นสู่ยอดเขาตรงไปยังพื้นที่ของหมาป่าปีศาจ
เมื่อเห็นดังนั้น กลุ่มคนที่อยู่ด้านล่างต่างพากันจ้องมองด้วยความตกใจ
“เจ้าพวกนั้นคิดจะไปแย่งชิงพื้นที่กับพวกเผ่าพันธุ์หมาป่าปีศาจหรือไง?” ใครบางคนพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“ใจกล้ากันเหลือเกินแฮะ ไม่รู้หรือไงว่าเผ่าพันธุ์หมาป่าปีศาจมีพวกขั้นเซียนอยู่ด้วยนะ?”
“เดี๋ยวนี้มีคนโง่มากมาย แต่ไม่เคยเห็นใครโง่เง่าเท่านี้เลย”
“พนันได้เลยว่าพวกมันขึ้นไปถึงยอดเขาเมื่อไหร่ เดี๋ยวก็โดนฆ่าตายโยนศพลงมาเองนั่นแหละ”
ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ ต่างก็กระซิบกระซาบด้วยความขบขัน
ไม่นานหลังจากนั้น พวกของช้างเผือกก็เดินไปถึงพื้นที่ของหมาป่าปีศาจ พลัน หมาป่าปีศาจในร่างมนุษย์หลายคนปรากฏตัวออกมาทันที
“กลับไปซะ”
หมาป่าปีศาจกลุ่มนี้มีพลังแข็งแกร่งไม่น้อย
“ถ้านับถึงสามแล้วพวกเจ้ายังไม่ไป พวกเราจะฆ่าอย่างไร้ความปราณี!”
หัวหน้ากลุ่มหมาป่าคํารามออกมาด้วยน้ำเสียงดุดัน
“เจ้าว่าไงนะ?” เสือใหญ่ส่งเสียงคำรามกลับไปบ้าง มันได้ชื่อว่าเป็นเจ้าป่า ไม่มีทางให้ฝ่ายตรงข้ามขึ้นเสียงขู่ใส่แบบนี้เด็ดขาด
“ถ้าอย่างนั้นก็จงเตรียมรับมือ” หัวหน้ากลุ่มหมาป่าที่มีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 8 คำรามด้วยความเดือดดาล ก่อนที่จะสะบัดศีรษะ ซัดลมปราณใส่เสือใหญ่
เปรี้ยง!
ทั้งสองฝ่ายต่างสะบัดศีรษะด้วยความรุนแรง พลังลมปราณพวยพุ่งออกไปอย่างดุดัน ก้อนหินโดยรอบแตกกระจาย ภูเขาสั่นสะเทือน
“เจ้าหมาป่าน้อย ที่นี่เป็นถิ่นเสือแล้ว พวกเจ้าจงรีบไสหัวไปให้ไว ไปหาที่อยู่ใหม่เสียเถอะ!”
“พูดมาได้หน้าไม่อาย กล้าทำตัวอวดดีต่อหน้าเผ่าพันธุ์หมาป่าปีศาจ ไม่รู้ตัวว่ากำลังรนหาที่ตายอยู่เสียแล้ว”
หลังจากนั้น ทั้งสองฝ่ายก็กระโดดเข้าใส่กันด้วยความดุร้ายรุนแรง
“เจ้าสิงโต ขอพลังหน่อย” เสือใหญ่ร้องตะโกน
ช้างเผือกและสิงโตทองคำพุ่งเข้าไปก่อตั้งค่ายกลสังหาร เพิ่มเติมพลังลมปราณให้แก่เสือใหญ่มากขึ้นกว่าเดิม
หัวหน้ากลุ่มหมาป่าตกตะลึงไปแล้ว มันไม่เข้าใจเลยว่าอยู่ดีๆ เสือใหญ่ก็เพิ่มพลังขึ้นมาได้อย่างไร แรงกดดันที่ถาโถมออกมาจากร่างกายของฝ่ายตรงข้าม ทำให้มันหายใจลำบากแล้ว
ผลั่ก!
เศษเนื้อสดกระจัดกระจาย หัวหน้ากลุ่มหมาป่าร้องโหยหวน แขนข้างหนึ่งของมันถูกฝ่ามือของเสือใหญ่ซัดพลังเข้าใส่อย่างจัง
“พวกเจ้านี่มันรนหาที่ตายจริงๆ”
มนุษย์หมาป่าที่เหลืออยู่คำรามด้วยความโกรธแค้น พุ่งกระโจนเข้าใส่เสือใหญ่พร้อมกัน
พวกของช้างเผือกกำลังจะเข้ามาช่วยเหลือ แต่ก็ได้ยินเสียงเสือใหญ่คำรามว่า “พวกเจ้าช่วยส่งพลังมาก็พอ ลูกหมาน้อยเหล่านี้เดี๋ยวข้าจัดการเอง”
เมื่อได้ยินดังนั้น ช้างเผือกและจักรพรรดิสุนัขป่าก็หมุนตัวกลับไปตั้งค่ายกลสังหาร และถ่ายทอดพลังลมปราณเพิ่มเติมให้แก่เสือใหญ่อย่างต่อเนื่อง
พลังลมปราณของเสือใหญ่พุ่งขึ้นสูงอีกครั้ง เมื่อประกอบกับพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 9 มันจึงโจมตีด้วยความดุร้ายรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง
ผลั่ก!
หัวหน้ากลุ่มหมาป่าถูกมือของเสือใหญ่ตะปบลงไปบนหัว ทำให้มันตายคาที่ ก่อนที่ศพจะถูกถีบกลิ้งตกจากภูเขาไป
หัวหน้ากลุ่มหมาป่าเมื่อตายแล้วก็กลายร่างกลับคืน มันมีน้ำหนักนับพันกิโลกรัม กลิ้งตกลงไปจากยอดเขา กระแทกก้อนหินและต้นไม้โบราณที่ตั้งอยู่ระหว่างทางกระจัดกระจาย ไม่ต่างจากเป็นหินก้อนใหญ่ยักษ์ ที่ถูกผลักลงมาจากยอดเขาอย่างไรอย่างนั้น
ถึงแม้ว่าหมาป่าปีศาจกลุ่มนี้จะมีฝีมือแข็งแกร่งก็จริง แต่พวกมันไม่ได้มีขั้นจักรพรรดิระดับ 9 ดังนั้น จึงไม่มีทางสู้กับเสือใหญ่ได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ช่องว่างระหว่างขั้นพลังไม่สามารถทดแทนได้ด้วยกำลังคน ซ้ำเสือใหญ่ยังลงมือด้วยความโหดร้ายทารุณที่สุด
เปรี้ยง!
หมาป่าปีศาจอีกตัวโดนพลังลมปราณกระแทกเข้าใส่จนร่างกายขาดครึ่งท่อน เลือดไหลนองกองเต็มพื้นดิน
ฟู่!
หมาป่าปีศาจตัวถัดมาถูกกระแทกพลังลมปราณเข้าใส่หน้าอก กระดูกแตกหักแทงทะลุผิวหนัง สภาพน่าเกลียดน่ากลัวอย่างยิ่ง
เสือใหญ่ลงมือเหมือนคนเสียสติ คู่ต่อสู้ไม่ทันได้เคลื่อนไหว ก็ต้องตายไปไม่รู้ตัว
ฟู่!
หมาป่าปีศาจตัวสุดท้ายมีพลังระดับจักรพรรดิระดับ 7 ถูกเสือใหญ่จับตัวมากระชากขาดครึ่งท่อน เลือดสีแดงสดไหลทะลักเต็มบริเวณ
“ยอดเยี่ยมที่สุด” เสือใหญ่ยิ้มออกมาด้วยความสะใจ
“ครั้งหน้าขอข้าแสดงฝีมือบ้างนะพี่เสือ” สิงโตทองคำพูดด้วยความอิจฉา
“เราอย่าให้นายท่านรอนานเลยดีกว่า รีบลงมือกันเถอะ” ช้างเผือกว่า
แล้วพวกมันทั้ง 5 คนก็ตรงขึ้นสู่ยอดเขาด้วยความเร็วปานสายฟ้าฟาด
โฮก!
เสียงหมาป่าปีศาจร้องโหยหวนดังกังวาลไกลหลายกิโลเมตร
หมาป่าปีศาจกลุ่มที่รักษาการอยู่บนยอดเขา เมื่อพบเห็นพวกของช้างเผือกบุกขึ้นมา ก็ต้องคำรามออกมาด้วยความโกรธจัด
“ไม่ว่าพวกเจ้าเป็นใคร เจ้าจะต้องตายอยู่ที่นี่แหละ” หมาป่าปีศาจตัวนี้มีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 9 นับว่าแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง
บนยอดเขาบริเวณนี้ มีหมาป่าระดับจักรพรรดิระดับ 9 มากกว่าหนึ่งตัว
พวกมันยืนมองพวกช้างเผือกตะลุยขึ้นสู่ยอดเขาด้วยความเยือกเย็น แต่ก็ไม่ลงมือขัดขวาง
จิ่วโยวขอฉู่ชวิ๋นออกไปสู้เพราะอยากแสดงฝีมือบ้าง
“เอาสิ!” ฉู่ชวิ๋นอนุญาต
เมื่อได้ยินดังนั้น จิ่วโยวก็กระโดดขึ้นสู่ยอดเขา พร้อมกับควงกระบองทองคำในมือด้วยความว่องไว
มนุษย์และสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ที่ก่อนหน้านี้ยังยืนกระซิบกระซาบกันอยู่ด้วยความขบขัน ตอนนี้ต่างไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกแล้ว
ตอนแรกพวกมันด่วนคิดว่าพวกของช้างเผือกจะต้องโดนฆ่าตายแน่นอน ใครเลยจะนึกว่าหมาป่าปีศาจขั้นจักรพรรดิระดับ 8 กลับเป็นฝ่ายถูกฆ่าตายอย่างน่าอนาถนัก
คนกลุ่มนี้เป็นใครกัน? ฝีมือช่างแข็งแกร่งเหลือเกิน
“เด็กคนนี้หน้าตาดูคุ้นๆ อยู่นะ” ใครคนหนึ่งอุทานออกมาตอนที่จ้องมองจิ่วโยวกระโดดขึ้นไปสู่ยอดเขา
“นั่นมันองค์หญิงจิ่วโยว!” มีคนจดจำจิ่วโยวได้แล้ว
“ที่ว่าเป็นภรรยาน้อยของจอมมารฉู่ชวิ๋นใช่ไหม?” ใครอีกคนหนึ่งถามออกมา
“ใช่ คนเดียวกันนั่นแหละ”
“ว่ากันว่าเด็กคนนี้ฝีมือเก่งกล้ามาก มีพลังขั้น 8 แต่แข็งแกร่งไม่ต่างจากระดับ 9 เลย”
“ในเมื่อเธอเป็นภรรยาน้อยของจอมมารฉู่ชวิ๋น พวกเราอย่าไปมีเรื่องกับเธอเลยดีกว่า?”
“เห็นว่าภรรยาน้อยคนนี้จอมมารฉู่ชวิ๋นตามใจเป็นที่สุด พวกเราไม่ต้องเข้าไปยุ่งนั่นแหละดีแล้ว ไม่คิดเลยนะว่าจอมมารฉู่ชวิ๋นจะเป็นพวกรักใคร่เด็กแบบนี้”
เกิดเสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นทั่วบริเวณอีกครั้ง
ฉู่ชวิ๋นปากกระตุก เขากลายเป็นพวกรักใคร่เด็กไปแล้วหรือนี่? ฟังแล้วก็คันไม้คันมืออยากจะฆ่าปิดปากคนพูดเสียเหลือเกิน
ภาพลักษณ์เรื่องผู้หญิงของเขา ถูกจิ่วโยวทำลายยับเยินไม่เหลือชิ้นดี
ในเวลาเดียวกันนี้ ผู้อาวุโสจากสองเผ่าพันธุ์ได้มารวมตัวกันประชุมอย่างเคร่งเครียด
หวงไห่ เป็นผู้อาวุโสลำดับที่ 6 ของเผ่าพันธุ์พังพอนปีศาจ กำลังพูดคุยอยู่กับผู้มีพลังยุทธ์ขั้นเซียนจากเผ่าพันธุ์มังกรดำ
มนุษย์มังกรดำขั้นเซียนผู้นี้มีนามว่าเฮยจง มันมีดวงตาเป็นประกายแวววาวในขณะขบคิดสิ่งที่หวงไห่พูดออกมา
หวงไห่บอกว่าเมื่อจัดการเรื่องราวที่ซากโบราณสถานแห่งนี้เสร็จสิ้นแล้ว มันจะยกกำลังพลบุกไปที่เมืองกู่เจียงเพื่อทำลายล้างตระกูลฉู่โดยทันที
“พี่หวง แบบนี้เราไม่ลงมือรวดเร็วเกินไปหรือ?” เฮยจงพูดเสียงสั่นเล็กน้อย
“ถึงตอนนี้จะไม่มีใครพบเจอตัวจอมมารฉู่ชวิ๋นก็จริง แต่ข่าวลือว่าเขาไปไหนมาไหนได้อย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ คนผู้นี้ไม่ต่างจากผีร้าย ต่อให้พวกเราไม่ได้หวาดกลัวมัน แต่จะทำอะไรโดยไม่ไตร่ตรองให้รอบคอบไม่ได้เด็ดขาด”
“น้องเฮย ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นกังวลเรื่องใด แต่จอมมารฉู่ชวิ๋นฆ่าคนของเราตายไปมากมาย ทำให้ภาพลักษณ์ของสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ตกต่ำ ถ้าเราไม่ลงมือทำอะไรสักอย่าง แล้วพวกมนุษย์จะหวาดกลัวเราได้อย่างไร?” หวงไห่พูด
“พี่หวง เรื่องนั้นวางใจได้ ถ้าทุกคนรู้ว่าข้าตื่นจากการจำศีลแล้ว จะมีใครกล้าเป็นศัตรูกับพวกเราอีกหรือ?” เฮยจงยิ้มออกมาด้วยความมั่นใจ
“ก็เพราะแบบนี้ไงล่ะ เราถึงต้องรีบลงมือกวาดล้างตระกูลฉู่ และทำให้ทั้งโลกได้เห็นว่าใครตั้งตัวเป็นศัตรูกับเรา มันจะต้องตายสถานเดียวเท่านั้น”
“แต่ว่ารัฐบาลล่ะ?” เฮยจงถาม
“รัฐบาลมีระเบิดนิวเคลียร์อยู่ในมือก็จริง แต่พวกมันสั่งยิงออกมาไม่ได้ง่ายดายหรอก เพราะฉะนั้น ถ้าเราลงมือกวาดล้างตระกูลฉู่ได้รวดเร็วมากพอ รัฐบาลก็ไม่มีทางรู้เลยว่าใครเป็นคนทำ” หวงไห่อธิบายด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
เฮยจงนิ่งคิดอยู่อึดใจใหญ่ หลังจากนั้นมันก็พยักหน้า พูดว่า “ตกลง พวกเราจะทำตามแผนการของพี่หวง เมื่อเสร็จธุระจากที่นี่แล้ว พวกเราจะเดินทางไปเมืองกู่เจียงกันทันที”
หวงไห่ระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความชอบใจ “เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว จากนี้ไป โลกใบนี้ก็จะตกอยู่ในกำมือของพวกเรา”
แล้วพวกมันก็หันหน้ายิ้มให้กัน
หวงไห่เอื้อมมือออกมาเก็บก้อนหินสีขาวกลับเข้าที่ นี่คือศิลาเก็บเสียง มีสรรพคุณช่วยให้คนภายนอกไม่สามารถได้ยินว่าพวกมันเพิ่งพูดคุยอะไรกันไปบ้าง
“นายท่านครับ!” มนุษย์มังกรดำระดับสูงคนหนึ่งกำลังส่งเสียงตะโกนอยู่นอกเต็นท์
“เข้ามาได้” เฮยจงพูด มนุษย์มังกรดำคนนี้ยืนรออยู่นอกเต็นท์มานานแล้ว แต่ผู้อาวุโสทั้งสองคนกำลังพูดคุยเรื่องราวสำคัญ จึงไม่ได้ให้ความสนใจมันเลยสักนิด
“มีเรื่องอะไร?” เฮยจงสอบถาม
มนุษย์มังกรดำหันมามองหน้าหวงไห่ด้วยสายตาลังเลใจ ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
หวงไห่รู้ตัวว่าไม่ควรอยู่ที่นี่ มนุษย์มังกรดำจึงไม่กล้ารายงานข่าว สุดท้ายมันก็ฉีกยิ้มลุกขึ้นยืน “งั้นข้าขอตัวกลับก่อนก็แล้วกัน”
“นายท่านหวง มีคนสังหารบริวารของท่านตายไปหลายตัวแล้วครับ” มนุษย์มังกรดำพลันรายงานข่าวออกมาด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“หา” หวงไห่อุทานออกมาด้วยความตกใจ ดวงตาปรากฏแววอำมหิต ถามเหมือนไม่อยากเชื่อว่า “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
“มีคนสังหารบริวารของท่านตายไปหลายตัวแล้ว”
แต่ก่อนที่มันจะพูดจบ หวงไห่ก็หายวับไปแล้ว