จารใจรัก [ส่วนที่ 5] - ตอนที่ 29-1 สลับบุตรีแต่งงาน
เจิ้งเซี่ยวหยางได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวทันที “อย่างนั้นก็ดี ข้าไม่อยากแต่งอยู่พอดี”
ฮูหยินเสนาบดีฝ่ายขวาหันไปมองฉินอวี้แล้วกล่าวว่า “ฝ่าบาท ทรงฟังดูสิเพคะ เมื่อครู่เขาเพิ่งบอกว่ายอมให้กรีดใบหน้าเขาด้วยเช่นกัน หากท่านออกคำสั่งกรีดใบหน้าเขา จากนี้หม่อมฉันก็จะไม่พูดอันใดอีก ชดใช้ใบหน้าด้วยใบหน้า จวนเสนาบดีฝ่ายขวาของเราก็ยอมรับได้”
เจิ้งเซี่ยวหยางได้ยินเช่นนั้นก็ยืดคอ โน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ “ได้ มาสิ กรีดก็กรีด ถึงอย่างไรข้าก็ไม่สนใจใบหน้านี้อยู่แล้ว ถึงไม่มีหน้าตาที่ดีก็ใช้ชีวิตแบบเดิมได้”
ฮูหยินเสนาบดีฝ่ายขวาหยุดโทสะมิได้
เจิ้งเซี่ยวฉุนก้าวขึ้นมาทันใด บังเจิ้งเซี่ยวหยางไว้ด้านหลัง “ฮูหยินระงับโทสะ” พูดจบ ก็ประสานมือกล่าวกับฉินอวี้ “ฝ่าบาท น้องชายกระหม่อมถูกท่านพ่อและข้าตามใจจนเคยตัวมาตั้งแต่เด็ก ไม่รู้จักหนักเบา ขอฝ่าบาทโปรดเมตตาด้วย กระหม่อมซึ่งเป็นพี่ชายยินดีรับโทษแทนเขา”
ฉินอวี้ไม่เอ่ยคำใด
“เจ้ายังจะรับโทษแทนอีกรึ เจ้าจะรับโทษแทนอย่างไร เขาบอกให้กรีดใบหน้าของเขา ตอนนี้เจ้าจะให้กรีดใบหน้าเจ้าแทนหรือไม่” ฮูหยินเสนาบดีฝ่ายขวาเดือดดาลกล่าว
“หากการกรีดใบหน้าผู้น้อยทำให้ฮูหยินคลายโทสะลงได้บ้าง ผู้น้อยก็ยินดีรับผิดชอบแทนน้องชาย” เจิ้งเซี่ยวฉุนตอบทันที
ฮูหยินเสนาบดีฝ่ายขวายังไม่ทันตอบ
เจิ้งเซี่ยวหยางพลันกลอกตา “พี่ใหญ่ เจ้ามิสู้แต่งกับคุณหนูหลี่จวนเสนาบดีฝ่ายขวาแทนข้า จะยอมถูกกรีดหน้าแทนข้าไปทำไม”
เจิ้งเซี่ยวฉุนมึนงงชั่วขณะ
เจิ้งเซี่ยวหยางแค่นเสียงขึ้นจมูก
เจิ้งเซี่ยวฉุนพลันมองไปยังจินเยี่ยนที่ยืนอยู่ข้างเซี่ยฟางหวา
จินเยี่ยนก็มองมาทางเขาเช่นกัน
เจิ้งเซี่ยวฉุนเม้มปาก หันหน้ากลับไปทันใด ก้าวขึ้นมาคุกเข่าบนพื้น กล่าววิงวอนต่อฉินอวี้ว่า “ฝ่าบาท ผู้น้อยยินดีแต่งกับคุณหนูหลี่จวนเสนาบดีฝ่ายขวาแทนน้องชาย ขอฝ่าบาททรงอนุญาต เรียกสัญญาหมั้นหมายกับจวนองค์หญิงใหญ่คืน”
จินเยี่ยนพลันหรี่ตาลง
“เจิ้งเซี่ยวฉุน เจ้าเห็นสมรสพระราชทานเป็นอะไร เป็นเรื่องล้อเล่นอย่างนั้นรึ เจ้าขอให้ฝ่าบาททรงเรียกคืนก็เรียกคืน เห็นบุตรีจวนองค์หญิงใหญ่ของเราเป็นอะไร” องค์หญิงใหญ่เกิดโทสะทันที
“ผู้น้อยกับท่านหญิงจินเยี่ยนไม่มีวาสนาต่อกัน ขอฝ่าบาทโปรดให้อภัย ขอให้องค์หญิงใหญ่ให้อภัยด้วย” เจิ้งเซี่ยวฉุนก้มหน้า ตอบอย่างจริงใจ
“เจ้า…” องค์หญิงใหญ่ก้าวขึ้นมาด้วยความโกรธ
จินเยี่ยนรั้งนางไว้ “ท่านแม่ คุณชายใหญ่มีเมตตา อุทิศตนเพื่อปกป้องน้องชาย นี่เป็นคุณธรรมอันน่ายกย่อง ลูกนับถือจากใจจริง” พูดจบ นางก็ประสานมือกล่าวกับฉินอวี้ “พี่ชายอวี้ ท่านโปรดอนุญาตความตั้งใจของคุณชายใหญ่เถิด คุณหนูหลี่อยู่ในสภาพเช่นนี้ เรื่องของนางควรมาก่อน”
“แล้วเจ้าจะทำอย่างไร” องค์หญิงใหญ่กล่าวด้วยโทสะ “พวกเจ้าเพิ่งจะได้รับสมรสพระราชทาน ตอนนี้กลับถอนหมั้นฝ่ายเดียว หากเผยแพร่ออกไป เจ้าจะอยู่อย่างไร”
“ข้าเต็มใจช่วยคุณชายใหญ่ปกป้องน้องชายให้สำเร็จ เป็นคุณธรรมที่น่ายกย่องเช่นกัน หากท่านแม่กับจวนองค์หญิงใหญ่คิดว่าสิ่งที่ข้าทำเป็นเกียรติยศ เผยแพร่ออกไป ก็ไม่กลัวว่าชาวบ้านจะหัวเราะเยาะข้า”
จินเยี่ยนตอบ
“เจ้า…” องค์หญิงใหญ่มองนาง “เจ้าอยากให้แม่โมโหจนตายเลยหรือไม่”
งานสมรสตกลงกันอย่างราบรื่น นางแลดูพอใจในตัวเจิ้งเซี่ยวฉุนนัก ทว่ายังไม่ทันได้มีความสุขก็หลีกทางให้คนอื่นเสียแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง งานสมรสครั้งนี้เป็นงานที่รับต่อมาจากจวนเสนาบดีฝ่ายขวาอีกที ยามนี้จวนเสนาบดีฝ่ายขวาจะรับกลับไปอีกได้อย่างไร
องค์หญิงใหญ่มองจินเยี่ยน ไม่รู้ว่าควรบริภาษหรือโกรธนางชั่วขณะ
ฉินอวี้โบกมือ ชมเชยจินเยี่ยน “ท่านหญิงจินเยี่ยนมีคุณธรรม ยินดีช่วยให้คุณชายใหญ่สมหวัง มิใช่แค่เป็นเกียรติต่อจวนองค์หญิงใหญ่เท่านั้น แต่ยังเป็นเกียรติแก่ราชนิกุลด้วย” เอ่ยจบ เขาก็เอ่ยถามเสนาบดีฝ่ายขวากับฮูหยิน “เสนาบดีฝ่ายขวา ฮูหยิน ตอนนี้คุณชายใหญ่ยินดียกเลิกการหมั้นกับจวนองค์หญิงใหญ่ แล้วไปสู่ขอคุณหนูหลี่แทน พวกเจ้าสองคนคิดเห็นอย่างไร”
เสนาบดีฝ่ายขวามองฉินอวี้ และมองไปยังเจิ้งเซี่ยวฉุนที่กำลังคุกเข่าวิงวอนบนพื้น ไม่รู้ว่าควรกล่าวคำใดชั่วขณะ “เรื่องนี้…”
ฮูหยินเสนาบดีฝ่ายขวายามนี้มิได้โกรธแล้วเช่นกัน เทียบกับเจิ้งเซี่ยวหยาง เจิ้งเซี่ยวฉุนย่อมยอดเยี่ยมกว่าร้อยพันเท่า ไม่ว่าใครเลือกชายผู้นี้เป็นลูกเขยก็ล้วนไม่มีข้อโต้แย้ง แรกเริ่มเดิมทีนางก็ถูกใจเจิ้งเซี่ยวฉุน หากแต่บุตรีของตนไม่ยินยอม นางจึงหันไปมองเสนาบดีฝ่ายขวา
“เรื่องนี้ยังต้องหารือกันอย่างรอบคอบ ต้องดูความคิดเห็นของปี้เอ๋อร์ด้วย” เสนาบดีฝ่ายขวากล่าวอย่างไตร่ตรอง
ฮูหยินเสนาบดีฝ่ายขวาได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวทันที “ท่านเสนาบดี ไม่ต้องดูความเห็นปี้เอ๋อร์แล้ว ตอนนี้นางอยู่ในสภาพเช่นนี้ ไหนเลยจะยังมีกะจิตกะใจมาคิดอีก หากได้ยินเรื่องนี้ต้องไม่ตกลงแน่นอน ใบหน้านางเสียโฉมไปแล้ว มิอาจฟื้นใบหน้าเดิมกลับคืนมาได้ครบสิบส่วน นับแต่โบราณมาบุรุษไหนเลยจะไม่ชอบสตรีที่รูปลักษณ์ หากไม่ตอบตกลงคุณชายใหญ่ อนาคตนางจะทำอย่างไร มีหรือจะไม่จบสิ้นแล้ว”
“ถึงอย่างนั้นก็มิอาจบังคับเพราะเหตุนี้” เสนาบดีฝ่ายขวากล่าว “ถึงแม้เกี่ยวดองกันแล้ว มีหรือจะไม่ใช่คู่เวรคู่กรรม”
เจิ้งเซี่ยวฉุนได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวขึ้นทันที “ผู้น้อยรับรองว่าจะดูแลคุณหนูหลี่อย่างดี ขอให้ท่านเสนาบดีโปรดอนุญาตด้วย”
“นี่…” เสนาบดีฝ่ายขวามองหลี่มู่ชิง “ชิงเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าอย่างไร”
หลี่มู่ชิงคอยสังเกตการณ์อยู่ด้านข้าง มิได้เอ่ยแทรกเลยตั้งแต่ต้น ยามนี้เห็นเสนาบดีฝ่ายขวาถามเขา จึงตอบว่า “บุตรีจวนเสนาบดีฝ่ายขวาแม้ใบหน้าถูกทำร้ายจนเสียโฉม แต่ก็มีฐานะสูงส่งล้ำค่า หากเรื่องชิงการสมรสเผยแพร่ออกไป คนบนโลกจะมองจวนเสนาบดีฝ่ายขวาอย่างไร ข้าไม่เห็นด้วย”
“ชิงเอ๋อร์ แล้วน้องสาวเจ้าจะทำอย่างไร” ฮูหยินเสนาบดีฝ่ายขวามองหลี่มู่ชิง กล่าวอย่างลนลาน
“ท่านแม่ ชื่อเสียงอันบริสุทธิ์ของสตรีมิใช่สำคัญกว่าใบหน้าหรือ” หลี่มู่ชิงกล่าว “หากบีบบังคับให้คุณชายใหญ่ถอนหมั้นกับจวนองค์หญิงใหญ่จริงๆ แล้วหันมาสู่ขอน้องแทน ชื่อเสียงของนางจะเอาไปไว้ตรงไหน หลังจากนี้จะมีความสุขจริงหรือ”
ฮูหยินเสนาบดีฝ่ายขวาอึ้งไป
“ไม่มีใครบังคับ เป็นผู้น้อยเต็มใจสู่ขอคุณหนูหลี่เพื่อรับผิดแทนน้องชายเอง” เจิ้งเซี่ยวฉุนกล่าวขึ้น
หลี่มู่ชิงพลันยิ้มออกมา “คุณชายใหญ่ช่างเป็นพี่ชายที่ดีนัก เสียสละตัวเองเพื่อปกป้องน้อง นี่ทำให้มู่ชิงนับถือจากใจจริงเช่นกัน” พูดจบก็กล่าวต่อ “แต่คุณชายใหญ่เคยคิดหรือไม่ เจ้าปกป้องน้องชายเช่นนี้ หากน้องสาวข้าออกเรือนกับเจ้า วันหนึ่งพวกเขาเกิดทะเลาะกันขึ้นมา เจ้าควรเข้าข้างผู้ใด”
“พี่สะใภ้คนโตเหมือนมารดา ข้าจะสอนให้เขาเคารพคุณหนูหลี่” เจิ้งเซี่ยวฉุนตอบทันที
“เจ้าบอกว่าเจ้าสั่งสอนคุณชายรองเจิ้งมาตั้งแต่เด็ก แต่ตอนนี้ก็ทำให้เขาเชื่อฟังเจ้าไม่ได้ใช่หรือไม่ เช่นนั้น เจ้าจะรับรองได้หรือว่าเขาจะเคารพน้องสาวข้า” หลี่มู่ชิงถาม
เจิ้งเซี่ยวฉุนกัดริมฝีปาก ก่อนกล่าวขึ้น “เกิดเหตุการณ์นี้แล้ว ข้าจะไม่ยอมผ่อนปรนให้เขาอีก แต่จะกำกับดูแลอย่างเข้มงวดกว่าเดิม คุณชายหลี่โปรดวางใจ”
เจิ้งเซี่ยวหยางกลอกตา “พี่ใหญ่ เจ้าช่างเป็นพี่ใหญ่ที่ดีของข้านัก”
“เจ้าหุบปาก ห้ามพูดขึ้นมาอีก” เจิ้งเซี่ยวฉุนกล่าวด้วยโทสะ
เจิ้งเซี่ยวหยางยกมือปิดปาก “ได้ ข้าหุบปาก ปล่อยให้ท่านแต่งกับหญิงอัปลักษณ์เสียโฉมคนนั้นแล้วกัน”
“เจ้า…” เจิ้งเซี่ยวฉุนเองก็โกรธแล้วเช่นกัน ทว่ายังระงับอารมณ์เต็มที่
ฮูหยินเสนาบดีฝ่ายขวากล่าวขึ้นทันที “ท่านดูเขาสิ ดื้อรั้นหัวแข็งเช่นนี้ จนป่านนี้แล้วนึกไม่ถึงว่ายังไม่ปรับปรุงตัวอีก ไม่รู้จักกาลเทศะ สมควรตาย” พูดจบ นางก็กล่าวกับฉินอวี้ “ฝ่าบาท ถ้าไม่ลงโทษเขา ก็ยากจะระบายโทสะได้”
ฉินอวี้ถอนหายใจออกมา “คุณชายใหญ่ยอมรับโทษแทนคุณชายรอง นับแต่โบราณมาก็มีตัวอย่างแบบนี้เช่นกัน ฮูหยินระงับโทสะไว้ก่อนเถอะ” เอ่ยจบ เขามองไปยังหลี่มู่ชิง “เจ้าไม่เห็นด้วยหรือ”
หลี่มู่ชิงเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนกล่าวว่า “ข้าไม่เห็นด้วย แต่หากบิดา มารดา และน้องสาวล้วนเห็นด้วย ข้าย่อมไม่มีข้อโต้แย้งเช่นกัน”
“ตอนนี้คุณหนูหลี่ฟื้นหรือยัง” ฉินอวี้เอ่ย “เสนาบดีฝ่ายขวา ไปถามดูเถิด หากคุณหนูหลี่ตกลง เรื่องนี้ก็ตกลงกันเช่นนี้ แต่หากไม่ตกลง…”
“ฝ่าบาท โปรดทรงอนุญาตให้ผู้น้อยไปถามคุณหนูหลี่เองเถิด กล่าวกันว่าความแค้นพึงละมิพึงผูก ข้าเต็มใจสู่ขอคุณหนูหลี่ แสดงความรับผิดชอบต่อนาง ดูแลไปตลอดชีวิต ทั้งหมดล้วนเป็นความสมัครใจของข้า มิใช่ถูกจวนเสนาบดีฝ่ายขวาบังคับ หากมีการเผยแพร่ออกไป ข้าย่อมออกมาแก้ไขให้ถูกต้อง มิให้นางต้องฟังคำวิจารณ์บั่นทอนจิตใจ” เจิ้งเซี่ยวฉุนพลันวิงวอนขึ้น
ฉินอวี้มองไปยังเสนาบดีฝ่ายขวา
เสนาบดีฝ่ายขวาถอนหายใจ พยักหน้ารับ ก่อนบอกหลี่มู่ชิง “มู่ชิง เจ้านำทางคุณชายใหญ่ไปเถอะ”
หลี่มู่ชิงผงกศีรษะ
ฮูหยินเสนาบดีฝ่ายขวาฟังแล้วก็กลัวว่าหลี่หรูปี้ปฏิเสธ ถึงอย่างไรคนเป็นแม่ นางก็ไม่สนใจว่าเผยแพร่ออกไปแล้วจะน่าฟังหรือแสลงหู ถึงอย่างไรเจิ้งเซี่ยวฉุนก็เต็มใจเอง นี่เป็นสิ่งที่ตระกูลเจิ้งควรทำและควรรับผิดชอบ นางจึงเอ่ยขึ้น “ข้าก็จะไปด้วย”
เสนาบดีฝ่ายขวาพยักหน้าด้วยความปวดหัว
เจิ้งเซี่ยวฉุนลุกขึ้น ทั้งสามเดินไปยังเรือนของหลี่หรูปี้