จารใจรัก [ส่วนที่ 5] - ตอนที่ 31-1 ยากจะเข้าใจ
เซี่ยฟางหวามีคำถามอัดแน่นอยู่เต็มท้อง แต่ก็อดทนไว้ก่อน รอฉินเจิงพักผ่อนพอแล้ว ตื่นมาค่อยคุยกัน
นางนอนไปพักหนึ่ง ซื่อฮว่าก็กดเสียงตะโกนขึ้นจากด้านนอก “คุณหนู”
เซี่ยฟางหวาขยับตัว ตั้งใจว่าจะลุกขึ้น กลับถูกฉินเจิงกำข้อมือเอาไว้แน่นจนลุกขึ้นมามิได้ ผินหน้ามองเขาพบว่ายังคงหลับอยู่ นางทำได้เพียงแค่นอนต่อ กดเสียงทุ้มต่ำถามขึ้น “มีเรื่องใด”
“เสี่ยวเฉวียนจื่อกงกงมาถ่ายทอดข้อความว่า ฝ่าบาททรงทราบว่าท่านอ๋องน้อยกลับมาแล้ว จึงเชิญท่านอ๋องน้อยเข้าวังทันทีเจ้าค่ะ” ซื่อฮว่าตอบ
เซี่ยฟางหวาคิดว่าฉินอวี้รู้ข่าวไวนัก เอ่ยถามนาง “เสร็จธุระที่จวนเสนาบดีฝ่ายขวาแล้วหรือ ตกลงว่าตัดสินใจอย่างไร”
หากเรื่องที่จวนเสนาบดีฝ่ายขวายังไม่จบลง ฉินอวี้น่าจะเจียดเวลามามิได้
“หลังคุณหนูหลี่ฟื้นแล้ว ได้ยินเรื่องนี้ก็ปฏิเสธ คุณชายใหญ่ตระกูลเจิ้งแห่งสิงหยางคุกเข่าสู่ขอหน้าเรือนของคุณหนูหลี่ไม่ยอมไปไหน บอกว่าต้องรับผิดชอบนางแทนน้องชาย เสนาบดีฝ่ายขวากับคุณชายหลี่ล้วนคิดว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้ก็ไม่ต้องถามแล้ว บอกคุณชายใหญ่ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ ปล่อยให้เรื่องเป็นไปเช่นนี้ แต่คุณชายใหญ่ก็เป็นคนหัวแข็งเช่นกัน เป็นตายร้ายดีก็ไม่ยอมกลับ จะรับผิดชอบให้ได้ ยามนี้ยังเฝ้าอยู่ที่จวนเสนาบดีฝ่ายขวาเจ้าค่ะ” ซื่อฮว่าตอบเสียงทุ้มต่ำ
“แล้วฉินอวี้กับคนตระกูลเจิ้งแห่งสิงหยางเล่า” เซี่ยฟางหวาถาม
“ฝ่าบาทตรัสว่าในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ให้คุณชายใหญ่กับคุณหนูหลี่ตัดสินใจกันเอง เสด็จกลับวังแล้ว ตระกูลเจิ้งแห่งสิงหยางจะพักอยู่ที่จวนเสนาบดีฝ่ายขวาชั่วคราว ถึงอย่างไรเรื่องก็ยังไม่จบดี” ซื่อฮว่าตอบ
“คุณชายรองเจิ้งเล่า” เซี่ยฟางหวาถามอีก
“พระชายาให้เขาพักในเรือนที่รองราชเลขาชุยเคยมาพักในจวนเราเจ้าค่ะ ห่างจากเรือนลั่วเหมยไม่ไกลนัก” ซื่อฮว่าตอบ “ฟังว่าหลังอาบน้ำอาบท่าแล้ว ก็เข้านอนทันที”
เซี่ยฟางหวาคิดในใจว่าเจิ้งเซี่ยวหยางก็ระหกระเหินเดินทางเข้าเมืองมา เกรงว่าคงเหนื่อยล้าเช่นกัน ถึงหลับไปก็มิใช่เรื่องแปลก นางจึงถามอีก “จวนองค์หญิงใหญ่เล่า หลังจินเยี่ยนกลับจวนแล้วเป็นอย่างไรบ้าง”
“ฟังว่าหลังจากองค์หญิงใหญ่กลับจวน ก็โกรธจนทำลายข้าวของในห้อง ไม่ขอพบท่านหญิงจินเยี่ยน ท่านหญิงจินเยี่ยนจึงตัดสินใจกลับเรือนตนเอง” ซื่อฮว่าตอบ
เซี่ยฟางหวาครุ่นคิด ก่อนบอกซื่อฮว่า “เจ้าไปบอกเสี่ยวเฉวียนจื่อ บอกฝ่าบาทว่าฉินเจิงเพิ่งกลับมา เหนื่อยล้าอย่างยิ่งจนหลับไปแล้ว รอเขาตื่นก่อนค่อยเข้าวัง”
ซื่อฮว่ารับคำก่อนออกไปถ่ายทอดข้อความ
เซี่ยฟางหวาเองก็เหนื่อยแล้วเช่นกัน ฟังเสียงหายใจสม่ำเสมอของฉินเจิงพลางก็เริ่มเกิดความง่วงจึงหลับตาลง แล้วเข้าสู่ห้วงนิทราตาม
พระชายาอิงชินอ๋องเดิมมิได้ตั้งใจจะมารบกวนทั้งสอง แต่เมื่อจัดการธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ว รออยู่ในเรือนหลักพักใหญ่ก็ไม่เห็นฉินเจิงไปหา เห็นว่าฟ้ามืดแล้วจึงนั่งไม่ติด ลุกขึ้นเดินไปยังเรือนลั่วเหมย
ซื่อฮว่ามาต้อนรับพระชายาอิงชินอ๋อง กล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “ท่านอ๋องน้อยเหนื่อยล้าอย่างยิ่ง กลับมาก็หลับไปทันที จนป่านนี้ยังไม่ตื่น พระชายาน้อยก็คงเหนื่อยเช่นกันจึงหลับตามไป ยามนี้ก็ยังไม่ตื่นเช่นกันเจ้าค่ะ”
พระชายาอิงชินอ๋องได้ยินเช่นนั้นก็ได้แต่หยุดเดิน “เด็กสองคนนี้ ช้าก็สงสัยว่าทำไมถึงไม่ไปหา”
“นอนหลับไปพักใหญ่แล้ว ถ้ามิอย่างนั้น…ให้บ่าวปลุกพวกเขาหรือไม่เจ้าคะ” ซื่อฮว่ากระซิบถาม
พระชายาอิงชินอ๋องโบกมือปราม “ช่างเถอะ ให้พวกเขานอนต่อ ข้าแค่ไม่สบายใจจึงมาถามดู รอพวกเขาตื่นแล้วค่อยคุยกัน”
ซื่อฮว่าพยักหน้า
พระชายาอิงชินอ๋องออกจากเรือนลั่วเหมย
อิงชินอ๋องกลับมาจากด้านนอก พบพระชายาอิงชินอ๋องที่หน้าประตูพอดี จึงเอ่ยถาม “เจิงเอ๋อร์กลับมาแล้วหรือ”
“กลับมาแล้ว” พระชายาอิงชินอ๋องตอบ
“เป็นเช่นไร จัดการเรียบร้อยดีหรือไม่” อิงชินอ๋องถามทันที
พระชายาอิงชินอ๋องส่ายหน้า “ฟังว่าเขาเหนื่อยมาก กลับมาถึงก็หลับไป ข้าเพิ่งไปเรือนลั่วเหมยมาเมื่อครู่ เขายังไม่ตื่นเลย ข้าจึงยังไม่ได้พบเขา”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ให้เขานอนพักก่อนเถอะ” อิงชินอ๋องถอนหายใจ
“ทางด้านจวนเสนาบดีฝ่ายขวาเป็นอย่างไร ข้าได้ยินว่าคุณหนูหลี่ไม่ตกลง แต่คุณชายใหญ่เจิ้งยืนกรานจะรับผิดชอบให้ได้” พระชายาอิงชินอ๋องถามเสียงทุ้ม
อิงชินอ๋องพยักหน้า ทอดถอนใจกล่าว “ฟังว่ายังคงยืนกรานเช่นนั้น เสนาบดีฝ่ายขวาเองก็ปวดหัวมากเช่นกัน คุณชายสองท่านจากตระกูลเจิ้งแห่งสิงหยางทำให้คนทึ่งแล้ว”
“มีหรือจะไม่ใช่ โดยเฉพาะคุณชายรองท่านนั้น” พระชายาอิงชินอ๋องพลันยิ้มออกมา
“เจ้าให้เขามาพักที่จวนเรา มีแผนการใด” อิงชินอ๋องพลันถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ
พระชายาอิงชินอ๋องส่ายหน้า “ข้าไม่มีแผนใด แค่เห็นเด็กคนนี้แล้วถูกชะตาเท่านั้น” พูดจบ นางก็กดเสียงต่ำลง “ก่อนคุณชายรองท่านนี้เข้าเมืองมา ไม่มีข่าวคราวใดเล็ดรอดมาแม้แต่น้อย จู่ๆ ก็มาถึงเมืองหลวงแล้ว และยังพุ่งชนรถม้าจวนเสนาบดีฝ่ายขวา ทำร้ายหลี่หรูปี้ ตอนนี้มีคุณชายใหญ่คอยออกหน้า เขาจึงปกป้องตัวเองได้ นี่ไม่ธรรมดาเลย ข้าเห็นว่าหวาเอ๋อร์คอยพิจารณาเขาตลอดเวลา น่าจะมีความคิดใด จึงถือโอกาสชวนเขามาพักที่จวนของเรา”
อิงชินอ๋องผงกศีรษะ “ที่ผ่านมาเขาไม่มีชื่อเสียงอะไร คนใต้หล้าและประชาชนในเมืองหลวงรู้จักเพียงคุณชายใหญ่ของตระกูลเจิ้งแห่งสิงหยาง ไม่รู้จักคุณชายรอง วันนี้พอเข้าเมืองมาก็ก่อเรื่องจนเกือบพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน ไม่อาจดูถูกได้เลยจริงๆ”
พระชายาอิงชินอ๋องพยักหน้า “จินเยี่ยนเด็กคนนั้นมีสายตาเฉียบแหลมกว่าองค์หญิงใหญ่เยอะนัก และก็ใจกว้างดุจมหาสมุทรด้วยเช่นกัน”
“สรุปว่ามิได้ทำให้หลายจวนผูกอาฆาตกันด้วยเรื่องนี้ หรือทำให้สถานการณ์ในราชสำนักสั่นคลอน ก็คุ้มค่าที่จะแสดงความยินดี” อิงชินอ๋องโบกมือ “เข้าห้องเถอะ ข้าก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน”
พระชายาอิงชินอ๋องผงกศีรษะ เข้าห้องไปพร้อมอิงชินอ๋อง
ครั้นฟ้ามืดสนิท เซี่ยฟางหวาที่หลับไปงีบหนึ่งก็ตื่นขึ้นมา พบว่าฉินเจิงยังหลับอยู่ นางจึงอาศัยแสงสว่างเพียงน้อยนิดมองเขา
แต่ผ่านไปเพียงพักหนึ่ง ด้านนอกก็มีเสียงตะโกนเรียก “ฉินเจิง” ดังขึ้น เป็นเสียงของเยี่ยนถิง
เซี่ยฟางหวาตวัดตามองด้านนอก แต่ม่านหน้าต่างในห้องชั้นกลางถูกปิดไว้ มองไม่เห็นอันใดทั้งนั้น
ซื่อฮว่าออกไปต้อนรับ ได้ยินเพียงเสียงดังแว่วมาลางๆ “ท่านโหวน้อยเยี่ยน หลังจากท่านอ๋องน้อยกลับมาก็เหนื่อยล้ามาก ตอนนี้ยังหลับอยู่เจ้าค่ะ”
“ครึ่งวันแล้วกระมัง ยังหลับอยู่ ข้าจะไปปลุกเขาเอง” เยี่ยนถิงทำท่าจะสาวเท้าเข้าไปข้างใน
ซื่อฮว่าขวางเอาไว้ทันที “พระชายาน้อยก็กำลังพักผ่อนกับท่านอ๋องน้อยด้วย ท่านเข้าไปมิได้”
เยี่ยนถิงชะงักไปครู่หนึ่ง กะพริบตาปริบ ก่อนตวัดตามองท้องฟ้า แล้วโพล่งขึ้น “เจ้าหมายถึง ตอนกลางวันพวกเขาก็…”
ซื่อฮว่าหน้าแดง ด้วยความตกใจจึงยกขาเหยียบเท้าเยี่ยนถิงอย่างเต็มแรง
เยี่ยนถิงร้อง “โอ๊ย” อย่างน่าเวทนาเสียงหนึ่ง “เจ้าเด็กนี่ มาเหยียบเท้าข้าทำไม”
ซื่อฮว่าถอยหลังก้าวหนึ่ง กระซิบว่า “ท่านโหวน้อยเยี่ยน ล่วงเกินแล้ว ท่านอ๋องน้อยกับพระชายาน้อยแค่กำลังนอนพักผ่อน ท่านพูดเหลวไหลอันใดเล่า”
เยี่ยนถิงเบะปาก “เช่นนั้นเจ้าไปปลุกพวกเขา เลิกนอนต่อได้แล้ว ข้ามีเรื่องจะคุยด้วย”
ซื่อฮว่ามองเขาแวบหนึ่ง ก่อนเดินไปหน้าประตูห้อง ตะโกนเสียงเบา “คุณหนู ท่านโหวน้อยเยี่ยนมาหาเจ้าค่ะ”
เซี่ยฟางหวาได้ยินการเคลื่อนไหวด้านอกชัดเจน หมดคำพูดอยู่บ้างและทั้งยิ้มขำ ผินหน้ามองฉินเจิง พบว่าเขาตื่นเพราะเสียงรบกวนแล้วเช่นกัน จึงกล่าวขึ้น “เยี่ยนถิงมาแล้ว เจ้าตื่นแล้วใช่ไหม ลุกเถอะ”
“ไม่ต้องสนใจเขา” ฉินเจิงกอดนางแนบอก
“หากไม่ใช่ซื่อฮว่าขวางไว้ เขาคงบุกเข้ามาแล้ว” เซี่ยฟางหวากล่าวเสียงทุ้ม
“ถ้าเขากล้า ก็หักขาเขาทิ้งเสีย” ฉินเจิงแค่นเสียงเย็นชา
เซี่ยฟางหวายิ้มขำ ยกมือดันเขาออกแล้วกล่าวเสียงอ่อนโยน “รีบลุกขึ้นเถอะ นอนมาครึ่งวันแล้ว ข้าคล้ายได้ยินว่าท่านแม่มาหาครั้งหนึ่ง แต่รู้ว่าเรายังไม่ตื่นจึงกลับไปก่อน เยี่ยนถิงไม่มีความอดทนเช่นนั้น รอสักครู่ก็ลนลาน ตะโกนขึ้นมาอีก”
ฉินเจิงแสร้งไม่ได้ยิน
เซี่ยฟางหวาผลักเขาออกอีกหน
ฉินเจิงลืมตาขึ้น “เจ้าจูบข้าหน่อย”
เซี่ยฟางหวาเห็นว่าความเหนื่อยล้าบนใบหน้าเขาหายไปแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาเปล่งประกาย นางขยับเข้าใกล้ โน้มศีรษะจุมพิตเขาแผ่วเบาดั่งแมลงปอแตะผิวน้ำ แล้วก็ผละออกทันที “ลุกเถอะ”
“ยังไม่พอ” ฉินเจิงบอกอย่างไม่พอใจ
เซี่ยฟางหวายื่นมือไล้ใบหน้าเขาแผ่วเบา “ข้าถามเจ้า ไฉนถึงได้กลับมาไวขนาดนี้”
“เจ้าอย่ามาเปลี่ยนเรื่อง” ฉินเจิงแค่นเสียงเล็กน้อย
เซี่ยฟางหวาหมดคำพูด เอื้อมมือดึงเขาลุกขึ้นมา “คิดว่าเจ้าเป็นเด็ก ลุกขึ้นมาเร็ว”
“ตอนค่ำเจ้าต้องชดเชยให้ข้า” ฉินเจิงถือโอกาสเรียกร้อง
เซี่ยฟางหวามองเขาด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
ฉินเจิงเสริมว่า “หากไม่ชดเชยให้ข้า เช่นนั้นก็ไม่ลุก”
เซี่ยฟางหวาทั้งขุ่นเคืองและทั้งยิ้มขำ กดเสียงกล่าวว่า “เจ้ากลับมา มีคนและเรื่องมากมายกำลังรอเจ้าอยู่ ถึงแม้ข้าอยากชดเชยให้เจ้า ก็ต้องรอเจ้าสะสางธุระเสร็จก่อน กลางคืนนอนหลับได้ถึงค่อยนับ”
ฉินเจิงดึงนางเข้ามากอด ประทับจุมพิตลงบนต้นคอนาง “หมายความว่าเจ้ารับปากแล้ว”
“ข้าไม่รับปากได้หรือไม่” เซี่ยฟางหวาชำเลืองมองเขา
“ไม่ได้” ฉินเจิงตอบ
เซี่ยฟางหวายกมือเขาออก “เจ้ารอตรงนี้ ข้าไปหยิบเสื้อผ้ามาให้”
ฉินเจิงยอมปล่อยมืออย่างว่าง่าย