จารใจรัก [ส่วนที่ 5] - ตอนที่ 25-1 คนจากตระกูลเจิ้ง
ยามฉินอวี้เดินกลับมาก็เปลี่ยนฉลองพระองค์ตลอดร่างแล้ว
ด้านนอกเป็นเสื้อคลุมตัวยาวปักลายดอกอวี้หลาน เสื้อตัวในโผล่ให้เห็นมุมหนึ่งของปกเสื้อ ภายใต้แสงแดดส่องกระทบ เผยให้เห็นความงดงามจากการซ่อนลวดลายที่ใช้ด้ายต่างกัน ยามค่อยๆ เดินมานั้นแลดูอ่อนโยนละมุนละไม ท่วงท่าสง่างามล้ำเลิศ
เสี่ยวเฉวียนจื่อเดินตามจังหวะ ลอบมองมายังเซี่ยฟางหวาเป็นครั้งคราว
เซี่ยฟางหวาตวัดตามองแวบหนึ่ง สบเข้ากับสายตาของฉินอวี้พอดี จากนั้นก็ถลึงตาใส่เขา
ฉินอวี้ยิ้มบางเบา สีหน้าผ่อนคลาย กลับไปนั่งที่เดิม ก่อนยกมือประคองเยี่ยนถิงที่เมามายจนศีรษะเอียงเอนให้ตั้งตรง ยิ้มเอ่ยว่า “สุราจอกนี้ของเจ้ากระเซ็นได้ดีนัก”
เยี่ยนถิงแม้เมาแล้ว แต่ก็ยังมีสติเหลืออยู่บ้าง ชำเลืองมองเขา “มีรางวัลหรือไม่”
“ยกสุราดองไผ่ดำให้เจ้าไหหนึ่ง” ฉินอวี้ตอบ
“สองไห” เยี่ยนถิงยื่นสองนิ้ว
“ตกลง” ฉินอวี้พยักหน้า
เยี่ยนถิงพอใจแล้ว สะอึกขึ้นมาหนหนึ่ง ขยับเข้าใกล้แล้วกล่าวว่า “ใครใช้ให้นางไม่ยอมเอาสุราในเรือนลั่วเหมยมาให้ข้าดื่มเล่า นางจะได้จดจำไว้ ใช้ชุดที่นางทำเองแลกกับสุราสองไห คุ้มค่าแล้ว”
ฉินอวี้ยิ้มมองเขา “ชุดนี้มีค่าแค่สุราสองไหที่ไหนกัน”
“หมายถึงอันใด” เยี่ยนถิงถาม
ฉินอวี้โบกมือ สั่งงานเสี่ยวเฉวียนจื่อ “ยกสุราออกไปแล้วนำน้ำชาขึ้นโต๊ะแทน ขืนดื่มต่อไป ท่านโหวน้อยเยี่ยนคงสลบบนพื้นเสียก่อน”
เสี่ยวเฉวียนจื่อขานรับทันที นำคนเข้ามายกสุราบนโต๊ะออกไป
เยี่ยนถิงไม่พอใจก็จริง แต่ขัดขืนฉินอวี้มิได้จึงไม่ร้องห้าม ยกมือกุมหน้าผากแล้วเอ่ยขึ้น “นำน้ำแกงสร่างเมามาถ้วยหนึ่ง เฉิงหมิงเจ้าบ้านี่แอบโกง ถ้ามิอย่างนั้นข้าคงไม่แพ้”
“ข้าว่าวันนี้เจ้าอยากดื่มสุรามากกว่า สมใจเจ้าแล้ว” เฉิงหมิงกล่าว
เยี่ยนถิงเบะปาก
สี่ซุ่นสั่งงานคนไปต้มน้ำแกงสร่างเมามาให้เยี่ยนถิงทันที
ซ่งฟางกระทุ้งศอกใส่เยี่ยนถิง “ผิ่นจู๋ที่เจ้าหมายตาคนนั้นยังไม่ตอบตกลงอีกรึ”
เยี่ยนถิงตอบ “อืม” แล้วกล่าวต่อ “ดูท่าข้าต้องครองโสดแล้ว นางไม่สนใจข้า”
“สาวใช้จวนจงหย่งโหวย่อมมิได้มาง่ายขนาดนั้น” ซ่งฟางกล่าว “โดยเฉพาะผิ่นจู๋คนนั้น ข้าได้ยินว่าก็เกิดมาในตระกูลเซี่ยเช่นกัน”
“ใครแค่อยากได้กัน ข้าจะแต่ง” เยี่ยนถิงกล่าว
“สู่ขอนางก็ไม่ตกลงรึ” ซ่งฟางแปลกใจ
“อืม” เยี่ยนถิงนวดหน้าผาก “คนที่นางชอบคือพี่จื่อกุย”
ซ่งฟางตกใจ “มิใช่ตระกูลเดียวกันหรือ”
เวลานี้หลี่มู่ชิงก็เอ่ยขึ้น “แม้ตระกูลเดียวกัน แต่ห่างกันถึงห้ารุ่นแล้ว แต่งงานกันได้”
“เป็นข้าก็เลือกพี่จื่อกุยเช่นกัน เขาน่าชอบกว่าเจ้าตั้งเยอะ” ซ่งฟางบีบไหล่เยี่ยนถิง “ลูกผู้ชายไหนเลยกลัวว่าไม่มีภรรยา อย่ากลุ้มใจไปเลย ท่านโหวน้อยเยี่ยนเช่นเจ้า หากอยากแต่งภรรยาแล้ว มีคนรอต่อแถวเยอะแยะ”
“เจ้าจะเข้าใจอะไร อย่างน้อยก็มิสู้คนที่ใจปรารถนา” เยี่ยนถิงสะบัดมือซ่งฟางออก
“ถ้อยคำนี้ถูกต้อง” ซ่งฟางพยักหน้าเห็นด้วย
“สำหรับข้า สตรีมิใช่ปัญหาขนาดนั้น ลูกผู้ชายควรสร้างคุณูปการ ความรักหนุ่มสาวเป็นแค่เมฆควัน” เฉิงหมิงกล่าว “เปิดใจหน่อย”
“สร้างคุณูปการอะไรของเจ้า พวกเรายุ่งจนเท้าชี้ฟ้า แล้วช่วงนี้เจ้าทำอะไรบ้าง” เยี่ยนถิงมองเขา
เฉิงหมิงกระแอมขึ้น “ข้าไม่สนใจงานในราชสำนัก แต่ก็รับปากฝ่าบาทแล้ว หากกิจการข้ารุ่งเรืองเมื่อไร ข้าจะออกเงินเดือนและเสบียงทหารให้หนึ่งในสาม”
“เงินเดือนและเสบียงทหารหนึ่งในสามมิใช่น้อยๆ” หลี่มู่ชิงกล่าว
เฉิงหมิงทุบหน้าอกปฏิญาณ “วางใจได้”
“นี่ก็ไม่เลว” เยี่ยนถิงสบายใจขึ้นบ้าง “เล่นจบโตมาด้วยกัน พวกเราเหนื่อยจนสายตัวแทบขาด เจ้าก็ห้ามว่างด้วยเช่นกัน”
“ข้าจะว่างได้หรือไม่ หากข้าว่าง แม้เจ้าปล่อยข้า ฝ่าบาทปล่อยข้า แต่พี่ฉินเจิงจะปล่อยข้าไปหรือ” เฉิงหมิงเลิกคิ้ว
เยี่ยนถิงพยักหน้า
พูดถึงฉินเจิง ซ่งฟางก็ถามขึ้น “พูดถึงพี่ฉินเจิงก็ไปทำอะไรอยู่ที่ไหนแล้ว ตั้งแต่กลับเมืองมา ได้พบเขาแค่ครั้งเดียวเท่านั้น”
“เรื่องที่เขาทำใครก็ทำมิได้ ถามถึงทำไมกัน” เยี่ยนถิงตอกกลับ
ซ่งฟางอึ้ง คิดแล้วก็เห็นด้วย ครั้นแล้วก็เงียบลง
หลายคนกำลังคุยต่อ ด้านนอกก็มีคนมารายงาน “ฝ่าบาท ผู้นำตระกูล นายท่านใหญ่ และคุณชายใหญ่จากตระกูลเจิ้งแห่งสิงหยางเข้าเมืองมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ทุกคนเงียบเสียงลงทันที
ฉินอวี้ครุ่นคิดแล้วเอ่ยขึ้น “ไปเชิญพวกเขามาที่จวนอิงชินอ๋อง”
“พ่ะย่ะค่ะ” ผู้นั้นออกไปทันที
“เมื่อวานข้าได้ยินว่าคนตระกูลเจิ้งแห่งสิงหยางจะเข้าเมือง นี่เร็วเกินไปแล้วกระมัง” เฉิงหมิงกล่าวขึ้น
“แต่งภรรยาเชียวนะ ย่อมต้องห้อตะบึงไม่หยุดพัก” เยี่ยนถิงกล่าว
ฉินอวี้มองไปทางจินเยี่ยนแวบหนึ่ง พบว่านางกับเยี่ยนหลัน และพวกหลี่หรูปี้กำลังเล่นไพ่กันอย่างสนุกสนาน เขาสั่งงานเสี่ยวเฉวียนจื่อ “คนตระกูลเจิ้งแห่งสิงหยางเข้าเมืองมาแล้ว นำเรื่องที่เราเชิญพวกเขามาที่จวนไปบอกพระชายา องค์หญิงใหญ่ และท่านหญิงจินเยี่ยน”
“พ่ะย่ะค่ะ” เสี่ยวเฉวียนจื่อทำตามทันที
เสี่ยวเฉวียนจื่อเดินมาหน้าที่นั่งของฮูหยิน ประสานมือกล่าวกับไทเฮา พระชายาอิงชินอ๋อง และ
องค์หญิงใหญ่ว่า “คนของตระกูลเจิ้งแห่งสิงหยางเข้าเมืองมาแล้ว ฝ่าบาททรงให้พวกเขามาพบที่จวนอิงชินอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงใหญ่ชะงัก “เร็วถึงเพียงนี้”
เสี่ยวเฉวียนจื่อพยักหน้า “คนเฝ้าประตูเมืองรายงานว่าเข้าเมืองมาแล้วขอรับ ค่อนข้างเร็วกว่ากำหนดเล็กน้อย เดิมคิดว่าอย่างเร็วสุดคงมาถึงตอนค่ำ”
“คนที่มาเป็นใคร” องค์หญิงใหญ่ถาม
“ฟังว่าเป็นผู้นำตระกูลเจิ้งอี้ นายท่านใหญ่เจิ้งเฉิง และคุณชายใหญ่เจิ้งเซี่ยวฉุนขอรับ” เสี่ยวเฉวียนจื่อ
ตอบ
องค์หญิงใหญ่พยักหน้า ก่อนส่งเสียงเรียกฝั่งนั้น “เยี่ยนเอ๋อร์”
จินเยี่ยนกำลังสนุกจึงมิได้ยินเสียงเรียก
หลูเสวี่ยอิ๋งคอยสังเกตการณ์เคลื่อนไหวทางด้านนี้ตลอดเวลา จึงวางไพ่ลงทันใด “จินเยี่ยน องค์หญิงเรียกหาเจ้า”
จินเยี่ยนได้ยินเช่นนั้นก็มองมาทางองค์หญิงใหญ่ องค์หญิงใหญ่กวักมือเรียกตน จินเยี่ยนจึงวางไพ่ลงทันที แล้วเดินเข้าไปหา
เมื่อเดินมาถึง องค์หญิงใหญ่ก็บอกนางว่า “คนตระกูลเจิ้งแห่งสิงหยางมาแล้ว”
“เร็วถึงเพียงนี้เชียว” จินเยี่ยนมองฟ้าแวบหนึ่ง
“มาถึงแล้วจริง” องค์หญิงใหญ่มองนาง “เจ้าต้องเตรียมตัวหน่อยหรือไม่” พูดจบ ไม่รอนางตอบก็บอกเซี่ยฟางหวาที่อยู่ด้านข้าง “พระชายาน้อย เจ้าพานางไปแต่งตัวสักหน่อยดีกว่า”
เซี่ยฟางหวาลุกขึ้น
จินเยี่ยนหยิบกระจกมาจากใต้แขนเสื้อ ส่องดูครู่หนึ่ง ก่อนเก็บเข้าแขนเสื้อดังเดิม ส่ายหน้าว่า “ท่านแม่ ผมข้ายังไม่หลุดลุ่ย เครื่องประทินโฉมก็ยังไม่หลุดเช่นกัน มิใช่ว่าพร้อมอยู่แล้วหรือ”
“เจ้าต้องทำให้เป็นทางการหน่อย” องค์หญิงใหญ่ถลึงตามองนาง
จินเยี่ยนยื่นมือดึงเซี่ยฟางหวาเข้ามา “ในเมื่อฝ่าบาทให้พวกเขามาพบที่จวนอิงชินอ๋อง เช่นนั้นก็ให้ฟางหวากับข้าออกไปรับด้วยตัวเองที่หน้าจวนแล้วกัน แบบนี้ก็เป็นทางการแล้วกระมัง”
องค์หญิงใหญ่อึ้ง “นี่…เจ้าออกไปต้อนรับเอง เหมาะสมหรือไม่”
“ไฉนเลยจะไม่เหมาะสม ท่านแม่ ที่นี่มีหญิงงามดุจบุปผาดั่งหยกมากถึงเพียงนี้ ถ้ามิให้เขาเห็นข้าก่อน หากเขาตาพร่าจนแยกไม่ออกขึ้นมา จะจำได้หรือไม่ว่าข้าคือคนไหน” จินเยี่ยนกล่าว
องค์หญิงใหญ่กวาดตามองแวบหนึ่ง “ก็จริง เช่นนั้น…”
“พวกท่านนั่งลงเถิด พวกเราออกไปก็พอแล้ว แม้ฟางหวารูปงาม แต่ข้าก็ไม่กลัวว่าเขาจะเอียงมอง ถึงอย่างไรใครเล่าจะกล้าแย่งภรรยากับพี่ฉินเจิง ไม่รักชีวิตแล้วหรือ” จินเยี่ยนพูดพลางก็จูงเซี่ยฟางหวาออกไป
เซี่ยฟางหวาหมดคำพูด ทำได้เพียงตามนางไป
“จินเยี่ยนพูดถูก ให้พวกนางไปกันเองเถอะ คนตระกูลเจิ้งแห่งสิงหยางมาถึงแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้เราออกไปรับเอง หวาเอ๋อร์เป็นลูกสะใภ้จวนอิงชินอ๋องของเรา นับว่าเป็นนายหญิงเช่นกัน นางพาจินเยี่ยนออกไปรับก็เป็นเรื่องอันสมควร” พระชายาอิงชินอ๋องยิ้มออกมา
“ข้ากลัวว่านางไม่สุขุม ทำให้คนตระกูลเจิ้งแห่งสิงหยางไม่พอใจ” องค์หญิงใหญ่กล่าว
“เจ้ากังวลเกินไปแล้ว จินเยี่ยนมีพร้อมทั้งพรสวรรค์และรูปลักษณ์ ทั้งมีชาติกำเนิด ข้าเห็นนางออกไปแบบนี้ย่อมคงความสง่าผ่าเผย ไม่มีอะไรไม่ดี คนตระกูลเจิ้งแห่งสิงหยางหากไม่สนใจนาง จะยังสนใจใครเล่า” ไทเฮาเองก็ยิ้มเช่นกัน “ดังที่จินเยี่ยนบอก หรือว่าสนใจพระชายาน้อย เช่นนั้นฉินเจิงคงไม่ยอม”
“ฉินเจิงเป็นพญายมน้อย ใต้หล้ายังมีใครกล้าแย่งภรรยาเขาเล่า” องค์หญิงใหญ่ก็ยิ้มออกมาเช่นกัน
เหล่าฮูหยินหัวเราะคิกคักขึ้นมา
ฮูหยินหมิงเป็นเพียงคนเดียวที่เคยพบคุณชายเจิ้งเซี่ยวฉุนทายาทตระกูลเจิ้งแห่งสิงหยาง ทว่าตอนนี้
ฮูหยินหมิงก็กลับไปแล้ว เหล่าฮูหยินล้วนสงสัยใคร่รู้ว่า เจิ้งเซี่ยวฉุนคนนี้มีหน้าตาแลพรสวรรค์อย่างไร โดดเด่นมากเพียงใด นึกไม่ถึงว่าตอนแรกจะทำให้ฮูหยินหมิ่นจากครอบครัวลูกคนโตตระกูลเซี่ย ต่อมาก็ฮูหยินเสนาบดีฝ่ายขวา รวมถึงองค์หญิงใหญ่ในตอนนี้ล้วนถูกตาต้องใจ