จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 466 ยาสลบในสุรา
บทที่ 466 ยาสลบในสุรา
“สหายน้อยหลุนหุย เรารู้สึกได้ว่าร่างกายแข็งแกร่งมากขึ้น มันเป็นไปได้ยังไงกัน?” เกาโม่หานถามออกมา
“ถึงผีกาฝากจะเป็นสิ่งชั่วร้าย แต่ถ้ามันถูกพลังของดอกบัวไฟเผาผลาญจนหมดสิ้นแล้ว พลังลมปราณของมันก็จะตกค้างอยู่ในร่างกาย ส่งผลให้ร่างกายของพวกพี่แข็งแกร่งขึ้น นับว่าทุกอย่างจบลงด้วยดีแล้วครับ” ฉู่ชวิ๋นให้คำอธิบาย
ชายชราทั้งสามคนยืนนิ่งด้วยความตกตะลึง ทุกสิ่งทุกอย่างแปลกประหลาดพิสดารเกินไปไม่จบไม่สิ้น แม้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้มีพลังขั้นเซียน แต่นี่คือครั้งแรกที่ได้พบเจอเรื่องราวพิสดารขนาดนี้
“ถ้าไม่ได้สหายน้อยหลุนหุยช่วยเหลือไว้ พวกเราคงย่ำแย่แล้ว” เกาโม่หานมองฉู่ชวิ๋นด้วยความชื่นชม
“เรื่องแค่นี้เล็กน้อย” ฉู่ชวิ๋นตอบกลับไป
“ได้ยินมาว่าจอมมารฉู่ชวิ๋นก็ถนัดในเรื่องของค่ายอาคมและม่านพลังเช่นกัน ไม่ทราบว่าเมื่อเทียบกับสหายน้อยหลุนหุยแล้ว ผู้ใดจะมีความแข็งแกร่งมากกว่ากัน?” เกาโม่หานมีสีหน้าหยอกเย้าในขณะที่พูดกับฉู่ชวิ๋น
“เป็นเรื่องยากที่จะบอกได้นะครับ” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะในลำคอเล็กน้อย
พลัน ดวงตาของเกาโม่หานปรากฏความมั่นใจมากยิ่งขึ้น หลังจากนั้น เขาก็ยิ้มกว้างออกมาขณะพูดว่า “สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่ามือคลำ สงสัยฉันคงต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วจริง ๆ สินะ”
“ตัวปลอมอาจจะกลายเป็นตัวจริง และตัวจริงอาจจะเป็นตัวปลอมก็ได้เอาเป็นว่าผมไม่อยากก่อปัญหายุ่งยาก ก็เลยไม่ยอมเปิดเผยตัวตนตั้งแต่แรก หวังว่าทุกคนคงจะให้อภัย” ฉู่ชวิ๋นยิ้มกว้าง
ชายชรากลุ่มนี้อย่าว่าแต่จะมีพลังขั้นเซียนด้วยกันทั้งหมด แต่ทุกคนเป็นผู้ที่ผ่านประสบการณ์มามากมาย เกาโม่หานคงรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขามาตั้งแต่แรกแล้ว
เกอจ้านกับเตียวซิงอี้ก็ไม่ใช่ตัวโง่งม ทั้งสองคนต่างก็สงสัยตัวตนที่แท้จริงของเขาอยู่นานแล้ว หลังจากได้ยินคำถามและคำตอบระหว่างเกาโม่หานกับฉู่ชวิ๋น ทั้งสองคนก็มั่นใจแล้วว่าหลุนหุยมีตัวตนที่แท้จริงเป็นใคร
“ที่แท้สหายน้อยหลุนหุย ก็คือจอมมารฉู่ชวิ๋นจริง ๆ ด้วย”
แต่ถึงอย่างนั้น เกอจ้านกับเตียวซิงอี้ก็ยังอดตกตะลึงไม่ได้อยู่ดี
ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า ยอมรับตัวตนที่แท้จริง
“หลังจากฉันฟื้นตื่นขึ้นมาจากการฝึกวิชา ฉันก็ได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับจอมมารฉู่ชวิ๋นเต็มไปหมด ข่าวลือล่าสุดก็คือจอมมารฉู่ชวิ๋นหายตัวไปได้หนึ่งปีครึ่งแล้ว เขาเป็นคนที่มีมิตรและศัตรูอยู่มากมาย แต่ยากที่จะได้พานพบตัวจริง ฉันนึกเสียใจมาตลอด ไม่คิดเลยว่าการเดินทางครั้งนี้ จะทำให้ความฝันของฉันได้กลายเป็นจริงแล้ว” เกอจ้านหัวเราะออกมาด้วยความชอบอกชอบใจ
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะในลำคอ ไม่ว่าเกอจ้านจะพูดจริงหรือไม่ แต่ในน้ำเสียงก็เจือความดีใจอยู่ไม่น้อย
“พอเจอตัวจริงแล้วผิดหวังหรือเปล่าล่ะครับ?” ฉู่ชวิ๋นถามอย่างติดตลก
เกาโม่หานหันมามองฉู่ชวิ๋นตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนพยักหน้าและยิ้มตอบว่า “ความจริงก็ผิดหวังไม่น้อยนะ ว่ากันว่าจอมมารฉู่ชวิ๋นเป็นบุรุษหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาหาตัวจับยาก แต่สภาพเบ้าหน้าของน้องชายในตอนนี้มันช่าง…”
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะด้วยความชอบใจ เขาถามไปอย่างติดตลก เกาโม่หานก็ตอบกลับมาอย่างติดตลกเช่นกัน นับว่ามิตรภาพของพวกเขาเริ่มต้นได้สวยงามจริง ๆ
ฉู่ชวิ๋นพยักหน้ายิ้มแย้ม หลังจากนั้นก็หันไปมองกลุ่มของสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ในร่างมนุษย์ที่ยังติดอยู่ในค่ายอาคม ชายหนุ่มนิ่งคิดอะไรอยู่เล็กน้อย ก็เดินถือก้อนหินที่เป็นตาเปิดปิดม่านพลังเข้าไปทำลายค่ายอาคมเหล่านั้นทิ้งไป
“ฉะ…สหายน้อยหลุนหุย จะช่วยพวกมันออกมาทำไมหรือ?” เกาโม่หานถามด้วยความประหลาดใจ
“พวกมันยังมีประโยชน์กับเราอยู่” ฉู่ชวิ๋นตอบ
จากข้อมูลของมังกรไฟ ดอกบัวสามสีมีกิเลนไฟคอยเฝ้าอารักขา และเส้นทางที่จะนำไปสู่ดอกบัวสามสีล้วนเต็มไปด้วยอันตราย ดังนั้น สัตว์ร้ายกลายพันธุ์ในร่างมนุษย์เหล่านี้ ยังสามารถใช้เป็นตัวเบิกทางได้อย่างดีเยี่ยม
ไม่นานหลังจากนั้น ค่ายอาคมก็ถูกทำลาย ความมืดมิดจางหายไป บรรดาสัตว์ร้ายกลายพันธุ์สามารถกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง
พวกมันรีบวิ่งเข้ามาหากลุ่มของฉู่ชวิ๋นด้วยความร้อนรน
“เจ้าออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่?” หวงไห่ถลึงตามองฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน ทำให้หวงไห่หน้าตาบูดเบี้ยวด้วยความโกรธแค้น
“พวกเราก็เพิ่งออกมาได้เหมือนกัน” เกาโม่หานเป็นคนตอบ
“ต้องขอบคุณสหายน้อยหลุนหุย ถ้าไม่ได้เป็นเพราะเขา พวกเราคงตายอยู่ในนั้นแล้ว” เกอจ้านกล่าว
หวงไห่กับหลิวจิวหยวนมีสีหน้าไม่สบายใจ แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา
ในทางกลับกัน ค่งหลี่ฉุนผู้มีมนุษย์สัมพันธ์ดีที่สุดในกลุ่ม ก็พูดขึ้นว่า
“ขอบคุณสหายน้อยหลุนหุยมากมายที่ช่วยพวกเราเอาไว้”
“ในเมื่อเราเป็นพวกเดียวกัน ยังไงก็ต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้ว” ฉู่ชวิ๋นตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
นอกจากหวงไห่กับหลิวจิวหยวนเพียงสองคน คนอื่น ๆ ก็ขอบคุณฉู่ชวิ๋นไม่หยุดปาก
“ว่าแต่ที่นี่คือที่ไหนกัน?” ค่งหลี่ฉุนกวาดตามองรอบตัว ก่อนที่จะหันกลับมามองหน้าเกาโม่หาน แล้วถามว่า “พี่เกา ในเมื่อคุณออกมาก่อนเป็นคนแรก ได้สำรวจพื้นที่แถวนี้บ้างหรือยัง?”
เกาโม่หานส่ายศีรษะตอบกลับไปว่า “เราออกมาก่อนหน้าพวกคุณแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น”
วูบ! วูบ!
หวงไห่กับหลิวจิวหยวนรีบถลาออกไปสำรวจรอบบริเวณทันที
ค่งหลี่ฉุนและคนอื่น ๆ ที่เหลือก็ทำตามเช่นกัน
“สหายน้อยหลุนหุย พวกเราก็ไปสำรวจกันบ้างเถอะ บางทีอาจจะมีของดีซ่อนอยู่ที่นี่บ้างก็เป็นได้” เกาโม่หานกล่าว
แต่เมื่อทุกคนสำรวจรอบบริเวณเรียบร้อยแล้ว กลับไม่พบเจออะไรเลย
“เหมือนจะไม่มีอะไรอยู่จริง ๆ แฮะ” เฮยจงว่า
“มันจะไปมีอะไรได้ยังไง” หวงไห่หัวเราะเยาะ ชี้มือไปที่กำแพงหิน แล้วกล่าวว่า “มีร่องรอยการต่อสู้อยู่เต็มไปหมด เป็นร่องรอยใหม่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานด้วย”
“สหายน้อยหลุนหุยน่าจะรู้คำตอบดีกระมัง?” หลิวจิวหยวนพูดออกมา ประกาศชัดว่าตัวคนร้ายคือฉู่ชวิ๋น
พวกเกาโม่หานรู้สึกเดือดดาลขึ้นมาเล็กน้อย หลิวจิวหยวนกับหวงไห่ไร้ยางอายเกินไปแล้ว นอกจากไม่ขอบคุณที่ชายหนุ่มช่วยชีวิตพวกมันเอาไว้ กลับยังมาตั้งข้อสงสัยว่าฉู่ชวิ๋นน่าจะขโมยของวิเศษเก็บเอาไว้คนเดียวอีก
“สหายน้อยหลุนหุย นายออกมาได้เป็นคนแรก ได้เก็บสมบัติอะไรติดตัวไปบ้างหรือไม่?” หลิวจิวหยวนมองฉู่ชวิ๋นตาขวาง
ฉู่ชวิ๋นจ้องตอบกลับไปอย่างไร้อารมณ์ พูดด้วยน้ำเสียงยานคางว่า “ร่องรอยการต่อสู้พวกนี้เป็นฉันทิ้งเอาไว้จริง ๆ”
“เก็บของวิเศษอะไรไว้ รีบเอาออกมาให้พวกเราดูเดี๋ยวนี้” หวงไห่แสยะยิ้ม
“แกมีสิทธิ์อะไร ที่ฉันต้องให้ดู?” ฉู่ชวิ๋นขึงตามองอย่างเอาเรื่อง
“ว่าไงนะ…” หวงไห่มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
“พวกเราไปกันเถอะ” ฉู่ชวิ๋นพูดจบก็ก้าวเดินนำหน้า บนผนังหินมีประตูบานหนึ่งที่สูงสองเมตรปรากฏขึ้นในสายตา
เกาโม่หาน เกอจ้าน เตียวซิงอี้ ติดตามฉู่ชวิ๋นหายลับเข้าไปหลังประตูบานนั้นอย่างรวดเร็ว
“หยุดก่อน” หวงไห่คำรามขณะจะกระโดดตามไป
ตู้ม!
ผิวน้ำในทะเลสาบลาวาระเบิดตัวสูงขึ้นไปในอากาศนับสิบเมตร ก่อนที่หางมังกรขนาดใหญ่จะฟาดเข้าใส่หวงไห่ในพริบตา
หวงไห่รีบยิงพลังลมปราณรับมือหางมังกรด้วยความตกใจกลัว บรรยากาศเต็มไปด้วยความระทึกขวัญ
เปรี้ยง!
หางมังกรฟาดหวงไห่จมหายลงไปใต้พื้นดิน ละอองลาวาสาดกระเซ็น เผาไหม้เสื้อผ้ารวมถึงเส้นผมของหวงไห่ละลายหายไปหลายส่วน
เมื่อพวกของค่งหลี่ฉุนเห็นดังนั้น สีหน้าของพวกมันก็แปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว รีบเดินตรงไปที่บานประตูอย่างไม่คิดอะไรอีกแล้ว
หวงไห่ทั้งตกตะลึงทั้งโกรธแค้น ส่งเสียงคำรามก่อนกระโดดกลับขึ้นมาจากใต้พื้นดิน และวิ่งแซงหน้าทุกคนหายเข้าไปหลังบานประตูอย่างหน้าไม่อาย
โชคดีที่หลังจากหางมังกรเล่นงานหวงไห่แล้ว มันก็หายกลับไปใต้ทะเลสาบลาวาอีกครั้ง ไม่เช่นนั้นแล้วหวงไห่คงไม่สามารถหลบหนีมาได้โดยง่ายอย่างนี้
เมื่อผ่านประตูหินเข้ามาแล้ว ทุกคนก็รู้สึกได้ทันทีว่าสภาพแวดล้อมรอบตัวเปลี่ยนแปลงไป จากถ้ำใต้ดินก็อุดมไปด้วยพื้นหญ้าเขียวขจี ดอกไม้บานสะพรั่ง มีแม่น้ำใสสะอาด ราวกับอยู่ในดินแดนแห่งเทพนิยายก็ไม่ปาน
หลังจากผ่านเหตุการณ์คับขันเกือบถึงชีวิตมาแล้ว ช่วยไม่ได้ที่ทุกคนจะรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
ฉู่ชวิ๋นก็กำลังชื่นชมความสวยงามของทัศนียภาพเบื้องหน้าอยู่เช่นกัน หลังจากต้องทนอยู่ในถ้ำใต้ดินที่เต็มไปด้วยลาวาอยู่นานสองนาน สิ่งที่เขากำลังพบเจออยู่ในตอนนี้ นับว่าน่าดึงดูดใจกว่ากันหลายเท่านัก
วูบ!
หวงไห่พลันวิ่งมายืนขวางหน้าเขาด้วยความเดือดดาล หอบหายใจหนักหน่วง ผมเผ้าเว้าแหว่งเพราะถูกลาวาละลาย มีควันลอยโขมง ร่างกายหลายส่วนเป็นแผลพุพอง เต็มไปด้วยรอยเลือด สภาพดูน่าอนาจใจเหลือเกิน
“พี่หวง เป็นอย่างไรบ้าง?” ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่างน้อยพวกมันก็เป็นเผ่าพันธุ์สัตว์ร้ายกลายพันธุ์เหมือนกัน ทำให้ค่งหลี่ฉุนทำตัวนิ่งเฉยไม่ได้เด็ดขาด
หวงไห่มองหน้าฉู่ชวิ๋นด้วยความแค้น “แกรู้ใช่ไหมว่ามีสัตว์ประหลาดอยู่ในทะเลสาบ?”
“รู้สิ” ฉู่ชวิ๋นตอบหน้าตาเฉย
“รู้แล้วทำไมไม่บอก?” หวงไห่คำรามด้วยความเดือดดาล
“ก็สงสัยไม่ใช่หรือไงว่าร่องรอยการต่อสู้บนผนังเกิดขึ้นได้ยังไง? ถ้าไม่ให้แกเห็นด้วยตาของตัวเอง แกก็คงไม่เชื่อหรอก”
“นี่เจ้าตั้งใจกลั่นแกล้งข้าใช่หรือไม่?” หวงไห่กัดฟันกรอดด้วยความเดือดดาล
วูบ!
ฉู่ชวิ๋นขยับเท้าเดินเข้าหาหวงไห่ แล้วปล่อยหมัดออกไปด้วยความรวดเร็ว
เดิมทีหวงไห่ได้รับบาดเจ็บ ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉู่ชวิ๋นอยู่แล้ว เนื่องจากฉู่ชวิ๋นลงมือด้วยความรวดเร็วเกินไป อีกฝ่ายไม่สามารถหลบหนีได้เลย
ผลั่ก!
เสียงกำปั้นปะทะใบหน้าคนดังสนั่น หวงไห่ร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ฟันกระเด็นหลุดออกมาจากปากหลายซี่ ทุกคนได้ยินเสียงกระดูกแตกหักดังออกมาชัดเจน
ฉู่ชวิ๋นเดินตามติดเข้าไปตวัดขาเตะหวงไห่อย่างแรง ทำให้กระดูกชายโครงหักไปอีกหลายส่วน
ผลั่ก!
หวงไห่กลิ้งไปบนพื้นหลายสิบตลบ ก่อนจะนอนแน่นิ่งในที่สุด
“สหายน้อยหลุนหุย ได้โปรดยั้งมือไว้ไมตรีด้วย” ค่งหลี่ฉุนตะโกนเสียงดัง หวงไห่จะอย่างไรก็เป็นสัตว์ร้ายกลายพันธุ์เหมือนพวกมัน เมื่อเห็นว่าถูกผู้คนทุบตีอย่างไร้ทางสู้เช่นนี้แล้ว พลอยให้รู้สึกว่าเผ่าพันธุ์ของสัตว์ร้ายกลายพันธุ์สายพันธุ์อื่น ๆ ก็โดนตบหน้าตามไปด้วย
“ฉันอุตส่าห์ทำลายค่ายอาคม ช่วยชีวิตแกออกมา นอกจากไม่สำนึกบุญคุณ ยังคอยจ้องหาเรื่องฉันไม่เลิกไม่ลา นี่แกเห็นฉันคนนี้อารมณ์ดีมากหรือไง?” ฉู่ชวิ๋นพูดอย่างเย็นชา
บรรดาสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ในร่างมนุษย์ต่างก็มีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถึงแม้ว่าหวงไห่จะเป็นพวกเดียวกับพวกมันก็จริง แต่ที่ชายหนุ่มพูดมาก็ถูกต้อง เขาสลายค่ายอาคมช่วยเหลือทุกคนออกมา แต่สิ่งสำคัญก็คือหวงไห่คอยเอาแต่หาเรื่องหลุนหุยไม่หยุดหย่อน นับว่าสมควรโดนสั่งสอนแล้วจริง ๆ
“สหายน้อยหลุนหุยใจเย็นก่อน พี่หวงไม่ได้เจตนา” ค่งหลี่ฉุนพูด คาดเดาไม่ได้เลยว่าหนทางข้างหน้าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นอีกบ้าง? พวกมันยังคงจำเป็นต้องใช้งานหลุนหุย ดังนั้นในตอนนี้จะผิดใจกับชายหนุ่มไม่ได้เด็ดขาด
“หวังว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะ” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ก่อนจะหันกลับมามองหน้าหลิวจิวหยวน “แกก็อีกตัว ถ้ามาหาเรื่องฉันมากนัก เดี๋ยวฉันจะตบให้ลืมแก่เลยคอยดู”
หลิวจิวหยวนใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธแค้น อ้าปากออก แต่กลับไม่พูดอะไรออกมาเลย สุดท้ายก็ได้แต่เก็บความเจ็บแค้นอยู่ในใจว่า “หลุนหุย ตอนนี้ฉันจะปล่อยแกไปก่อน รอให้ถึงเวลาก่อนเถอะ แกจะต้องคุกเข่าร้องขอความเมตตาจากฉัน”
พวกเกาโม่หานรู้ตัวตนที่แท้จริงของฉู่ชวิ๋นแล้ว พวกเขาอดประหลาดใจไม่ได้ นับว่าจอมมารฉู่ชวิ๋นมีความเจ้าเล่ห์ร้ายกาจสมคำเล่าลือนัก
ทุกคนนั่งพักกันอยู่ชั่วครู่ใหญ่
กลุ่มสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ในร่างมนุษย์ช่วยหวงไห่รักษาอาการบาดเจ็บ
หวงไห่ได้รับบาดเจ็บไม่ใช่น้อย การลงมือของฉู่ชวิ๋นทำให้กระดูกแก้มของมันแตกร้าว กระดูกชายโครงแตกหัก
แต่เมื่อมีสัตว์ร้ายระดับเซียนห้าคนคอยช่วยเหลือ เคล็ดวิชารักษาอาการบาดเจ็บหลากหลายแขนงทุ่มเทเข้าใส่ ใช้เวลาเพียงครู่เดียว หวงไห่ก็มีอาการดีขึ้นมาแล้ว
“ไปกันเถอะ!” หลังจากฉู่ชวิ๋นพูดจบ เขาก็ลุกขึ้น แล้วออกเดินนำหน้าเป็นคนแรก
พวกเกาโม่หานตัดสินใจตามติดฉู่ชวิ๋นไม่ห่าง ฉู่ชวิ๋นไปที่ไหน พวกเขาก็จะไปที่นั่นเช่นกัน