จารใจรัก [ส่วนที่ 5] - ตอนที่ 27-1 พี่รับโทษแทนน้อง
หลังเซี่ยฟางหวาฟังจบ อดมิได้ที่จะขมวดคิ้ว
คุณชายรองของตระกูลเจิ้งแห่งสิงหยางท่านนี้เข้าเมืองตามเจิ้งอี้ เจิ้งเฉิง และเจิ้งเซี่ยวฉุนมาทีหลัง แต่เพิ่งเข้าเมืองมา อยู่ดีไม่ว่าดีก็ชนรถม้าจวนเสนาบดีฝ่ายขวา ทำร้ายใบหน้าครึ่งหนึ่งของหลี่หรูปี้จนเสียโฉม
ฮูหยินเสนาบดีฝ่ายขวามีหรือจะไม่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ หลังเสนาบดีฝ่ายขวาทราบข่าวก็เกรงว่าจะเดือดจัดเช่นกัน ทว่าคุณชายรองท่านนี้กลับเป็นแก้วตาดวงใจของเจิ้งเฉิงและเจิ้งเซี่ยวฉุน เรียกได้ว่าตระกูลเจิ้งแห่งสิงหยางกับจวนเสนาบดีฝ่ายขวาเกรงว่าจะผูกอาฆาตกันด้วยเหตุนี้แล้ว
เสนาบดีฝ่ายขวาเป็นขุนนางคนสำคัญในสองรัชกาล อดีตฮ่องเต้ทรงให้ความสำคัญ ฉินอวี้ก็เตรียมมอบบทบาทสำคัญให้ด้วยเช่นกัน
ตระกูลเจิ้งแห่งสิงหยางเป็นดังน้ำลึก ยามนี้ต้องกำจัดโดยทางอ้อม มิอาจบุ่มบ่ามได้แม้แต่นิดเดียว ต้องแสดงออกถึงความโปรดปรานในที่แจ้ง มิอาจลงโทษสถานหนักได้ ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลเจิ้งแห่งสิงหยางกับจวนองค์หญิงใหญ่เพิ่งจะเกี่ยวดองกัน ไม่ควรที่จะฉีกหน้ากันในเวลานี้ เลวร้ายที่สุดอาจส่งผลกระทบต่อแผ่นดิน
หากแต่จู่ๆ ก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ฉินอวี้ซึ่งเป็นฝ่าบาทที่แทรกอยู่ตรงกลางนั้นลำบากแล้ว
เซี่ยฟางหวาเรียบเรียงความสัมพันธ์ในสมองชั่วพริบตา ถามซื่อฮว่าว่า “ตอนนี้คุณชายรองตระกูลเจิ้งแห่งสิงหยางถูกฮูหยินเสนาบดีฝ่ายขวาจับไปที่ใดแล้ว”
“คุมตัวกลับจวนเสนาบดีฝ่ายขวาเจ้าค่ะ” ซื่อฮว่าตอบ
“ฝ่าบาททราบเรื่องนี้หรือยัง” เซี่ยฟางหวาถาม
“เวลานี้น่าจะทราบแล้วกระมัง” ซื่อฮว่ากล่าว
เซี่ยฟางหวาครุ่นคิด ก่อนถามขึ้นอีก “ฝ่าบาทยังมิได้กลับวังใช่ไหม”
“ยังเจ้าค่ะ” ซื่อฮว่าส่ายหน้า
เซี่ยฟางหวาสาวเท้าไปยังศาลาริมน้ำ
นางเพิ่งเดินออกไปไม่ไกล เสี่ยวเฉวียนจื่อก็วิ่งเข้ามาหา หายใจเหนื่อยหอบ พบเซี่ยฟางหวาก็ไม่ทันทำความเคารพแล้ว รีบกล่าวว่า “พระชายาน้อย ฝ่าบาทเชิญท่านตามไปที่จวนเสนาบดีฝ่ายขวาทันที คุณหนูหลี่แห่งจวนเสนาบดีฝ่ายขวาใบหน้าถูกทำลาย ฟังว่าสาหัสยิ่ง เหล่าหมอหลวงเกรงว่าจะรักษามิได้ จึงได้แต่เชิญท่านไปช่วยรักษาอีกแรงขอรับ”
“ตกลง ตอนนี้ฝ่าบาทอยู่ที่ไหน” เซี่ยฟางหวาถาม
“ฝ่าบาททรงเสด็จไปรอท่านที่หน้าจวนแล้วขอรับ” เสี่ยวเฉวียนจื่อตอบทันที
เซี่ยฟางหวาเปลี่ยนเส้นทาง เดินไปยังหน้าจวนแทน
ครั้นมาถึงหน้าจวนอิงชินอ๋อง ฉินอวี้ เจิ้งอี้ เจิ้งเฉิง เจิ้งเซี่ยวฉุน พระชายาอิงชินอ๋อง องค์หญิงใหญ่ และจินเยี่ยนล้วนอยู่กันพร้อมหน้า
เห็นเซี่ยฟางหวามาถึง ฉินอวี้มองนางแวบหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น “ไปจวนเสนาบดีฝ่ายขวาเถิด รักษาคุณหนู
หลี่ก่อนค่อยว่ากัน”
เซี่ยฟางหวาผงกศีรษะ
ฉินอวี้ก้าวขึ้นราชรถหยก ใครขี่ม้าก็ขึ้นม้า ใครนั่งรถม้าก็ขึ้นรถ มุ่งหน้าไปยังเสนาบดีฝ่ายขวา
เซี่ยฟางหวากับพระชายาอิงชินอ๋องนั่งบนรถม้าคันเดียวกัน พระชายาอิงชินอ๋องพูดเสียงทุ้ม “หวาเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าเรื่องนี้ประจวบเหมาะเกินไปหรือไม่ วันนี้อากาศแจ่มใส แดดด้านนอกกำลังดี บนถนนมีคนสัญจรเข้าออก ย่อมมีรถม้าวิ่งขวักไขว่ เหตุใดคุณชายรองตระกูลเจิ้งแห่งสิงหยางถึงได้ชนรถม้าจวนเสนาบดีฝ่ายขวาได้”
“ข้าก็คิดว่าประจวบเหมาะเกินไปเช่นกัน ไปดูก่อนเถิด” เซี่ยฟางหวาผงกศีรษะ
พระชายาอิงชินอ๋องกลุ้มใจ “ไม่สงบสุขสักวันเลยจริงๆ อยู่ดีๆ ไฉนก็มีคุณชายรองตระกูลเจิ้งแห่งสิงหยางโผล่มาอีกคน คุณชายรองคนนี้ เจ้ารู้จักหรือไม่”
“ซื่อฮว่าสืบมาแล้ว” เซี่ยฟางหวาเล่าเรื่องที่ฮูหยินหมิงส่งข่าวมาให้พระชายาอิงชินอ๋องฟังรอบหนึ่ง
“ที่แท้เป็นเช่นนี้ ถูกตามใจจนเสียคน” พระชายาอิงชินอ๋องกล่าว “หวังว่าแผลบนใบหน้าหลี่หรูปี้จะรักษาได้ อย่าได้ถึงขั้นที่มิอาจรักษาได้เลย”
เซี่ยฟางหวาพยักหน้า
ทั้งสองไม่เอ่ยคำใดอีก
บนรถม้าอีกคนหนึ่ง องค์หญิงใหญ่กับจินเยี่ยนนั่งด้วยกัน องค์หญิงใหญ่ขมวดคิ้วแน่นเป็นปม พึมพำว่า “ตระกูลเจิ้งแห่งสิงหยางไฉนยังมีคุณชายรองอีกคน”
จินเยี่ยนมองมารดาแวบหนึ่ง กล่าวเสียงเบาว่า “ท่านแม่ ท่านควรจะทราบมิใช่หรือ ตอนเลือกคู่ครองให้ข้า มิได้ตรวจสอบหรือว่าตระกูลเจิ้งแห่งสิงหยางมีใครบ้าง”
“ตระกูลเจิ้งแห่งสิงหยางอยู่ไกลเกินไป” องค์หญิงใหญ่ตอบ “เจิ้งเซี่ยวฉุนเป็นคนที่ฮูหยินหมิ่นกับฮูหยินเสนาบดีฝ่ายขวาหมายตา พวกนางมีสายตาเฉียบแหลม คนที่หมายตาย่อมไม่เลว ข้าจึงไม่ได้ถามละเอียด”
จินเยี่ยนถอนหายใจ “ประเดี๋ยวข้าลองถามฟางหวา บางทีนางอาจรู้”
องค์หญิงใหญ่พยักหน้า “เกิดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร หวังว่าจะจัดการได้เรียบร้อย อย่าได้เป็นเรื่องใหญ่ มิฉะนั้นพวกเจ้าเพิ่งจะได้สมรสพระราชทาน ยิ่งไม่มงคล”
จินเยี่ยนก้มหน้าลง ไม่พูดอะไรอีก
มงคลหรือไม่มงคลแล้วอย่างไร สิ่งที่นางเลือกคือเส้นทางที่โรยด้วยขวากหนามแบบนี้ เพียงแต่ไม่คาดคิดว่าแค่เริ่มต้นก็วุ่นวายขนาดนี้แล้ว ทั้งยังดึงจวนเสนาบดีฝ่ายขวาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอีก
ภายในราชรถหยก ฉินอวี้สั่งงานเสี่ยวเฉวียนจื่อ “ไปตรวจสอบคุณชายรองตระกูลเจิ้งแห่งสิงหยาง”
เสี่ยวเฉวียนจื่อรับคำ ก่อนไปดำเนินการทันที
เจิ้งอี้ เจิ้งเฉิง และเจิ้งเซี่ยวฉุนขี่ม้า ใบหน้าแต่ละคนทั้งตึงเครียดและทั้งเคร่งขรึม ราวกับไม่คาดคิดว่าเจิ้งเซี่ยวหยางจะแอบตามพวกเขาสามคนเข้าเมืองมาด้วย และยิ่งไม่คาดคิดว่าหลังเขาเข้าเมืองมาก็ก่อหายนะ นึกไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ทุกคนมาถึงจวนเสนาบดีฝ่ายขวาด้วยความรีบร้อน
เสนาบดีฝ่ายขวาทราบข่าวแล้วก็รีบกลับจวน คนที่กลับมาพร้อมเขาด้วยยังมีอิงชินอ๋องกับเสนาบดีฝ่ายซ้าย และหย่งคังโหวที่เดิมทีกำลังจัดการงานราชการด้วยกัน
หลังหลี่มู่ชิงทราบเรื่อง ก็รุดหน้ากลับมายังจวนเสนาบดีฝ่ายขวาก่อนก้าวหนึ่ง
คนจำนวนหนึ่งมารอรับเสด็จฝ่าบาทที่หน้าจวน
ฉินอวี้ลงจากราชรถ ยกมือปรามเสนาบดีฝ่ายขวา เอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน “เราเพิ่งทราบข่าวก็รีบมาทันที ฟางหวาก็มาด้วย นางมีวิชาแพทย์ยอดเยี่ยม ให้นางดูอาการคุณหนูหลี่โดยเร็วที่สุดเถิด ดูว่ายังพอมีทางรักษาใบหน้านางหรือไม่”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอบคุณพระชายาน้อย” เสนาบดีฝ่ายขวารีบผงกศีรษะ ประสานมือคำนับฉินอวี้กับเซี่ยฟางหวา
“คุณหนูหลี่อยู่ที่ใด นายท่านเสนาบดีนำทางเถิด” เซี่ยฟางหวาบอก “หากรักษาได้ ข้าก็จะทำสุดความสามารถ”
เสนาบดีฝ่ายขวาพยักหน้าพัลวัน ก่อนนำทางเข้าไป
ทั้งหมดพากันเข้าไปในเรือนด้านในจวนเสนาบดี
หลี่หรูปี้ถูกส่งตัวกลับไปที่ห้องแล้ว ฮูหยินเสนาบดีฝ่ายขวากับหลี่มู่ชิงอยู่ในห้องกับนาง และมีหมอหลวงสองคนมาถึงก่อนก้าวหนึ่งแล้ว
เพิ่งมาถึงทางเข้าเรือนของหลี่หรูปี้ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของฮูหยินเสนาบดีฝ่ายขวาดังออกมา ผสมด้วยเสียงบริภาษด้วยความโกรธและความเคียดแค้น แน่นอนว่าคนที่ถูกบริภาษคือคุณชายรองเจิ้งเซี่ยวหยางจากตระกูลเจิ้งแห่งสิงหยาง
เจิ้งอี้ เจิ้งเฉิง และเจิ้งเซี่ยวฉุนไม่สะดวกเข้าไป จึงหยุดเท้าที่หน้าทางเข้า
หอนอนของสตรี บุรุษภายนอกมิอาจเข้าไปง่ายๆ
ฉินอวี้เองก็หยุดลงหน้าประตูห้องเช่นกัน เอ่ยกับพระชายาอิงชินอ๋อง “ท่านป้าใหญ่ ท่านตามเสนาบดีฝ่ายขวาเข้าไปกับฟางหวาเถอะ”
พระชายาอิงชินอ๋องพยักหน้า ตามเสนาบดีฝ่ายขวาเข้าไปในห้องกับเซี่ยฟางหวา
เจิ้งอี้ประสานมือกล่าวกับองค์หญิงใหญ่ “องค์หญิงใหญ่ ท่านกับท่านหญิงเข้าไปดูด้านในเถิดว่าสถานการณ์เป็นเช่นไร จะได้บอกให้พวกเราทราบ”
องค์หญิงใหญ่เข้าใจ ใบหน้าของหลี่หรูปี้ถูกทำร้ายสาหัสหรือเบาอย่างไรนั้นจำต้องมีคนไปดูให้เห็นเองกับตา ตระกูลเจิ้งแห่งสิงหยางจะได้ไตร่ตรองว่าควรจัดการอย่างไร นางจึงจูงจินเยี่ยนตามเข้าไปในห้องเช่นกัน