จารใจรัก [ส่วนที่ 5] - ตอนที่ 18-1 เทียบเชิญหลากจวน
ชุนหลันไปจัดเตรียมทุกสิ่งให้พร้อมสำหรับงานชมบุปผาในวันพรุ่งนี้ตามรูปแบบเดิมในปีที่ผ่านๆ มา
หลูเสวี่ยอิ๋งนั่งต่ออีกพักหนึ่ง ก่อนลุกขึ้นบอกว่าจะไปหาเซี่ยฟางหวาที่เรือนลั่วเหมย
พระชายาอิงชินอ๋องยิ้มพลางโบกมือ
หลูเสวี่ยอิ๋งออกมาจากเรือนหลัก
“ข้าก็ไม่มีธุระใด อยู่ช่วยท่านพี่เตรียมงานชมบุปผาดีกว่า” ชายารองหลิวเอ่ยขึ้น
พระชายาอิงชินอ๋องเองก็มิได้ปฏิเสธ ยิ้มพลางพยักหน้า “ในเมื่อเจ้าจะอยู่ช่วยข้า เช่นนั้นเอาอย่างนี้ ข้าก็ร่างเทียบเชิญด้วย ถือโอกาสเชิญฮูหยินในเมืองมาเช่นกัน ทุกฤดูในแต่ละปีที่ผ่านมาล้วนจัดงานชมบุปผาสองครั้ง งานชมบุปผาปีนี้ยังมิได้จัดขึ้นเลยสักครั้ง เหล่าฮูหยินที่รักดอกไม้เช่นเดียวกับข้าคงรออยู่เช่นกัน”
“ถูกต้อง จวนอ๋องของเราขาดความคึกคักมานานแล้ว” ชายารองหลิวยิ้มกล่าว
พระชายาอิงชินอ๋องเรียกชุ่ยเหอเข้ามา เอ่ยบอกนางว่า “เจ้าไปถามซื่อฮว่าที่เรือนลั่วเหมยว่า หวาเอ๋อร์ส่งเทียบเชิญให้คุณหนูตระกูลใดบ้าง ข้าจะได้ร่างอีกชุดหนึ่ง ส่งให้เหล่าฮูหยินด้วย”
“เจ้าค่ะ” ชุ่ยเหอรับคำแล้วออกไปทันที
ไม่นานชุ่ยเหอก็ย้อนกลับมา บอกรายชื่อคนที่เซี่ยฟางหวาส่งเทียบเชิญรอบหนึ่ง
“คุณหนูจวนเสนาบดีฝ่ายขวาบอกว่าจะมาพรุ่งนี้ด้วย” พระชายาอิงชินอ๋องแปลกใจ
“ตอนบ่าวได้ยินก็แปลกใจเช่นกันเจ้าค่ะ จึงลองถามดู ได้ความว่ามิใช่แค่คุณหนูหลี่เท่านั้นที่มา แต่
ฮูหยินหลี่ก็มาด้วยเช่นกัน” ชุ่ยเหอพยักหน้า
“หลี่หรูปี้มิใช่มุ่งมั่นจะออกบวชหรือ” พระชายาอิงชินอ๋องสงสัย
“บางทีอาจเปลี่ยนความคิดแล้วเจ้าค่ะ” ชุ่ยเหอตอบ
พระชายาอิงชินอ๋องพยักหน้า ไตร่ตรองพักหนึ่งก็เอ่ยถาม “เจิงเอ๋อร์ออกไปเมื่อรุ่งสางวันนี้ใช่ไหม บอกหรือไม่ว่าจะกลับมาเมื่อใด”
ชุ่ยเหอส่ายหน้า ตอบเสียงเบา “บ่าวแอบถามซื่อฮว่ามาแล้วเช่นกัน ฟังว่าท่านอ๋องน้อยเดินทางไกล ยังมิทราบวันกลับแน่ชัดเจ้าค่ะ”
พระชายาอิงชินอ๋องโล่งอก “เช่นนี้ก็ดี” หยุดชั่วครู่ กล่าวอีกว่า “อยู่ในเมืองเดียวกัน เสนาบดีฝ่ายขวากับท่านอ๋องก็เป็นขุนนางในราชสำนักเหมือนกัน เจิงเอ๋อร์กับเจ้าหลี่สนิทกันมาตั้งแต่เด็ก อย่างไรก็ต้องพบหน้ากันวันยังค่ำ หากมิอาจไปไหนมาไหนเพราะเหตุนี้ได้ก็น่าลำบากใจเช่นกัน หวังว่าหลี่หรูปี้จะคิดได้แล้วจริงๆ”
“ถ้ามิอย่างนั้นส่งคนไปสืบความที่จวนเสนาบดีฝ่ายขวาหรือไม่เจ้าคะ” ชุ่ยเหอหยั่งเชิงถาม
“ช่างเถอะ เสนาบดีฝ่ายขวาเป็นจิ้งจอกเฒ่า ทุกการเคลื่อนไหวของจวนใหญ่ในเมืองหลวงแห่งนี้ เขาล้วนรู้ได้ หากเขารู้ว่าเพื่อเรื่องนี้ข้าถึงกับส่งคนไปสืบความ ออกจะเสียมารยาทเกินไปหน่อย อีกอย่างเจิงเอ๋อร์ก็ไม่อยู่ในเรือน ในเมื่อหวาเอ๋อร์เชิญนางมา แสดงว่าตัดสินใจแล้ว หลี่หรูปี้คงไม่ทำอันใดในจวนอิงชินอ๋อง”
พระชายาอิงชินอ๋องโบกมือปัด
ชุ่ยเหอพยักหน้า
พระชายาอิงชินอ๋องเชิญฮูหยินหลากจวนมาโดยยึดตามรายชื่อของเซี่ยฟางหวา นอกจากนี้ยังเชิญ
ฮูหยินเสนาบดีฝ่ายซ้าย รวมถึงฮูหยินท่านอื่นที่รักดอกไม้ด้วยเช่นกัน จากนั้นส่งสี่ซุ่นจัดสรรคนไปส่งเทียบเชิญยังแต่ละจวนตามลำดับ
ผ่านไปเพียงไม่นาน ข่าวจวนอิงชินอ๋องจัดงานชมบุปผาก็เผยแพร่ไปทั่วเมืองหลวง
วังหลวงเองก็ทราบข่าวในเวลาเดียวกัน
ฉินอวี้ได้รับรายงานก่อนเป็นอันดับแรก แปลกใจเล็กน้อย จึงเอ่ยถามเสี่ยวเฉวียนจื่อ “เจ้าบอกว่าจวนอิงชินอ๋องจะจัดงานชมบุปผาหรือ”
“ทูลฝ่าบาท ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้เผยแพร่ไปทั่วเมืองหลวงแล้ว เหล่าฮูหยินที่มีความสัมพันธ์อันดีกับพระชายาอิงชินอ๋องล้วนได้รับเทียบเชิญพ่ะย่ะค่ะ” เสี่ยวเฉวียนจื่อพยักหน้าทันใด
“เวลาแบบนี้ ไฉนท่านป้าถึงนึกจัดงานชมบุปผาได้” ฉินอวี้ขมวดคิ้ว
“บ่าวสืบทราบมาว่า ผู้มีความคิดจัดงานชมบุปผาครั้งนี้คือพระชายาน้อย เพราะคุณหนูหลูเสวี่ยอิ๋งแห่งจวนเสนาบดีฝ่ายซ้ายกลับบ้านไปเกือบสองเดือนได้กลับจวนมาแล้วในวันนี้ จึงตั้งใจเชิญเหล่าคุณหนูที่มีความสัมพันธ์อันดีด้วยมาที่จวนอิงชินอ๋อง หลังพระชายาทราบก็นึกขึ้นได้ว่าปีนี้ยังมิได้จัดงานชมบุปผา จึงถือโอกาสเชิญเหล่าฮูหยินมาด้วยพ่ะย่ะค่ะ” เสี่ยวเฉวียนจื่อทูลตอบทันที
ฉินอวี้ขมวดคิ้ว เอ่ยถามเสี่ยวเฉวียนจื่อ “ฟางหวากับหลูเสวี่ยอิ๋งสนิทสนมกันหรือไม่”
เสี่ยวเฉวียนจื่อชะงัก ตอบอย่างคลุมเครือ “น่าจะระดับหนึ่งกระมังพ่ะย่ะค่ะ ฟังว่าตอนที่หลูเสวี่ยอิ๋งถูกฉินห้าวทรมานกายอย่างป่าเถื่อนจนแท้งลูก เป็นพระชายาน้อยที่ช่วยรักษา ถึงช่วยชีวิตนางกลับมาได้ เพราะเรื่องนี้ เสนาบดีฝ่ายซ้ายกับฮูหยินจึงซาบซึ้งต่อพระชายาน้อยมาก นับแต่นั้นจึงสนิมสนมและไปมาหาสู่กันพ่ะย่ะค่ะ”
ฉินอวี้วางสาส์นกราบทูลข้อราชการในมือลง ตรึกตรองพักหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น “นี่ไม่คล้ายเป็นเรื่องที่นางจะทำ นางไม่ชอบความคึกคัก โดยเฉพาะในเวลาแบบนี้ ไหนเลยยังมัวสบายใจได้”
“ถ้ามิอย่างนั้นให้บ่าวไปจวนอิงชินอ๋องสักรอบ ถามความตั้งใจของพระชายาน้อยดู” เสี่ยว
เฉวียนจื่อหยั่งเชิงถาม
ฉินอวี้ไตร่ตรองพักหนึ่ง เอ่ยบอกเขา “จวนอิงชินอ๋องส่งเทียบเชิญให้วังหลวงหรือไม่”
“คล้ายว่าไม่มีพ่ะย่ะค่ะ บ่าวมิได้ยินรายงาน” เสี่ยวเฉวียนจื่อส่ายหน้า
“เช่นนี้ เจ้าไปตำหนักไทเฮาสักรอบ ถามนางดูว่าพรุ่งนี้อยากออกไปผ่อนคลายจิตใจนอกวังหรือไม่” ฉินอวี้กำชับเสี่ยวเฉวียนจื่อ “หากไทเฮาตกลง เจ้าบอกนางว่า พรุ่งนี้เราจะไปชมดอกไม้ที่จวนอิงชินอ๋องกับนาง”
“ฝ่าบาท ท่านก็จะไปด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ” เสี่ยวเฉวียนจื่อชะงัก
ฉินอวี้พยักหน้า “ถูกต้อง เราจะไปด้วย” เอ่ยจบก็โบกมือ “เจ้ารีบไปเถอะ ถามไทเฮาดู”
เสี่ยวเฉวียนจื่อรับคำ ก่อนเดินไปยังตำหนักไทเฮาทันที
ไทเฮาย่อมทราบเรื่องจวนอิงชินอ๋องจะจัดงานชมบุปผาแล้วเช่นกัน และก็ออกจะแปลกใจอยู่บ้าง หรูอี้จึงบอกเรื่องหลูเสวี่ยอิ๋งกลับจวน เซี่ยฟางหวาเดิมทีเชิญแค่คุณหนูไม่กี่ท่าน โดยอ้างงานชมบุปผาเพื่อชุมนุมเล็กๆ ให้ฟัง ทั้งบอกว่าพระชายาอิงชินอ๋องจึงถือโอกาสนี้ส่งเทียบเชิญให้ฮูหยินหลายท่าน ไทเฮาจึงคลายความสงสัยลงทันที
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังคุยกัน เสี่ยวเฉวียนจื่อก็มาถึงตำหนักไทเฮา ถ่ายทอดความคิดของฉินอวี้ให้ฟัง
“ฝ่าบาทก็อยากไปชมดอกไม้ที่จวนอิงชินอ๋องด้วย” ไทเฮาทรงแปลกใจ
“ฝ่าบาททรงเห็นว่าไทเฮามิได้ออกไปนอกวังนานแล้วจึงจะเสด็จออกไปกับพระองค์ด้วยพ่ะย่ะค่ะ” เสี่ยวเฉวียนจื่อทูลตอบอย่างมีไหวพริบ
“กลับไปบอกฝ่าบาท เขากำลังยุ่งเรื่องการบริหารราชสำนัก ข้าไฉนเลยจะออกไปพักผ่อนหย่อนใจโดยรบกวนเขาได้ ไม่ไปหรอก” ไทเฮาได้ยินเช่นนั้นก็โบกมือ
“นี่เป็นความกตัญญูรูปแบบหนึ่งของฝ่าบาทเช่นกัน หากทรงอยากไปก็ไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ” เสี่ยว
เฉวียนจื่อทูลกล่าวทันที
ไทเฮาได้ยินเช่นนั้นก็พลันอบอุ่นใจ “ฝ่าบาทมีใจกตัญญูเป็นที่สุด” หยุดชั่วครู่แล้วเอ่ยอีก “พี่สะใภ้มิได้ส่งเทียบเชิญให้ข้าน่ะสิ”
“หากพระองค์จะไป เพียงส่งคนไปบอกจวนอิงชินอ๋องก็พอแล้วพ่ะย่ะค่ะ พระชายาต้องต้อนรับอย่างแน่นอน เพียงแต่เมื่อก่อนท่านมิได้ไปร่วมงานชมบุปผาด้วย พระชายาจึงมิได้ส่งเทียบเชิญให้ท่าน องค์หญิงใหญ่ก็เข้าร่วมทุกปี โปรดปรานความรื่นเริง เทียบเชิญจึงถูกส่งไปก่อนแล้ว” เสี่ยวเฉวียนจื่อยิ้มออกมา
ไทเฮาพยักหน้า แย้มสรวลเอ่ยว่า “ฝ่าบาทส่งคนไปยังตระกูลเจิ้งแห่งสิงหยางแล้ว หากเร่งม้าเต็มฝีเท้ารีบเดินทางทั้งวันทั้งคืน พรุ่งนี้คนตระกูลเจิ้งแห่งสิงหยางก็เข้าเมืองมาแล้ว องค์หญิงใหญ่ไม่รีบไปดูหน้าลูกเขย ยังมีเวลาไปร่วมงานชมบุปผาอีก”
“เวลาล่วงเลยมาถึงยามนี้จวนอิงชินอ๋องถึงเพิ่งจัดงานชมบุปผา องค์หญิงใหญ่ก็รักดอกไม้เช่นเดียวกัน ย่อมไม่ยอมพลาดความรื่นเริงครั้งนี้เป็นแน่ อีกอย่างคนตระกูลเจิ้งแห่งสิงหยางก็เข้าเมืองมาพรุ่งนี้ และมิได้รีบร้อนกลับมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ ช้าเร็วย่อมได้พบกัน ท่านหญิงจินเยี่ยนย่อมต้องไปจวนอิงชินอ๋องด้วย องค์หญิงใหญ่จึงไม่รีบไปดูหน้าลูกเขยเช่นกัน” เสี่ยวเฉวียนจื่อป้องปากยกยิ้ม
“ก็จริง” ไทเฮาแย้มสรวลพลางโบกมือ “เช่นนั้นเจ้ากลับไปหาฝ่าบาทเถอะ บอกว่าพรุ่งนี้ข้าจะไปชมดอกไม้ด้วย”
เสี่ยวเฉวียนจื่อรับคำอย่างดีใจ แล้วรีบออกจากตำหนักไทเฮา
จวบจนเสี่ยวเฉวียนจื่อกลับไปแล้ว ไทเฮาก็หันมาตรัสกับหรูอี้ “เจ้าว่างานชมบุปผาวันพรุ่งนี้จะมีคุณหนูในเมืองหลวงไปร่วมงานกันเยอะหรือไม่”
“ฟังว่าเป็นเช่นนั้นเพคะ มีทั้งคนที่พระชายาน้อยเชิญมา และคนที่พระชายาเชิญมา พรุ่งนี้จวนอิงชินอ๋องจะต้องคึกคักเป็นแน่” หรูอี้ความคิดปรุโปร่ง
ไทเฮาครุ่นคิดแล้วเอ่ยขึ้น “ตอนนี้องค์หญิงใหญ่เลือกตระกูลเจิ้งแห่งสิงหยางให้สมรสกับจินเยี่ยน
จินเยี่ยนเองก็ตกลงแล้ว รอเพียงคนตระกูลเจิ้งแห่งสิงหยางเข้าเมืองมาเข้าเฝ้า เมื่อก่อนข้าคิดว่าด้วยความรู้สึกที่จินเยี่ยนมีต่อฝ่าบาท จะต้องมุ่งมั่นที่จะเข้าวังเป็นแน่ กลับไม่นึกเลยว่านางจะตาสว่างแล้ว หากถามถึงพรสวรรค์จินเยี่ยนก็มีให้ ถามถึงรูปลักษณ์ก็เพียบพร้อม ที่จริงจะเป็นฮองเฮาก็เหมาะสมเช่นกัน เพียงแต่น่าเสียดายที่ฝ่าบาทไม่ชอบนาง ทั้งหลี่หรูปี้จวนเสนาบดีฝ่ายขวาก็ไม่ต้องการ ไม่รู้ว่าฝ่าบาทจะเลือกคนแบบใด”
หรูอี้มิกล้าสอดปาก เพียงกล่าวว่า “ฟังว่าพรุ่งนี้คุณหนูแห่งจวนเสนาบดีฝ่ายขวาก็ไปจวนอิงชินอ๋องด้วยเช่นกันเพคะ”
“มิได้มุ่งมั่นจะออกบวชแล้วหรือ” ไทเฮาเอ่ยถาม
หรูอี้ส่ายหน้า
“หลี่หรูปี้ไม่ว่าจะพรสวรรค์หรือรูปลักษณ์ล้วนโดดเด่น จินเยี่ยนเองก็เช่นกัน ในเมืองแห่งนี้ยังมีคุณหนูจำนวนไม่น้อยที่เพียบพร้อม เพียงแต่อย่าได้เทียบกับเซี่ยฟางหวา หากเทียบกันแล้ว ย่อมห่างกันไกลนัก” ไทเฮาถอนหายใจออกมา
หรูอี้เองก็ถอนหายใจตาม “ฝ่าบาทของเราคงทุกข์ระทมมาก”
ไทเฮาพยักหน้า “วาสนาเป็นสิ่งที่สวรรค์ลิขิต ถึงรักกันแต่ไร้วาสนาก็มิอาจเอื้อมถึง วันราชาภิเษกวันนั้นทำเอาข้าตกใจเกินทน แต่ก็โชคดีเหมือนกันที่เขากับฉินเจิงให้ความสำคัญต่อสถานการณ์ส่วนรวม” หยุดชั่วครู่แล้วเอ่ยต่อ “อดีตฮ่องเต้ยกแผ่นดินให้อวี้เอ๋อร์ และคืนเซี่ยฟางหวาให้ฉินเจิง นับว่าเป็นสิ่งถูกต้องที่กระทำก่อนสวรรคต มิฉะนั้นเด็กสองคนนี้คงมิอาจอยู่ร่วมกันได้”
หรูอี้พยักหน้า
“อดีตฮ่องเต้ทรงเห็นพวกเขาเติบโตมาตั้งแต่เด็ก แถมยังทรงเข้าใจพวกเขา” ไทเฮาเอ่ยอีก “ผู้ที่อยู่ในใจของเซี่ยฟางหวาคือฉินเจิง ฝ่าบาทเองก็ทรงมองออก การทำเช่นนี้เป็นผลดีต่อแผ่นดินหนานฉิน เพื่อให้พวกเขาปรองดองกัน ไม่ถึงกับต้องตัดพี่ตัดน้อง ทิ้งภัยพิบัติเอาไว้ให้แผ่นดิน”
“อดีตฮ่องเต้ทรงปรีชาสามารถ” หรูอี้กล่าว
ไทเฮาหลุดแย้มสรวล “ตอนพระองค์ยังมีชีวิตอยู่ ข้ามีแต่ความแค้นเคืองมากมาย พอพระองค์สวรรคตกลับนึกถึงแต่สิ่งดีงามของพระองค์” เอ่ยจบ หน้าของนางก็แสดงความอ่อนล้า “การบริหารราชสำนักอย่างไรไม่ต้องให้ข้าเป็นกังวล วันข้างหน้าข้าเพียงหวังว่า ฝ่าบาทจะปล่อยวางได้อย่างแท้จริง แต่งตั้งฮองเฮารับพระสนมเข้ามา วังหลังมิอาจปล่อยอ้างว้างแบบนี้ตลอดไปได้ อีกอย่างแผ่นดินหนานฉินก็ต้องมีคนสืบทอดต่อ”
หรูอี้พยักหน้า
เสี่ยวเฉวียนจื่อกลับมาทูลรายงานฉินอวี้ที่ห้องทรงหนังสือ บอกว่าไทเฮาทรงตอบตกลงแล้ว
ฉินอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็โบกมือสั่งงาน “เจ้าไปจวนอิงชินอ๋อง บอกท่านป้าใหญ่ว่า พรุ่งนี้เราจะไปชมดอกไม้ที่จวนอิงชินอ๋องกับไทเฮา”
เสี่ยวเฉวียนจื่อรับคำ รีบออกจากวังหลวงทันใด มุ่งหน้าไปยังจวนอิงชินอ๋อง