จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 76 สรรเสริญ เยินยอ![รีไรท์]
บทที่ 76 สรรเสริญ เยินยอ![รีไรท์]
รถทหารหลายคันหยุดลงที่โรงแรมหยุนเซียว เหล่านายทหารจำนวนเป็นโหล ๆ ต่างลงจากรถมาอย่างรวดเร็วพร้อมปืน ในมือ พวกเขาตั้งแนวป้องกันอยู่บริเวณโดยรอบประตูทางเข้าของโรงแรม
“คนอื่น ๆ ตามฉันเข้าไปข้างใน” นายทหารผิวดำคนหนึ่งตะคอกเสียงดัง
“ครับผม!” น้ำเสียงอ่อนน้อมทว่าดังชัดเจน
นายทหาร 10 นายถูกทิ้งไว้เฝ้าระวังอยู่ที่หน้าประตูของทางเข้าโรงแรม และส่วนที่เหลือต่างรีบรุดเข้าไปภายในโรงแรม
“ทุกคนอย่าขยับ!” เสียงดังปลุกให้ผู้คนตื่นตัว
“พรึบ!” กระสุนถูกบรรจุพร้อมยิง
เมื่อทุกคนได้ยินเสียงของทหารเหล่านี้ ผู้คนต่างก็สีหน้าเปลี่ยนแปลงไป ทหารกว่าร้อยนายยกปืนขึ้นส่องไปยังเหล่าแขกทั้งหลาย ชายชราตระกูลซูสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เพราะกลัวว่าท่าทีของทหารเหล่านี้ อาจเป็นผลทำให้ฉู่ชวิ๋นไม่พอใจ
ถึงแม้ทหารพร้อมกองกำลังติดอาวุธในมือจะดูน่าเกรงขามแต่ในสายตาของจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ มันก็เหมือนเด็กถือของเล่นเดินไปมาเท่านั้น
“ฉัน ผู้เฒ่าซู มีใครที่สามารถก้าวออกมาตรงนี้และตอบคำถามฉันได้บ้าง!” ชายชราตระกูลซู รีบตะโกนออกมา
นายทหารผิวสีตะลึงงันไปพักหนึ่ง เมื่อเห็นหน้าของชายชราชัดเจนเขาจึงรีบร้อนลดปืนลงและวิ่งเข้าไปพร้อมทำท่าแสดงความเคารพ!
สายตานายทหารต่างเต็มไปด้วยความเคารพชื่นชม เบื้องหน้าเขาคือ ชายชรา ที่เป็นตำนานของเหล่าทหารกล้าผู้ที่เป็นเหมือนจิตวิญญาณของทหาร ใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อรับใช้ชาติ คู่ควรแก่การเคารพเลื่อมใส
“กรมทหารราบที่ 29 กองร้อยที่ 3 ผู้บังคับบัญชาขงหย่งขอกล่าวทักทายหัวหน้า! หัวหน้าเชิญออกคำสั่งครับ”
“ขงหย่งฟังคำสั่งของฉัน! ตระกูลหยุนทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ด้วยความโหดเหี้ยม ฉันขอสั่งให้จับกุมคนตระกูลหยุนทุกคนไม่มียกเว้น รอจนกว่าจะขึ้นศาล ระหว่างนั้นห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าเยี่ยม ไม่มีการปรานี!”
เมื่อคิดถึงหญิงสาว 200 คนที่เสียชีวิตอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว น้ำตาใส ๆ ก็คลออยู่ที่ดวงตาของชายชรา…ตระกูลหยุนทั้งหมดจะต้องถูกกวาดล้าง!
“ครับผม!” ขงหย่งรับเสียงดัง
ตระกูลหยุนแม้จะยิ่งใหญ่ในในเมืองหยุนหยาน ซึ่งขงหย่งเองก็รู้จัก แต่ภารกิจของทหารคือการเชื่อฟังคำสั่งโดยไม่มีข้อสงสัยใด ๆ
“แยกกำลังเข้าจับกุม!” ขงหย่งหันกลับไปสั่งทหารหลายร้อยคน
หยุนไป่ซานทรุดลงไปกองกับพื้นราวกับคนที่ตายแล้ว วันนี้มีเหตุการณ์ทำให้เขารู้สึกขึ้นและลงหลายต่อหลายรอบจนรู้สึกตัวชา เขาเคยเป็นคนที่มีความสำคัญระดับสูงในเมือง หยุนหยางมามากว่าสิบปี ผู้เยาว์ในตระกูลหยุนต่างร้องห่มร้องไห้
“อย่าจับผม ผมไม่อยากตาย อย่าจับผมเลย…” ผู้เยาว์ในตระกูลหยุนบางคนต่างก็ขอร้องบ้างก็ขัดขืน
“ไม่มีความปรานีสำหรับคนที่คิดขัดขืน ฆ่าได้เลย” ชายชราตะคอก
“รับทราบ!” นายทหารผิวสีเล็งอาวุธไปยังตระกูลหยุน
เสียงร้องคร่ำครวญหยุดลงอย่างฉับพลัน ถ้ามีใครสงสัยในตัวของชายชรา และกล้าที่จะต่อต้าน วินาทีถัดมาลูกกระสุนคงจะฝังอยู่ที่หัวของพวกเขาเป็นแน่ พวกเขาได้แต่ยอมโดนจับกุม ไร้การต่อต้าน
หยุนสุ่ยเซิงยืนขึ้น มองฉู่ชวิ๋นด้วยแววตาซับซ้อน ฉู่ชวิ๋นรู้สึกถึงอะไรบางอย่างจึงหันไปมอง
“ขอบคุณมาก” หยุนสุ่ยเซิงสีหน้าสงบนิ่ง ไร้ความกลัว ใจเย็น กล่าวอย่างนุ่มนวล ฉู่ชวิ๋นรู้สึกสงสัยที่ทำไมอีกฝ่ายพูดขอบคุณเขา
“ฉันรู้ดีว่าตระกูลหยุนทำเรื่องเลวทรามมามาก ไม่ช้าก็เร็วมันต้องล่มสลาย ผลลัพธ์ของวันนี้อยู่ในการคาดเดาของฉัน แต่ที่ฉันไม่คิดว่ามันจะล่มสลายเพราะน้ำมือของคนเพียงคนเดียว”
“ถ้าคุณรู้ ทำไมต้องทำด้วยล่ะ?” ฉู่ชวิ๋นกล่าวอย่างไม่แยแส
“เกิดในตระกูลหยุน ย่อมไร้ทางเลือก” ฉู่ชวิ๋นไม่สนใจ เขาไม่ได้แยแสต่อคำพูดของหยุนสุ่ยเซิง
“ไป” นายทหารผลักหยุนสุ่ยเซิงไป
“เฮ้อ ในที่สุด ฉันก็เป็นอิสระเสียที!” หยุนสุ่ยเซิงถอนหายใจและถูกนำตัวไปโดยนายทหารอย่างไร้การขัดขืน
บางคนรู้สึกสุขใจ บางคนรู้สึกเป็นกังวล แขกบางคนรู้สึกดีใจที่ตนเองรอดตายมาได้ งานแต่งในวันนี้จะเป็นวันที่พวกเขาไม่มีทางลืมเด็ดขาดในชีวิตนี้
ส่วนแขกที่ถูกฆ่าโดยตระกูลหยุนย่อมไม่รู้สึกสุขใจเป็นแน่ ตระกูลหยุนล่มสลายและญาติที่ตายไปย่อมไม่สามารถกลับคืนมาได้
“ไปกันเถอะ” ฮวาชิงหวู่เดินมาคล้องแขนฉู่ชวิ๋นอย่างเป็นธรรมชาติ
ฉู่ชวิ๋นพยักหน้าลงเล็กน้อย
“หยุดก่อน” ฉู่ชวิ๋นและฮวาชิงหวู่หันไปมองและก็พบว่า นายทหารผิวสีดำ หันปากกระบอกปืนประชิดหลังพวกเขาอยู่
ชายชราตระกูลซูตกใจจะเกือบจะกระโดดออกมาพร้อมตะโกน “หยุดเดี๋ยวนี้” แต่ว่ามันสายเกินไปแล้ว
ดวงตาฉู่ชวิ๋นเย็นชา เขาแย่งเอาปืนอีกฝ่ายมาอย่างรวดเร็ว
เพียงแค่หมุนตัว ปืนไรเฟิลก็ตกอยู่ในมือของฉู่ชวิ๋นแล้ว เขาไม่อยากทำให้คนอื่นบาดเจ็บหรือทำลายอาวุธของพวกทหาร เขาก็มีเหตุมีผลเหมือนกัน
แต่เมื่อเป็น จักรพรรดิเซียน ย่อมมีนิสัยที่แก้ไม่หายอยู่ด้วย
นั่นคือ จักรพรรดิเซียน ย่อมไม่อาจถูกลบหลู่เกียรติได้
“พรึบ! พรึบ!” นายทหารคนอื่นต่างตกตะลึง หันปากกระบอกปืนเล็งไปที่ฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นแววตาเริ่มเปลี่ยนไป
“หยุดเดี๋ยวนี้!” ชายชราคำรามด้วยความเดือดดาล กล้าหันกระบอกปืนใส่เขา ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือไง?
“ผู้บังคับบัญชา” ขงหย่งไม่เข้าใจทำไมชายชราถึงมีปฏิกิริยาแบบนี้?
“ตู้ม!” ชายชราถีบขงหย่งล้มกลิ้ง แล้วเข้าไปชกซ้ำอย่างโหดเหี้ยม!
“ลดปืนลงเดี๋ยวนี้!”
“ลดปืนลงซะ!”
ขงหย่งไม่โง่งมจนเกินไปหรือว่ามีอะไรผิดพลาด มิฉะนั้น ชายชราคงไม่เสียสติจนถึงขั้นควบคุมอารมณ์ไม่อยู่แบบนี้
“ฟรึ่บ!” ทุกคนลดปืนลงทันที
“ลูกพี่ เป็นอะไรไหม?” ซูฟานตอบสนองโดยการวิ่งเข้าไปถามไถ่ เขาไม่รอฉู่ชวิ๋นตอบ เขาก็หมุนกลับไปและตะโกนด่านายทหารทันที “พวกแกไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย โง่ขนาดนี้มาเป็นทหารได้ยังไงกัน?”
ชายชราไม่กล้าเพิกเฉย ปรี่เข้ามาหาฉู่ชวิ๋นอย่างรวดเร็ว โน้มตัวลงและกล่าวด้วยความเคารพ “โปรดอภัยให้ด้วย ท่านผู้อาวุโส เป็นความรับผิดของกระผมเอง” ชายชราเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ซึ่งถูกอบรมมาให้มีความเคารพต่อผู้ที่แข็งแกร่งกว่าตนเอง เป็นเหตุผลให้เขาต้องเรียกฉู่ชวิ๋นว่า ผู้อาวุโส
ชายชราคิดอย่างมีเหตุผล แต่เขากลัวว่าขงหย่งและคนอื่น ๆ จะไม่เข้าใจ เหล่าทหารเคารพเทิดทูนผู้บังคับบัญชาสูงสุด การยกย่องชายหนุ่มคนหนึ่ง ย่อมทำให้พวกเขาสับสน พวกเขาต่างเดาว่าตัวตนของฉู่ชวิ๋นจะต้องเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่มากอย่างแน่นอน
แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่า คนแบบไหนที่สามารถทำให้ชายชราผู้ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ในกองทัพทั้งชีวิตเคารพได้มากขนาดนี้?
ถ้าไม่เห็นสถานการณ์ตรงหน้านี้ พวกเขาคงคิดว่า เจอผู้บังคับบัญชาตัวปลอมแน่ ๆ
“ลูกพี่ อย่าไปเอาเรื่องพวกโง่พวกนี้เลย พวกเขาถูกฝึกฝนให้นอนอยู่ในโคลนตลอดทั้งวัน ยกเว้นการเข้าห้องน้ำ ทุกอย่างต้องมาตามคำสั่ง ลูกพี่ เป็นคนฉลาดและทรงพลัง ลูกพี่อย่าทำลายภาพพจน์ในใจของผมลงเลยนะ…” ซูฟานพูดให้ภาพลักษณ์ของฉู่ชวิ๋นสูงขึ้นและมองหน้าฉู่ชวิ๋นอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวว่าฉู่ชวิ๋นจะพลั้งมือฆ่าคนเหล่านี้ด้วยความโมโห
“อย่าให้มีครั้งหน้า!” ฉู่ชวิ๋นพูดเบาๆ
ซูฟานโล่งใจ เขารู้ดีว่าฉู่ชวิ๋นไม่สนใจไยดีภาพลักษณ์ ถ้าทำอีกทหารพวกนี้คงตายหมดแน่ เขารีบพูดพร้อมรอยยิ้ม “ผมรู้อยู่แล้วว่าลูกพี่จิตใจกว้างขวาง เป็นผู้ที่พยุงความยุติธรรม คอยช่วยเหลือผู้คนหาที่เปรียบมิได้… “
กลุ่มทหารจ้องมองซูฟาน พวกเขาคุ้นเคยกับซูฟานมาก ผู้ชายคนนี้วิ่งไปที่ค่ายของพวกเขาเพื่อฝึกฝนและมักจะลากพวกเขาไปฝึกซ้อมด้วยเสมอ แต่ยามนี้ ซูฟาน กลายเป็นพวกประจบสอพลอ แบบไร้ระดับจริงๆ
“จะเป็นไรไหม ถ้าเราจะกลับไปก่อน” มีอีกสิ่งหนึ่งที่ฉู่ชวิ๋นคิดมานานแล้วมันก็เป็นเหตุผลที่ทำไมตระกูลหยุนจึงพยายามบังคับให้ฮวาชิงหวู่แต่งงาน กับหยุนหนานเฟิงให้ได้
“ลูกพี่ เกรงว่าตอนนี้จะยังไปไม่ได้” ซูฟานพูดทันที
ฉู่ชวิ๋นมองหน้าซูฟานแล้วถาม “มีอะไรอีก?”
“ลูกพี่ ผมชื่นชมลูกพี่มากที่ช่วยขจัดปัญหาเรื่องนี้ แต่ลูกพี่ช่วยชีวิตผู้คนจำนวนมากในวันนี้ คนเหล่านี้เป็นผู้มีอิทธิพลในเมืองหยุนหยางกันทั้งนั้น อย่างน้อยก็ให้โอกาสพวกเราได้ตอบแทนเถอะ” แขกทุกคนพยักหน้า แม้ว่าพวกเขาจะไม่ชอบคำพูดของซูฟาน แต่พวกเขาก็เห็นด้วยกับเรื่องตอบแทนฉู่ชวิ๋น
พวกเขาไม่ได้โง่ ความสามารถของฉู่ชวิ๋นไม่ธรรมดาเหตุการณ์ในวันนี้ไม่ได้พบเจออะไรแบบนี้ง่าย ๆ ในชั่วชีวิตนี้ เขาเป็นเหมือนพระเจ้ามาโปรด หากพวกเขาตีสนิทกับฉู่ชวิ๋นได้จะสบายไปอีก 3 ชาติ
“ไม่!” ฉู่ชวิ๋นพูดอย่างไร้เยื่อใย ฉู่ชวิ๋นไม่สนใจชีวิตคนพวกนี้ เขามาที่นี่เพื่อช่วยฮวาชิงหวู่ ซึ่งคนพวกนี้เป็นแค่ของแถม
“ลูกพี่อย่าพูดแบบนี้สิ ถึงลูกพี่จะไม่สนใจแต่เป็นผู้ช่วยชีวิตเลยนะใครมันจะปล่อยผ่านไปได้ ถ้าวันนี้พวกเราไม่ได้ขอบคุณลูกพี่ พวกเราจะถูกลงโทษด้วยความรู้สึกผิดชอบชั่วดี…และตายไปอย่างน่าหดหู่”
ดวงตาของทุกคนขาวซีด ซูฟานพูดมากเกินไป ไปผูกมัดพวกเขาไว้กับความตายแบบนี้
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะไม่ออก ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจที่รับอีกฝ่ายเป็นลูกน้อง เขาไม่รู้ว่าบอกเปลี่ยนใจได้หรือไม่ แต่ด้วยท่าทางของซูฟานแล้วคงจะไม่เห็นด้วยแน่นอน
“อืม ความขอบคุณของทุกคนฉันรับไว้แล้ว” ฉู่ชวิ๋น พูดพร้อมรอยยิ้ม
“ตอนนี้ฉันไปได้แล้วหรือยัง?”
“แบบนี้จะไปได้ได้ยังไงกัน?” ซูฟานตะโกนว่า “ผู้ช่วยชีวิตเป็นดั่งบิดามารดาคนที่สอง จะพูดขอบคุณแค่คำเดียวมันจะไปพอได้ยังไง ลูกพี่คงไม่ได้ดูถูกพวกเราหรอกนะ!”
แขกทุกคนมองไปที่ฉู่ชวิ๋นอย่างจริงจัง
สมองของฉู่ชวิ๋นว่างเปล่าไปสักพักหนึ่ง ซูฟานกำลังบอกว่าเขาดูถูกคนสำคัญทั้งหมดในเมืองหยุนหยาง อย่างนั้นเหรอ?
“ผมรู้ว่าลูกพี่ไม่ได้คิดแบบนั้น” ซูฟานหัวเราะ “ดูเหมือนว่าลูกพี่กำลังรีบและพวกเราก็ไม่สามารถขอบคุณลูกพี่ได้อย่างเต็มพิธีการ ดังนั้นพูดจากใจจริงเลย พวกเราแต่ละคนให้เงินคนละหนึ่งร้อยล้านหยวนเพื่อเป็นค่าน้ำชาโอเคไหม? เอาล่ะผมขอประเดิมเป็นคนแรก”
แขกทุกคนตกตะลึงก่อนจ้องมองซูฟานอย่างโกรธเคือง ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่มีเงิน แต่พวกเขารู้สึกหงุดหงิดมากกับท่าทีของซูฟานราวกับเขาเป็นตัวแทนของทุกคน
ถ้าฉู่ชวิ๋นรับเงินแล้วจากไป พวกเขาจะไปตีสนิทฉู่ชวิ๋นได้ยังไง? ทหารที่อยู่ใกล้เคียงต่างก็ตกตะลึงจนเผลอกัดลิ้น หนึ่งร้อยล้านมีคนร้อยคนอยู่ที่นี่นั่นคือหมื่นล้าน!
ฉู่ชวิ๋นตกใจนิดหน่อย เขาคิดว่าซูฟานหยาบคายมาก อ้าปากบอกจะจ่ายค่าน้ำชาหนึ่งร้อยล้านหยวน? ซูฟานถูกเลี้ยงมาแบบไหนถึงใช้เงินแทนน้ำเปล่า ใช้ล้างผลาญแบบนี้กลัวเงินไม่หมดหรือไง?
“ฉันจะเอาเงินมากมายไปเพื่ออะไร” ฉู่ชวิ๋นส่ายหัวปฏิเสธ
“แล้วแต่ที่ลูกพี่ต้องการเลย ชื่อเสียง ผู้หญิง…ผู้หญิง…” คำพูดของซูฟานไม่สามารถพูดต่อไปได้เพราะรอยยิ้มแปลก ๆ ของฮวาชิงหวู่ที่ส่งให้เขาเหมือนเธอกำลังวางแผนฆ่าเขาอยู่เลย!
ในฝูงชน ซูถังกำลังจ้องมองฉู่ชวิ๋นด้วยสายตาที่สับสน
“ถังถังเป็นอะไรหรือเปล่า? ไม่สบายตรงไหน? ให้ฉันพาเธอกลับบ้านก่อนดีไหม?” นักพนันสาว เห็นว่าซูถังผิดปกติไปเลยคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอเพราะก่อนหน้านี้ซูถังเกิดอาการหวาดกลัวอย่างรุนแรง
“ฉันสบายดี” ซูถังส่ายหัวและมองฉู่ชวิ๋นตลอดเวลา
นักพนันสาวมองดูตามสายตาของซูถังก็อดตะลึงปนสงสัยไม่ได้ “ซูถัง ทำไมเธอถึงจ้องมองเขาตลอดเลยละ” ซูถังพึมพำและขมวดคิ้ว
“ฉันรู้สึกว่าคุ้นเคยกับเขามาก ดูเหมือนว่าจะเคยพบเจอเขา ที่ไหนสักแห่ง? แต่ฉันจำไม่ได้” ซูถังทุบหัวตัวเองด้วยความเจ็บปวด
นักพนันสาวรู้สึกประหลาดใจแต่ก็ยิ้มเบา ๆ “ซูถัง เธออาจเข้าใจผิดก็ได้ เชื่อเถอะว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเขา”
“ไม่ ฉันต้องเคยเจอเขาแน่ ๆ แต่ฉันจำไม่ได้ …” ซูถังรู้สึกปวดหัวและพูดอย่างเจ็บปวด
ทันใดนั้นร่างกายที่บอบบางของเธอก็สั่นไหว ภาพที่กระจัดกระจายปรากฏอยู่ในจิตใจของเธอ
“ฉันจำได้แล้ว” ซูถังพูดออกมาทันที
“จำอะไร?” นักพนันหญิงถามโดยไม่รู้ตัว
“ฉันจำได้ว่าเขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตฉันเอาไว้”
ซูถังจ้องมองฉู่ชวิ๋นอย่างเงียบ ๆ ดวงตาของเธอเปลี่ยนไปอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อ