จำนนรักชายาตัวร้าย - ตอนที่ 137-3 จากตาย
แม้ว่าสุ่ยเยว่เอ๋อร์จะปลอมตัวเป็นหญิงวัยกลางคนที่แสนจะธรรมดา แต่ดวงตาของนางคู่นั้น ยังคงลึกซึ้งเชื่อมหวานราวกับสายน้ำเช่นเดิม
สุ่ยเยว่เอ๋อร์รู้ดีว่า หากอวี้ซิงฉงถูกจับได้ละก็ คงยากที่จะหนีพ้นจากความตายได้
สุ่ยเจ๋อซีต้องการกำจัดอวี้ซิงฉงตั้งนานแล้ว!
นางมิอาจทนมองอวี้ซิงฉงต้องตายไปต่อหน้าต่อตา นางรักเขา นางจะไปเป็นเพื่อนเขา
“เจ้าช่างโง่นัก เยว่เอ๋อร์!” อวี้ซิงฉงไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี เขาเอื้อมมือออกไปสัมผัสใบหน้าของสุ่ยเยว่เอ๋อร์ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด
“เพราะข้าไม่เอาไหน วรยุทธ์ไม่สูงส่ง เพียงพอที่จะปกป้องเจ้าได้!”
“อย่าพูดอีกเลย——” สุ่ยเยว่เอ๋อร์น้ำตาไหลพราก
“ซิงฉง เจ้าดีมาก! จริงๆนะ! ในใจของข้า เจ้าคือวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่!”
เมื่ออวี้ซิงฉงและสุ่ยเยว่เอ๋อร์ก้าวออกมา ผู้คนรอบข้างต่างพากันถอยห่างจากพวกเขา คงเหลือเอาไว้เพียงคนทั้งสองเท่านั้น
อวี้ซิงฉง เจ้าช่างบังอาจยิ่งนัก!
สุ่ยเจียงเหวี่ยงเด็กหญิงไปตรงหน้าของหญิงวัยกลางคนผู้เป็นแม่ ทำเอานางรีบลนลานเข้ามาอุ้มเด็กน้อยหลบหลีกไปให้ไกลทันที
“สุ่ยเจียง ข้าจะกลับไปกับเจ้า เจ้าปล่อยซิงฉงไป!”
สุ่ยเยว่เอ๋อร์ก้าวเข้ามาบังหน้าอวี้ซิงฉงเอาไว้ ให้เขายืนอยู่ด้านหลังของนาง
“คุณหนูรอง ท่านมาบอกเอาตอนนี้สายไปเสียแล้ว! ท่านไม่ควรที่จะหนีตามไอ้คนชั้นต่ำนี้มาด้วยซ้ำ!”
สุ่ยเจียงจ้องมองสุ่ยเยว่เอ๋อร์ด้วยสายตาเย็นชา
“คุณหนูรอง หนีตามผู้ชาย?”
‘นี่ถือเป็นข่าวใหญ่ระดับชาติทีเดียว!’
สุ่ยเยว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้น ก็ไม่รู้สึกขัดเขินเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับทอดมองไปที่อวี้ซิงฉงด้วยแววตาลึกซึ้ง
“ความรักไม่เกี่ยวข้องใดๆกับฐานะตำแหน่ง ข้ารักซิงฉง นี่คือความจริงที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้!”
“ดี ความจริงที่ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้อย่างนั้นหรือ!”
สุ่ยเจียงมองดูผู้คนที่เอาแต่ซุบซิบนินทา ก็ยิ้มเ**้ยมเกรียมออกมา
“คุณหนูรอง ท่านรู้หรือไม่ว่า เพราะความเอาแต่ใจและเห็นแก่ตัวของท่าน ทำให้ผู้คนมากมายต้องตาย”
สุ่ยเจียงที่นั่งอยู่บนหลังม้าสูงตระหง่าน เขาเงื้อดาบในมือขึ้น ชี้ไปยังชาวบ้านที่รายล้อมพวกเขาอยู่
“เช่นพวกมัน วันนี้ใครได้รับรู้เรื่องคุณหนูรองแห่งสกุลสุ่ย สาวงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองอู๋โยวหนีตามผู้ชายไปละก็ ล้วนต้องตาย!”
สิ้นคำของสุ่ยเจียง จักรพรรดิสามคนที่ด้านหลังของเขาก็พุ่งตัวเข้าหาชาวบ้านเหล่านั้นทันที
“หยุดนะ พวกเจ้าจะทำอะไร!”
สุ่ยเยว่เอ๋อ์มองดูจักรพรรดิอาวุโสสามคนชักอาวุธของตนเองออกมาไล่ฆ่าฟันประชาชนตาด้วยความตกตะลึง
“พวกเจ้าบ้าไปแล้วหรืออย่างไร”
ผู้คนที่เมื่อครู่ยังซุบซิบนินทานางอยู่ ในตอนนี้กำลังหนีตายอลหม่านไปคนละทิศละทาง แต่ทว่า ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็หนีไม่พ้นม้าศึกฝีเท้าเยี่ยมสี่ตัว ยิ่งไม่มีทางต่อสู้กับจักรพรรดิอาวุโสได้เลย
เวลานี้ ที่ริมแม่น้ำฮาซือถูมีการสังหารหมู่เกิดขึ้น
จักรพรรดิอาวุโสสามคนล้อกรอบชาวบ้านสี่สิบกว่าคน พวกเขาบั่นคอชาวบ้านไปเรื่อยๆราวกับเชือดสัตว์อย่างไรอย่างนั้น
“สู้ตายกับพวกมันกันเถอะ!”
เชียนเย่เสวี่ยร้องตะโกนขึ้นท่ามกลางผู้คน
ชาวบ้านเหล่านั้นเข้าใจในความหมายทันที วันนี้ไม่ใช่อีกฝ่ายตายก็คือพวกเขาตาย แต่ละคนจึงหยิบอาวุธของตนเองออกมา
เพียงแต่เรี่ยวแรงของพวกเขา ช่างน้อยนิดเหลือเกิน
ผู้ที่วรยุทธ์สูงสุด ณ ที่นั้นนั่นก็คือ อวี้ซิงฉง ที่อยู่ในลำดับขั้น ปราชญ์อาวุโส ส่วนคนอื่นๆล้วนแต่อยู่ในระดับขั้นจอมเทวาลงมาเท่าสิ้น
เมื่อเห็นสุ่ยเจียงเริ่มเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ สุ่ยเยว่เอ๋อร์และอวี้ซิงฉงก็พุ่งตัวเข้าร่วมการต่อสู้นั้นด้วยทันที เชียนเย่เสวี่ยผลักตี้อู่เฮ่ออี้ไปยังที่ปลอดภัย แล้วตัวนางเองค่อยพุ่งเข้าไปต่อสู้กับพวกเขา
“หืม? พวกเจ้ายอมออกมาหมดแล้ว?”
สุ่ยเจียงยิ้มแสยะยิ้มเย็นชา
สุ่ยเจียงจำ ‘เหออี้’ และ ‘เชียนเย่เสวี่ย’ ได้ทันที จากการเข่นฆ่าในครั้งนี้
‘สองคนนี้คือไอ้พวกบัดซบ หลอกลวงเขาได้! พวกมันสมควรตาย!’
หากมิใช่คำนึงถึงว่าเหออี้สามารถรักษาอาการป่วยเรื้อรังของสุ่ยเจ๋อซีได้ สุ่ยเจียงก็อยากจะฆ่าไอ้คนโกหกนี่ให้ตายเสียเดี๋ยวนี้
แม้ว่าสุ่ยเจียงจะได้พบกลุ่มคนที่ตนเองตามหาแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้สั่งการให้หยุดมือแต่อย่างใด
ดังนั้น การเข่นฆ่ายังคงดำเนินต่อไป
ชาวบ้านที่เดิมทีมีจำนวนถึงสี่สิบคน ตอนนี้คงเหลือเพียงแค่เจ็ดแปดคนเท่านั้น
“สุ่ยเจียง เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือ!”
เหลือบมองเห็นศพเกลื่อนกลาดพื้น ตี้อู่เฮ่ออี้ก็เริ่มโกรธเคือง เขาไม่เคยเห็นใครฆ่าคนราวกับผักปลาเช่นนี้มาก่อน
‘พวกเขามันไม่ใช่คนแล้ว พวกเขาเป็นเดรัจฉาน!’
“ท่านหมอเทวดาเหอ ทั้งหมดนี่ท่านต่างหากที่บังคับข้า!”
สุ่ยเจียงจับเล่นนิ้วมือของตนเองไปพลางๆ
“หากมิใช่เจ้าช่วยเหลือคุณหนูรองหลบหนี พวกเราก็ยังคงเป็นสหายกัน! แต่น่าเสียดาย! นับตั้งแต่วินาทีที่เจ้าหักหลังข้า เจ้าก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าจุดจบจะต้องเป็นเช่นนี้!”
‘บ้าไปแล้ว! สุ่ยเจียงต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ!’
ตี้อู่เฮ่ออี้พยายามพลิกร่างไร้วิญญาณที่เกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นขึ้นดูว่ายังมีใครรอดชีวิตบ้างหรือไม่
ซึ่งผลลัพธ์ก็ทำเอาตี้อู่เฮ่ออี้แทบคลั่ง จักรพรรดิอาวุโสสามคนนี้ลงมือเ**้ยมปลิดชีวิตคนในดาบเดียว พวกเขาไม่ปล่อยใครให้เหลือรอดทั้งสิ้น
“ฆ่ามันเร็วเข้า!”
เห็นสีหน้าเจ็บปวดของตี้อู่เฮ่ออี้ สุ่ยเจียงก็พรั่งพรูความสุขจากความสะใจที่ได้สะสางแค้นออกมา
“หมอเทวดาเหอ เจ้าเป็นหมอมิใช่หรือ? เจ้ามีหน้าที่พิทักษ์รักษาชีวิตคนมิใช่หรือ? ข้าจะให้เจ้าเห็นคนพวกนี้ตายไปต่อหน้าต่อตา! เจ้าจงจดจำเอาไว้ให้ดี การตายของพวกมันเป็นเพราะเจ้า! เจ้าให้ร้ายพวกมันจนต้องตาย!”
คำพูดของสุ่ยเจียงแต่ละคำราวกับไม้กลองชั้นดีก็ไม่ปานที่ตอกย้ำฝังลึกเข้าไปในหัวใจของตี้อู่เฮ่ออี้อย่างหนักหน่วง
เมื่อเห็นสีหน้าของของตี้อู่เฮ่ออี้กกำลังย่ำแย่อย่างหนัก เชียนเย่เสวี่ยที่อยู่อีกด้านจึงตะโกนแทรกเข้ามา
“เจ้าทึ่ม อย่าไปฟังที่มันพูด! พวกเขาไม่ได้ตายเพราะเจ้า แต่เพราะสุ่ยเจียงไอ้ปีศาจนี่ต่างหาก! มันต่างหากที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด!”
“เสวี่ย ข้ารู้!”
ตี้อู่เฮ่ออี้เงยหน้าขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มผู้แสนซื่อ อ่อนโยนและเรียบร้อยอย่างตี้อู่เฮ่ออี้ใช้แววตาที่เคียดแค้นดุดันจ้องมองสุ่ยเจียงไม่วางตา
“ข้าเพียงแต่แค้นตัวข้าเอง ในตอนนั้นทำไมข้าถึงได้ช่วยเขาเอาไว้ ทำไมตอนที่สั่งยาให้กับเขา ข้าไม่สั่งยาพิษเขาให้ตายไปเสียเลย! หากว่าเขาตายไป วันนี้ก็คงไม่ต้องมีผู้บริสุทธิ์ต้องตายมากมายถึงเพียงนี้!”
ตี้อู่เฮ่ออี้เคียดแค้นชิงชังสุ่ยเจียงอย่างที่สุด
ส่วนสุ่ยเจียงเองก็กำลังครุ่นคิด ‘หนี้แค้นของเขายังไม่ได้คิดบัญชีกับตี้อู่เฮ่ออี้เลยด้วยซ้ำ แต่ตี้อู่เฮ่ออี้กลับคิดจะวางยาพิษฆ่าเขา?’
‘แน่นอนจริงๆ!’
“เฮ่ออี้ระวัง!” อวี้ซิงฉงที่กำลังผนึกกำลังกับสุ่ยเยว่เอ๋อรต่อกรกับจักรพรรดิอาวุโสคนหนึ่งอยู่ รับรู้ได้ถึงอันตราย จึงรีบตักเตือนตี้อู่เฮ่ออี้ทันที ทว่าสุ่ยเจียงที่เคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับพายุ พริบตาก็ไปหยุดอยู่เบื้องหน้าของตี้อู่เฮ่ออี้เสียแล้ว
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
สุ่ยเจียงบีบคอตี้อู่เฮ่ออี้แล้วยกตัวเขาขึ้นกลางอากาศอย่างง่ายดาย
ใบหน้าซูบผอมของตี้อู่เฮ่ออี้แดงเถือก เขาเริ่มที่จะหายใจไม่ออก แต่ทว่า แม้ตนเองกำลังถูกบีบคอจนจวนเจียนจะขาดใจตาม แม้ว่าจะเป็นนาทีชีวิตที่ชี้เป็นชี้ตายของตนเอง แต่ตี้อู่เฮ่ออี้ก็ยังคงไม่ยอมแพ้
“ข้าบอกว่า คนชั่วช้าอย่างเจ้าสมควรตาย!”
กล่าวจบ ตี้อู่เฮ่ออี้ก็ป้ายผงอะไรบางอย่างสีเหลืองไปที่ใบหน้าของสุ่ยเจียง
เมื่อครู่ที่เขาเจตนาพูดจายั่วโทสะของอีกฝ่ายก็เพื่อหลอกล่อให้สุ่ยเจียงเข้ามาหา เพื่อหาโอกาสที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับเขาลงมือ
“อ๊าก!”
ผงสีเหลืองนั้นกัดกินใบหน้าของสุ่ยเจียงจนกระทั่งใบหน้าของเขาเน่าเละอย่างรวดเร็ว ทั้งยังมีควันสีเขียวพวยพุ่งออกมา
ตี้อู่เฮ่ออี้ถีบสุ่ยเจียงจนกระเด็น แล้วฉวยโอกาสหนีออกมาจากการเกาะกุมของเขา