จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 471 ดอกซานเซิง 2
บทที่ 471 ดอกซานเซิง 2
ในใจของฉู่ชวิ๋นคิดถึงแต่เรื่องดอกซานเซิง ตอนนี้ไม่มีเวลาพูดอะไรอีกแล้ว ชายหนุ่มรีบกระโดดตรงเข้าไปหาทิศทางของแสงสว่างทันที
พวกเกาโม่หานทั้งสามคนหันมองหน้ากัน ก่อนที่เกาโม่หานจะช่วยประคองหลิวจิวหยวนขึ้นจากพื้นและติดตามชายหนุ่มไปอย่างรวดเร็ว
เจ็ดพี่น้องจิ้งจอกสาวก็ติดตามเขามาเช่นกัน
หวงไห่ได้รับบาดเจ็บสาหัส กลุ่มสัตว์ร้ายกลายพันธุ์รู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง แต่หวงไห่ก็ฝืนสังขารลากร่างตัวเองก่อนลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก
“พวกเราไปกันเถอะ” ค่งหลี่ฉุนพูด
เฮยจงประคองหวงไห่ ก่อนที่จะพากันติดตามฉู่ชวิ๋นไปเป็นพวกสุดท้าย
ฉู่ชวิ๋นตรวจสอบทิศทางลม แล้วจึงรีบรุดไปยังตำแหน่งที่ตั้งของดอกซานเซิงในอีกไม่กี่นาทีต่อมา
เมื่อทุกคนเงยหน้ามองขึ้นไป ก็เห็นว่าบนยอดเขาที่มีความสูงกว่า 20 เมตร กำลังมีแสงสามสีเปล่งประกายเจิดจ้า และบริเวณฐานของแสงมีดาบสามเล่มปักอยู่สะดุดตา
มันเป็นดาบสามสี คือดาบสีแดง ดาบสีขาวและดาบสีน้ำเงิน
หัวใจของฉู่ชวิ๋นเต้นระรัว ในที่สุดดอกซานเซิงก็อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
“เสี่ยวหวู่ รอก่อนนะ อีกไม่นานก็จบแล้ว” ฉู่ชวิ๋นพึมพำ
แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้รีบร้อนขึ้นไปเก็บดอกซานเซิงบนยอดเขาโดยทันที เนื่องจากพอจะคาดการณ์ได้ว่าดาบสามสีเหล่านี้มีอันตรายอยู่ไม่น้อย และหน้าที่ของพวกมันก็คือการปกป้องดอกซานเซิงนั่นเอง
ถ้าจะขึ้นไปเก็บดอกไม้ ก็ต้องทำลายดาบทั้งสามเล่มให้ได้เสียก่อน
ทุกคนล้วนทราบดีว่าสมบัติล้ำค่ามักจะมีสัตว์ร้ายคอยคุ้มครองอารักขา แต่ไม่มีใครคิดเลยว่าอาวุธวิเศษก็ทำหน้าที่นี้ได้เช่นกัน
ฉู่ชวิ๋นยืนอยู่ห่างไกลนับร้อยเมตร ยังรู้สึกได้ถึงพลังรุนแรงที่แผ่ออกมาจากตัวดาบ ทำให้เขารู้สึกเย็นเฉียบไปทั่วตัว
ในขณะนี้ พวกเกาโม่หานและฉือเม่ยติดตามเขามาจนถึงที่นี่แล้ว
ไม่นานหลังจากนั้น สัตว์ร้ายกลายพันธุ์ในร่างมนุษย์ก็มาถึงเช่นกัน
ทุกคนจ้องมองดอกซานเซิงบนยอดเขาด้วยดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ
บรรดาสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ขั้นเซียนทั้งหกหันมาพยักหน้าให้กัน และพร้อมใจกันบุกตะลุยขึ้นยอดเขาโดยไม่สนใจอะไรอีกทั้งสิ้น
ฝ่ายเกาโม่หานหันมามองหน้าฉู่ชวิ๋น เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มยังไม่เคลื่อนไหว พวกเขาก็ต้องสงบใจไม่เคลื่อนไหวเช่นกัน
จอมมารฉู่ชวิ๋นยังไม่ลงมือ แสดงว่าต้องมีปัญหาเป็นแน่แท้
กลุ่มสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ทั้งห้าชีวิตเข้าถึงบริเวณตีนเขาได้อย่างรวดเร็ว มีแต่เพียงหวงไห่ผู้บาดเจ็บคนเดียวเท่านั้นที่เชื่องช้ามากกว่าใครเพื่อน
เมื่อเทียบกับภูเขาที่มีขนาดกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาของโลกภายนอกแล้ว เขาลูกนี้เป็นเพียงแค่เนินเล็ก ๆ เท่านั้น สำหรับผู้มีพลังขั้นเซียน ไม่ใช่ปัญหาเลยในการปีนขึ้นไป
เมื่อเข้าถึงบริเวณตีนเขาได้เรียบร้อยแล้ว สัตว์ร้ายกลายพันธุ์ในร่างมนุษย์ก็หันมาพยักหน้าให้กันอีกครั้ง ก่อนที่จะพุ่งตรงเข้าไปหาดาบสามสีทั้งสามเล่มในพริบตาเดียว
ดาบสามสีส่องแสงสว่างไสว บังเกิดเสียงคำรามเล็กน้อย แล้วแสงสว่างก็แผดเจิดจ้า
วูบ…!
คมดาบเป็นประกายแวววาว ตัวดาบลอยขึ้นกลางอากาศ และหันหน้ามาทางสัตว์ร้ายกลายพันธุ์โดยอัตโนมัติ
แล้ววินาทีต่อมา ดาบทั้งสามเล่มก็พุ่งเข้ามาหาพวกสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ในร่างมนุษย์ ลำแสงระเบิดตัวสว่างไสว มวลอากาศปั่นป่วนน่าหวาดกลัว
“พวกเราลงมือ”
ค่งหลี่ฉุนร้องคำราม ตัวมันเองและคนที่เหลือซัดพลังลมปราณออกไปพร้อมกัน มวลอากาศระเบิดตัวไม่หยุดยั้ง
แต่ดาบทั้งสามเล่มก็ยังพุ่งแหวกพลังลมปราณเข้ามาโจมตีสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ทั้งห้าได้อย่างดุดันอยู่ดี
สีหน้าของพวกมันแสดงออกถึงความหวาดกลัว ดาบทั้งสามเล่มนี้เห็นได้ชัดว่าข้ามพ้นการเป็นอาวุธลึกลับไปแล้ว
ค่งหลี่ฉุนส่งเสียงคำราม ประกบมือเข้าด้วยกัน โคจรพลังมาจากทั่วร่างกาย พลังของมันน่ากลัวไม่ใช่เล่น และเมื่อโจมตีออกไป ค่งหลี่ฉุนก็มีเป้าหมายอยู่ที่ดาบสีแดงเป็นพิเศษ
แต่ทว่า ดาบสีแดงเหมือนกับมีสติปัญญา มันสามารถหลบหลีกลมปราณที่ถูกยิงเข้าใส่ได้อย่างคล่องแคล่ว ซ้ำยังระเบิดเปลวไฟลุกพรึ่บขึ้นบนตัวดาบ เผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างที่มันพุ่งผ่านราวกับไฟลาวา
ค่งหลี่ฉุนไม่ได้หลบหนี แขนเสื้อครึ่งหนึ่งถูกเปลวไฟเผาไหม้ไปแล้ว มันตกตะลึงเกินกว่าจะหลบหนีได้
หลางมู่แผดเสียงก่อนจะแปลงร่างเป็นหมาป่าตัวใหญ่ และใช้กรงเล็บตะปบเข้าใส่ดาบสีน้ำเงิน พลังกรงเล็บของมันรุนแรงมากพอที่จะถล่มภูเขาได้ทั้งลูก
เคล้ง!
เปลวไฟสาดกระจายไปทั่วบริเวณ หลางมู่คำรามในลำคอด้วยความเจ็บปวด กรงเล็บของมันถูกดาบฟันเข้าอย่างจัง
ในขณะนี้ ดาบสีขาวตวัดตัววูบวาบ ลำแสงสีขาวสว่างไสวแสบตา ในขณะที่มันบินร่อนไปร่อนมากลางอากาศ
ฟู่!
เลือดสาดกระจาย เฮยจงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด แขนข้างหนึ่งของมันตั้งแต่ช่วงหัวไหล่ ถูกตัดขาดไปแล้ว
พวกเกาโม่หานทั้งสามคนยืนมองด้วยความตกตะลึง ดาบวิเศษทั้งสามเล่มนี้มีความแข็งแกร่งในชนิดที่ว่าพวกเขาก็ไม่สามารถรับมือได้เช่นกัน
ชายชราทั้งสามคนหันมามองหน้าฉู่ชวิ๋น และพบว่าชายหนุ่มมีสีหน้าประหลาดใจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น คล้ายกับเขารู้อยู่ก่อนแล้วว่าดาบทั้งสามเล่มนี้ต้องไม่ธรรมดา
สัตว์ร้ายกลายพันธุ์ทั้งห้ายังคงต่อสู้กับดาบสามเล่มอย่างดุเดือด เสียงคำรามดังกึกก้องครั้งแล้วครั้งเล่า วิทยายุทธ์ทุกกระบวนท่าถูกนำออกมาใช้ พลังลมปราณถูกใช้ออกมาอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุด
“ทุกคน ได้เวลาใช้ของวิเศษแล้ว” ค่งหลี่ฉุนตะโกน เมื่อพลิกฝ่ามือ กระจกทองเหลืองก็ปรากฏขึ้นมา หน้าตาของมันดูเรียบง่ายไม่ต่างไปจากกระจกทองเหลืองทั่วไป
แต่เมื่อโคจรพลังเข้าใส่กระจกทองเหลืองบานนี้ มันก็มีความสว่างไสวไม่ต่างไปจากดาบวิเศษเลยทีเดียว
วูบ!
ดาบวิเศษหมุนตัวกลางอากาศ และพุ่งตรงเข้ามาหมายเล่นงานค่งหลี่ฉุน
วูบ!
ค่งหลี่ฉุนโคจรพลังลมปราณใส่กระจกทองเหลืองเพิ่มมากขึ้น ลำแสงสีทองพุ่งออกไปปะทะเข้ากับดาบสีแดง เกิดการระเบิดตูมตาม แล้วแผ่นดินก็สั่นสะเทือน คลื่นแรงกระแทกแผ่ไปทั่วบริเวณ
ดาบสีแดงลอยสูงขึ้นไป แม้แต่เปลวไฟบนตัวดาบก็ดูอ่อนแสงลงไปมาก
ค่งหลี่ฉุนเห็นดังนั้นก็รู้สึกลิงโลด ยิงพลังออกจากกระจกเล่นงานดาบสีแดงอีกครั้ง ตัวดาบเมื่อถูกโจมตีเข้าไปติด ๆ กันหลายครั้ง รัศมีสีแดงก็เริ่มเจือจางลงมากขึ้นเรื่อย ๆ
วูบ! วูบ!
ในขณะนี้ ดาบอีกสองเล่มพลันบินมาอยู่เคียงข้างดาบสีแดง มันบินวนรอบกันและกันเป็นวงกลม แล้วหลังจากนั้น พลังที่หดหายไปก็ฟื้นคืนกลับขึ้นมาอีกครั้ง
ดาบทั้งสามเล่มพร้อมใจกันรุมเล่นงานค่งหลี่ฉุน
ค่งหลี่ฉุนตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยิงพลังออกจากกระจกทองเหลืองตอบโต้กลับไป
ตู้ม!
พื้นดินระเบิดตัว ลำแสงจากกระจกทองเหลืองถูกดาบทั้งสามเล่มปัดป้องได้อย่างง่ายดาย แล้วดาบทั้งสามเล่มก็บินวนรอบกันและกันอีกครั้ง ก่อตัวเป็นค่ายกลดาบพุ่งเข้ามาเล่นงานค่งหลี่ฉุน
“อ๊าก…” ค่งหลี่ฉุนส่งเสียงร้องโหยหวนในขณะที่ตัวคนลอยกระเด็นออกไป แขนข้างหนึ่งถูกลำแสงจากคมดาบฟันเข้าอย่างจัง แล้วกระจกทองเหลืองในมือของมัน ก็หลุดกระเด็นลอยออกไป
กระจกทองเหลืองลอยมาทางฉู่ชวิ๋น ชายหนุ่มยกมือขึ้น ปล่อยพลังออกไปเล็กน้อย แล้วกระจกทองเหลืองก็เข้ามาอยู่ในมือของเขาอย่างง่ายดาย
อาวุธวิเศษของผู้มีพลังขั้นเซียน! ฉู่ชวิ๋นยิ้มมุมปาก ก่อนที่จะเก็บกระจกทองเหลืองเข้าในแหวนมิติอย่างรวดเร็ว
ดาบสามสีร่วมมือกันก่อสร้างค่ายกลดาบ เล่นงานสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ตัวแล้วตัวเล่า
หลังจากที่เห็นค่งหลี่ฉุนตกอยู่ในสภาพน่าอนาถเช่นนั้น สัตว์ร้ายกลายพันธุ์อีกสี่ตัวที่เหลืออยู่ก็ไม่กล้าประมาทแล้ว พวกมันเริ่มนำอาวุธคู่กายออกมาใช้งานอย่างไม่ลังเล
เฮยจงควงไม้คฑาสีดำ พลังลมปราณพวยพุ่งออกมารุนแรง
มนุษย์ผีดิบก็ถือหอกยาวสีดำ รอบตัวมีพลังสายฟ้ารุนแรงน่าหวั่นไหว
มนุษย์ปักษานำพัดทองคำออกมาจากแหวนมิติ มันมีลักษณะเหมือนกับพัดขนนกที่ฉู่ชวิ๋นเคยแย่งชิงมาจากมนุษย์ปักษาก่อนหน้านี้ทุกกระเบียดนิ้ว
หลางมู่กลับคืนสู่ร่างมนุษย์อีกครั้ง มันควงทวนที่มีความยาวแปดฟุตด้วยความว่องไว
แล้วพวกมันทั้งสี่ตัวก็ถาโถมเข้าใส่ดาบวิเศษทั้งสามเล่ม
จังหวะนั้น ท้องฟ้าพลันปกคลุมไปด้วยเมฆสีดำ พายุก่อตัวขึ้นมาแล้ว พื้นดินระเบิดตูมตาม นับว่าพลังของสัตว์ร้ายกลายพันธุ์เหล่านี้น่ากลัวไม่ใช่น้อยเลยจริง ๆ
พวกเกาโม่หานตกตะลึงมากเมื่อเห็นว่า ฝ่ายสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ที่กำลังโจมตีอย่างหนักหน่วงเริ่มได้เปรียบดาบวิเศษเหล่านั้นมากขึ้นทุกที
“โดนหลอกให้ตายใจแท้ ๆ” ฉู่ชวิ๋นพูดออกมาเหมือนรู้อะไรบางอย่าง
“ไม่หรอกกระมัง ดาบทั้งสามเล่มนั้นสู้ไม่ได้แล้วมากกว่า” เกาโม่หานกล่าว
พวกเฮยจงมีอาวุธวิเศษอยู่ในมือคนละชิ้น เมื่อปะทะเข้ากับดาบสามเล่ม ก็เห็นได้ชัดว่าฝ่ายหลังถูกกดดันจนใกล้จะพ่ายแพ้เต็มที
ฉู่ชวิ๋นยิ้มมุมปาก หัวเราะในลำคอ “พวกมันยังไม่ได้เอาจริงเลยต่างหาก”
พวกเกาโม่หานรับฟังด้วยความไม่อยากเชื่อ ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าเฮยจงและพรรคพวกกำลังจะเผด็จศึกได้สำเร็จอยู่แล้ว ดาบสามสียิ่งสู้ไปยิ่งหมองแสงลงเรื่อย ๆ ในขณะนี้ พวกมันจึงลอยตัวกลับไปอยู่บนบริเวณยอดเขาแล้ว
เฮยจงและพวกพ้องเห็นดังนั้นก็รีบตามติดขึ้นไปอย่างย่ามใจทันที
เมื่อเห็นว่ากลุ่มสัตว์ร้ายกลายพันธุ์คืบหน้าไปได้ไกลมากแล้ว ฝ่ายเกาโม่หานก็ทำท่าจะขึ้นเขาบ้างเช่นกัน
“ยังไม่ต้องไป” ฉู่ชวิ๋นเตือนทุกคน
ชายชราทั้งสามเกิดความลังเลขึ้นทันที สุดท้ายก็เลือกที่จะเชื่อคำเตือนของฉู่ชวิ๋น และยืนดูการเปลี่ยนแปลงต่อไป
เฮยจงกระโดดขึ้นไปนำหน้าทุกคน และเอื้อมมือคว้าจับดาบสีน้ำเงิน
แต่ในทันใดนั้นเอง ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปในพริบตาเดียว ปรากฏกรงเล็บสัตว์ที่ลุกเป็นไฟพุ่งเข้าใส่มนุษย์มังกรดำอย่างไม่มีสัญญาณเตือน
เฮยจงตกตะลึงแล้ว รู้สึกได้ถึงอันตรายถึงชีวิต มันรีบเค้นพลังออกมาอย่างรุนแรง และแผดเสียงคำรามใส่กรงเล็บสัตว์ที่กำลังพุ่งเข้ามา
เปรี้ยง!
เฮยจงระเบิดพลังลมปราณออกมาไม่หยุดยั้ง แต่พลังของกรงเล็บสัตว์ที่แผ่กลับมารุนแรงหนักหน่วงเสียจนขาของมันจมหายไปใต้พื้นดินแล้ว
“นี่มันอะไรกัน…”
เฮยจงร้องเสียงหลง ก่อนที่ขาของมันจะระเบิดกลายเป็นม่านหมอกเลือด บนพื้นดินเหลือแต่เพียงร่างกายครึ่งท่อนบนเท่านั้น
ทุกสายตาเฝ้ามองด้วยความสยองขวัญ กลุ่มสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ในร่างมนุษย์ที่ไล่ล่าดาบสามสีขึ้นมาบนยอดเขา ถึงกับขวัญหายคล้ายวิญญาณลอยออกจากร่าง พวกมันรีบหันหลังกลับ กระโดดลงมาจากยอดเขาแทบไม่ทัน
ฉู่ชวิ๋นหรี่ตามองเล็กน้อย และเห็นว่ากิเลนไฟตัวหนึ่งกำลังวิ่งฝาสายลมมาตั้งแต่ไกล
พวกเกาโม่หานจ้องมองสัตว์ประหลาดที่เพิ่งปรากฏตัวออกมาด้วยความอัศจรรย์ใจ มันมีขนาดร่างกายใหญ่โต หัวเป็นมังกร ตัวเป็นสิงโต สันหลังเสือ ช่วงเอวหมี ผิวหนังเป็นเกล็ดงู และกีบเท้าทั้งสี่ข้างของมันลุกโชนด้วยเปลวไฟโชติช่วง
“นี่น่ะหรือกิเลนไฟ” เกาโม่หานเบิกตาโต ถึงแม้ว่าตนเองจะมาจากตระกูลใหญ่ที่สืบทอดอำนาจกันมานับพันปี และเคยได้ยินเพียงชื่อเสียงของกิเลนไฟมาโดยตลอด ไม่เคยพบเจอตัวจริงในชีวิตเลยสักครั้ง วันนี้ไม่่คิดว่าจะได้เจอตัวตนในตำนานของจริง!