จารใจรัก [ส่วนที่ 5] - ตอนที่ 37-2 อ่อนโยนนุ่มละมุน
จวนองค์หญิงใหญ่ย่อมทราบข่าวแล้วเช่นกัน ตั้งแต่องค์หญิงใหญ่กลับถึงจวนเมื่อวานก็ทำลายข้าวของในห้อง โกรธจนงดอาหาร และไม่ขอพบจินเยี่ยน ตลอดทั้งคืนล้วนหลับไม่สนิทดี บุตรีที่นางเฝ้าทะนุถนอมมาเป็นอย่างดี ไฉนถึงได้เลือกออกเรือนกับเจ้าสารเลวเจิ้งเซี่ยวหยางนั่น
หลังจินเยี่ยนกลับถึงจวนก็มาหาองค์หญิงใหญ่ แต่ถูกนางโกรธจนบริภาษใส่ชุดหนึ่ง จินเยี่ยนจึงถือโอกาสกลับมาที่เรือนของตนเอง ปล่อยให้นางกระฟัดกระเฟียดต่อไป
เช้าวันนี้จินเยี่ยนมาทำความเคารพองค์หญิงใหญ่ หากแต่องค์หญิงใหญ่มีใบหน้าบึ้งตึง บอกให้นางไปขอฝ่าบาทยกเลิกการหมั้นหมายเสีย
จินเยี่ยนส่ายหน้า “ท่านอยากให้ลูกรีบแต่งออกไป หรืออยากให้ลูกไม่ออกเรือนกับใครเลยตลอดชีวิตกันแน่ เป็นแม่ชีน้อยเฝ้าอาราม”
“เจิ้งเซี่ยวหยางคนนั้นเป็นตัวอะไร ไฉนเจ้าถึงไม่เบิกตามองให้กว้าง เขาคู่ควรกับเจ้าหรือไม่ ต่อให้เขาถือรองเท้าให้เจ้าก็ไม่คู่ควร” องค์หญิงใหญ่กล่าวด้วยโทสะ
“ท่านคิดว่าใครคู่ควรกับข้า พี่ชายอวี้ไม่ชอบข้า ไม่ว่าข้าทำสิ่งใดเขาก็ไม่มีวันสมรสกับข้า นอกจากนี้ยังมีใครอีก เจิ้งเซี่ยวฉุนน่ะหรือ ท่านแม่เองก็ทราบ เมื่อวานเขาคุกเข่าสู่หอหน้าเรือนของหลี่หรูปี้ตลอดทั้งคืน หลี่หรูปี้ก็ยังไม่ตอบตกลง” จินเยี่ยนกล่าวเสียงเรียบ
“เจิ้งเซี่ยวฉุนใช้ไม่ได้ หรือว่านอกจากฝ่าบาท นอกจากตระกูลเจิ้งของพวกเขา ก็ไม่มีคนอื่นอีกแล้ว” องค์หญิงใหญ่นึกถึงเจิ้งเซี่ยวฉุนก็ยิ่งทวีความโกรธ
“ดูเหมือนจะไม่มีคนอื่นแล้ว” จินเยี่ยนตอบ “ข้าว่าเจิ้งเซี่ยวหยางไม่เลว ข้าเลือกเขาแล้วก็ต้องเป็นเขา ต่อไปเขาจะดีกับข้าหรือไม่ ข้าล้วนต้องยอมรับ”
“เจ้ายอมแต่ข้าไม่” องค์หญิงใหญ่นึกถึงเจิ้งเซี่ยวหยางก็ยิ่งโกรธจนปวดตับ “ไม่แยแสผู้ใดเช่นนั้น ถามหาพรสวรรค์ก็หาไม่ ถามหาหน้าตาก็ใช้ไม่ได้ ยิ่งพฤติกรรมยิ่งแล้วใหญ่ เจ้าเห็นอะไรในตัวเขา อย่าได้เป็นเพราะเจิ้งเซี่ยวฉุนเปลี่ยนความคิด เจ้าจึงเลือกเขาอย่างท้อแท้สิ้นหวัง”
จินเยี่ยนหัวเราะ “ข้าไม่เห็นเจิ้งเซี่ยวฉุนในสายตา ลูกมิได้ท้อแท้สิ้นหวัง” พูดจบนางก็ก้าวขึ้นมา เขย่าแขนมารดาด้วยความออดอ้อน “ท่านแม่ ท่านก็ไม่อยากให้ข้าเป็นโสดไปตลอดชีวิต อย่าโกรธเลย ชีวิตของลูก ลูกก็ควรตัดสินใจเอง ถึงแม้อนาคตจะมีจุดจบไม่สวยงาม แต่ก็โทษใครมิได้ เพราะเป็นทางที่ข้าเลือกเอง”
“เจ้าอยากให้ข้าโมโหจนตายเลยหรืออย่างไร” องค์หญิงใหญ่สะบัดมือนางออก
จินเยี่ยนยังอยากกล่าวต่อ ทว่าพ่อบ้านจวนองค์หญิงใหญ่ก็กุลีกุจอเดินมา เอ่ยขึ้นด้านนอกด้วยเสียงลนลาน “องค์หญิงใหญ่ แย่แล้วขอรับ”
“มีเรื่องใด” องค์หญิงใหญ่กำลังเดือดดาล ถามด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
พ่อบ้านใหญ่เงยหน้ามองลอดผ้าม่านเข้ามา เห็นว่าจินเยี่ยนอยู่ด้านในด้วยรางๆ ก็พูดไม่ออกทันที
“รีบพูดมา” น้ำเสียงขององค์หญิงใหญ่เข้มขึ้นหลายส่วน
“ด้านนอกลือกันว่า คุณชายรองตระกูลเจิ้งแห่งสิงหยางแบกเด็กรับใช้คนหนึ่งของจวนอิงชินอ๋องไปยังหอหงซิ่ว…เรียกแม่นางทั้งหมดมาปรนนิบัติ…” พ่อบ้านใหญ่กัดฟันกล่าว
“อะไรนะ” องค์หญิงใหญ่ผุดลุกขึ้นยืนทันที
พ่อบ้านใหญ่ตัวสั่นทันที รีบกล่าวต่อว่า “บ่าวส่งคนไปตรวจสอบแล้ว มีเรื่องนี้จริงขอรับ”
“เจิ้งเซี่ยวหยาง มีอย่างนี้ที่ไหนกัน” องค์หญิงใหญ่คว้าแก้วขึ้นมาปาลงพื้นดัง ‘เพล้ง’ ก่อนหันไปมอง
จินเยี่ยน “เจ้าดูสิ เขาเลวทรามขนาดนี้ เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกหรือไม่”
จินเยี่ยนเยือกเย็นกว่า กล่าวโดยสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน “ท่านแม่โมโหอันใด บุรุษไม่เจ้าชู้ ก็เสียแรงที่เกิดมาเป็นบุรุษแล้ว”
“เจ้า…” องค์หญิงใหญ่ชี้หน้านาง โกรธจนเนื้อตัวสั่นเทิ้ม “ข้าอุตส่าห์เลี้ยงดูเจ้าจนเติบโตมาอย่างลำบาก เจ้ากลับปล่อยให้เจ้าสารเลวคนนั้นหยามเกียรติรึ”
“ท่านดับโทสะลงก่อน นี่ก็มิใช่เรื่องใหญ่ร้ายแรงอันใด” จินเยี่ยนมององค์หญิงใหญ่
องค์หญิงใหญ่ยิ่งเห็นสีหน้านางก็ยิ่งโกรธจนพูดไม่ออก ผ่านไปพักหนึ่งนางก็สะบัดแขนเสื้อ แล้วตะโกนขึ้นด้วยโทสะกับด้านนอก “เตรียมรถ”
พ่อบ้านใหญ่รับคำทันทีว่า “ขอรับ” ก่อนวิ่งสุดฝีเท้าออกไป
องค์หญิงใหญ่ยกกระโปรงเร่งฝีเท้าเดินออกจากห้อง มุ่งหน้าไปนอกจวนด้วยความเดือดดาล
“ท่านแม่ ท่านจะไปไหน” จินเยี่ยนตามมาทันที
“หอหงซิ่ว” องค์หญิงใหญ่ตอบโดยไม่แม้แต่จะหันมามอง
“ท่านไปทำอันใดที่นั่น” จินเยี่ยนขมวดคิ้ว
“ไปหักขาของเจิ้งเซี่ยวหยาง” องค์หญิงใหญ่เดือดจัด “ข้าจะดูสิว่าเขายังมีหน้าจะแต่งกับเจ้าหรือไม่”
“ท่านอย่าไปเลย” จินเยี่ยนจนปัญญา ยกมือห้ามนาง
องค์หญิงใหญ่ปัดมือนางออก “เจ้าไปกับข้าประเดี๋ยวนี้”
จินเยี่ยนถูกองค์หญิงใหญ่ลากออกไปสองก้าว เห็นว่ามารดาตัดสินใจแน่วแน่แล้ว อย่างไรก็ห้ามมิได้ นางจนปัญญา ทำได้เพียงตามนางไปยังหน้าจวน
ทั้งสองขึ้นรถม้า องค์หญิงใหญ่นำจินเยี่ยนไปยังหอหงซิ่วด้วยท่าทางโหดร้ายน่ากลัว
ไม่นานก็มาถึงหอหงซิ่ว นางลงจากรถม้า ลากจินเยี่ยนตามลงมา ถีบแม่เล้าที่ออกมาต้อนรับทันทีด้วยใบหน้าโกรธเกรี้ยว ถามด้วยโทสะ “เจิ้งเซี่ยวหยางอยู่ที่ไหน”
แม่เล้าถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า คุณชายรองเจิ้งท่านนั้นที่สำมะเลเทเมาอยู่ที่นี่เป็นบุตรเขยของจวนองค์หญิงใหญ่ จึงรีบตอบทันที “อยู่ชั้นสอง ในเรือนเฟิงเยว่”
องค์หญิงใหญ่รุดหน้าขึ้นไปยังชั้นสองด้วยความโกรธพุ่งพล่าน
ด้านในเรือนเฟิงเยว่ เสียงเครื่องสายเครื่องเป่าบรรเลง ช่างเป็นแดนอันนุ่มละมุนอย่างยิ่ง
องค์หญิงใหญ่มาถึงก็ถีบประตูเปิดออกดัง “ผลัวะ” คนด้านในส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจทันที
จินเยี่ยนที่อยู่ด้านหลังองค์หญิงใหญ่มองดูสภาพด้านใน
ภาพที่ปรากฏแก่สายตาคือสตรีจำนวนหนึ่ง บ้างกำลังดีดพิณ บ้างกำลังบรรเลงดนตรี บ้างกำลังร่ายรำ บ้างกำลังดื่มสุราป้อนอาหารออดอ้อน หญิงงามแสนนุ่มนวลล้วนงดงามในแบบของตนเอง ช่วยคลายความเหน็ดเหนื่อยให้ผู้คนได้มาก
เจิ้งเซี่ยวหยางราวกับดื่มจนกรึ่มแล้ว ข้างกายมีสตรีคนหนึ่งกำลังป้อนสุราให้
องค์หญิงใหญ่เห็นภาพตรงหน้าก็ระเบิดโทสะดั่งฟ้าร้อง “เจิ้งเซี่ยวหยาง นึกไม่ถึงว่าอยู่ในเมืองหลวงยังเจ้าสำราญอย่างสบายใจได้ เจ้ารนหาที่ตายใช่หรือไม่” พูดจบนางก็ตวัดฝ่ามือสั่งงานข้างหลัง “ใครก็ได้ หักหาเขาให้ข้า”
มีคนจะบุกเข้าไปด้านในทันที
จินเยี่ยนก้าวออกมาทันที ข้ามธรณีประตูมาจากด้านหลัง แววตาเยือกเย็น น้ำเสียงกังวาน “อย่าเข้ามา”
คนด้านนอกหยุดชะงักลงทันที มองไปทางองค์หญิงใหญ่
“ตอนนี้เจ้าก็เห็นแล้วนี่ คนพรรค์นี้เจ้ายังจะออกเรือนด้วยอีกรึ” องค์หญิงใหญ่มองจินเยี่ยนด้วยแววตาแข็งกร้าว
จินเยี่ยนถอนหายใจออกมา “ท่านแม่ เขาไม่ใช่คนพรรค์นี้อีกแล้ว แต่เป็นว่าที่สามีของลูก” พูดจบ นางก็คว้ามือมารดา “ท่านลืมไปแล้วหรือ เมื่อเช้าฝ่าบาททรงมีพระราชโองการ แต่งตั้งเขาเป็นขุนนางแล้ว ท่านแม้มีศักดิ์เป็นองค์หญิง แต่ก็มิอาจประทุษร้ายขุนนางราชสำนักตามอำเภอใจได้เช่นกัน”
องค์หญิงใหญ่โมโห “เขาเลวทรามเช่นนี้ ข้าไหนเลยจะทำร้ายเขาไม่ได้ ขุนนางราชสำนักอย่างนั้นรึ” นางแค่นหัวเราะเสียงเย็น “เจ้าเห็นมาดขุนนางราชสำนักในตัวเขาบ้างหรือไม่ ไหนจะอาลักษณ์อีก ไม่มีมาดเลยแม้แต่น้อย ไฉนฝ่าบาทถึงได้เลือกคนแบบนี้มาเป็นอาลักษณ์ น่าขายหน้าสิ้นดี”
“ถึงแม้เขาเลวทราม ฝ่าบาทก็เพิ่งทรงมีพระราชโองการ เขามาหาความสุขในสถานที่แบบนี้ เช่นนั้นก็ควรเป็นหน้าที่ของผู้ตรวจการที่ยื่นมติไม่ไว้วางใจต่อเขา ให้ฝ่าบาททรงลงโทษถึงจะถูกต้อง” จินเยี่ยนกล่าว
องค์หญิงใหญ่ได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวด้วยโทสะ “ได้ เช่นนั้นข้าจะไปสำนักตรวจการ ไปหาฝ่าบาท ขอให้พระองค์ทรงจัดการ” พูดจบ นางก็หันหลังเดินลงไปข้างล่างด้วยความโกรธเกรี้ยว
จินเยี่ยนมิได้ห้าม และมิได้ตามองค์หญิงใหญ่ลงไป หากแต่หันหลังไปมองเจิ้งเซี่ยวหยาง
เจิ้งเซี่ยวหยางดื่มสุราในมือของหญิงงามที่ถือค้างไว้กว่าครึ่งวันจนหมดในรวดเดียวอย่างไม่รีบร้อน หลังจากนั้นก็ลุกขึ้นยืน เดินมาหาจินเยี่ยน ยิ้มกริ่มมองนางแล้วพูดว่า “ท่านหญิงช่างประเสริฐนัก ให้ฝ่าบาทเป็นคนลงโทษข้า ดีกว่าใช่วิธีการตัดขาข้าทิ้งเป็นไหนๆ” พูดจบก็ยกมือจินเยี่ยนขึ้นมา จุมพิตลงบนหลังมืออ่อนนุ่ม ก่อนสะอึกเหล้าที่ดื่มลงไป “ข้าชอบ…”