จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 49 เริ่มจากน้อยที่สุด[รีไรท์]
บทที่ 49 เริ่มจากน้อยที่สุด[รีไรท์]
สุดท้ายเรื่องของถางโร้วก็จบแล้วเสียที
ชื่อเสียงของหลินไค่กับเฉินเชี่ยนเชี่ยนเสียหายไปอย่างหนัก จากเป็นดาราที่มีชื่อเสียงโด่งดังกลายเป็นหมาจนตรอกไปไหนก็มีแต่คนขับไล่ มีการด่าทอไปทั่วอินเทอร์เน็ตให้พวกเขาออกไปจากวงการบันเทิงซะ
เฉินฮั่นหลงเองก็ไม่ได้ผิดคำสัญญา เพราะเขาหางานที่สบาย ๆ ให้ทั้งสองจริงๆ หลินไค่รูปร่างหน้าตาไม่เลว ผิวดีตัวนุ่ม เฉินฮั่นหลงก็เลยโยนให้ไปเป็นคนรับผิดชอบดูแลแขกของกลุ่มเหยี่ยวมังกร งานคล้าย ๆ กับ พ่อบ้าน
ส่วนเฉินเชี่ยนเชี่ยนเทียบก็หลินไค่แล้วเหมือนกัน เธอกลายเป็นผู้ดูแลสาวตอนแรกเขาจะสั่งเก็บหลินหงกับหวงเฉินกวง แต่มันจะไปขัดกับคำขอของเจิ้งก่วงอี้ เจิ้งก่วงอี้บอกว่าจะจัดการสองคนนั้นเอง
เจิ้งก่วงอี้เป็นคนที่เริ่มจากเสื่อผืนหมอนใบแต่ไม่เหมือนกับเฉินฮั่นหลงที่ทำอะไรแบบไม่มีเหตุผล เขาไม่ใช่มือสมัครเล่นเชื่อว่าเพื่อให้ได้หน้าจากฉู่ชวิ๋น หลินหงกับหวงเฉินกวงคงมีจุดจบที่แย่กว่าที่ทุกคนคิดไว้แน่ ๆ !
ถางโร้ว กลายเป็นผู้ชนะเพราะทั่วทั้งสังคมออนไลน์ต่างก็เห็นอกเห็นใจ ถางโร้วหลาย ๆ คนที่ด่าตอนแรกเปลี่ยนเป็นแฟนคลับของเธอแทน เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง คนติดตามในเว่ยป๋อ*ของเธอก็เพิ่มขึ้นมาห้าแสนกว่าคน
(“เว่ยป๋อ” คล้ายลูกผสมระหว่างทวิตเตอร์กับเฟซบุ๊ก มีผู้ใช้คิดเป็นร้อยละ 30 ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหมดในสาธารณรัฐประชาชนจีน หรือประมาณ 500 ล้านคน)
……
เพียงวันเดียวแต่กลับมีการเปลี่ยนแปลงสูงขนาดนี้ ทำให้ถางโร้วรู้สึกเหนื่อยไม่น้อย สุดท้ายก็โดนเฉินฮั่นหลงคะยั้นคะยอให้กลับบ้านไปพักผ่อน แต่พอขับรถผ่านร้านขายโทรศัพท์ร้านหนึ่ง ถางโร้วก็ขู่บังคับฉู่ชวิ๋นให้ซื้อโทรศัพท์ใหม่ จะได้ติดต่อกันได้ง่าย ๆ
ฉู่ชวิ๋นพอกลับถึงภูเขาเฉียนหลง เขาก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะบรรลุพลังอีกขั้นหนึ่ง ในตอนดึก…ฉู่ชวิ๋นที่กำลังฝึกฝนอยู่ก็รู้สึกแปลก ๆ เขาลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินไปนอกระเบียงแล้วเงยหน้าขึ้นมองบนฟ้า
เขาเห็นดวงดาวที่เต็มท้องฟ้าค่อย ๆ จางหายไปเรื่อย ๆ จนท้องฟ้าราวกับโดนความมืดเข้าครอบงำ แผ่นฟ้าเงียบสงบจนน่าพิศวง
“ปัง!”
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วท้องฟ้า รูม่านตาของ ฉู่ชวิ๋นหดลง รู้สึกเจ็บปวดปรากฏในหัวใจ
“ปัง ปัง….”
เสียงดังสนั่นยังคงดังขึ้นไม่หยุด ผืนดินเริ่มสั่นไหวจนบ้านสั่นไปทั้งหลัง
“วิ้ง!”
ลำแสงเส้นหนึ่งพุ่งผ่านแผ่นฟ้า ราวกับแผ่นฟ้าถูกฝ่าออกสองส่วน
รอยแยกนั่นส่งแสงออกอยู่นานไม่เลือนหายไป ดวงตาของฉู่ชวิ๋นหรี่ลงเมื่อเห็นดวงดาวนับรอยดวงถูกดูดเข้าไปในรอยแยก สุดท้ายก็ถูกพลังงานบางอย่างบดขยี้ดวงดาวจนละเอียด
“กลียุคแห่งกาลเวลา” ฉู่ชวิ๋นพูดกับตัวเอง
กลียุคแห่งกาลเวลาเป็นสิ่งที่ซ้อนเร้นอยู่ลึกในห้วงเวลา ภายในมีพลังที่ยากจะคาดเดา ถึงขนาดเขาที่เป็นจักรพรรดิเซียนถ้าจะเข้าไปในกลียุคแห่งกาลเวลายังต้องระวังตัวเป็นอย่างมาก
ทันใดนั้น รอยแยกก็มีแสงนับแสนนับล้านดวงพุ่งออกมา ทำให้เขาที่มองอยู่ยังต้องหันไปมองทางอื่น
“เพียงแค่ได้พบเจ้าอีกครั้ง ถึงแม้จะต้องมอดไหม้ไม่ได้กลับมาเป็นคน หรือจะต้องเวียนว่ายตายเกิดไม่จบสิ้นก็ข้ายอม”
เขาค่อย ๆ หันไปมองท้องฟ้าอีกครั้ง ท่ามกลางแสงนับแสนนับล้านพุ่งออกมาจากนั้นก็ราวกับว่ามีเงาของใครคนหนึ่งตามออกมาพร้อมคำพูดราวกับคำพร่ำเพ้อที่ซาบซึ้ง ไม่นานแสงนั่นก็เลือนหายไปแผ่นฟ้ากลับเข้าสู่สภาพมืดมนอีกครั้ง
ฉู่ชวิ๋นพอตั้งสติได้ก็รู้สึกถึงความเย็นบนใบหน้า เขาใช้มือลูบดูปรากฏว่าเขาน้ำตาไหล ทำไมหัวใจถึงเจ็บปวดขนาดนี้? ทำไมเขาถึงร้องไห้?
แม้แสงอาทิตย์วันใหม่จะเริ่มสาดส่องทอแสงไปทั่วบริเวณ ฉู่ชวิ๋นถึงได้รู้ว่าเขายืนอยู่ตรงนี้ทั้งคืน
เรื่องความรู้สึกเจ็บปวดหัวใจแบบนี้ เขาไม่เคยมีมาก่อน
ฉู่ชวิ๋นเดินกลับเข้าไปในบ้าน แววตายังคงเต็มไปด้วยคำถาม ร่างที่อยู่ท่ามกลางแสงนั่นยังคงวนเวียนอยู่ในหัวเขาอยู่ ‘อีกฝ่ายแหวกมิติเวลามาที่นี่เธอเป็นใครกันแน่ ทำไมเราถึงปวดหัวใจขนาดนี้’
และในเวลานี้เอง เฉินฮั่นหลงก็มาพอดี เขามาเก็บเอาหยดน้ำค้างได้ตรงเวลายิ่งกว่าเวลาไปทำงานซะอีก
“อรุณสวัสดิ์ครับนายท่าน” เฉินฮั่นหลงกล่าวทักทาย
ฉู่ชวิ๋นหยุดคิดไปชั่วขณะ ก่อนจะพยักหน้ารับ
“พักนี้ได้ยินข่าวคราวจากไป๋เหรินเจี๋ยบ้างหรือเปล่า?” ฉู่ชวิ๋นถามออกมา
“ไป๋เหรินเจี๋ยโทรมาสองสามครั้งครับ เห็นบอกว่าได้ที่อยู่ที่แน่ชัดของบ่อนนั่นแล้ว” เฉินฮั่นหลงพูดอย่างตื่นเต้น
“นายดูสถานที่ให้แน่ชัด แล้วไปกับฉันตอนเย็นวันนี้เลย” ฉู่ชวิ๋นร้อนใจมาก
“ครับ” เฉินฮั่นหลงพยักหน้าอย่ารวดเร็วใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
……
……
ในตอนใกล้ค่ำ เฉินฮั่นหลงขับรถพาฉู่ชวิ๋นตรงไปยังชานเมือง ขับมาชั่วโมงกว่า ๆ รถก็เคลื่อนเข้ามาในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง
หมู่บ้านนี้ไม่ใหญ่มาก เมื่อมองจากไกล ๆ จะเห็นว่ามีประมาณร้อยกว่าหลังคาเรือนและยังคงเป็นถนนลูกรัง
ขณะที่รถกำลังขับเข้าไปยังปากทางเข้าหมู่บ้าน ก็มีชายร่างกำยำสองคนเข้ามาขวางทางเอาไว้ ก่อนจะเคาะกระจกพอเลื่อนกระจกลงก็ยื่นหน้ากากมาให้สองอัน
เฉินฮั่นหลงรับหน้ากากมา ก่อนจะยื่นเงินให้สองปึกเป็นจำนวนเงินทั้งหมด 20,000 หยวน ชายร่างสูงใหญ่ก็ผายมือบอกให้ขับรถต่อไป
เฉินฮั่นหลงมองหน้ากากในมือ เขาอดไม่ได้ที่จะนิ่งไปพักหนึ่ง อันหนึ่งเป็นหน้ากากโจโฉสีขาว อีกอันหนึ่งกลับเป็นหน้ากากจางเฟยสีดำ คุณภาพของหน้ากากแย่มาก ๆ เพราะเขาได้กลิ่นวัสดุที่ทำมันขึ้นมา ของแบบนี้ข้างนอกราคาแค่ 5 หยวนเท่านั้น
“นายท่าน เข้าไปด้านใน จำเป็นต้องสวมหน้ากากครับ” เฉินฮั่นหลงอธิบาย
“เจ้าของที่นี่ก็รอบคอบไม่เบา” ฉู่ชวิ๋นยิ้มก่อนจะรับหน้ากากจางเฟยสีดำมาสวม
เฉินฮั่นหลงนิ่งไปพักหนึ่ง พรางนึกในใจว่านายท่านเอาไปผิดอันหรือเปล่า?
แต่ก็ไม่กล้าถามก่อนจะใส่หน้ากากโจโฉสีขาวแล้วขับรถต่อไป ขับไปประมาณสองร้อยเมตร ก็มีคนมาขวางทางอีก เมื่อลดกระจกลงก็มีชายรูปร่างสูงใหญ่ยื่นไพ่ให้สองใบ แจ็กโพแดง กับเคโพดำ คุณภาพก็งั้น ๆ ด้านนอกก็ประมาณใบละ 10 หยวน
เฉินฮั่นหลงรับมาพร้อมกับวิจารณ์มันในใจ นี่ก็ทำอย่างลวก ๆ เกินไปแล้ว!เฉินฮั่นหลงได้แต่กัดฟันก่อนจะยื่นเงิน 100,00 หยวนไปให้
“มันคืออะไร?” ฉู่ชวิ๋นถาม
“นี่คือใบผ่านทางครับ อารมณ์เหมือนบัตรผ่านประตูทำนองนั้น” เฉินฮั่นหลงตอบอย่างเสียดาย
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะในใจ ใช้เงิน 100,000 หยวนซื้อไพ่ธรรมดา 2 ใบ เจ้าของที่นี่ช่างน่าสนใจซะจริง ๆ ผ่านไปประมาณ 10 นาที ทางด้านหน้าก็มีบ้านของชาวบ้านขวางทางไว้อยู่
ก่อนจะมีชายรูปร่างสูงใหญ่สองคนเดินออกมาจากความมืดแล้วส่งสัญญาณให้ทั้งสองลงจากรถ พอทั้งสองลงมา หนึ่งในสองคนนั้นก็บอกให้เดินตามเขาไป
พอเดินเข้าไปในหมู่บ้าน ภายในเป็นพื้นที่รกร้างมีหญ้าขึ้นเต็มไปหมดแต่ฉู่ชวิ๋นรู้ว่ามีไม่ต่ำกว่าสิบคนซ่อนอยู่รอบด้าน ชายคนนั้นไม่พูดอะไร แล้วพาทั้งสองเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งก่อนจะยื่นมือไปเปิดหน้าต่างบานที่ใกล้จะพังเต็มที
“เคร้งๆ” เสียงของเครื่องจักร เชิงกำแพงหดตัวลงเผยให้เห็นทางที่จะให้ทั้งสองเดินไป เฉินฮั่นหลงอ้าปากค้างด้วยความตกใจ ชายคนนั้นก็ส่งสัญญาณให้ทั้งสองคนลงไปในทางลับ
ทีแรกเฉินฮั่นหลงจะลงไปก่อน แต่ฉู่ชวิ๋นเร็วกว่าเฉินฮั่นหลงไปก้าวหนึ่ง เฉินฮั่นหลงรู้ว่าฉู่ชวิ๋นอาจคิดว่าเป็นกับดักเลยลงไปก่อนแสดงให้เห็นว่ากำลังปกป้องเขาอยู่ เฉินฮั่นหลงรู้สึกขอบคุณในใจ
ทางเลียบบันไดหินลงไปทุก ๆ สิบเมตรจะมีชายรูปร่างใหญ่คอยดูแลอยู่ เดินไปประมาณ 10 นาที ประตูบานใหญ่กว้าง 2 เมตร สูง 3 เมตรพร้อมที่กั้นก็มีชายสองคนเปิดให้ พอเปิดออกแสงสว่างก็ปรากฏแก่สายตาของทั้งสอง
มองผ่านประตูเข้าไปด้านในก็เห็นแสงสว่างจ้า กับผู้คนที่แออัดยัดเหยียด เสียงตะโกนเรียกลูกค้าดังขึ้นไม่ขาดสาย
สาวงามเดินผ่านผู้คนไป ๆ มา ๆ
ทั้งสองเดินเข้าไปด้านในที่ใต้ดินแห่งนี้กว้างเกือบ ๆ พันตารางเมตร มีการตกแต่งที่ประณีตสวยงามราวกับพระราชวังใต้ดิน
“นายท่าน ไม่ทราบว่าจะเล่นอะไรครับ?” เฉินฮั่นหลงถามเบา ๆ
ที่นี่ทั้งสล็อต ไฮโล ไพ่ หมากรุก มีหมดทุกอย่าง
“ไฮโล” ฉู่ชวิ๋นพูดขึ้น
“นายท่านรอสักครู่ ผมจะไปแลกเงินให้”
“ที่นี่ลงได้ต่ำสุดเท่าไหร่?”
เฉินฮั่นหลงคว้าตัวของสาวงามหูกระต่ายที่เดินผ่านเอาไว้ ก่อนจะถามว่าที่นี่ลงต่ำที่สุดคือ 500 หยวน สาวหูกระต่ายพาเฉินฮั่นหลงไปแลกเงิน ถ้าชักชวนให้แขกแลกเงินได้มากเท่าไหร่ เธอก็จะได้เปอร์เซ็นต์ไปด้วย
บางครั้งแขกแลกเงินเยอะ เธอจะได้ค่าเปอร์เซ็นต์มากกว่าเงินเดือนซะอีก แต่พอเห็นเฉินฮั่นหลงแลกเงินแค่ 500 สาวหูกระต่ายก็แทบจะควักลูกตาเขาออกมา
หัวใจเธอเต้นแรงด้วยความโกรธแค้นอยากจะด่าพ่อ เฉินฮั่นหลง แต่ก็พยายามเก็บอารมณ์เอาไว้พร้อมคิดในใจไอ้ยาจกนี่มาจากไหนกัน?
เธอทำงานที่นี่มาตั้งนาน ไม่เคยเห็นใครแลกแค่ 500 หรือจะให้พูดอีกอย่าง ก็คือ ตั้งแต่มีบ่อนแห่งนี้ยังไม่เคยมีใครแลกเงินแค่นี้มาก่อน
เฉินฮั่นหลงก็อายมาก พอสังเกตเห็นสีหน้าที่ไม่สู้ดีของสาวหูกระต่าย ใบหน้าใต้หน้ากากของเขาก็แดงก่ำด้วยความเขินอาย ตอนนี้เขารู้แล้วว่าหน้ากากราคา 10000 หยวนนี่ไม่แพงสักนิด อย่างน้อยมันก็ปิดบังหน้าตาที่กำลังแดงด้วยความอายของเขาได้ เขาเตรียมเงินไว้หลายล้าน แต่ฉู่ชวิ๋นสั่งให้แลกแค่ 500 จะให้เขาทำยังไง?
พอเห็นแบบนี้ สาวหูกระต่ายก็สะบัดก้นเดินจากไป ไม่ได้สนใจเฉินฮั่นหลงอีกเลย เฉินฮั่นหลงแลกเงินแค่ 500 พอทุกคนเห็นพวกเขาก็แอบหัวเราะเยาะเฉินฮั่นหลงไม่หยุด
“นายท่าน ผมว่าเราแลกเยอะ ๆ หน่อยดีมั้ยครับ?” เฉินฮั่นหลงเสนอข้อคิดเห็นขึ้นเสียงเบา
ฉู่ชวิ๋นไม่สนใจแต่เดินไปยังโต๊ะพนันแทน วิธีเล่นไฮโลก็ง่าย ๆ คือทายสูงต่ำ ทายถูกก็จะได้เงินที่ลงไปกลับมาเท่าตัว! เจ้ามือยังเป็นหนุ่มน้อย ตานิดจมูกหน่อย มีไฝเล็ก ๆ ตรงมุมปาก ถือว่าหน้าตาเหมาะจะทำงานแบบนี้ เขายกถ้วยลูกเต๋านั้นขึ้นมาแล้วเขย่าอย่างรวดเร็ว ฝีมือธรรมดาไม่ได้มีอะไรพิเศษ
“แทงสูงหรือแทงต่ำ วางเงินแล้วถอยออก”
นักพนันทั้งหลายต่างทยอยกันวางเงินเดิมพัน
“วางแล้วถอยออก วางแล้วถอยออก” เจ้ามือพูดขึ้นอีกครั้ง
พอนักพนันวางเงินเสร็จแล้วพวกเขาทยอยกันออกห่าง ถ้วยลูกเต๋าในมือเขาก็วางลง ในตอนที่ลูกเต๋าถูกวางลงบนโต๊ะนั่นเอง เงิน 500 ในมือของฉู่ชวิ๋นก็ลอยปลิวไปตกไปที่คำว่า ต่ำ เจ้ามือหนุ่มอดไม่ได้ที่จะชายตามองฉู่ชวิ๋น ก่อนจะเปิดถ้วยลูกเต๋าออกอย่างรวดเร็ว
“1 2 3 ต่ำ!”
แวบเดียวคนที่วางต่ำก็เฮกันลั่น ส่วนคนที่วางสูงก็อดโทษนกโทษไม้ ไม่ได้ ฉู่ชวิ๋นเอาเงิน 1,000 มาโดยไม่ได้พูดอะไร
“4 6 6 สูง!”
“1 1 3 ต่ำ!”
“5 6 6 สูง!”
……
เงินตรงหน้าของฉู่ชวิ๋นเพิ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ เจ้ามือหนุ่มมองไปยังฉู่ชวิ๋นบ่อย ๆ สีหน้าไม่ได้นิ่งเหมือนเมื่อสักครู่แล้ว
“รีบวางรีบวาง วางแล้วถอยออก !” เจ้ามือตะโกนขึ้น
แต่กลับไม่มีคนวาง เพราะพวกเขารอดูฉู่ชวิ๋นทุก ๆ คนต่างก็สังเกตกันแล้วว่า ฉู่ชวิ๋นไม่เคยเสียเลยแม้แต่ครั้งเดียว พวกนั้นก็เลยรอตามฉู่ชวิ๋น ฉู่ชวิ๋นแทงอันไหนพวกเขาก็จะแทงตาม พวกเขาคิดว่าแบบนี้ต้องชนะแน่ๆ
ในตอนนี้เงิน 500 ของฉู่ชวิ๋นเปลี่ยนเป็น 500,000 แล้ว ฉู่ชวิ๋นเอาเงินทั้ง 500,000 แทงลงไป นักพนันคนอื่น ๆ ต่างก็แปลกใจ เพราะฉู่ชวิ๋นไม่ได้แทงสูงไม่ได้แทงต่ำ แต่เป็นเจ้ามือ เจ้ามือก็คือตอง ก็คือลูกเต่าทั้งสามออกมาเท่ากัน เพียงแค่เขย่าออกมาเป็นตอง เจ้ามือก็จะได้ไป
และถ้าเกิดมีคนดวงดีวางตองพอดี ก็จะได้เงินเป็น 5 เท่า แต่การวางตองนั้นมันเสี่ยงเกินไป เพราะอัตราการออกตองมีน้อยมาก นักพนันคนอื่น ๆ อดไม่ได้ที่จะลังเลว่าจะแทงตามฉู่ชวิ๋นดีไหม
สายตาเจ้ามือบ่งบอกถึงการถากถาง แล้วพูดขึ้นในใจ
“ไม่ว่าแกจะกินไปเท่าไหร่ ตอนนี้แกต้องคายออกมาให้หมด!”
เจ้ามือแตะไปที่ถ้วยลูกเต๋า และใช้เท้ากดปุ่มหนึ่งใต้โต๊ะจนรู้สึกว่าถ้วยลูกเต๋าขยับนิดหน่อย ใบหน้าของเขายิ้มอย่างเย่อหยิ่งก่อนจะเปิดถ้วยลูกเต่าอย่างรวดเร็ว ถ้วยลูกเต๋าเปิดออก รอยยิ้มบนใบหน้าของเจ้ามือก็หายไปพลางสายตามองดูจุดแดงสามจุดตรงหน้า
“ตอง 1!!”
นักพนันคนอื่น ๆ อดไม่ได้ที่ส่งเสียงดังร้องเกรียวกราว ก่อนจะตบหน้าอกตัวเองอย่างเสียดายที่ไม่ได้แทงตามฉู่ชวิ๋น
เฉินฮั่นหลงหัวเราะเหมือนคนโง่ ถึงแม้ว่าเขาจะมีเงินมากมาย แต่พอเห็นเงินจาก 500 เปลี่ยนเงินล้านก็ย่อมตื่นเต้นเป็นธรรมดาและเขาก็รู้ว่าเงินก้อนนี้จะเหมือนหิมะที่กลิ้งลงจากภูเขายิ่งกลิ้งก็ยิ่งใหญ่โต
เจ้ามือสีหน้าเสียญาติคนสนิท หน้าผากมีเหงื่อเม็ดโตผุดออกมา เขาไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร ทั้ง ๆ ที่โกงไปแล้วแต่ทำไมถึงไม่ได้ผล อีกอย่างครั้งนี้คนอื่น ๆ ไม่มีใครแทงเลย นั่นเท่ากับว่าครั้งนี้เขาทำให้บ่อนต้องเสียเงินอีก 2,500,000 และบ่อนก็ใช่ว่าจะใจบุญ ถ้าเขาไม่หาวิธีเอาเงินกลับมา เขาต้องตายแน่ ๆ